วันอังคารที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

ยอดยุทธไร้เทียมทาน ตอนที่ 942 กำเนิดใหม่เพื่อรบ


ตอนที่  942  กำเนิดใหม่เพื่อรบ
กระบวนศึกสีทองและกระบวนศึกสีดำเผชิญหน้ากันเอง เป็นภาพสีตัดกันอย่างชัดเจน

สมรภูมิขนาดใหญ่ตกอยู่ในความเงียบอย่างมิอาจอธิบายได้  มีแต่เพียงเสียงธงโบกสะบัดได้ยินชัดเจน
ประมุขผู้อาวุโสจ้องมองกองทัพขุนพลวิญญาณสีดำที่จู่ๆ ก็ปรากฏมาต่อหน้าเขาอย่างเหลือเชื่อ  ขุนพลวิญญาณเหล่านี้มาจากไหนกัน?  เพื่อจะสร้างกองทัพขุนพลวิญญาณของข้า  ข้าต้องใช้ชีวิตคนตั้งมากมาย
จำนวนของขุนพลวิญญาณฝ่ายศัตรูไม่ด้อยไปกว่าฝ่ายของเขา และสิ่งที่เขาไม่สามารถทนได้ก็คือขุนพลวิญญาณมีคุณภาพสูงมาก  และพวกเขาแข็งแกร่งมากกว่าขุนพลวิญญาณเพลิงศักดิ์สิทธิ์ที่เขาสร้างขึ้น
 เป็นแบบนี้ไปได้ยังไง...
 กองทัพกางเขนใต้?” ทันใดนั้นประมุขผู้อาวุโสจำชื่อนี้ได้  ครั้งหนึ่งเคยปรากฏรายงานเกี่ยวสวรรค์วิถี  นั่นคือกองทัพโบราณ  และถูกทำลายไปในประวัติศาสตร์แล้ว  ยังมีขุนพลวิญญาณมากมายคงอยู่อย่างนี้ได้ยังไง?  เป็นเวลาหมื่นปีมาแล้ว  ขุนพลวิญญาณตนหนึ่งสามารถทนต่อการกัดกร่อนได้สองสามร้อยปีก็นับว่าทรงพลังมากแล้ว  แต่หมื่นปี นั่นหมายความว่ายังไง?  เป็นเวลานานมากจนแม้แต่ขุนพลวิญญาณก็ต้องการฆ่าตัวตาย
เขาไม่เคยได้ยินว่าขุนพลวิญญาณจะสามารถอยู่รอดได้ถึงหมื่นปี
 แต่ไม่ใช่เพียงแค่นั้น  ยังมีมากกว่านั้น!’
ประมุขผู้อาวุโสรู้สึกว่าความรู้เรื่องขุนพลวิญญาณของเขาพังทลายโดยสิ้นเชิง
ทหารที่เป็นขุนพลวิญญาณล้วนแต่ห้าวหาญดุดันกันทุกคน  พวกเขาเปล่งพลังกระตือรือร้นต้องการรบ  กระบวนศึกของพวกเขาเข้มงวดมีวินัย  และเขาสามารถเห็นได้ว่าแต่ละนายผ่านการรบมาเป็นพันศึก เนื่องจากพวกเขาเปล่งพลังของทหารผู้ผ่านศึกมาแล้ว
เมื่อทหารผ่านศึกเหล่านี้มารวมตัวกัน รังสีฆ่าฟันที่โดดเด่นซึ่งพวกเขาปลดปล่อยออกมาสามารถข่มกองทัพขุนพลวิญญาณเพลิงศักดิ์สิทธิ์ได้
ถังเทียนเองก็ตกใจพอกัน  เขารู้ว่ากระบี่อมตะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ภายในวังวนพายุหมุนกระบี่ และรู้ว่าวิญญาณที่แตกกระจายกลับมีร่างที่เลือนราง  แต่เมื่อเขาเห็นพวกเขาเดินออกมาจากกระบี่อมตะอย่างเงียบงัน  พวกเขาแบกธงกองทัพกางเขนใต้ออกมาได้ยังไง  ใจของเขาเต็มไปด้วยความปลื้มปนเศร้า
เพราะเขารู้ว่าพวกเขาต้องผ่านเวลามานานถึงหมื่นปี ในทุกร้อยปี  พวกเขาจะเป็นเหมือนแมงเม่าบินเข้ากองไฟและแตกกระจายเป็นชิ้นๆ
ทะเลสุคติ พื้นที่ซึ่งมีความหมายว่าเป็นที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ซึ่งความหวังและความฝันของพวกเขาได้ตระหนักรับรู้และจะกลายเป็นสมรภูมิหมื่นปีไปจริงๆ
เมื่อไม่รู้ว่ากองทัพของเราเป็นหรือตาย จะให้เราพักอย่างสงบได้ยังไง!
เมื่อเขาเห็นว่าขุนพลวิญญาณทั้งร่างและกระดูกต้องแตกกระจัดกระจายไปยังไงผ่านช่วงเวลามานานหมื่นปีของการต่อสู้ภายในที่มืดมิดที่สุดซึ่งไม่มีใครรู้จัก  พวกเขาออกมาจากทะเลสุคติด้วยร่างกายที่สร้างตัวขึ้นใหม่ ผ่านเวลามานานหมื่นปี  คงเอาไว้ซึ่งความปรารถนาและความเชื่อมั่นที่ติดตัวนานนับหมื่นปี  เมื่อเขาเห็นวิธีที่พวกเขายืนอยู่ใต้ธงกองทัพกางเขนใต้และตะโกนออกมาสุดเสียง อารมณ์ปั่นป่วนเกิดขึ้นในใจของถังเทียน
ตาของอาซิ่นเต็มไปด้วยน้ำตา  สหายของเขา รุ่นพี่ของเขา ทุกคนยืนอยู่ต่อหน้าเขา ทุกคนพร้อมสู้เคียงข้างเขา
ในนามของกองทัพกางเขนใต้  เราจะสู้!
 เวลาถูกเราลืมไปแล้ว เราบรรลุผ่านความเป็นจริง  หมื่นปีต่อมา เราได้ร่วมรบกันในสนามรบอีก  เราทั้งหมดจะยืนเคียงข้างกันอีกครั้ง  คำสาบานที่เราสาบานในปีนั้นยังคงอยู่ในหัวใจของเรา และธงศึกในปีนั้นก็ยังโบกสะบัดอยู่เหนือหัวเรา
 เฮ้, หมื่นปีผ่านไปแล้ว  แต่เราก็ยังเป็นเรา!’
 เฮ้, หมื่นปีผ่านไปแล้ว แต่กองทัพกางเขนใต้ก็ยังเป็นกองทัพกางเขนใต้!’
อาซิ่นปาดน้ำตา และเดินไปหยุดอยู่ข้างหน้าบุรุษร่างใหญ่ ทำความเคารพและพูดเสียงดัง  “พลเอกอาซิ่นแห่งกองทัพกางเขนใต้ มารายงานตัวแล้ว”
ดวงตาของประมุขผู้อาวุโสหรี่อีกครั้ง  เขารู้ว่าเขาเข้าใจผิดไปอย่างแท้จริง  พลเอกอาซิ่นก็คือพลเอกอาซิ่นที่กำจัดกองทัพตระกูลชิวได้!’  เขาไม่เคยคาดเลยว่าขุนพลวิญญาณที่ยืนงงอยู่นั้นจะเป็นอาซิ่น!
บุรุษร่างใหญ่ทำความเคารพตอบ และพูดขึ้น  “ท่านนายพลขอรับ, ตามกฎอัยการศึก ท่านถือครองอำนาจสูงสุด  แต่ก่อนอื่น, ท่านนายพลขอรับ, บอกเราหน่อยได้ไหม  กองทัพยังคงอยู่หรือไม่?”
ในรูปกระบวนศึกที่เข้มงวด เป็นครั้งที่มองเห็นความปั่นป่วน  ดวงตาของทหารทุกคนมองดูอาซิ่น
 “กองทัพไม่มีอยู่อีกแล้ว”  อาซิ่นพูดอย่างสงบ
ดวงตาของทหารแต่ละคนหม่นหมองลง และเสียงสะอื้นที่สามารถได้ยินได้ดังขึ้นมาจากกระบวนศึก  ร่างของพวกเขาหลายร่างเริ่มหมองลงเล็กน้อย  ตอนแรกพวกเขาทุกคนวิญญาณแตกกระจาย  และไม่เคยหายไปเพราะความเชื่อมั่นอยู่ในหัวใจพวกเขา  พวกเขาดิ้นรนอดทนอย่างขมขื่นและไม่เคยถูกเวลาทำลายไป  แต่หลังจากได้ยินว่ากองทัพไม่มีอยู่อีกต่อไป พวกเขารู้สึกว่าการติดตามของพวกเขาไม่มีความหมายอีกต่อไป เมื่อสูญเสียความเชื่อมั่นสนับสนุน  ร่างของพวกเขาเริ่มหลอมละลายเหมือนกับน้ำแข็ง  และพวกเขาเริ่มหายไป
บุรุษร่างใหญ่ข้างหน้าน้ำตาร่วง  จากนั้นร้องไห้  “เรามาช้า  ในที่สุด เราก็ยังช้า.. ใช่แล้ว มันเป็นเวลาหมื่นปีแล้ว...”
หัวใจของอาซิ่นกระตุกด้วยความเจ็บปวดราวกับว่าถูกมีดแทง  เมื่อได้ยินการตำหนิตัวเองและความเศร้าความผิดหวัง  ฉากภาพที่พวกเขาเป็นเหมือนแมงเม่าเข้ากองไฟผุดขึ้นมาในเขา  ภายในทะเลสุคติ ได้ยินคำพูดเหล่านี้ไม่มีหมดสิ้น  “เมื่อไม่รู้ว่าทหารของเราเป็นหรือตาย  เราจะพักอย่างสงบได้ยังไง!
เขาสูดหายใจลึก จากนั้นใช้พลังทั้งหมด คำรามลั่น  “แต่เราอยู่ที่นี่!
พวกทหารเงยหน้าขึ้น และมองดูขุนพลวิญญาณที่ดูเหมือนอ่อนแอด้วยตาเลือนราง
 “เราอยู่ที่นี่  กองทัพของเราก็อยู่ที่นี่
อาซิ่นเน้นทุกคำ ทำให้ทุกคำก้องกังวานกระทุ้งใจพวกทหาร  พวกเขาเช็ดน้ำตาเงยหน้าขึ้นและตบอก
ตาของอาซิ่นกวาดผ่านทุกคนช้าๆและถามเสียงดัง  “เวลาหมื่นปียังจะทำลายเราได้หรือ?  ทำไม, เพราะอะไร”
เมื่อพบกับสายตาของทุกคน ได้พบกับแสงทองเสียดตา  ทันใดนั้นอาซิ่นคิดถึงลั่วซือผู้กรีดร้องอยู่ในโลงศพมาเป็นเวลาหมื่นปี  และคิดถึงเด็กหนุ่มผู้นำความรุ่งเรืองของกองทัพจักรกล มรดกของกองทัพกลับคืนมา  และคิดถึงทุกคนที่มีชีวิตอยู่ในทะเลสุคติทุกวันคืน
เป็นครั้งแรกที่สีหน้าไม่จริงจังของเขามีความหยิ่งและท่าทีที่ผยอง  เขาชี้ทุกคน จากนั้นชี้อกของเขาเอง และเน้นคำพูดทุกคำให้ทุกคนฟัง
 “ตราบใดที่วิญญาณของเรายังคงอยู่  กองทัพกางเขนใต้จะไม่ตาย!
ปัง!
ขุนพลวิญญาณทุกคนรู้สึกสะท้านใจ  คำพูดเหล่านั้นดูเหมือนจะมีผลต่อสมองของพวกเขาโดยตรง  และความรู้สึกสูญเสียและอารมณ์ผิดหวังในตอนแรกหายไป และสติของพวกเขาแจ่มชัดทันที  ใช่แล้ว!  ท่านนายพลพูดถูก!  เรามาเสริมกำลังให้กองทัพช้า และแม้ว่ากองทัพเราจะหายไปแล้ว  แต่เรายังคงอยู่  และความรับผิดชอบต่อความรุ่งเรืองของกองทัพเรา ได้ตกมาถึงเราแล้ว!’
 เรามีภาระผูกมัด!’
 คนอื่นยังไงก็ช่าง,  แต่เรามี!’
ทหารผู้หยิ่งภูมิใจทุกคนที่เริ่มอยู่ในสภาพหม่นหมอง และมีร่างเลือนราง หน้าของพวกเขาเปล่งประกายที่ไม่เหมือนใครทันที
ความตั้งใจสู้รบของพวกเขาพุ่งทะยานขึ้นท้องฟ้า  และกลายเป็นรูปมังกรกระแทกใส่ผนังเพลิงศักดิ์สิทธิ์ในท้องฟ้า
ปัง  ปัง  ปัง!
ผนังเพลิงศักดิ์สิทธิ์ในท้องฟ้าสั่นสะเทือน  และเปลวเพลิงศักดิ์สิทธิ์เริ่มร่วงลง
ตาของอาซิ่นเป็นประกายมุ่งมั่น  เขามองดูทหารผู้ถือกำเนิดใหม่  หัวใจของเขาเต็มไปด้วยอารมณ์แบบเดียวกัน  และความต้องการสู้กระจายออกจากตัวของเขา  เมื่อเขาตะโกนคำพูดออกมา  หัวใจที่มืดมิดของเขาพลันกระจ่าง  “ใช่แล้ว,  แล้วมันจะเป็นยังไงเล่า,   ต่อให้กองทัพไม่อยู่อีกต่อไป  แต่เรายังอยู่ที่นี่!’
 เมื่อพวกเขาอยู่ที่นี่  กองทัพก็อยู่ที่นี่,  ที่นี่แหละ!’
อาซิ่นเปล่งรัศมีเยือกเย็นจากทั่วร่าง  ให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าเขากลายเป็นกระบี่ที่ชักออกจากฝัก  และเป็นกระบี่ที่คมกริบที่สุดไม่มีใครสามารถต่อต้านเขา  เขามองดูกระบวนรบสีทองข้างหน้าเขา  และมุมปากของเขายิ้มเหยียดหยาม  พวกเจ้าทุกคนก็แค่ชิ้นเปลือกหอยที่เอามาต่อเข้าด้วยกัน,  มาเลย, เราจะให้พวกเจ้าได้เห็นว่ากองทัพที่แท้จริงเป็นเช่นไร!’
เขาชูมือทั้งสองและตะโกน
 “กองทัพกางเขนใต้,  หน้า...เดิน!
พรึ่บ พรั่บ......
คลื่นสีดำเคลื่อนขบวนไปข้างหน้าช้าๆ  พวกเขาเคลื่อนไหวในระดับที่ยังช้า  แต่พวกเขาเปล่งประกายที่ไม่มีใครหยุดยั้งได้ เพียงพอจะย่ำยีพวกที่กล้ายืนต่อต้านพวกเขา
ประมุขผู้อาวุโสเห็นกระบวนการทั้งหมดด้วยตัวเอง  และมีสองสามครั้งที่เขาต้องการจะขัดขวางพวกเขา  แต่แล้วก็ไม่สามารถทำได้  ความโหยหากองทัพของพวกเขาและความกลมเกลียวของพวกเขาน่าตกใจอย่างแท้จริง เขารู้สึกอิจฉา ข้าจะสร้างบริวารที่ภักดีอย่างนั้นได้ยังไง?
เขารีบทิ้งความคิดนั้นออกไปจากหัว   เพราะไม่ใช่เรื่องสำคัญในขณะนั้น  มีแต่ผู้ชนะสงครามครั้งนี้เท่านั้นจึงจะมีอนาคต
หลังจากพบกับเรื่องตกใจในตอนแรก  เขารีบสงบใจทันที  การปรากฏตัวกะทันหันของกองทัพขุนพลวิญญาณทำให้เขาเสียกระบวน  แต่เขาก็ยังมีความมั่นใจ  พวกเขาอยู่ในทวีปเซียน  สถานที่มีเพลิงศักดิ์สิทธิ์ไม่จำกัด  และเป็นสนามรบใหญ่ที่ซึ่งเขาวางกำลังไว้อย่างรอบคอบ
 เจ้าพวกนั้นต้องการจะเอาชนะข้าที่นี่  คิดฝันเอาเองชัดๆ
เขายิ้มอย่างมั่นใจ จากพูดอย่างเฉื่อยชา  “โซเฟีย ข้าจะปล่อยกองทัพนี้ให้เจ้า”
โซเฟียคำนับเขา  จากนั้นหันไปนำกองทัพขุนพลวิญญาณเพลิงศักดิ์สิทธิ์  ควั่บ.. คลื่นสีทองเคลื่อนพลขึ้นหน้าเช่นกัน
ประมุขผู้อาวุโสแสดงสีหน้าพอใจ  แม้ว่าลักษณะของศัตรูจะแข็งแกร่ง  แต่โซเฟียไม่ได้รับผลกระทบแม้แต่น้อย  และขุนพลวิญญาณของเขาเองก็ไม่รู้จักความกลัว  ดังนั้นจึงไม่มีแววหวาดกลัวในสีหน้า
 ไม่สำคัญว่าพวกเขายังขาดประสบการณ์  เราก็แค่ต้องให้พวกเขาฝึกฝนเพิ่มขึ้น  ไม่สำคัญว่าพวกเขาจะได้รับบาดเจ็บ  มีเพลิงศักดิ์สิทธิ์สำรองอีกมากมายเอาไว้ให้พวกเขาที่นี่  ไม่สำคัญหรอกว่าพวกเขาจะตาย  หลังจากกรองพวกเขาออกมาพวกที่เหลือก็คือพวกเขาชั้นยอด  เรามีทหารชั้นเลวอีกมาก
 นอกจากนี้  ที่นี่คือสมรมภูมิของข้าเอง  พวกเขาคิดว่าการต่อสู้ที่นี่เป็นเรื่องง่ายหรือ?
ตาของประมุขผู้อาวุโสเป็นประกายเยือกเย็น  เขาขยับนิ้วที่ท้องฟ้าอย่างรวดเร็ว  และเหมือนกับว่านิ้วของเขาเชื่อมโยงกับม่านเพลิงศักดิ์สิทธิ์ในอากาศด้วยด้ายที่มองไม่เห็น  เพลิงศักดิ์สิทธิ์เริ่มเทลงมาเหมือนฝน
เพลิงศักดิ์สิทธิ์ร่วงลงบนกองพลขุนพลวิญญาณเพลิงศักดิ์สิทธิ์  ทำให้รัศมีของพวกเขาขยายกระจายออก  และเมื่อเพลิงศักดิ์สิทธิ์ตกใส่กองทัพกางเขนใต้กลับลดรังสีฆ่าฟันของพวกเขาได้ทันที  ด้วยการสะดุดเพลิงศักดิ์สิทธิ์  พวกเขาซบเซาลงเล็กน้อยและถูกขัดขวางอย่างเลือนราง
ตู้เค่อก้าวออกมาพร้อมกับรอยยิ้มทันที  วิชาของประมุขผู้อาวุโสอาจจะดูทรงพลังในสายตาผู้อื่น  แต่สำหรับตู้เค่อเป็นแค่การเคลื่อนไหวง่ายๆ
เขาลอยตัวเข้าหาอาซิ่น  จากนั้นวาดวงกลมด้วยฝ่ามือในอากาศ
ความผันผวนแพร่กระจายออกไปเหนือกองทัพ  และม่านพลังเลือนรางปรากฏขึ้น  เมื่อเพลิงศักดิ์สิทธิ์กระทบกับม่านพลังนี้ จะถูกทำลายและแตกกระจายไปอย่างรวดเร็ว  เพลิงศักดิ์สิทธิ์เปลี่ยนเป็นพลังงานกลวงเข้าไปเสริมพลังให้อาซิ่นและทหารของเขา  นี่เป็นสิ่งที่เขาเรียนรู้จากวังวนพายุกระบี่ของถังเทียน   เป็นเพราะการควบคุมกฎธรรมชาติของเขาโดดเด่นมากกว่า  และแม้ว่าวิชาของเขาจะไม่ดูทรงพลังเมื่อเทียบกับวังวนพายุกระบี่ แต่ก็สามารถเติมพลังให้กับทหารได้
ประมุขผู้อาวุโสมองดูตู้เค่อ  แต่ไม่รู้สึกแปลกใจ  แม้ว่าเขากับตู้เค่อจะสู้รบกันมาชั่วครู่ก็ตาม แต่ทั้งสองฉลาดเฉลียวทันกัน  แต่ตู้เค่อสามารถใช้วิธีเฉพาะอย่างแปลงพลังงานเพลิงศักดิ์สิทธิ์ก็ยังทำให้เขาตาเป็นประกาย
แต่สำหรับเขา การควบคุมเพลิงศักดิ์สิทธิ์ ต้องใช้สมาธิหรือพลังไม่ถึงเกือบทั้งหมด  แต่ตู้เค่อจะทนได้นานเพียงไหน?
 การใช้งานของเจ้าอาจแสดงให้เห็นว่าเจ้าได้ค้นคว้าศึกษาเพลิงศักดิ์สิทธิ์ของข้ามา  แต่เจ้าคิดหรือว่าข้าจะมีวิธีการใช้อยู่เพียงเท่านี้?
ประมุขผู้อาวุโสแค่นเสียง
ด้านล่างกระแสสีทองและกระแสสีดำปะทะกันอย่างหนักหน่วง
การสู้รบปะทุขึ้นถึงระดับสุดยอดในทันที

7 ความคิดเห็น:

Boybravo กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบใจจ้า

Minamoto กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

ท้องฟ้าจะมีความหมาย ถ้ามีคนแหงนมอง กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ กำลังสนุกเลย น้ำตาซึม "เมื่อไม่รู้ว่าทหารของเราเป็นหรือตาย เราจะพักอย่างสงบได้ยังไง!"

Unknown กล่าวว่า...

อยากทราบว่าผู้แปลแปลจากภาษาจีนหรือเปล่าครับ

แสดงความคิดเห็น