วันพุธที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2561

Panlong เล่ม 12 เชื้อสายเทพ – ตอนที่ 3 แบ่งสมบัติ


เล่ม 12 เชื้อสายเทพ – ตอนที่ 3 แบ่งสมบัติ
ภายในห้องมิติใต้ปราสาทเลือดมังกร
เดเลียภรรยาของลินลี่ย์กำลังฟังเขาเล่าเหตุการณ์ในสุสานเทพเจ้า  ขณะที่นางฟัง นางรู้สึกกลัว โดยเฉพาะตอนที่เขาอธิบายถึงตอนที่เผชิญหน้ากับนาคราชในชั้นที่สาม....

รู้สึกกังวลกับประสบการณ์เฉียดตายของบาร์เกอร์
รู้สึกตกตะลึงพลังที่น่ากลัวของอสูรจ้าวอัคคีบนชั้นที่หก
รู้สึกหวาดผวาที่ลินลี่ย์เกือบต้องตายภายใต้รากเถาของนางพญาแลชเพิล
 “ปีศาจดาบอเวจีเป็นล้าน!  เดเลีย พอได้ยินสิ่งที่ลินลี่ย์เผชิญเจอบนชั้นที่สิบเอ็ดถึงกับตะลึงค้าง  “เมื่อตอนที่เราส่งกองทัพออกไปสู้กับศาสนจักรเจิดจรัสและลัทธิเงาซึ่งรวมกำลังสู้กับเรา  ข้าเห็นกองทัพห้าแสน  ห้าแสนของทหารธรรมดาเหมือนกับทะเลมนุษย์ ไม่มีขอบเขต และนับกันไม่ไหว”
 “ถูกแล้ว  พวกมันมีจำนวนมากไม่มีที่สิ้นสุด”
ลินลี่ย์อดนึกย้อนไปถึงฉากภาพนั้นไม่ได้  ตอนนี้ทันทีที่พวกยอดฝีมือออกมาจากพื้นที่ใต้ดิน ปีศาจดาบอเวจีเกือบล้านตนคลุมเต็มท้องฟ้าไปหมดใช้พลังดาบโจมตีลงมาข้างล่างพร้อมกันด้วยพลังดาบโจมตีระยะไกล ตอนนั้นเหมือนกับเหตุการณ์วันสิ้นโลก ทำให้ราชสีห์ทองหกตาพี่ชายคนรองของสามราชสีห์ตาย
 “เล่าให้ข้าฟังอีก เจ้าหลบหนีออกมาได้ยังไง  และเจ้าได้รับประกายศักดิ์สิทธิ์ในสภาพแวดล้อมนั้นได้ยังไง”  เดเลียรบเร้า
ตอนนี้เดเลียรู้ดีแล้วว่านางเพิ่มเริ่มหลอมรวมกับประกายศักดิ์สิทธิ์ไปบางส่วน  นางอาจนับได้ว่าเป็นเพียงครึ่งเทพ  แม้ว่าสนามพลังเทพของนางยังไม่สมบูรณ์ และนางไม่สามารถประยุกต์ความรู้กฎธาตุที่ลึกซึ้งออกมาใช้ได้เลย  ถ้านางอยู่ที่สุสานเทพเจ้าชั้นที่สิบเอ็ด ก็มีแนวโน้มว่าจะถูกปีศาจดาบอเวจีรุมสังหารนางได้แน่
ทันใดนั้นลินลี่ย์อธิบายต่อไปว่า ยอดฝีมือต้องเสี่ยงทุ่มทุกอย่างเพื่อไปให้ถึงอุโมงค์  เขาอธิบายถึงตอนจบที่เขาเข้าไปขัดขวางปีศาจดาบอเวจีเหล่านั้น  และวิธีที่เขาถูกพวกปีศาจไล่ล่าในใต้ดิน ก่อนในที่สุดเขาจึงได้ทำความเข้าใจ สัจธรรมแห่งความเร็ว
 “เฮ้อ”  หลังจากลินลี่ย์เล่าเรื่องจบแล้ว ในที่สุดเดเลียค่อยผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอก
เดเลียเงยหน้ามองดูลินลี่ย์
เดเลียยังจำได้ว่าเวลาหลายปีผ่านไปอย่างไร  ลินลี่ย์คืออัจฉริยะจอมเวทแห่งสถาบันเอินส์  และตอนนี้ ลินลี่ย์เป็นสุดยอดฝีมือผู้มีอำนาจเหนือปีศาจดาบอเวจีเป็นล้านได้  นางอดภูมิใจในตัวสามีไม่ได้
 “เจ้ามองอะไร?”  ลินลี่ย์หัวเราะ
 “มองดูเจ้านั่นแหละ”  สีหน้าของเดเลียตอนนี้เหมือนเด็กสาวบริสุทธิ์ไร้เดียงสา
ลินลี่ย์เริ่มหัวเราะ  “จริงสิ เดเลีย เจ้าคิดว่ายังไงบ้าง, ข้าควรจะจัดการกับประกายศักดิ์สิทธิ์ทั้งสามนี้ยังไงดี?  ยอดฝีมือทั้งหมดล้วนมีท่าทางให้ความสนใจข้า  แต่แน่นอนหลังจากได้รับคำแนะนำจากท่านลอร์ดเบรุตแล้ว  บางทีพวกเขาอาจจะเปลี่ยนใจก็ได้”
ลินลี่ย์ต้องยอมรับว่าเดเลียเข้มแข็งมากกว่าเขาในเรื่องมนุษยสัมพันธ์
 “ลินลี่ย์! โธ่เอ๊ย..”  เดเลียอดถอนหายใจหัวเราะไม่ได้  พลางส่ายหน้า  “เจ้าน่ะ จริงๆ เลยนะ... ข้าไม่ต้องการจะพูดมากอีกแล้ว  ในสุสานเทพเจ้า บรรดายอดฝีมือฝ่ายมนุษย์ เดลี่, โอลิเวอร์, เฟน, โรซารี่และถูลี่  แน่นอนว่าในห้าคนนี้มีเดลี่ที่มีสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเรามากที่สุดไม่ใช่หรือ?  ตามคำพูดของเบรุต โอลิเวอร์มีศักยภาพสูงมาก!
 “แต่เมื่อคิดดูแล้ว เฟนได้รับมุกชีวิตไปแล้ว  ขณะที่ถูลี่และโรซารี่แต่ละคนก็ได้รับสมบัติเทพ โอลิเวอร์กับเดลี่กลับตรงกันข้าม ไม่ได้มีอะไรติดมือเลย”
เดเลียหัวเราะขณะมองดูลินลี่ย์  “ศักยภาพของโอลิเวอร์สูงล้ำ  ขณะที่เดลี่มีสัมพันธ์ที่ดีกับเรา ทั้งสองควรดึงเข้ามาสนิทกับเรา  แต่.. พวกเขาทั้งสองไม่ได้รับอะไรเลย”
ลินลี่ย์อ้าปากค้าง  แต่ไม่รู้จะพูดอะไร
 “ลินลี่ย์!  สถานะของเจ้าตอนนี้แตกต่างไปแล้วเมื่อเทียบกับในอดีต  เจ้าคือเสาหลักของจักรวรรดิบาลุคเรา  เจ้าไม่อาจตัดสินใจอย่างปกติธรรมดาได้อีกต่อไป”  เดเลียกล่าว  “ดูสิ, ตอนนี้, ในสังคมของมนุษย์ทวีปยูลาน มหาอำนาจที่ทรงพลังมากที่สุดก็คือ จักรวรรดิยูลานและจักรวรรดิโอเบรียน เพราะพวกเขามีเทพสงครามและมหาพรต”
 “ขอเพียงมีนักสู้ชั้นเทพก็จะทำให้จักรวรรดิอายุยืนยาว”
 “ต่อให้เจ้ากลายเป็นเทพ, ลินลี่ย์! ก็มีแนวโน้มว่าเมื่อเทียบกับเทพสงคราม ก็ยังยากที่เจ้าจะเอาชนะพวกเขาได้ ที่สำคัญพวกเขาเป็นเทพมาอย่างยาวนานแล้ว”
ลินลี่ย์พยักหน้าเล็กน้อย
อำนาจของเทพสงครามและมหาพรตยิ่งใหญ่มากกว่าที่เขาหวัง
เดเลียถอนหายใจ  “เดลี่เองก็อาศัยอยู่ชายแดนจักรวรรดิบาลุค และธิดาของเขาก็แต่งงานกับเรย์โนลด์สหายสนิทของเจ้า  เจ้าควรจะดึงเดลี่มาอยู่ฝ่ายเราและทำให้เราเป็นครอบครัวเดียวกัน”
 “แต่แน่นอน ขณะที่ดึงคนอื่นเข้ามาใกล้ก็เป็นเรื่องสำคัญ  การเสริมสร้างความเข้มแข็งคนของเราเองเป็นเรื่องสำคัญกว่า”  เดเลียกล่าว  “ดังนั้น, ข้าคิดว่าในสามประกายศักดิ์สิทธิ์นั้น  ต้องให้วอร์ตันน้องชายเจ้าหนึ่งประกาย หรือไม่ก็พี่น้องบาร์เกอร์คนใดคนหนึ่ง”
 “ประกายศักดิ์สิทธิ์ที่สองควรจะสงวนไว้ให้เดลี่”
 “สำหรับประกายที่สาม ตอนนี้แค่ถือครองเอาไว้ ในกรณีที่เราต้องการใช้มันทันที ตัวอย่างเช่น ถ้าเทพสงครามหรือมหาพรตมาขอในนามศิษย์คนหนึ่ง  หรือเช่น ถ้าไดลิน, หรือซีซาร์มา ทั้งสองก็เป็นไปได้ ไดลินมีบุตรชาย  ขณะที่ซีซาร์มีโรซารี่ การที่พวกเขาเป็นหนี้เรา นั่นนับเป็นเรื่องที่ดี”
เมื่อได้ยินเดเลียวิเคราะห์แล้ว  ลินลี่ย์รู้สึกเหมือนกับว่าความลึกลับที่รุมเร้าเขาได้รับการคลี่คลายทันที
 “ดีแล้วเดเลีย  เราจะทำตามสิ่งที่เจ้าพูด”  ลินลี่ย์พยักหน้า
เดเลียพูดต่อ  “ลินลี่ย์ สำหรับสมบัติวิเศษสิบชิ้นของเจ้า ดาบศึกแดงสามเล่ม และดาบของปีศาจดาบอเวจีอีกพันเล่ม.. เท่าที่ข้าดูแล้ว ดาบของปีศาจดาบอเวจีน่าจะเก็บเอาไว้ชั่วคราว  ของเหล่านั้นถือได้ว่าเป็นสมบัติพิทักษ์จักรวรรดิของเรา  ที่สำคัญ ทุกเล่มเทียบได้กับดาบหนักอดาแมนเทียมของเจ้า  นอกจากนี้ ถ้าเรานำดาบเหล่านั้นออกมาในรวดเดียวความวุ่นวายจะเกิดขึ้นในทวีปได้”
ลินลี่ย์พยักหน้า
 “สำหรับสมบัติเทพทั้งสิบสามชิ้นรวมทั้งดาบศึกสีแดงจัดการได้ง่ายมาก  แบ่งออกไว้ในครอบครัว หรือบางทีเจ้าอาจมอบให้เดลี่สักชิ้นหรือสองชิ้น  สมบัติเทพแบ่งได้ง่ายมาก” เดเลียกล่าว
ลินลี่ย์เริ่มหัวเราะ  “ได้เลย อย่างไรก็ตาม ต้องมีสักหนึ่งในสิบสามชิ้นที่เจ้าควรจะเลือกไว้ด้วย”
 “อะไรนะ?”  เดเลียถามด้วยความสงสัย
ลินลี่ย์พลิกมือดึงชุดเกราะเทพออกมาจากแหวนมิติเก็บสมบัติ  “เดเลีย, เกราะรบชั้นเทพนี่เป็นของเจ้า”
 “หือ?”  เดเลียอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นนางพูดทันที  “ลินลี่ย์, เจ้าคือเสาหลักของจักรวรรดิ  เจ้าควรเป็นคนที่สวมเกราะเทพนี้”
ลินลี่ย์เริ่มหัวเราะ  “ไม่ต้องหรอก เดเลีย ที่สำคัญที่สุดคือข้ามีมุกชีวิตอยู่แล้ว  ประการที่สอง.. เมื่อข้าเข้าถึงระดับเทพ.. เจ้าต้องเข้าใจก่อนว่าเวท เกราะผู้พิทักษ์ดินศักดิ์สิทธิ์สามารถใช้ได้ดีกับระดับเทพได้เช่นกัน  ในเวลานั้น... พลังป้องกันของเกราะเทพดินก็เทียบเท่ากับเกราะรบเทพของเจ้าแล้ว”
 “อย่างนั้นก็มอบให้วอร์ตัน  ที่สำคัญข้าหลอมรวมกับประกายศักดิ์สิทธิ์แล้ว”  เดเลียกล่าว
ลินลี่ย์ส่ายศีรษะ  “ไม่จำเป็น เจ้าบอกอยู่เองไม่ใช่หรือ?  หนึ่งในสามประกายศักดิ์สิทธิ์จะต้องถูกเก็บไว้เพื่อคนของเราเอง  ในอีกไม่กี่วัน ข้าจะถามวอร์ตันว่าเขายินดีจะหลอมรวมกับประกายเทพหรือไม่  ถ้าเขายินดี อย่างนั้นเขาจะกลายเป็นเทพ  ถ้าเขาไม่ยินดี  อย่างนั้นหลังจากที่ข้าเสร็จเรื่องสุดท้ายแล้ว ข้าจะให้มุกชีวิตกับเขา”
 “เรื่องสุดท้าย?”  เดเลียตกใจ  “ลินลี่ย์, เจ้าพูดถึง..?”
ลินลี่ย์พยักหน้าเล็กน้อย “ข้าดูเรื่องนี้มานานแล้ว  นานมาก แม้แต่ตอนนี้, ข้าก็ยังไม่มั่นใจเต็มที่  พวกเขาไม่มีความสามารถทำร้ายข้าได้อย่างแน่นอน”
………..

วอร์ตันเกษียณตัวเองและยกราชสมบัติให้โอรสของเขา ซีนา บาลุคเป็นจักรพรรดิใหม่ของจักรวรรดิบาลุค
หลังจากรู้ว่าลินลี่ย์กลับมาแล้ว วอร์ตันรีบบินมายังปราสาทเลือดมังกรทันที และชาชาธิดาของลินลี่ย์กลับมาพร้อมด้วยเช่นกัน  ห้าพี่น้องบาร์เกอร์กลับมารวมตัวพร้อมหน้าพร้อมตากันในครั้งนี้  ทุกคนที่ติดตามลินลี่ย์มานานหลายปีมาประชุมกันในโถงใหญ่
ลินลี่ย์ถามวอร์ตันว่าเขายินดีจะหลอมรวมกับประกายศักดิ์สิทธิ์และกลายเป็นเทพหรือไม่  ที่สำคัญคือวอร์ตันเป็นนักรับเลือดมังกรระดับเซียนได้ด้วยตนเองแล้ว
แต่การสนองตอบของวอร์ตันทำให้ลินลี่ย์ต้องยอมแพ้
 “พี่ใหญ่, ถ้าข้าต้องผสานกับประกายศักดิ์สิทธิ์ในสายธาตุที่ท่านมอบให้ข้า  หลังจากนั้นข้าจะกลายเป็นเทพชั้นต้นสายธาตุดิน  อย่างนั้นข้าจะฝึกในทางกฎธาตุไฟต่อไปได้หรือไม่?”
 “คงฝึกไม่ได้  เมื่อเจ้ากลายเป็นเทพชั้นต้นสายธาตุดิน  ความสามารถในการรู้สึกถึงธาตุชนิดอื่นจะตกลงไปมาก  ขณะที่ความสามารถในการรู้สึกถึงธาตุดินของเจ้าจะเพิ่มขึ้นอีกมาก  เทพชั้นต้นสายธาตุดินจะพบว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะได้รับการรู้แจ้งในกฎธาตุไฟ”
 “พี่ใหญ่, ท่านมีประกายเทพสายธาตุไฟบ้างไหม?”
 “ข้าไม่มี”
 “อย่างนั้นข้าจะไม่ใช้”
คำตอบของวอร์ตันง่ายและตรง  เมื่อมาถึงระดับเซียน วอร์ตันเริ่มเดินตามเส้นทางของกฎธรรมชาติธาตุไฟ  แม้ว่าวอร์ตันเพิ่งจะได้รับการรู้แจ้งบ้าง แต่เขาเพลิดเพลินกับการเข้าใจถึงกฎธรรมชาติธาตุไฟ
ลินลี่ย์ไม่เถียงกับเขา
เขาเข้าใจน้องชายของเขา  เพราะเขาเองก็เหมือนกัน เหมือนกับว่าความรู้สึกของวิญญาณกลายเป็นหนึ่งเดียวกับธาตุดินหรือกับธาตุลม  เขาชอบความรู้สึกอิสระของธาตุลมและความกว้างใหญ่ของธาตุดิน  สำหรับลินลี่ย์ การฝึกฝนกับกฎธรรมชาติธาตุลมและธาตุดินเป็นการผ่อนคลายและเพลิดเพลินประการหนึ่ง
ถ้าใครบางคนให้ประกายศักดิ์สิทธิ์ธาตุไฟลินลี่ย์และบอกให้เขาหลอมรวมกับประกายนั้น  ลินลี่ย์คงไม่ยินดีทำแบบนั้นเช่นกัน
เพราะ...
เมื่อประกายศักดิ์สิทธิ์สายธาตุไฟถูกหลอมรวม เขาจะกลายเป็นเทพชั้นต้นสายธาตุไฟทันทีซึ่งจะทำให้เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะรู้แจ้งกฎธาตุธรรมชาติอื่นๆ
 “การต้องเป็นเทพชั้นต้นธาตุไฟ และเลิกฝึกสัจธรรมแห่งธาตุดินและธาตุลมน่ะหรือ?”  ลินลี่ย์ส่ายศีรษะ
นอกจากนี้  ยังมีความแตกต่างอย่างมากระหว่างการกลายเป็นเทพโดยใช้ประกายศักดิ์สิทธิ์และระหว่างการสำเร็จเป็นเทพด้วยตนเอง
จากนั้นลินลี่ย์ถามพี่น้องบาร์เกอร์
เกทส์และพี่ๆทั้งสามยืนยันว่าบาร์เกอร์พี่ใหญ่ของพวกเขาจะเป็นคนหลอมรวมกับแก่นประกายศักดิ์สิทธิ์ขณะที่บาร์เกอร์เองเก็เกิดมาทางสายธาตุดินอยู่แล้ว ดังนั้นลินลี่ย์จึงมอบประกายเทพสายธาตุดินให้บาร์เกอร์ เขาเริ่มหลอมรวมกับประกายศักดิ์สิทธิ์และจะเริ่มฝึกสันโดษ
ในสวนด้านหลังปราสาทเลือดมังกร
บุรุษหนุ่มทั้งสี่คนนั่งล้อมโต๊ะกลมดื่มสรวลเสเฮฮากันลั่น สี่สหายนี้ก็คือ ลินลี่ย์ เรย์โนลด์ เยล จอร์จ
 “สิบกว่าปีแล้วที่เราสี่พี่น้องไม่ได้พบเจอกัน มาเถอะ ดื่มฉลองกัน..ทุกคน!  เยลหัวเราะลั่นพลางกล่าว  ตอนนี้ ในสี่คนนี้เยลคือคนที่มีพลังอ่อนที่สุด แต่แม้ว่าเขาจะเป็นเพียงจอมเวทระดับเจ็ด แต่เขาก็ได้อายุขัยหลายร้อยปี
รูปลักษณ์ของพวกเขาดูเหมือนยังหนุ่มเยาว์วัย
 “พี่ใหญ่เยล, ขอแสดงความยินดีด้วยที่ท่านได้เป็นประธานกรรมการหอการค้าดอว์สัน”  ลินลี่ย์หัวเราะ
ลินลี่ย์ยินดีเป็นที่สุดได้อยู่พร้อมหน้าสหายสนิทสมัยเยาว์วัยอย่างพร้อมหน้า
 “ฮ่าฮ่า, น้องสาม, ข้าไม่อาจเทียบเจ้าได้แม้แต่น้อย”  เยลหัวเราะเบาๆ จากนั้นตบไหล่จอร์จ  “น้องรอง เราสองคนตามน้องสามและน้องสี่ไม่ทันแล้ว  น้องสามไม่ต้องพูดถึง เขาเข้าถึงระดับเซียนมานานแล้ว หลังจากก่อตั้งจักรวรรดิบาลุคและแต่งงาน ก็ประมาณ.. ยี่สิบสี่ปีแล้วใช่ไหม?  ยี่สิบสี่ปีที่ผ่านมา น้องสี่ของเราที่ก่อนนั้นยังเป็นจอมเวทระดับเจ็ด ตอนนี้กลายเป็นระดับเก้าไปแล้ว  แต่สองเราล่ะ?”
จอร์จเริ่มหัวเราะเหมือนกัน  “พี่ใหญ่เยล, อย่าดึงข้าไปรวมกับเจ้า  เมื่อสองปีที่แล้ว ข้าเพิ่งจะได้เลื่อนเป็นจอมเวทระดับแปดแล้ว  ข้าระดับสูงกว่าเจ้า”
นี่คือปีปฏิทินศักราชยูลานที่ 10034  ลินลี่ย์แต่งงานเมื่อปี 10010
ยี่สิบสี่ปีแล้ว
แน่นอนว่า สำหรับสุดยอดฝีมือ พวกเขาอาจเข้าถือสันโดษฝึกวิชาครั้งละเป็นร้อยปี สองสามทศวรรษยังไม่นับว่าเท่าใดนัก
 “ข้ามัวแต่ยุ่งเลยไม่มีเวลาพอสำหรับฝึกฝน  โชคดีแค่ไหนแล้ว ที่อย่างน้อยข้าได้เป็นจอมเวทระดับเจ็ด”  เยลหัวเราะลั่น
จอร์จเป็นมหาเสนาบดีคนสำคัญของจักรวรรดิยูลาน  ขณะที่เยลวุ่นวายกับการจัดการกิจการของหอการค้า ความจริงพวกเขามีเวลาฝึกฝนไม่พอ
 “น้องสาม”  เยลตบไหล่ของเขาสองครั้ง  “ชีวิตของเจ้าน่าสนใจอย่างแท้จริง  เจ้าก่อตั้งจักรวรรดิใหญ่โตและกลายเป็นสุดยอดฝีมือของทวีปได้  มีเด็กรุ่นใหม่เลือดร้อนหลายคนของทวีปต้องการใช้เจ้าเป็นเป้าหมายแบบอย่าง วัยรุ่นเลือดร้อนเหล่านั้นก็เหมือนกับเราสี่พี่น้องในอดีต!
ลินลี่ย์ จอร์จ เยลและเรย์โนลด์เงียบไปครู่หนึ่ง
พวกเขาอดนึกย้อนกลับไปไปสมัยอายุเยาว์ไม่ได้
เรย์โนลด์หัวเราะขึ้นทันที  “พี่ใหญ่เยล ตอนนี้เจ้าเป็นผู้อำนวยการของหนึ่งในสามหอการค้ายิ่งใหญ่ของทวีปยูลานแล้ว ความมั่งคั่งของเจ้าแข่งกับจักรวรรดิเหล่านั้นได้ เหมือนอย่างที่เจ้าบอก เจ้าควรจะพอใจด้วยไม่ใช่หรือ?”
 “ยังไม่พอ ยังมีอีกสองสหภาพการค้า”  ตาของเยลเป็นประกาย  “ความจริงข้าต้องการกลืนทั้ง สมาคมเกาะหิมะและกลุ่มการค้าเกียร์  โชคไม่ดี มันยังยากเกินไป  และนั่นทำให้การแข่งขันน่าสนใจ”
ลินลี่ย์ยืนขึ้น
 “ใช่แล้ว มีแต่เรื่องยากเป็นเรื่องที่ท้าทาย”  ลินลี่ย์เชิดหน้ามองฟ้า
ทวีปยูลานเป็นแค่พิภพที่อาศัย  ในจักรวาลกว้างใหญ่ไร้ขอบเขต  ยังมีพิภพนับไม่ถ้วน และเหนือพิภพธรรมดาขึ้นไป ยังมีสี่พิภพชั้นสูง  และเจ็ดแดนมหาเทพ
เขาเองไม่มีอะไรมากไปกว่าสุดยอดของทวีปยูลาน
 “เดินไปสู่จุดสูงสุดของการฝึก! แค่เรื่องนั้นก็น่าสนใจและท้าทายแล้ว”  ลินลี่ย์มีรอยยิ้มที่มุมปาก
 “แต่ก่อนจะทำเช่นนั้น ยังมีเรื่องสำคัญที่ข้าต้องทำ”  ลินลี่ย์อดหันไปมองทางทิศตะวันตกไม่ได้ ที่ตั้งของเกาะศักดิ์สิทธิ์ของศาสนจักรเจิดจรัส
ลินลี่ย์ยังจำถึงความตายของปู่เดลินได้  ยังจำถึงคำสาบานเมื่อเขาออกจากเมืองเฮสเข้าสู่เทือกเขาอสูรวิเศษได้  “ศาสนจักรเจิดจรัสจงรอก่อนเถอะ  จะต้องมีวันที่ข้าทำลายพวกเจ้าและขุดรากถอนโคนพวกเจ้าให้ได้”
 “ได้เวลาแล้ว”  ลินลี่ย์พึมพำกับตนเอง

9 ความคิดเห็น:

sittichok กล่าวว่า...

ขอบคุณมากเลยนะคับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณมาก

Unknown กล่าวว่า...

ล้างบางไปเลย

GG กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

l3all กล่าวว่า...

Thx you

เทพดีกรี กล่าวว่า...

รวมตัวเตรียมบวก...........แต่มุงอย่าถือธนูมานะ55555

ท้องฟ้าจะมีความหมาย ถ้ามีคนแหงนมอง กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ ได้เวลาปิดบัญชีแล้ว

tho กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับ

มีตน กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

แสดงความคิดเห็น