ตอนที่ 755
พยุหะหยินหยาง
พยุหะหยินหยางประกอบด้วยหยินเป็นลายเส้นพยุหะ
และหยางเป็นจุดของพยุหะ
พยุหะหยินหยางที่รู้แจ้งโดยเนี่ยชิวเป็นกฎธรรมชาติพิเศษเฉพาะที่แม้แต่วิคเตอร์บุรุษผู้ร่ำรวยความรู้ยังไม่เคยเห็นมาก่อน มันไม่กินพลังกายเลยแม้แต่น้อย และนี่เองทำให้คนอื่นพบว่ามันน่าสนใจ
กระบวนการที่สมาชิกหน่วยสุญญตาได้รู้แจ้งสายใยกฎธรรมชาติสองสามสายทำให้วิคเตอร์และคนที่เหลือตกตะลึง
ได้รับการรู้แจ้งสายใยกฎธรรมชาติไม่ใชเรื่องที่ยากเกินไป แต่เป็นครั้งแรกของพวกเขาที่ได้เห็นกลุ่มคนทั้งหมดได้รับรู้อย่างสบายๆ
แทบไม่ต้องใช้ความพยายามอะไร
แต่หลังจากนั้นพวกเขาก็ไม่ประหลาดใจต่อไป ‘พวกเขาเป็นคนแบบไหนกันแน่? พวกเขาเป็นกลุ่มมนุษย์ที่มีลักษณะของสัตว์ป่า!’
พลังทางร่างกายของสมาชิกหน่วยสุญญตาเหลือเฟือเหมือนกับสัตว์ป่า
และนอกจากพวกเขาแล้ว ก็มีแต่เบนสันที่สามารถเทียบได้กับสมาชิกหน่วยสุญญตา
เบนสันมีรูปร่างใหญ่ล่ำและมีผิวคล้ำมีชื่อเสียงอยู่ในเมืองจื่อจวนเสมอ แต่ในหมู่ฝูงชน
เขาไม่ได้เป็นที่สะดุดตาเลย
เบนสันไม่ทราบว่าอาโมรี่เติบมาอย่างไรถึงได้มีหุ่นราวกับสัตว์ป่า
สมาชิกทั่วไปของหน่วยสุญญตาทุกคนมีร่างกายที่ฝึกมาเป็นอย่างดี
ซึ่งไม่ด้อยกว่าเขาเลย
ร่างของทุกคนดูเหมือนหล่อขึ้นจากโลหะ และสะสมพลังไว้เต็มที่
มีกลุ่มคนที่มีร่างกายเทียบได้กับเบนสัน จะมีพลังแบบไหนกันแน่
วิคเตอร์และคนที่เหลือฉลองกันในใจที่พวกเขาไม่ได้คิดผิด เมื่อเห็นเบนสันแพ้ครั้งแล้วครั้งเล่า พวกเขาทุกคนเต็มไปด้วยความเห็นใจ ทุกๆ คนคล้ายๆ เบนสัน
แต่พวกเขาอายุเท่าใดแล้ว?
เมื่อเห็นใบหน้าที่เยาว์วัยของทุกคนซึ่งยังดูอ่อนเยาว์อยู่ พวกเขาทุกคนพูดไม่ออก เยาว์วัย
ก็หมายความว่าพวกเขามีศักยภาพไม่มีที่สุด
มาตรฐานของพวกเขาทุกคนแข็งแกร่ง
อนาคตย่อมไร้ขีดจำกัด
กลุ่มของเด็กหนุ่มผู้มีพื้นฐานที่แข็งแกร่ง
ถ้ามีเวลาพอก็คงจะไม่มีอะไรผิดพลาด
หลังจากมองดูอยู่สองสามวันแล้ว ความหยิ่งถือตัวสุดท้ายในใจพวกเขาหายไปหมด
เทียบกับอาโมรี่และหานปิงหนิง พวกเขายังอ่อนกว่าในแง่ความแข็งแกร่ง และยิ่งอ่อนกว่ากู้เสวี่ยห่างไกล ประสบการณ์ในกลยุทธของพวกเขาแทบไม่มีเลย ดังนั้นพวกเขาจะเข้ากับกลุ่มไหนดี
ความเครียดนั้นทำให้พวกเขาฝึกฝนอย่าหนัก พวกเขาเป็นผู้แปลกต่อกระบวนศึกและกลยุทธ แต่พวกเขาทุกคนมีความโดดเด่น และเข้าใจได้อย่างรวดเร็ว
ความผันผวนของแนวหยินทำให้กระบวนทั้งหมดดูเหมือนว่าพวกเขามีชีวิตชีวา
“ระวังตำแหน่งของพวกเจ้าไว้! ระวังด้านซ้ายและขวา ระยะไม่ควรเกินกว่าห้าก้าว
ระวังอยู่ผิดตำแหน่งด้วย!”
“ทหารทางด้านซ้าย ควบคุมจังหวะก้าวด้วย!”
“ทหารทางด้านขวา ระวัง โค้ง
โค้งอีกเล็กน้อย อย่าเคลื่อนแบบทื่อเกินไป!”
“ดีมาก!”
อาโมรี่คำรามที่รูปกระบวนบ่อยๆ
เขาจ้องมองพวกเขาด้วยความกระตือรือร้น บุกเข้าไปในพื้นที่ส่วนตัวของพวกเขาทุกๆ
นิ้ว
เทียบกับพวกเขาแล้ว
ด้านหานปิงหนิงจะเงียบมากกว่า
ในหน่วยใดๆ
ก็ตามอารมณ์ของผู้นำจะมีอิทธิพลต่อทั้งหน่วย
ท่าทางเยือกเย็นดุจน้ำแข็งทำให้หน่วยของนางมีอารมณ์คล้ายๆ กัน
พวกเขาเงียบและสงวนท่าทีเป็นปกติและจะมีการปรับตัวให้เข้ากันโดยธรรมชาติ
ทุกครั้งเมื่อรูปกระบวนเปลี่ยน เมื่อมาถึงวิคเตอร์และคนที่เหลือ
จะมีจังหวะที่ช้าไปเล็กน้อย
เนี่ยชิวไม่ได้รู้สึกพอใจหรือเศร้า
นั่นเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสามัคคีกันและเข้าใจกันและกัน แต่อย่างน้อยสถานการณ์ดีกว่าตอนเริ่มแล้ว ตอนแรกเริ่มพวกเขาสองสามคนเหมือนกับยุงที่สับสนชนกับคนอื่นๆ
ภายในกระบวนศึก ทำให้กระบวนทั้งหมดสับสน
แต่เนี่ยชิวไม่เคยยอมแพ้
พยุหะหยินหยางของเขาสามารถทำงานได้ดีกับอาโมรี่และหานปิงหนิง
หานปิงหนิงและอาโมรี่เป็นคนสำคัญที่สุดที่เกี่ยวข้องกับรูปกระบวน
โดยประจำอยู่ที่ตำแหน่งหยางทั้งสองคน
ตำแหน่งหยางเป็นตำแหน่งสำคัญของรูปกระบวน
แต่ตำแหน่งหยางทั้งสองคนยังคงอ่อนต่อรูปกระบวน เขาจำเป็นต้องเพิ่มตำแหน่งหยางอีกซึ่งก็คือกู้เสวี่ยและยอดฝีมือที่เหลือเพื่อให้ตำแหน่งหยางแข็งแกร่งขึ้น
กู้เสวี่ยแข็งแกร่งที่สุด
และความสามารถของนางถือได้ว่าเฉพาะตัวไม่เหมือนใคร
ดังนั้นตำแหน่งของนางถือว่าเทียบเท่าหานปิงหนิงและอาโมรี่ ส่วนสวี่อันจง วิคเตอร์ โรแลนด์ซูและเบนสันยังมีระดับต่ำกว่า
แต่ด้วยการเพิ่มตำแหน่งหยางทั้งสี่ขึ้นไปอีก สามารถทำให้กระบวนศึกแข็งแกร่งขึ้นและเป็นตัวแปรมากขึ้น
ผิงเสี่ยวซานผู้ก้าวหน้ามากที่สุดดูธรรมดาที่สุดในตำแหน่งหยาง
ยิ่งตำแหน่งหยางมีมาก
รูปกระบวนก็จะแข็งแกร่งมาก แต่ขณะเดียวกัน
กระบวนศึกจะซับซ้อนมากขึ้น
และการฝึกฝนจะเพิ่มความยากมากขึ้น
กลุ่มของสมาชิกหน่วยสุญญตาจะไปตามเส้นหยินของพยุหะ โดยการสลับ ผสมผสาน เดินหน้า
เปลี่ยนตำแหน่ง
รัศมีของรูปกระบวนยังคงเปลี่ยนไป
ลมหายใจของพวกเขาปรับเปลี่ยนอย่างต่อเนื่อง
อาโมรี่พลอยสงวนท่าทีไปด้วย เขาไม่ตะโกนอีกต่อไป และปรับลมหายใขของเขาให้เหมาะสม ถ้าพวกเขาทำได้สอดคล้องกัน พวกเขาจะสามารถผสานลมหายใจเข้ากันได้ทันที แต่ในปัจจุบันนี้
เห็นได้ชัดว่าพวกเขายังทำได้ไม่สำเร็จ
ดังนั้นจึงจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนกันอย่างต่อเนื่อง
พวกเขายังคงเปลี่ยนรูปกระบวน ความถี่ในการหายใจของพวกเขากลายเป็นหนึ่ง
พยุหะเป็นเหมือนสัตว์ประหลาดและมันเพิ่งจะตื่นและยืดตัวออก
ฉีเซี่ยงตงซ่อนตัวในเงามืดที่มุมและมองดูพวกเขาฝึกฝน ใจเขาอดสั่นสะท้านด้วยความชื่นชมไม่ได้
‘นี่คือสิ่งที่เรียกว่าทหาร?’
ข่าวลือนักโทษสุญญตาแพร่กระจายไปทั่วแดนบาปนานแล้ว
ซึ่งก็คือกลุ่มคนที่มีอารมณ์เหมือนกันทั้งหมดนี้ หลายคนเดาว่าพวกเขาอยู่ในกองทัพหนึ่ง แม้ว่ากองทัพทหารจะไม่ได้ปรากฏอยู่ในแดนบาปมานานแล้ว
แต่ความรู้ก็ยังมีการตกทอดกันอยู่
การคาดเดา
สุดท้ายก็ยังเป็นความคาดเดา ความรู้สุดท้ายแล้วก็ยังเป็นความรู้ แต่ในที่สุด
ไม่มีใครเคยเห็นว่ากองทัพเป็นเช่นไร
และไม่มีใครรู้ว่ากองทัพที่แท้จริงนั้นเหมือนอะไร
เมื่อเวลาที่บุรุษหน้ากากผีกำลังโจมตีเมืองบูรพาอมตะ
ฉีเซี่ยงตงก็บุกมาที่เมืองจื่อจวนโดยไม่ลังเล
พลังที่น่ากลัวจากเมืองบูรพาอมตะทำให้ใจและความคิดของเขาหวั่นไหว สั่นสะท้านเขาอย่างสิ้นเชิง ‘นั่นคือระดับพลังที่สูงสุดอย่างแท้จริง! แม้กับแค่แขนมัจจุราชและเคียวมัจจุราช แค่นั้นก็เกินพอแล้ว!”
ความผันผวนนั้นพลังที่เกิดขึ้นนั้นสร้างความหวาดกลัวให้เขา และเขาเชื่อว่าถ้าเขาอยู่ข้างใน คงยากที่เขาจะหลบหนีได้
เขาไม่มีทางคาดว่าบุรุษหน้ากากผีจะสามารถรอดชีวิตจากวิชาที่น่ากลัวนั้นได้ นับประสาอะไรจะโต้ตอบ นั่นคือพลังระดับสูงกว่า แม้ว่าจะยังไม่สมบูรณ์ แต่ก็เพียงพอกำจัดบุรุษหน้ากากผี
ถ้าบุรุษหน้ากากผีตาย
อย่างนั้นเมืองจื่อจวนก็ป้องกันเขาไม่ได้เป็นธรรมดา
เขาเดินทางทั้งวันทั้งคืนโดยไม่พักใช้เวลาทุกวินาทีที่เขามี ใครก็ตามที่ลงมือเคลื่อนไหวก่อน
ต่อให้เป็นเสี้ยววินาทีก็ตามก็สามารถเปลี่ยนเรื่องราวทั้งหมด
เมื่อเขามาถึงเมืองจื่อจวน เขาตระหนักได้โดยเร็วว่าพวกเขามีการป้องกันอย่างแข็งขัน
แต่เขาไม่สนใจ
พลังป้องกันเพียงแค่นั้นสร้างปัญหาให้เขาได้เล็กน้อยมาก เขาลอบเข้าเมืองจื่อจวน
และรีบค้นหาคนสำคัญของเมืองจื่อจวนผู้กำลังฝึกฝนอยู่สนามฝึกทุกคน
ฉีเซี่ยงตงเป็นคนช่างระมัดระวัง เขาไม่ลงมือทันที และเพียงแอบมองอยู่ในเงามืด
เขาจำวิคเตอร์และคนอื่นๆ
อีกสองสามคนได้
แต่เขาไม่รู้จักคนที่เหลือ
แต่อารมณ์พวกเขาก็คล้ายๆ กับนักโทษ
เมื่อเขาเห็นนักโทษหน่วยสุญญตาหลายคน ทำให้หัวใจเขาเต้นแรง
นักโทษหน่วยสุญญตามีวินัยที่โดดเด่น
จุดนี้ไม่ได้ปรากฏออกมาเมื่อพวกเขาเป็นนักโทษที่เพียงแต่แสดงความป่าเถื่อนและหยิ่งยโสของเขา แต่ในสนามฝึกฝน พวกเขาฝึกฝนหนัก
และทำตามคำสั่งทุกคำ
บริวารเช่นนั้นคือฝันของประมุขตระกูลทุกคน!
ฉีเซี่ยงตงผู้ซ่อนตัวอยู่ในเงามืดตั้งใจจะมาชิงนักโทษ ด้วยจำนวนที่มากขนาดนั้น เขาเชื่อว่าเขาสามารถกวาดไปทั่วแดนบาปได้
สายตาของเขามองดูที่เนี่ยชิวผู้อยู่ในกลางกองทัพ คนตาบอดคอยออกคำสั่ง
ฉีเซี่ยงตงสัมผัสได้ว่ากฎธรรมชาติที่ตัวคนตาบอดมีลักษณะเฉพาะ แต่ไม่มีอะไรต้องคิดมาก ในแดนบาป มีกฎธรรมชาติเฉพาะแบบหลายแบบ
นั่นไม่ใช่เรื่องแปลกแม้แต่น้อย
‘เขาคือคนตาบอดและอ่อนแอ พลังของเขายังไม่พอ’
เขาไตร่ตรองอยู่สักครู่
และตระหนักว่าบางที คนตาบอดจะเป็นผู้นำที่แท้จริงของหน่วยสุญญตา ‘ถ้าได้รับคนตาบอดไปด้วย บางทีข้าอาจทำให้นักโทษหน่วยสุญญตนี้เชื่อฟังมากขึ้นก็ได้
ความคิดนี้ทำให้เขาตื่นเต้นและรู้สึกว่าตัวเลือกของเขาที่มาที่เมืองจื่อจวนนั้นเป็นเรื่องถูกต้อง
การไม่เชื่อฟังของนักโทษหน่วยสุญญตาเป็นปัญหาใหญ่ที่สุดสำหรับตระกูลต่างๆ และจนบัดนี้ ไม่มีข่าวเลยว่าตระกูลใดๆ
สามารถฝึกพวกเขาให้เชื่องได้ ‘ดูเหมือนเคล็ดลับของปัญหานี้อยู่ที่คนตาบอด’
ฉีเซี่ยงตงเดินและมองดูความเปลี่ยนแปลงที่ซับซ้อนวุ่นวายในสนามฝึก เขาไม่เข้าใจว่าพวกเขากำลังทำอะไร เขาไม่ใส่ใจเช่นกัน เขากำลังคิดว่าจะเข้าไปคร่ากุมคนตาบอดได้ยังไง
‘หรือว่าข้าควรจะข่มพวกเขาด้วยพลังของข้า?’
‘เมื่อคิดดูแล้ว
พลังของพวกเขาก็แค่งั้นๆ
ข้าสามารถตราตรึงอยู่ในใจพวกเขาได้
และยังต้องกลัวด้วยหรือ...’
ทันใดนั้น
ดูเหมือนเขารู้สึกอะไรบางอย่างได้
‘เอ๊ะ?’
‘เสียงนี้...
เสียงหายใจหรือเปล่า?’
เขาเงยหน้ามองที่สนามฝึกทันที นัยน์ตาของเขาหรี่แคบทันที
ร่างของทุกคนเคลื่อนไหวโดยไม่มีการหยุด คล้ายเงินที่หลอมละลายไหลไปทั่ว แต่สิ่งที่ทำให้เขาสั่นสะท้านจริงๆ
ก็คือการหายใจเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
ทั้งหมดหายใจพร้อมกัน
ฮื่อ..ฮ่า..ฮื่อ...ฮ่า..
คนสองสามร้อยคนหายใจพร้อมกัน
เริ่มคล้ายกับลมหายใจมังกร
พวกเขาสามารถได้ยินไปทั่วสนามฝึก
หัวใจของฉีเซี่ยงตงเต้นแรง
เหมือนกับว่าเขาสามารถรู้สึกได้ถึงรูปขบวนที่ทรงพลัง
ทันใดนั้น
สายตาเขามองผ่านชั้นมนุษย์ และเห็นบุรุษตาบอดที่นั่งอยู่ใจกลางสนาม
คนตาบอดดูเหมือนจะรู้สึกได้ถึงสายตาเขาและยิ้มให้เขาทันที
ฉีเซี่ยงตงใจตึงเครียดทันที
ในขณะนั้น
ชายหนุ่มตาบอดที่นั่งขัดสมาธิอยู่พื้นโบกมือไปข้างหน้าทันที
สมาชิกหน่วยสุญญตากระโจนขึ้นเหมือนสปริงที่กดอัดจนสุดล้าและกระเด้งออกไปทันที
ภาพร่างความเร็วสูงหลายคนกระโจนออกไปเหมือนคลื่น พวกเขายกดาบยักษ์ที่มีรังสีสีสันต่างๆ
ครอบคลุม
กล้ามเนื้อของทุกคนตึงเครียดระดับสูงสุด
พุ่งไปข้างหน้าแล้วฟัน!
เมื่อมองจากมุมสูง
ดูเหมือนกับรังสีดาบรุ้งพุ่งเข้ามาเหมือนกับงูที่ซ้อนทับกับงูตัวอื่น
ดาบมีแสงคลุม รังสีของหานปิงหนิงและอาโมรี่เปล่งถึงระดับสูงสุด พวกเขาปล่อยพลังโจมตีของพวกเขาพร้อมกัน และรังสีทั้งสองหมุนกวาดขึ้นมาข้างหน้าถึง 100
เมตร
รังสีดาบที่น่ากลัวทำให้อากาศสั่นสะเทือน
ภาพสีทุกอย่างหมองลง
ฉีเซี่ยงตงถึงกับสีหน้าเปลี่ยน
9 ความคิดเห็น:
ขอบคุณครับ ตายโดยอ้าปากค้าง
เราจะต้องบอกลาก่อนตัวประกอบตัวนี้เลยใหม ฉีเซี่ยงตง
ขอบคุณครับ
สู้อาแป้ะแขนเคียวก็ไม่ได้มาตั้งหลายตอน
เก๊กอยู่ตั้งนาน นึกว่าจะเก่งมากโดยลูกน้องพระเอกฆ่าสะงั้น
ขอบคุณมากครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
แสดงความคิดเห็น