วันจันทร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2561

ยอดยุทธไร้เทียมทาน ตอนที่ 753 มู่จือเสีย


ตอนที่  753  มู่จือเสีย
ฤดูหนาวในทวีปเหว่ยเย่กวน  หิมะและพายุทำให้ท้องฟ้าและพื้นทั้งหมดเป็นสีขาวมองสุดหูสุดตายากที่จะจำแนกตำแหน่งได้

ทวีปเหว่ยเย่กวนเป็นที่รู้จักกันดีเป็นดินแดนหนาวเข้ากระดูก  สายลมและหิมะมีพลังมาก  นี่คือดินแดนที่ตั้งอยู่บนพรมแดนของทวีปแดนเถื่อน  และเนื่องจากความหนาวจัด ทวีปเหว่ยเย่กวนมีเพียงฤดูเดียว  คนที่ปกป้องสถานที่นี้เป็นแม่ทัพอันดับแรกของห้าแม่ทัพพยัคฆ์หมิงกวง มู่จือเสีย
มู่จือเสียมักจะอยู่ป้องกันที่ทวีปเหว่ยเย่กวนและยากที่จะทิ้งไป เทียบกับความสำเร็จและผลงานทางทหารกับอีกสี่คน เขาไม่มีผลงานอะไรเขียนไว้  แต่สถานะของเขาในฐานะหนึ่งในห้าเสือแม่ทัพกวงหมิง เขาไม่หวั่นไหว
ร่างของเขาปลดปล่อยรัศมีที่ขาวบริสุทธิ์   ขณะที่เขาเดินเล่นรอบๆ อยู่ใต้หิมะและพายุที่รุนแรง
เขาสวมชุดเกราะธรรมดา ซึ่งมีรอยแผลฟันอยู่หลายรอย เก่าอย่างเห็นได้ชัด  แต่บอกได้ว่าได้รับการดูแลรักษาเป็นอย่างดี  นอกจากมีแสงสีขาวบริสุทธิ์รายล้อมรอบเขาแล้ว  มู่จือเสียไม่มีอะไรแตกต่างไปจากทหารทั่วไป  หน้าของเขามีเกล็ดน้ำแข็งเกาะ หนวดของเขาถูกแช่แข็ง เขามีผมขาวแซม สายตาของเขาดูลึกซึ้ง
องครักษ์ยังคงอยู่รายรอบเขาและมองดูรอบๆ ด้วยความระมัดระวัง
พวกเขาเดินเข้าไปในหุบเขาขนาดใหญ่และเดินลึกเข้าไป ในที่นั้นมีลมพัดแรงขึ้นทุกขณะ
ปัง ปัง ปัง ม่านพลังแสงสร้างขึ้นรอบตัวร่างของทหาร  ลมในหุบเขาก่อตัวเหมือนกับใบมีด  ซึ่งมีรอยเส้นสายตลอดผนังของหุบเขาซึ่งถูกตัดโดยดาบสายลม ในช่วงเวลาที่ผ่านมา
แต่ภายในหุบเขา ไม่มีหิมะตก สายลมรุนแรงเกินไป และหิมะไม่สามารถตกผ่านเข้าไปได้
สายลมพัดรุนแรงขึ้น มีมีดสายลมหนาแน่นขึ้น มันยิงออกมาเหมือนนักสู้ที่ฝึกกฎสายลมผู้ทรงพลัง
ม่านแสงรอบตัวทหารมีประกายเป็นระยะ และการก้าวไปข้างหน้าของพวกเขากลับกลายเป็นช้าลง  แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เจ็บปวดที่สุด  สิ่งที่เจ็บปวดที่สุดมาจากความเย็นยะเยือกที่แฝงอยู่ในสายลม  หุบเขาลมยะเยือกคือสถานที่เป็นต้นกำเนิดของอากาศเย็นทั้งหมด  อากาศเย็นมาจากทวีปเหว่ยเย่กวน ทำให้ทั่วทวีปมีลมหนาวตลอดทั้งปี
ความเยือกเย็นเสียดกระดูกทำให้พลังในร่างกายของพวกเขาลดลงอย่างรวดเร็ว
เป้าหมายของมู่จือเสียก็คือประตูทางออกของลมขั้วโลกซึ่งอยู่ในพื้นที่ลึกที่สุดของหุบเขาลมยะเยือก
 “พวกเจ้ารออยู่ที่นี่”
มู่จือเสียยังคงเดินต่อไปข้างในไม่มีความตั้งใจจะหันหลังกลับ  ทหารข้างหลังได้แต่มองดูเจ้านายของพวกเขาที่เดินอย่างสบายๆ  ตาของพวกเขาเต็มไปด้วยความกังวล
มู่จือเสียเดินลึกเข้าไปอีกสิบนาที  ก่อนจะเข้าไปถึงในตำแหน่งหนึ่งที่ซึ่งพลังสายลมรุนแรงมาก และแม้แต่เขาก็ยังมีสีหน้าจริงจัง  รัศมีรอบตัวเขาสว่างเจิดจ้า  และความเร็วในการเดินขึ้นหน้าค่อยๆ ตกลง ทุกย่างก้าวของเขามั่นคงมาก  ลมดาบที่รุนแรงเย็นจัด  แต่แสงสีขาวยังคงสว่างขึ้นทำให้ความเร็วในการเหนื่อยล้าบนตัวมู่จือเสียเพิ่มขึ้นมาก
เขาเดินไปทีละก้าวเหมือนกับว่ามันไม่มีผลต่อเขา  จนกระทั่งถึงช่องสายลม
ช่องลมยะเยือกขนาดมหึมาปรากฏอยู่ต่อหน้าเขา  มันคือช่องลมยะเยือกที่มีความยาว 60 กิโลเมตร  เหมือนกับว่าเป็นทางเข้านรก  เมื่ออยู่ต่อหน้า มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตเล็กน้อย  ในจุดนี้พลังลมรุนแรงขึ้นถึงขีดสุด  แต่ไม่มีเสียง เพราะในที่นี่ความเร็วของสายลมอยู่เหนือเสียง  พายุและความเย็นไม่สิ้นสุดทะลักออกมาจากช่องลม  ลมความเร็วสูงยิงออกมาเป็นเส้นแสงซึ่งทำให้ภาพของช่องลมดูบิดเบี้ยว มองดูเหมือนกับประตูดวงดาว
มู่จื่อเสียชักดาบกระบี่เหล็กที่เอวเขา ซึ่งมีชั้นแสงหนาแน่นปกคลุม
ลมที่รุนแรงพัดกระหน่ำเป็นเส้นทางแสงสีขาว
 แนวแสงสีขาวยาวถึง 1 กิโลเมตร
มู่จือเสียทำสถิติ  เขาเก็บกระบี่ไว้ข้างหลังและจ้องมองช่องลมยะเยือกที่อยู่ต่อหน้าเขา เขาใช้เวลาที่นี่นับครั้งไม่ถ้วน  แต่ทุกครั้งเขาได้แต่มองช่องลมที่ลึกไร้ที่สุด เขาหายใจและชื่นชมธรรมชาติของมันและพลังยิ่งใหญ่ของมัน
จากนั้นเขาหันหลังกลับ
นับตั้งแต่เขาได้รับมอบหมายให้เฝ้าทวีปเหว่ยเย่กวน และค้นพบความมีอยู่ของช่องลมใหญ่  เขาเองมาเยี่ยมเยือนที่นี่เดือนละครั้ง  เขาจะใช้รังสีกระบี่ทดสอบความเร็วของลม  และความคิดจะเกิดขึ้นกับเขา  เป็นเวลา 20 ปีเต็ม ที่เขาบันทึกความผันผวนของความเร็วในช่องลม
หลังจากสังเกตมานานปี  เขาตระหนักว่าความผันผวนของความเร็วลมจากช่องลมมีรูปแบบเฉพาะตัว
ช่องลมยะเยือกก็คือประตูดวงดาวขนาดใหญ่
และเขาก็คาดเดาได้ว่ามีอะไรอยู่ในอีกด้านหนึ่ง  จากครั้งแรกที่เขาเห็นช่องลม  เขามีความรู้สึกว่าประตูดวงดาวสามารถใช้ได้  แค่เพียงจากความรู้สึกนี้  เขาใช้เวลา 20 ปีต่อเนื่องเพื่อบันทึกข้อสังเกต  การสันนิษฐานของเขาก็ค่อยๆ แคบลง
แม่ทัพทหารผู้โดดเด่นไม่ธรรมดาเลย  แต่สำหรับคนที่ใช้เวลา 20 ปีอย่างมุ่งมั่นนั่นหาได้ยากมาก
นอกจากนี้เป็นเพราะทัศนคติที่ขยันขันแข็งของเขาทำให้เขาได้รับความเชื่อถือจากแม่ทัพและผู้บริหารระดับสูงของกวงหมิงทันที  มีน้อยคนนักที่จะรู้ว่าสถานการณ์ของมู่จือเสียที่ทวีปเหว่ยเย่กวน มีภารกิจที่สำคัญอย่างหนึ่ง
ทวีปแดนเถื่อน!
ทวีปกวงหมิงจับตามองดูทวีปแดนเถื่อนมานานมากแล้ว  เนื่องจากมันแตกต่างจากทวีปอื่นอย่างสิ้นเชิง  พวกเขาต้องการทำความเข้าใจ  แม้ว่าสภาพแวดล้อมความเป็นอยู่ของทวีปแดนเถื่อนจะอันตรายและโหดร้าย  แต่ก็ไม่ใช่ที่แห้งแล้งไม่อุดมสมบูรณ์เหมือนที่คนอื่นกล่าว  ทวีปแดนเถื่อนมีผลิตภัณฑ์เฉพาะแบบอย่างหนึ่งซึ่งสามารถทำให้ทวีปกวงหมิงแข็งแกร่งมากขึ้น  ถ้าพวกเขาสามารถยึดทวีปแดนเถื่อนได้
แต่ทวีปกวงหมิงไม่ได้เคลื่อนไหวบุ่มบ่าม  มีเหตุผลที่ทวีปแดนเถื่อนลึกลับสำหรับคนอื่น นั่นเป็นเพราะไม่เคยมีใครเข้าครอบครองทวีปแดนเถื่อนได้สำเร็จ  ในประวัติศาสตร์วีรบุรุษผู้ทะเยอทะยานนับไม่ถ้วนพยายามปราบปรามทวีปแดนเถื่อนแล้ว  แต่ไม่มีใครเคยทำได้สำเร็จ
แม้ว่าทวีปแดนเถื่อนจะถูกครอบครองโดยเผ่าพันธุ์ต่างๆ ที่สู้รบกันเองทุกวัน  แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับผู้รุกรานจากข้างนอก พวกเขาจะชุมนุมกันและแสดงความยิ่งใหญ่ของพวกเขา
มู่จือเสียเคลื่อนกำลังพลเข้าสู่ทวีปเหว่ยเย่กวนก็เพื่อแก้ไขความสัมพันธ์ระหว่างคนภายนอกและทวีปแดนเถื่อน  ทำธุรกิจการค้ากับพวกเขา  แม้ว่าการค้าของทวีปกวงหมิงจะไม่รุ่งเรืองเท่ากับภูมิภาคใต้ก็ตาม  แต่เทียบกับทวีปหัวโบราณอย่างแดนเถื่อน  พวกเขาค่อนข้างรุ่งเรือง
ในการไล่ล่าใช้แผนยักยอกถาวรของทวีปกวงหมิง  อิทธิพลของเขาที่มีต่อทวีปแดนเถื่อนจะค่อยมากขึ้นต่อเนื่อง  อิทธิพลของมู่จือเสียต่อทวีปแดนเถื่อนลึกซึ้งอย่างต่อเนื่อง  รายงานและข้อมูลหลั่งไหลเข้าสู่โต๊ะของมู่จือเสียอย่างต่อเนื่อง
ทวีปแดนเถื่อนลึกลับถูกมู่จือเสียอ่านทีละหน้าๆ แสดงให้เห็นถึงความสับสนวุ่นวาย ความโหดร้ายและพลังของพวกเขาที่แท้จริง
ยี่สิบปีกับการยืนกรานเป็นพลังที่น่ากลัว
เขาไม่ใช่ผู้นำที่สติปัญญาไวที่สุด  และไม่มีความคิดอัจฉริยะแน่นอน  แต่เขามีความอดทนหนักแน่น กระทำการทีละก้าว
เมื่อกลับไปที่ค่ายของเขา มู่จือเสียได้รับรายงานฉบับหนึ่ง ซางเป่ยแห่งเผ่าวารีดำกำลังรอท่านอยู่!
เขาพยักหน้าและเดินไปที่ห้องโถงใหญ่  ในห้องโถงมีบุรุษร่างใหญ่เปลือยร่างท่อนบนกำลังกินอย่างมูมมาม
 “นี่เจ้าอดอยากมากี่วันแน่?”  มู่จือเสียหัวเราะ เขาไม่มีความหยิ่งแต่อย่างใด และเดินไปนั่งที่โต๊ะอีกฝั่งหนึ่งตามปกติ คว้ามีดบนโต๊ะและหั่นขาแพะเริ่มกินบ้าง
เผ่าวารีดำเป็นเผ่าเล็กๆ ที่อยู่ติดกับพวกเขา และเป็นเผ่าเก่าแก่ที่สุดที่เริ่มติดต่อการค้ากับทวีปเหว่ยเย่กวนง่ายที่สุด  และทั้งสองคนคุ้นเคยกัน  อิทธิพลของทวีปกวงหมิงกำลังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง  และเริ่มขยายเข้าไปในเผ่าใหญ่  แต่มู่จือเสียยังคงรักษาซางเป่ยไว้เหมือนเดิม  และไม่ได้คุกคามทำร้ายเขาเพียงเพราะเผ่าวารีดำอ่อนแอ
 “ตั้งสิบสองวันแล้ว”  ซางเป่ยพูดทั้งที่อาหารยังอยู่ในปาก  “ข้าเกือบกลับมาไม่ได้”
มู่จือเสียกินเนื้อแพะอย่างระมัดระวัง  และหลังจากนั้นชั่วครู่  เขาถาม “ว่าไง?  หรือว่าการเดินทางของเจ้าไม่ราบรื่น?”
หลังจากกินอาหารเสร็จ  ซางเป่ยดื่มเหล้าต่อก่อนที่จะเงยหน้าอย่างอิ่มเอม  เขาถอนหายใจกล่าว  “เรากำลังอยู่ในช่วงสู้รบกันอยู่”
มู่จื่อเสียยิ้ม  “สู้รบ?  บอกข้าหน่อย มีที่ไหนที่ไม่สู้รบ?  นอกจากนี้ทวีปแดนเถื่อน ก็สู้รบเป็นปกติไม่ใช่หรือ?”
คำพูดของมู่จือเสียไม่ได้พูดเกินจริง  ทวีปแดนเถื่อนเป็นสถานที่วุ่นวายที่สุด  และมีการสู้รบระหว่างเผ่าอยู่เสมอ  เป็นเรื่องปกติมาก  นั่นคือเหตุผลที่เส้นทางการค้าในทวีปแดนเถื่อนถูกทำลายหมด ขบวนสินค้าในเส้นทางถูกจี้ชิงปล้นกันหมด  และสินค้าทั้งหมดหายไป
แต่ผลกำไรที่สูงจะมาพร้อมกับความเสี่ยง  คาราวานขบวนหนึ่งของทวีปกวงหมิงสามารถให้เสบียงกับเผ่าวารีดำได้ถึงหนึ่งเดือน
ซางเป่ยอยู่ในอาการมึนงง  และหลังจากนั้นชั่วขณะ  เขามีสีหน้าแปลกประหลาด
มู่จือเสียรู้สึกได้ทันที  “ว่าไง?”
 “เผ่าวารีตะวันตกถูกทำลาย  ข้าเห็นมากับตาตนเอง”  ซางเป่ยยังมึนงงอยู่  คำพูดของเขาเบามาก
 “เผ่าวารีตะวันตก!  มู่จือเสียหยุดกิจกรรมทุกอย่างที่ทำอยู่  หน้าของเคร่งขรึม เผ่าวารีตะวันตกและเผ่าวารีดำทั้งสองเผ่ามีคำว่าวารีอยู่ในชื่อของพวกเขา  แต่พลังของพวกเขาแตกต่างกันถึงสองระดับ  เผ่าวารีตะวันตกเป็นหนึ่งในเผ่าใหญ่ในทวีปแดนเถื่อน  พวกเขาแข็งแกร่งทรงพลังมาก  และชี่ถูหัวหน้าเผ่าของพวกเขาเป็นคนทะเยอทะยาน
 เผ่าวารีตะวันตกเป็นเผ่าที่มีศักยภาพที่จะตั้งราชอาณาจักรได้  แต่กลับถูกทำลายได้อย่างนั้นหรือ?
ชางเป่ยไม่เป็นตัวของตัวเอง  เขาพูดเหมือนกับว่าเขากำลังเล่าฝันร้าย  “เป็นอาณาจักรภูผาเหล็กและอาณาจักรน้ำแข็งหิมะเหนือ  พวกเขาก่อตั้งพันธมิตรเพื่อทำลายเผ่าวารีตะวันตก”
สีหน้าของมู่จือเสียยิ่งแปลกประหลาดมาก  เขารู้มาว่ากษัตริย์ทั้งสองอาณาจักร เป็นอาณาจักรที่แข็งแกร่งที่สุดในส่วนเหนือของทวีปแดนเถื่อน  มู่จือเสียรู้จักพลังของทุกคนเหมือนลายเส้นบนฝ่ามือ และรู้ว่าพวกเขาเป็นศัตรูถาวรทั้งเกลียดโกรธแค้นมาหลายปีแล้ว แล้วพวกเขาจัดตั้งความเป็นพันธมิตรได้ยังไง?
ปฏิกิริยาแรกของเขาคือนั่นเป็นความคิดที่ไร้สาระ  แต่เขารู้ว่าซางเป่ยเป็นคนจริงจังและจะไม่พูดโดยไม่คิด
 “พวกเขาก่อตั้งเป็นพันธมิตรได้ยังไง?”  น้ำเสียงของมู่จือเสียกลายเป็นจริงจัง
ซางเป่ยเรียกความรู้สึกกลับมาได้ในที่สุด  การสู้รบสร้างความสั่นสะเทือนให้เขาอย่างมาก  เผ่าวารีตะวันตกเหมือนกระแสเลือดประทับอยู่ในใจเขาอย่างลึกซึ้ง
เขาส่ายศีรษะ  “ข้าไม่รู้  แต่ข้าได้ยินข่าวลือว่า พวกเขาพูดว่ามีสตรีนางหนึ่งเหมือนกับเทพสตรี เถี่ยจี๋กับอาซือหมิงปฏิญาณตัวเป็นบริวารนาง  นางได้กองทัพใหญ่ตอนใต้ พวกเขาไร้เทียมทานไม่มีใครหยุดได้  พวกเขาบอกว่านางเหมือนเทพธิดาสงคราม  ทุกๆ ศึกที่นางร่วมด้วยนางจะชนะ และนางยังคงเดินหน้าต่อไป  อาณาจักรป่าทองไม่ยินดีเข้าร่วมกับพวกเขา  ดังนั้นจึงโค่นเอาชนะพวกเขา   ศักดิ์ศรีของพวกเขาจึงพินาศ  และพวกเขากลัวว่าพวกเขาจะขยับไปทางตะวันตก  เมื่อข้ากลับมานี้  ข้าได้ยินว่าอาณาจักรป่าทองไม่มีอีกต่อไปแล้ว  บริวารของเขาแปรพักตร์และนำหัวราชันย์ไปให้เทพธิดาศึก  ผู้คนในอาณาจักรป่าทองถูกนางกลืนหมด”
 “พวกเขาเคลื่อนขบวนลงใต้ และไม่มีใครสามารถหยุดพวกเขาได้”  ซางเป่ยเลียริมฝีปาก  น้ำเสียงเขาตื่นเต้น  “นางคือเทพธิดาสงคราม  เทพธิดาที่แท้จริง  ไม่ว่านางไปที่ใด ไม่มีใครหยุดนางได้  ผู้คนกล่าวว่า..”
เขากลืนน้ำลายและมองดูมู่จือเสีย  มีแววคาดหวังปนกับความกลัวอยู่ในตาของเขา แสงที่ความมืดไม่สามารถหยุดได้
 “ทวีปแดนเถื่อนจะถูกรวบรวม จะมีราชาจากภายในที่แท้จริงจากพวกเรา”
เป๊าะ มีดในมือของมู่จือเสียถูกหัก

12 ความคิดเห็น:

WingF กล่าวว่า...

ขนาดกล่าวถึงยังไม่เอ่ยชื่อค่าตัวแพงจริงๆ

dvdkeeper กล่าวว่า...

เมียหนุ่มชาวฟ้ารึเปล่า

ก็มาดิคร๊าฟ กล่าวว่า...

เซียนฮุยกำลังมาแล้ววววว ^^

Motto-mk กล่าวว่า...

ขอบคุณมากค่ะ

แอบอ่าน กล่าวว่า...

รวมเสร็จพี่ถังก็รวมแดนบาปเสร็จพอดีมาเจอกัน

ท้องฟ้าจะมีความหมาย ถ้ามีคนแหงนมอง กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

MAXNY กล่าวว่า...

เหมือนคาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิดนางเอก โผล่มาก็มีกองทัพเลย ของพระเอกละไม่มีแถมยังเจือกลูกน้องโดนรับไปเป็นทาสอีก มีดวงดีอย่างเดียวคือมันโดนซื้อตัวไปทำพันธ์ในตระกูลเสวี่ย(แต่ไม่รู้มันรู้ป่าว)

Unknown กล่าวว่า...

ฉากนึงน่าจะบาทอยู่เหมือนกันครับ ฮ่า ๆ

Boybravo กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Neoplasm24 กล่าวว่า...

น่าจะเป็นหัวหน้าใหญ่ มาคุมพี่ถังอีกที ฮ่าๆ

Neoplasm24 กล่าวว่า...

ไม่ร่ารู้ มันโง่

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

แสดงความคิดเห็น