เล่มที่
11 สุสานเทพเจ้า – ตอนที่ 36 หนึ่งต่อล้าน
“ควั่บ!”
ลินลี่ย์เหมือนแสงสายหนึ่งวาบผ่านไปตามอุโมงค์ ความเร็วของเขาสูงจนถึงขีดจำกัด
แต่ในแง่ของความเร็ว
ปีศาจดาบอเวจีเทียบกับเดลี่และบีบีจะมีระดับที่สูงกว่าลินลี่ย์ และพวกมันเริ่มใกล้เข้ามา
ตาของเขาแดงราวโลหิต เหมือนกับมีไฟแผดเผาตัว ลินลี่ย์เริ่มร่ายเวท
“ควั่บ!” ทิศทางการบินของลินลี่ย์เปลี่ยนไปกะทันหัน
ความจริงเขาเลี้ยวและบินเข้าไปในอีกอุโมงค์หนึ่งตรงลงไปข้างหน้า มีปีศาจดาบอเวจีค่อนข้างน้อยที่ไล่ตามหลังเขาจากด้านล่างเช่นกัน ขณะที่ลินลี่ย์เคลื่อนที่ลงไป ในชั่วพริบตาเดียว
ปีศาจดาบอเวจีข้างล่างก็เคลื่อนสวนขึ้นมาหาลินลี่ย์
“โรววววว!” ปีศาจดาบอเวจีข้างล่างเริ่มคำรามลั่นทันที
ฝูงปีศาจดาบอเวจีที่ยังติดตามลินลี่ย์อยู่แต่แรกเลี้ยวและพุ่งลงไปทันที
แต่ลินลี่ย์ยังคงเข้าใกล้ปีศาจดาบอเวจีเป็นร้อยตนที่อยู่ด้านล่าง
ปีศาจดาบอเวจีเป็นร้อยเหล่านั้นเตรียมใช้คลื่นพลังงานดาบไวราวสายฟ้า ขณะที่ดวงตาของลินลี่ย์เป็นประกายเยือกเย็น
แก่นธาตุลมนับไม่ถ้วนผสานเข้ากับตัวเขา
“ตาย”
“ฉัวะ” ทันใดนั้นคมมีดมิติขนาดสี่หรือห้าเมตรสีฟ้าปรากฏขึ้นข้างหน้าลินลี่ย์อย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยพุ่งตามทางเข้าหาปีศาจดาบอเวจีที่กำลังพุ่งเข้าโจมตีเขา
เมื่อเห็นคมมีดมิติ
เหล่าปีศาจดาบอเวจีทั้งหมดพยายามหลบหลีกอย่างหวาดผวา
โชคไม่ดี
ที่คมมีดมิติรวดเร็วเกินไป
“ฉัวะ!” ร่างโลหะของพวกเขาถูกตัดเป็นชิ้น ภายใต้การควบคุมด้วยพลังจิตของลินลี่ย์ คมมีดมิติเคลื่อนเป็นแนวโค้งและฟันปีศาจดาบอเวจีจนขาดอีกหลายสิบตน ขณะที่ปีศาจตนอื่นหลบหนีอย่างหวาดกัว
“วูบบบ”
ลินลี่ย์ฉวยโอกาสบุกลงไปและพุ่งผ่านไปตามระเบียงทางที่คมมีดมิติเพิ่งตัดผ่านไป
คมมีดมิติมีผลต่อปีศาจดาบอเวจีจำนวนน้อย ทันทีที่ปีศาจดาบอเวจีรวมตัวเป็นพัน
คมมีดมิติจะฆ่าพวกมันได้สักเท่าไหร่?
นี่คือเหตุผลที่ลินลี่ย์เลือกที่จะบินลงไปทันที
การเปลี่ยนตำแหน่งบินของเขาโดยทันทีทำให้เขาทิ้งห่างปีศาจดาบอเวจีไว้ด้านหลังเขา
“ข้าแค่หนีมาได้ชั่วขณะ แต่ไม่สามารถหนีได้ตลอดไป”
ลินลี่ย์พยายามคิดขณะที่หนีลงไปตามทางเพื่อหาทางเอาตัวรอด “คงจะดีมากเพียงไหน
ถ้าข้าสามารถร่ายเวทคมมีดมิติในใจได้
ไม่ว่าปีศาจดาบอเวจีจะมีสักกี่ตัว ข้าก็สามารถฆ่าพวกมันได้หมด” ทันใดนั้นลินลี่ย์มีความคิดที่ประหลาดป่าเถื่อน
ร่ายเวทคมมีดมิติในใจหรือ
ไม่มีอะไรมากไปกว่าเพ้อฝัน ลินลี่ย์รู้ว่าทำไม่ได้จริง
“หืม?”
ขณะที่ลินลี่ย์กำลังหนีลงไป จู่ๆ ก็มีความคิด ‘คมมีดมิติ?’
ความจริง
ลินลี่ย์ไม่ทราบข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับคาถาต้องห้าม ‘คมมีดมิติ’ นี้
เขาเพียงแต่รู้วิธีใช้พลังเวทรวบรวมแก่นธาตุ และจากนั้นสร้างเป็นคมมีดมิติ
แต่ทันใดนั้นลินลี่ย์นึกย้อนไปถึงฉากที่คมมีดมิติปรากฏออกมา
คมมีดมิตินี้หากจะพูดให้ถูกก็คือเวท
‘ดาบสายลม’ ที่มีขีดจำกัดไว้มากที่สุด
เมื่อใช้พลังจิตเล็กน้อยของเขาเพื่อควบคุมตำแหน่งของเวทคมมีดมิติให้เคลื่อนที่ไป เขาสังเกตว่าภายในคมมีดมิติ มีลมกระโชกนับไม่ถ้วนเคลื่อนไหวอยู่
จะเร็วหรือช้ากันแน่ อยู่ในจังหวะที่แปลกและสร้างเป็นพลังตัดมิติที่น่ากลัวเช่นนี้
“เร็ว...หรือช้า?”
ลินลี่ย์ไม่ได้ไตร่ตรองเรื่องนี้มาก่อน แต่ตอนนี้
เขาค้นพบข้อสงสัยบางอย่างได้ทันที
“คมมีดมิติน่าจะยิ่งเร็วก็ยิ่งดี
ทำไมดูเหมือนรวมเอาลมกระโชกช้าของอากาศไว้ในภายในด้วย?”
“ไม่ถูกต้อง”
ลินลี่ย์คิดหนัก
ลมกระโชกนับไม่ถ้วนที่อยู่ภายในคมมีดมิติ
ความจริงไม่ได้ช้าเลย เพียงแต่,
เพียงพวกมันประยุกต์เข้ากับด้าน ‘ช้า’ ดูเหมือนช้า
แต่ความจริงเร็ว
การจำแนกดาบสายลมจะแตกต่างกันด้านต่างๆ แล้วสร้างเป็นคมมีดมิติ มีเหตุผลอะไรซ่อนอยู่หลังเรื่องนี้?
“ด้านเร็ว?
ด้านช้า? คมมีดมิติ...”
ใจของลินลี่ย์อดนึกย้อนไปถึงตอนที่เขาใช้งาน
‘จังหวะแห่งสายลม’ ไม่ได้ นี่คือวิชาที่กระบี่เลือดม่วงใช้ความด้าน ‘เร็ว’ และด้าน ‘ช้า’ ของสายลมพร้อมกัน
สองด้านที่ตรงกันข้ามเมื่อผสานเข้าด้วยกัน
ทำให้มิติสั่นไหวเป็นผลให้กระบี่เลือดม่วงสามารถสร้างขอบมิติได้
ลินลี่ย์นึกย้อนกลับไปถึงตอนที่เขาใช้
‘หมื่นกระบี่พลันบรรจบ’ อีกครั้ง
เมื่อเขาพัฒนาเคล็ดวิชาด้านนี้ ลินลี่ย์ยังงงอยู่ เหตุผลก็คือเมื่อด้าน ‘เร็ว’ ของกระบี่ทั้งสิบล้านรวมกันเป็นหนึ่ง มันจะสร้างผลให้เกิดการ ‘แช่แข็งมิติพื้นที่’? ทำไม ด้านลักษณะ ‘เร็ว’ และ ‘ช้า’ ถึงเปลี่ยนกันภายในได้อย่างเป็นธรรมชาติ? ขณะนั้นลินลี่ย์ไม่เข้าใจเหตุผลที่แฝงอยู่ในเบื้องหลัง
แต่เป็นการเลียนแบบการโจมตีของนางพญาแลชเพิล เขาจึงสามารถพัฒนาเคล็ดวิชานี้ขึ้นมา
ความจริงลินลี่ย์ยังไม่เข้าใจความลึกซึ้งลึกลับของเหตุผลที่กระบี่ทั้งสิบล้านที่เขาใช้ด้าน
‘เร็ว’
สร้างขึ้นสามารถผสานและสร้างพลังโจมตีแช่แข็งมิติ กลายเป็นพลังโจมตี ‘หมื่นกระบี่พลันบรรจบ’
“คมมีดมิติ... จังหวะแห่งสายลม...
หมื่นกระบี่พลันบรรจบ...”
ใจของลินลี่ย์ร่างฉากภาพฉากแล้วฉากเล่า
เมฆหมอกที่คลุมทับความลึกซึ้งลึกลับของกฎธาตุลมในปัจจุบันนี้เริ่มสลายไปจากใจของลินลี่ย์
ลินลี่ย์เริ่มเข้าใจ
เหมือนกับว่าเขาสัมผัสอะไรบางอย่างได้ แต่ยังไม่เข้าใจชัดนัก
ลินลี่ย์ไม่ทันได้สังเกตว่าด้านหลังของเขา
มีปีศาจดาบอเวจีสองตนใกล้เข้ามาทุกที
ลินลี่ย์ยังคงหมกมุ่นอยู่ในสถานะพิเศษนั้น
ปีศาจดาบอเวจีทั้งสองรู้สึกงง
ปกติ... แม้ว่าก่อนที่จะเข้าไปใกล้ตัวลินลี่ย์ ลินลี่ย์รู้ตัวและหนีไป
แต่ครั้งนี้...
ลินลี่ย์กำลังบินเป็นแนวตรง
ไม่เปลี่ยนตำแหน่งเลยแม้แต่น้อย
ปีศาจดาบอเวจีบินไวมากกว่าลินลี่ย์! ในแนวตรง
พวกเขาก็สามารถไล่ทันได้เป็นธรรมดา
“ควั่บ!” เสียงหวีดหวิวดังเสียดหู,
สร้างความตกใจกับลินลี่ย์ขณะปีศาจดาบทั้งสองสับลงที่ตัวเขา
หลังของลินลี่ย์หลั่งเหงื่อเยียบเย็นทันที
และเขาใช้กระบี่เลือดม่วงสะบัดฟันทันที
ลินลี่ย์ไม่ทันสังเกตว่าพลังโจมตีครั้งนี้ไม่ใช่ ‘จังหวะแห่งสายลม’ ไม่ใช่ทั้ง ‘หมื่นกระบี่พลันบรรจบ’ ดูเหมือนเป็นพลังกระบี่โจมตีที่ธรรมดามาก
“ฉัวะ!”
เหมือนกับตัดผ่านเต้าหู้
กระบี่เลือดม่วงของลินลี่ย์ตัดวาบผ่านปีศาจดาบอเวจีทั้งสองราวกับสายฟ้า ทั้งสองถูกตัดขาดสองท่อน
“นี่...?”
ลินลี่ย์ตกตะลึง
แม้ว่าปีศาจดาบอเวจีทั้งสองนี้จะไม่ใช่พวกฝีมือดีที่สุดในเผ่าพันธุ์ ต่อให้เขาใช้ ‘จังหวะแห่งสายลม’ เขาก็คงต้องใช้พลังฟันเต็มที่ ถ้าจะตัดปีศาจดาบอเวจีให้ขาดสองท่อน แต่ตอนนั้น...
เขาฟันปีศาจดาบอเวจีทั้งสองได้อย่างง่ายดาย
“ตอนนั้น..”
ลินลี่ย์อดนึกย้อนกลับไปถึงท่ากระบี่ที่เขาใช้ออกตอนนั้นโดยไม่รู้ตัว
“อา!”
ตาของลินลี่ย์เบิกโพลง
เมฆหมอกที่ยังคงปกคลุมความคิดของเขาเพื่อป้องกันไม่ให้ได้เห็นความลึกลับของกฎธรรมชาติแห่งธาตุลมกระจายหายไปเหมือนอยู่ภายใต้แสงสุริยาทันที ในที่สุดเขาก็เข้าใจ
“จังหวะแห่งสายลม? หมื่นกระบี่พลันบรรจบ? คมมีดมิติ?”
ลินลี่ย์เริ่มหัวเราะลั่น
“ด้านเร็ว? ด้านช้า? เร็วและช้าเป็นด้านตรงกันข้าม? ฮ่าฮ่า..ผิดแล้ว ผิดหมดเลย ด้านเร็วและด้านช้าเหมือนกัน มันคือสิ่งที่เหมือนกัน!!!”
ลินลี่ย์สั่นไปทั้งตัวด้วยความตื่นเต้น
สายลมกระโชกดูเหมือนจะพัดช้า
แต่จากนั้นในพริบตาก็เคลื่อนออกไปพันเมตร
“พับมิติ? ปั่นป่วนมิติ? ชะลอมิติ? แช่แข็งมิติ?”
เสียงหัวเราะของลินลี่ย์ดังขึ้นในระดับที่น่ายินดี
“มนุษย์มังกร!” ปีศาจดาบอเวจีจำนวนมากพบตัวลินลี่ย์
“ฆ่า!”
เสียงคำรามโกรธเกรี้ยว ปีศาจดาบอเวจีโจมตีพร้อมกันทันที
ทั้งหมดใช้พลังงานฟันส่งพลังตรงไปที่ร่างลินลี่ย์
คลื่นพลังเป็นกากบาทตัดพื้นจนแยกจากกัน
แม้ว่าแรงฟันหลายเล่มจะไม่ถูกลินลี่ย์ก็ตาม
แต่ต้องมีสองสามสายถูกร่างลินลี่ย์แน่นอน
“บึ้ม!” ที่ใดก็ตามที่พลังงานดาบฟันผ่าน
พื้นโลหะและอุโมงค์กลายสภาพเป็นเศษเล็กเศษน้อย
“มันตายแน่!”
“หือ?”
ทันใดนั้นปีศาจดาบอเวจีตกใจ
ลินลี่ย์อยู่ห่างออกไปหลายพันเมตร
ปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขาในขณะที่กระพริบวาบสองครา
พวกมันเห็นแต่เพียงประกายแสงสีม่วงประหลาดร้ายกาจ จากนั้นศีรษะพวกมันก็ขาดกระเด็น
“ด้านเร็ว, ด้านช้า... ฮ่าฮ่า...
วิธีเข้าใจแบบนั้นผิดหมด!” ลินลี่ย์หัวเราะลั่น แต่ละครั้งที่สะบัดกระบี่โจมตี
เขาสังหารปีศาจดาบอเวจีได้อย่างง่ายดาย และด้วยการหายตัวอย่างง่ายๆ
เขาหายตัวเข้าไปอยู่ในกลุ่มปีศาจดาบอเวจีอย่างง่ายดายและหนีออกมา ในเรื่องความเร็ว
ตอนนี้เขาเร็วมากกว่าปีศาจดาบอเวจีถึงสามเท่า!
เขาไวเกินไป
แม้แต่หัวหน้าปีศาจดาบอเวจีสีแดงก็ตามมาสมทบ พวกเขาก็ยังไวไม่ถึงครึ่งหนึ่งของความเร็วลินลี่ย์
“ในอดีตที่ผ่านมา ข้าคิดว่าถ้าข้าเข้าถึงขีดจำกัดของด้าน ‘เร็ว’ ได้
ข้าจะกลายเป็นเทพ
ถ้าข้าเข้าถึงจุดสุดยอดของด้าน ‘ช้า’ ข้าก็จะกลายเป็นเทพได้เช่นกัน
ใช่แล้ว, ข้าสามารถกลายเป็นเทพได้
เพียงแต่การทำด้วยวิธีนั้นยังถือว่าผิดวิธี” ใจของลินลี่ย์เต็มไปด้วยความยินดี เหมือนกับว่าเขาได้ทำอภิมหาโครงใหญ่ได้สำเร็จ “เมื่อด้าน ‘เร็ว’ และด้าน ‘ช้า’ แต่ละด้านถึงขีดจำกัดสูงสุด
พวกมันจะประสานเข้าด้วยกัน....”
“ทั้งด้าน ‘เร็ว’ และ ‘ช้า’
ทั้งสองนี้ถือเป็นด้านใหญ่
ทั้งสองด้านเป็นส่วนทั้งหมดของกฎธรรมชาติธาตุลม...”
“สัจธรรมแห่งความเร็ว!”
กระบี่เลือดม่วงกระพริบอยู่ในมือของลินลี่ย์ ตอนแรกดูเหมือนมันจะเคลื่อนไหวช้ามาก แต่พริบตามันเคลื่อนไหวเร็วราวกับสายฟ้า จากมุมมองที่แตกต่าง
ทุกคนจะเห็นผลต่างทั้งสองอย่างสิ้นเชิง
นอกจากนี้ ที่ขอบคมของกระบี่เลือดม่วง
จะมีขอบมิติน้ำเงินเลือนรางซึ่งดูเหมือนจะคล้ายกับ ‘คมมีดมิติ’
ด้วยการฟันธรรมดา
มิติเองจะเริ่มเกิดระลอกและเกิดรอยแยกเล็กๆ ในมิติปรากฏขึ้น
แรงฟันธรรมดาจากลินลี่ย์ในตอนนี้ก็แฝงด้วยพลังคมมีดมิติอยู่ส่วนหนึ่ง
ร่างลินลี่ย์ปรากฏอยู่ทั่วพื้นที่อย่างรวดเร็ว และที่ใดก็ตามที่ประกายแสงสีม่วงกระพริบผ่า
ศีรษะของปีศาจดาบอเวจีจะขาดปลิวกระเด็น
“วิชานี้ควรขนานนามว่า.... สัจธรรมแห่งความเร็ว
– มีดมิติบั่นเศียร!”
“ควั่บ!” ร่างของลินลี่ย์พุ่งออกมาจากพื้นทันที
“ฮ่าฮ่า, เขาออกมาแล้ว เด็กๆ ฆ่ามัน!”
หัวหน้าปีศาจดาบอเวจีแดงทั้งสองออกคำสั่งอย่างตื่นเต้นทันที เสียงหวีดหวิวนับไม่ถ้วนสามารถได้ยินได้ ขณะที่ปีศาจดาบอเวจีเป็นแสนบุกเข้าใส่เหมือนฝูงตั๊กแตน
ปล่อยพลังดาบใส่ลินลี่ย์แทบจะในทันที
แต่ร่างของลินลี่ย์มาปรากฏอยู่ในกลางกลุ่มของพวกเขาแล้ว
และเหมือนกับสายลมกระโชก
ลินลี่ย์หายตัวไปโผล่ตรงนั้นบ้างตรงนี้บ้างต่อเนื่อง
ที่ใดก็ตามที่เขาปรากฏตัวจะมีศีรษะของปีศาจดาบอเวจีปลิวลอยขึ้นมา อยู่ต่อหน้าลินลี่ย์ ปีศาจดาบอเวจีเหล่านี้ไม่มีความสามารถตอบโต้ได้แม้แต่น้อย
เสียงกรีดร้องสยดสยองหวาดหวั่นดังขึ้นต่อเนื่อง
และเลือดสีทองเปรอะกระจายไปทุกตำแหน่ง
ในช่วงเวลาสั้นๆ
ปีศาจดาบอเวจีตายไปเกือบแสนตน
ปีศาจดาบอเวจีที่ยังเหลือทุกตนตกอยู่ในอาการหวาดหวั่นพรั่นพรึง ตอนแรก พวกมันยังมีกำลังใจดีอยู่ แต่ตอนนี้พวกมันขวัญหนีดีฝ่อกันหมด
“ปะ..เป็นไปไม่ได้” หัวหน้าปีศาจดาบอเวจีแดงร้องอย่างขวัญผวา
และจากนั้น
ลมกระโชกพัดผ่านมาทางพวกเขา
ศีรษะของหนึ่งในหัวหน้าปีศาจดาบอเวจีแดงปลิวขึ้น
ขณะที่กระบี่เลือดม่วงของลินลี่ย์ปรากฏจ่ออยู่ที่คอของหัวหน้าปีศาจตัวที่สอง ตาสีทองเข้มของเขาจ้องมองหัวหน้าปีศาจดาบอเวจีสีแดงอย่างเย็นชา เสียงเยือกเย็นของลินลี่ย์ดังขึ้น “จะเอายังไง,
เจ้ายังต้องการสู้ต่อไหม?”
“เมตตาด้วยเถิด นายท่าน” ปีศาจดาบอเวจีสีแดงคุกเข่าอย่างหวาดผวาทันที
พอผู้นำพวกมันคุกเข่า
ปีศาจดาบอเวจีนับไม่ถ้วนที่หวาดกลัวลินลี่ย์จับจิตใจพากันคุกเข่าเช่นกัน
ชั้นที่สิบเอ็ดของสุสานเทพเจ้า
ตลอดแนวภูมิภาค มีซากศพนับไม่ถ้วนเกลื่อนกล่นกระจัดกระจาย
ขณะที่ปีศาจดาบอเวจีที่ยังไม่ตายพากันคุกเข่ากับพื้น พวกมันหวาดกลัวจัดจนไม่กล้าเงยหน้า
การประหัตประหารที่เพิ่งเกิดขึ้นทำลายความกล้าของพวกมันหมดสิ้น
ปีศาจดาบอเวจีนับไม่ถ้วนยังคงคุกเข่า แผ่นดินกว้างใหญ่เปรอะไปด้วยเลือดสีทอง มีแต่ลินลี่ย์คนเดียวที่ยืนอยู่
“น่าเสียดาย, ข้ายังเข้าใจเกี่ยวกับด้าน ‘เร็ว’ และด้าน ‘ช้า’ ไม่เพียงพอ” ลินลี่ย์นึกย้อนเคล็ดสัจธรรมที่เขาเพิ่งรู้แจ้ง
“แม้ว่าข้าจะผสานด้านใหญ่ทั้งสองเข้าเป็นหนึ่งและพัฒนาเป็น ‘สัจธรรมแห่งความเร็ว’ ของกฎธรรมชาติธาตุลมได้
ข้าก็ยังห่างจากระดับเทพไปอีกหนึ่งก้าว”
ตอนนี้ลินลี่ย์รู้สึกว่าเขาอยู่ที่ริมขอบระดับเทพแล้ว
ความจริง
ทั้งด้าน ‘เร็ว’ และด้าน ‘ช้า’ ทั้งสอง เมื่อฝึกจนถึงระดับสูงสุด
สามารถทำให้คนกลายเป็นระดับเทียมเทพหรือเทพชั้นต้นได้ และจากนั้น
หลังจากทั้งสองด้านผสานจนเป็นสัจธรรมแห่งความเร็ว ซึ่งจากนั้นฝึกจนถึงขีดจำกัด
ก็จะกลายเป็นเทพระดับกลางได้
ทั้งสองด้านนี้ดูเหมือนจะเป็นขั้วตรงกันข้าม
การหลอมรวมด้านทั้งสองไม่ใช่เป็นสิ่งที่เราสามารถจินตนาการได้ ต้องมาจากประกายจากการรู้แจ้ง
ความเข้าใจของนักสู้ระดับสูงจะอยู่ในทั้งสองด้าน ยากจะหลอมรวมด้านทั้งสองเข้ากันได้
ก็เหมือนกับคนที่ต้องการเดินทางไกลบนถนนสองสายมุ่งหน้าไปในทิศทางที่ต่างกัน ยิ่งเดินทางไกลไปตามเส้นทางแต่ละเส้น ก็ยากจะจะบรรจบรวมกันได้
ความเข้าใจของลินลี่ย์ในด้านทั้งสองยังไม่ถึงในระดับสูงล้ำมาก
ดังนั้นจึงเป็นเรื่องค่อนข้างง่ายสำหรับเขาที่จะค้นหาประกายความรู้แจ้งเพื่อหลอมรวมทั้งสองเข้าด้วยกัน
ในอดีตเมื่อพัฒนาเคล็ด
‘จังหวะแห่งสายลม’
ลินลี่ย์เริ่มเข้าใจถึงวิธีทำให้ด้านทั้งสองทำงานร่วมกัน เมื่อพัฒนา ‘หมื่นกระบี่พลันบรรจบ’
เขามีความก้าวหน้ามากขึ้นอีกครั้ง
หลังจากร่ายเวท ‘คมมีดมิติ’
ได้ เขาจึงรู้แจ้งเข้าใจทันที
การเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากประสบการณ์ที่สั่งสมมานานทำให้เขาเข้าใจ ‘สัจธรรมแห่งความเร็ว’
ดังนั้น
การเคลื่อนที่ได้เร็วของเขาจึงเพิ่มขึ้นสามหรือสี่เท่า และเขาสามารถพัฒนาเป็นวิชากระบี่ที่ทรงพลัง
นั่นคือ ‘มีดมิติบั่นเศียร!”
“เจ้ารู้ไหมว่าประกายศักดิ์สิทธิ์อยู่ที่ใด?”
ลินลี่ย์ก้มหน้ามองหัวหน้าปีศาจดาบอเวจีสีแดงที่คุกเข่าตัวสั่นอยู่
“ข้าทราบ,
ข้าทราบ”
หัวหน้าปีศาจดาบอเวจีแดงกลัวว่าลินลี่ย์จะฆ่าเขา
“นำทาง” ลินลี่ย์กล่าว
17 ความคิดเห็น:
ขอบคุณมากเลยนะคับ
ขอบคุณครับ พลิกจากวิกฤติเป็นโอกาสเฉยเลย คงเก็บประกายศักดิ์สิทธิ์ไปฝากคนอื่นๆด้วยจะได้เป็นกำลังฝ่ายตนเพิ่ม
บทจะง่ายก็ง่ายเกิน
ขอบคุณครับมันจัง
ขอบคุณมาก สนุกมาก
ขอบคุณครับสนุกมาก
ขอบคุณครับสนุกมาก
ขอบคุณมาก ได้รู้แจ้งวิชากระบี่สุดยอดมาอีกแล้ว แต่ถ้าได้ทำสัญญาผูกวิญญาณ กับหัวหน้าปีศาจดาบอเวจีด้วยก็ดีนะ
ขอบคุณมากๆเลยครับ
ขอบคุณ
ขอบคุณมากครับ
มันจ้า ขออีกคาป
Thx a lot
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
เชดดดด บรรลุวิชาเฉย
ว้าวว บรรลุ อีกแว้งววว
แสดงความคิดเห็น