วันอาทิตย์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2561

Panlong เล่ม 14 อสูร – ตอนที่ 14 ปราสาทอสูร


เล่ม 14 อสูร – ตอนที่ 14 ปราสาทอสูร
แม้ว่าลินลี่ย์จะไม่ใช่คนตระหนี่ แต่ก็ไม่ใช่คนที่ใช้จ่ายเงินอย่างสุรุ่ยสุร่าย  กลุ่มของลินลี่ย์ออกจากโรงแรมจากนั้นใช้เวลาเดินทางไปรอบๆ เมืองรอยัลวิงมองดูตามโรงแรมสิบแห่งเพื่อเลือกโรงแรมที่ออกแบบมาอย่างเงียบสงบ
 
ราคาเข้าพักค้างที่นี่ปีละ 210 ศิลาดำ
หลังจากจ่าย 210 ศิลาดำ เขาได้รับป้ายสีดำ  กลุ่มของลินลี่ย์เข้าไปในที่พักของพวกเขา ผลักเปิดประตูเข้าไปในลานว่าง  ที่อยู่ต่อหน้าพวกเขาคือที่พำนักชั้นดีมีสวนดอกไม้ซึ่งกินพื้นที่ถึงหนึ่งในสามของที่พัก
ที่ด้านหลังเป็นอาคารสองชั้นเรียบง่ายที่ไม่มีการตกแต่ง
ลินลี่ย์กับเดเลียมองดูอาคาร และพวกเขาอดรู้สึกพอใจไม่ได้
 “พี่ใหญ่, สวนนี้สวยงดงามจริงๆ”  บีบีหัวเราะ  “พี่ใหญ่!  ข้าจะไปอยู่ข้างบนนะ”  บีบีกระโดดขึ้นไปที่ชั้นสองโดยตรง ครู่ต่อมาบีบีกระโดดกลับลงมาข้าง  เขาเม้มปาก “โรงแรมนี้ตระหนี่โคตร  นอกจากเตียงและเก้าอี้แล้ว ไม่มีอะไรข้างในเลย”
 “สภาพแวดล้อมแบบนี้ นับว่าดีอยู่แล้ว”
ลินลี่ย์พยักหน้าพอใจ และจากนั้นดึงแผ่นสกุลเงินอะซูไรท์ออกมาส่งให้เดเลียสองแผ่น และบีบีสองแผ่น  “บีบี เดเลีย พวกเจ้าสองคนพกเอาไว้คนละสองแสนศิลาดำ  ต่อไปถ้าเจ้าต้องการซื้ออะไรก็ตัดสินใจเอาเอง”
 “หึหึ” บีบียักคิ้วและรับเอาไว้
เดเลียพยักหน้าและรับเงินอะซูไรท์ไว้เช่นกัน
ลินลี่ย์เงยหน้ามองฟ้า เห็นว่าปัจจุบันยังเป็นเวลาบ่าย  ดวงอาทิตย์สีเลือดยังลอยเด่นอยู่ในกลางอากาศ
 “ยังหัววันอยู่เลย นี่ยังไม่มืดค่ำ  กำหนดเวลาห้ามออกนอกสถานที่สำหรับเมืองรอยัลวิงห้ามไม่ให้คนอื่นเดินถนนตอนกลางคืน  เราไปเดินสำรวจดูรอบๆ กันเถอะ”  ความคิดแรกของลินลี่ย์ก็คือปราสาทอสูร  “เราตรงไปที่ปราสาทอสูรกันและดูว่าการทดสอบที่ปราสาทอสูรจะเป็นยังไง”
 “ปราสาทอสูร?”  เดเลียและบีบีตื่นเต้นกันทั้งคู่
โดยไม่มีการเสียเวลาทั้งสามคนมุ่งหน้าไปปราสาทอสูรทันที!
ปราสาทอสูรโบราณสีดำสนิท โดยเฉพาะอย่างยิ่งสัญลักษณ์แกะสลักมหึมาของปราสาทที่มีหน้าปีศาจตาเดียว  ใครที่เห็นสัญลักษณ์จะไม่มีทางลืมได้เลย
คนที่มุ่งหน้าไปปราสาทอสูรไม่มากเท่ากับคนที่ไปที่ปราสาทเรดบุดหรือปราสาททรายดำ
อย่างไรก็ตาม  แม้ว่าผู้คนที่มุ่งหน้าไปปราสาทอสูรจะค่อนข้างต่ำ เมื่อพวกเขาเดินอยู่บนถนน  คนเหล่านี้มีสีหน้าท่าทางมั่นใจ  ส่วนใหญ่ในพวกเขาจะติดตราอสูรไว้ที่หน้าอกของพวกเขา  เห็นได้ชัดว่า...
พวกเขาเป็นอสูรกันทั้งหมด!
ชนชั้นฝีมือดีของแดนนรก!
กลุ่มของลินลี่ย์เดินขึ้นไปตามบันได เข้าไปในห้องโถงหลักชั้นแรกของปราสาทอสูร
 “เงียบมาก” บีบีพูดเบาๆ
ห้องโถงหลักบนชั้นที่หนึ่งของปราสาทอสูรกว้างขวางมาก  มีคนอยู่น้อยมากในห้องโถงใหญ่ ราวๆ ไม่กี่ร้อยคน  คนไม่กี่ร้อยคนนี้กระจายอยู่ในห้องโถงกว้าง ทำให้รู้สึกกระตือรือร้นนัก  กลุ่มของลินลี่ย์มองเห็นเคาน์เตอร์ ใบสมัครอสูร ในทันที
ที่เคาน์เตอร์นั้นจะมีหญิงงามผมเขียวนั่งอยู่ด้านหลัง บนชั้นวางด้านหลังนางจะมีขวดเหล้าหลายขวด
 “ยูนะ! เหล้าโอเล่ขวดแดงหนึ่งขวด!  บุรุษหัวโล้นเกราะดำวางเบี้ยอะซูไรท์ชิ้นหนึ่งไว้บนโต๊ะ
 “เฮ้, เจ้าไม่เห็นหรือว่าข้ากำลังยุ่ง?  รอเดี๋ยว”  สตรีผมเขียวไม่สนใจ  ยังคงสนทนากับเด็กหนุ่มผมดำข้างหน้านาง
 “อันจิ!  ข้าจะพูดยังไงถึงจะโน้มน้าวใจเจ้าได้?  ครั้งล่าสุด มีคนเกินพันคนร่วมสอบเข้าเป็นอสูร  และมีประสบความสำเร็จเพียงห้าสิบสามคน  มีเพียงยี่สิบแปดคนที่รอดชีวิตได้  แม้ว่าพวกเขาจะไม่ผ่านสอบคัดเลือก  แต่คนอื่นๆ มากกว่าเก้าร้อยคนตายเรียบ!  เจ้าร่วมคัดเลือกมาถึงสองครั้งแล้ว  และเจ้าก็โชคดีพอรอดชีวิตได้ถึงสองครั้งแม้ว่าจะล้มเหลวก็ตาม  เจ้าโชคดีสองครั้ง  แต่เจ้ายังจะโชคดีครั้งที่สามหรือไม่?”  หญิงสาวผมหยกกระตุ้นเตือนเขา
กลุ่มของลินลี่ย์เดินผ่านมาพอดี
บุรุษหนุ่มผมดำพูดเสียงเบา  “ยูนะ, แม้ว่าข้าจะรู้ว่าข้าโชคดีสองครั้งล่าสุด  แต่ข้าไม่ต้องการยอมแพ้  ข้าเกือบจะทำได้สำเร็จในสองครั้งสุดท้ายแล้ว ครั้งนี้ข้าจะต้องสำเร็จแน่นอน”
 “เจ้าแค่กลับไปฝึกให้นานขึ้น เพิ่มพลังฝึกปรือของเจ้า จากนั้นค่อยมาลองใหม่ไม่ได้หรือไง?”
ยูนะถอนหายใจ  “ข้าทำหน้าที่รับสมัครอสูร ข้าเห็นคนอย่างเจ้าที่ต้องการเป็นอสูรมามากมายเท่าใดแล้ว  อย่างไรก็ตามโอกาสตายในการสอบเป็นอสูรนั้นสูงมาก! กล่าวโดยทั่วไปมีจำนวนหลักสิบคนจากพันคนที่จะสำเร็จ ขณะที่จำนวนผู้รอดชีวิตไม่เคยมีถึงร้อยคนเลย!
 “อันจิ!  กลับไปฝึกเพิ่มอีกหน่อยเถอะ  เมื่อพลังของเจ้าขึ้นสู่ระดับใหม่ ค่อยกลับมาอีกครั้ง เมื่อถึงเวลานั้น ข้าเห็นด้วยที่จะรับสมัครเจ้า”  ยูนะกระตุ้นเตือน
 “เพิ่มพลังของข้าน่ะหรือ?”  เด็กหนุ่มผมดำส่ายศีรษะ  “ข้าเป็นระดับเทพแท้แล้ว  ข้าได้รู้แจ้งเคล็ดลึกลับต่างๆ ถึงสามเคล็ด  แต่ข้ารู้ว่า... ถ้าข้ายังคงฝึกต่อไป จำนวนเวลาที่ทำให้ข้ารู้แจ้งเคล็ดลึกลับที่สี่จะต้องยาวนานอย่างคาดไม่ถึง  แล้วจะเป็นยังไงถ้าข้าได้รับการรู้แจ้ง?  พลังของข้าจะไม่เพิ่มขึ้นมาก  มีแต่เมื่อข้าเป็นเทพชั้นสูงเท่านั้นถึงจะมีพลังก้าวหน้า!  แต่นี่ยังอยู่ห่างไกลเกินไป”
 “เป็นไปได้ไหมที่ข้าจะฝืนหลอมรวมกับประกายเทพ?  ข้าไม่ยินดีเลย  ยิ่งกว่านั้นข้าไม่มีเงินมากพอซึ้อประกายเทพชั้นสูง”
เด็กหนุ่มผมดำมองหน้าสตรีผมเขียว  “ยูนะ! อย่าห้ามข้าเลย”
 “ฮ่าฮ่า...”
ทันใดนั้น บุรุษหัวโล้นเกราะดำที่อยู่ใกล้ๆ เริ่มหัวเราะลั่น  เสียงหัวเราะของเขากึกก้องไปทั้งโถงใหญ่ที่เงียบสงบทันที  นักสู้อสูรหลายคนมองดูเขาที่กำลังหันหน้าไปมองสหายของเขา  “พี่น้อง! มาดูเร็ว,  สหายน้อยผู้นี้สามารถรอดชีวิตในการสอบเป็นอสูรได้ถึงสองครั้งสองครา  เขาโชคดีจริงๆ  แต่ตอนนี้ เขาจะสมัครสอบครั้งที่สามอีก ฮ่าฮ่าฮ่า....”
 “โอว.. เขารอดชีวิตได้ถึงสองครั้งหรือ?”  กลุ่มคนสองสามคนตรงเข้ามา ทุกคนล้วนมีเหรียญตราอสูรติดที่หน้าอก
 “โชคดีพอรอดชีวิตได้ถึงสองครั้ง  และเขาต้องการจะลองอีกหรือ?  นี่เขาเบื่อหน่ายชีวิตหรือไง?”
อสูรเหล่านี้ทั้งหมดพากันหัวเราะขณะที่พวกเขาเดินเข้ามาหา
บุรุษผมดำก้มหน้าขมวดคิ้ว ตลอดทั้งตัวสั่นเล็กน้อย
นี่เป็นการดูถูก!
 “ยูนะ” นักรบหัวล้านเกราะดำหัวเราะลั่น  “สหายน้อยผู้นี้อยากตาย ก็ปล่อยเขาไปเถอะ จะไปกระตุ้นเตือนเขาทำไม? ปล่อยให้เขาไปสอบจนตายก็แล้วกัน”
 “หุบปากเลย, แคลมป์ตัน!  ยูนะจ้องมองเขาขณะตวาดกลับ
นักรบหัวโล้นเกราะดำสะดุ้ง จากนั้นพูดด้วยความไม่พอใจ  “ยูนะ!  เจ้ากล้าพูดกับข้าแบบนั้นได้ยังไง!
 “อะไร?  ข้าพูดไม่ได้หรือไง?”  ยูนะเชิดคางเล็กน้อย และนางจ้องมองบุรุษโล้นเกราะดำอย่างเย็นชา  “แคลมป์ตัน, ข้าจะพูดกับเจ้าแบบนี้ จะทำไม?”
 “บัดซบเอ๊ย!  แคลมป์ตันโกรธและตบโต๊ะจ้องมองยูนะด้วยสายตาที่แดงก่ำเพราะความโกรธ
ยูนะตกใจกลัว แต่จากนั้นนางรวบรวมความกล้าและพูดเสียงแข็ง  “แคลมป์ตัน เจ้าคิดว่าเจ้ากำลังทำอะไร?  นี่คือปราสาทอสูร!  ยูนะรู้ว่าแคลมป์ตันเป็นนักรบอสูรที่ทรงพลังซึ่งมีระดับพลังเท่าเทพชั้นสูง
 “แคลมป์ตัน!  นักรบอสูรคนอื่นๆ เดินเข้ามาต่อว่าเขาทันที  “หยุดก่อเรื่องยุ่งเสียที”
นักสู้อสูรที่ร้องเรียกแคลมป์ตันทุกคนนี้ล้วนเป็นสหายของแคลมป์ตัน
 “ฮึ่ม...”  แคลมป์ตันแค่นเสียงเย็นชา  แต่เขารู้ว่าเมืองรอยัลวิง เขาจะกระทำการอะไรที่รุนแรงไม่ได้  ทั้งหมดที่เขาทำได้ก็คือ แค่นเสียง
 “ยูนะ, แคลมป์ตันก็แค่อารมณ์ร้อน ตอนนี้ขอเหล้าโอเล่ขวดหนึ่ง เร็วเข้า”  บุรุษผมยาวแดงคนหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆ ส่งเบี้ยอะซูไรท์ให้ยูนะ ซึ่งนางก็รับโอกาสถอนตัวจากการเผชิญหน้าครั้งนี้ นางรับเบี้ยอะซูไรท์และหยิบเหล้าขวดหนึ่งให้พวกเขา
ขณะนั้นเองบุรุษผมดำชื่ออันจิพูดเบาๆ  “ยูนะ!  ขอโทษด้วย”
ยูนะมองดูเขา นางส่ายหน้าและยิ้มให้
 “ข้ารู้ความเร็วในการฝึกของข้า”  บุรุษหนุ่มผมดำมองดูยูนะ  “ข้าต้องใช้เวลาแสนปีจึงจะเชี่ยวชาญเคล็ดลึกลับทั้งสามนี้  ในอีกแสนปีไม่มีทางที่พลังรู้แจ้งของข้าจะเพิ่มมากขึ้น  ข้าเหลือเงินเพียงพอให้ตัวเองอยู่ในเมืองรอยัลวิงได้อีกไม่กี่สิบปี  ข้าไม่มีเวลาอีกต่อไปแล้ว!
ยูนะมองเขา
 “ก็ได้”  ในที่สุดยูนะก็ยอมรับ
 “ข้าขอถามได้ไหม  มีข้อกำหนดอะไรในการสมัครเป็นอสูรบ้าง?”  เสียงหนึ่งดังขึ้น  ลินลี่ย์กับพวกอีกสองคนเดินเข้ามาที่เคาน์เตอร์
ยูนะชำเลืองมองเขา และจากนั้นนางเอามือกุมศีรษะทันที  “โอว..สวรรค์โปรด  รายแรกเรามีเทพแท้ที่สอบตกอยู่สองครั้ง แต่โชคดีรอดชีวิตได้ แต่ก็ยังอุตส่าห์ต้องการเข้าสอบคัดเลือกอีกครั้ง นั่นก็บ้าพอแล้ว  อย่าบอกข้านะว่าตอนนี้เรามีเทียมเทพที่ต้องการจะร่วมสอบเป็นอสูรกับเขาด้วย”
 “เฮ้, พี่ใหญ่ข้าถามคำถามเจ้าอยู่นะ”  บีบีจ้องนาง
ยูนะมองบีบี  นางอดรู้สึกงงงวยมิได้ และพูดด้วยความประหลาดใจ  “เขา...เป็นพี่ใหญ่ของเจ้า?”  ยูนะสามารถบอกได้ว่าบีบีเป็นระดับเทพแท้  ขณะที่ลินลี่ย์เป็นเพียงเทียมเทพ
 “อะไรกัน, เรื่องนั้นมีอะไรที่ไม่ถูกต้องหรือ?”  บีบีถามต้องการคำตอบ
ยูนะอดตะลึงไม่ได้
เดเลียที่อยู่ใกล้ๆ หัวเราะและพูดต่อ  “แม่นางยูนะ, เจ้าบอกเราได้ไหมว่าการสอบคัดเลือกเป็นอสูรจะต้องมีคุณสมบัติอะไรบ้าง?”
ยูนะกล่าว  “การสอบคัดเลือกเป็นอสูรไม่ต้องการคุณสมบัติอย่างอื่น  ตราบใดที่พวกเจ้าจ่ายค่าเข้าสอบหมื่นเหรียญศิลาดำ  เจ้าสามารถร่วมทดสอบได้  เมื่อเจ้าผ่านเจ้าจะกลายเป็นอสูรหนึ่งดาว  อย่างไรก็ตาม... แม้ว่าจะไม่มีกฎที่ยุ่งยากและมีความรวดเร็วในการเข้าร่วมสอบคัดเลือกเป็นอสูร..  เอ่อ..ข้าขอแนะนำเจ้าให้มาร่วมสอบหลังจากถึงระดับเทพแท้ดีกว่า  ระดับเทียมเทพ มัน..มันอันตรายเกินไป”  เมื่อเห็นลินลี่ย์ ยูนะได้แต่หัวเราะอย่างอึดอัด
ยูนะพูดความจริง
ลินลี่ย์เข้าใจเรื่องนี้ เพราะเขาได้ยินบทสนทนาของพวกเขาก่อนนี้แล้ว
คนเข้าร่วมสอบคัดเลือกพันคน แต่มีห้าสิบสามคนสอบผ่านสำเร็จ  ขณะที่มีผู้รอดชีวิตไม่ถึงร้อย  อัตราการตายระดับนี้น่ากลัวมาก  นอกจากนี้ผู้เข้าร่วมสอบคัดเลือกน่าจะเป็นระดับเทพแท้  ใครๆ ก็สามารถคาดคิดได้ว่าจะมีอันตรายขนาดไหน
แคลมป์ตันไปอยู่ที่มุมหนึ่งของโถงใหญ่และดื่มเหล้ากับเหล่าสหายของเขา  ตอนนี้เขาอยู่ในอารมณ์ที่โกรธมาก
 “แม่งเอ๊ย..นังตัวแสบ!  ใจของแคลมป์ตันยังคงโกรธอยู่  และเขามองไปที่ยูนะเป็นครั้งคราว
 “หือ?” แคลมป์ตันชะงักทันที  “พี่น้อง, ดูสิ... ไอ้หนุ่มผมน้ำตาลเป็นแค่เพียงเทียมเทพใช่ไหมนั่น?”
สหายคนอื่นๆ ตกใจทุกคนเพ่งดูเช่นกัน”
 “เฮ้ย.. เป็นระดับเทียมเทพจริงๆ ด้วย”  คนพวกนั้นประหลาดใจกันหมด
 “พวกเจ้าคงยังไม่สมัครเข้าสอบเป็นอสูรเดี๋ยวนี้เลยใช่ไหม?”  ยูนะมองดูกลุ่มของลินลี่ย์
 “ยังไม่รีบร้อน อีกสักครู่ ข้าจะกลับ”  ลินลี่ย์พูดพลางหัวเราะอย่างใจเย็น  ตอนนี้ลินลี่ย์รู้ว่าการสอบเป็นอสูรนั้นอันตรายแค่ไหน  แม้จะเพื่อประโยชน์ของเดเลียและบีบี เขาจะไม่เอาตัวเองไปเสี่ยงอันตราย  นอกจากนี้เขารู้แจ้งเคล็ดความรู้ลึกลับแก่นธาตุดินเกินครึ่งหนึ่งไปแล้ว
แม้ว่าเขาจะมีกระบวนการหลอมรวมที่ช้า  แต่ก็ใช้เวลาเพียงไม่กี่สิบปี
ไม่ต้องเร่ง
ขณะที่กลุ่มของลินลี่ย์เตรียมจะจากออกมา  ทันใดนั้นเสียงหนึ่งดังขึ้น.....
 “อีกสักเดี๋ยวหรือ? ฮ่าฮ่าฮ่า...”  เสียงนี้ดังแสบหูเขามาก
ลินลี่ย์หันไปมองและเห็นว่าผู้นำของกลุ่มกำลังเดินเข้ามา ก็คือแคลมป์ตัน  แคลมป์ตันแค่นเสียง เขาใช้สายตาดูถูกมองดูลินลี่ย์  “ฮ่าฮ่า เจ้า..เทียมเทพผู้ต้องการสอบเข้าเป็นอสูรงั้นหรือ?”  เสียงของแคลมป์ตันดังมาก
คนในโถงใหญ่หลายร้อยคนหันมามองดู และมีบางคนเดินเข้ามาด้วย
 “เทียมเทพกำลังจะสอบเป็นอสูร?  ข้าได้ยินผิดไปหรือเปล่า?”  บางคนงงงวยว่าเกิดอะไรขึ้น
 “ข้าได้ยินว่าเทียมเทพต้องการจะสอบเข้าเป็นอสูร  แต่นั่นเป็นเรื่องที่ข้าไม่ทราบว่าเคยได้ยินมากี่ปีแล้ว  ข้ายังไม่เคยเห็นกับตาตัวเอง”  บุรุษผมแดงถือแก้วเหล้าเดินเข้ามา
คนเหล่านี้หันมามองลินลี่ย์กันทุกคน
 “เขาน่ะหรือ? คนที่จะสอบเข้าเป็นอสูร?”  พวกเขาบอกได้เลยว่าคนที่ยังเป็นระดับเทียมเทพที่ปรากฏตัวอยู่ในตอนนี้ก็คือลินลี่ย์
 “ใช่แล้ว, เป็นสหายน้อยผู้นี้”  แคลมป์ตันหัวเราะทันที
หน้าของลินลี่ย์บิดเบี้ยวน่าเกลียด เดเลียและบีบีก็โกรธเช่นกัน
 “ไม่ใช่แค่เจ้าเด็กน้อยผมน้ำตาลนี่เท่านั้นนะ  เจ้าเด็กผมดำนี่ด้วย เขาสอบตกในการคัดเลือกเข้าเป็นอสูรมาสองรอบแล้ว  แต่เขาโชคดีเหลือเชื่อที่รอดชีวิตมาได้  ตอนนี้ เขาต้องการลองสอบอีก”  แคลมป์ตันหัวเราะ  “วันนี้มีคนโง่เยอะกว่าปกติจริงๆ  พวกเขาคิดว่า.. ด้วยพลังของพวกเขา  พวกเขาจะกลายเป็นอสูรได้หรือ?  พวกเขาจะกลายเป็นอสูรไปเพื่ออะไรกัน?  ตลกเป็นบ้า!
เด็กหนุ่มผมดำโกรธจัด  เขากำหมัดแน่นขณะจ้องมองแคลมป์ตัน
หน้าของลินลี่ย์เขียวคล้ำ
 “แม่มันเอ๊ย..บัดซบจริงๆ!  บีบีตะโกน แต่ลินลี่ย์คว้าบีบีไว้  “บีบี! อย่าไปโกรธสวะแบบนี้เลย มันไม่คุ้มกัน”  ลินลี่ย์กล่าว  ลินลี่ย์รู้ว่าเขาปล่อยให้บีบีก่อเหตุรุนแรงไม่ได้  ถ้าเขาก่อเรื่องรุนแรงในเมืองรอยัลวิง เขาคงจบแน่นอน
หน้าของแคลมป์ตันที่กำลังหัวเราะอย่างอารมณ์ดีชะงักค้างทันที  เขาหันไปมองลินลี่ย์
 “เฮ้, แคลมป์ตัน เจ้าได้ยินไหมนั่น?  เจ้าเทียมเทพนั่นเรียกเจ้าว่าสวะ”  ใครบางคนที่อยู่ใกล้ๆ โหมไฟ
 “เจ้าพูดว่าไงนะ?”  หน้าแคลมป์ตันน่ากลัว
 “เจ้าต้องการให้ข้าพูดอีกหรือ?”  ลินลี่ย์มองหน้าเขา  เนื่องจากว่าเขาไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี  “ข้าคาดไม่ถึงจริงๆว่ายังมีคนในโลกนี้ที่ต้องการถูกสบถด่า เอาอย่างนั้นก็ได้  ข้าจะพูดอีกครั้ง ข้าบอกว่าเจ้า...”  หน้าของลินลี่ย์เพิ่มความเย็นชาขึ้นขณะที่เขาจ้องมองแคลมป์ตัน “คือสวะ!
 “ไปกันเถอะ!  ลินลี่ย์ฉุดดึงมือบีบีและเดเลียเดินออกไปข้างนอกโดยไม่สนใจแคลมป์ตันแม้แต่น้อย

6 ความคิดเห็น:

ท้องฟ้าจะมีความหมาย ถ้ามีคนแหงนมอง กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ต้อง ตบสั่งสอนสักหน่อยแล้ว

Piyawat กล่าวว่า...

ตอนนี้คือเทพแท้เอาลินลี่ย์ลงยากระดับนึงละมั้งเนี่ย

Boybravo กล่าวว่า...

ลินลีย์ วัดกะเทพแท้ไหวแล้ว จัดดด

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

tho กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับ

แสดงความคิดเห็น