ตอนที่ 658
ยกระดับตะวันฉายทานตะวัน
เมื่ออี้หนานตื่นขึ้นก็เป็นเวลาเกือบเที่ยงวัน
ทันใดนั้นนางจำได้ทันทีถึงสิ่งที่ผู้หลักผู้ใหญ่บอกนางไว้ว่าเจ้าสาวควรจะปรุงอาหารให้สามีเป็นการแสดงถึงความรักและการให้เกียรติ นางเร่งรีบ
แต่เมื่อนางขยับขา ร่างที่อ่อนนุ่มของนางรู้สึกเจ็บอีกครั้ง
นางอดร้องออกมาไม่ได้
เจ้าเมืองโล่วฮัวกำลังนั่งอยู่หน้าเตียงรีบยื่นมือประคองอี้หนาน “นอนลงและอยู่นิ่งๆ
ไว้”
“เสื้อผ้าข้าอยู่ไหน?”
ถึงตอนนี้อี้หนานจึงรู้ว่านางยังเปลือยกายอยู่
นางรีบซ่อนตัวกลับเข้าไปในผ้าห่มนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน นางกลัวและไม่กล้าสบตาเจ้าเมืองโล่วฮัว
“ไม่ต้องอายหรอก, เจ็บไม่ใช่หรือ?” เจ้าเมืองโล่วฮัวยิ้มปลอบใจนาง จากนั้นถาม
“ไม่, ข้าไม่นะ”
อี้หนานรีบส่ายศีรษะ เพื่อแสดงว่านางสบายดี คิดว่านางยังไม่ฟื้นฟูเรี่ยวแรงทั้งหมด
“นี่ยังแค่เริ่มต้น
ถ้าเจ้าเริ่มฟื้นฟูก็ดีแล้ว
ร่างกายเจ้ายังไม่อาจแข็งแรงเทียบกับมารกฎฟ้าได้
ไม่อาจเทียบกับไห่หลานได้
อย่าเพิ่งรีบเร่งนักในช่วงวันสองวันนี้
เจ้ายังมีโอกาสต่อมาอีกมาก ตัวร้ายนั่นตะกรุมตะกราม เขาไม่อิ่มพอใจง่ายๆ
หรอกไม่ว่าเจ้าจะให้เขากี่ครั้งก็ตาม
ดังนั้นอย่าเพิ่งให้ความสนใจเขา
สิ่งที่สำคัญที่สุดคือตัวเจ้าเอง
ข้าจะดูแลให้เองและไม่ต้องใส่ใจเขา
ถ้าเขากล้ารังแกเจ้า ข้าจะดุเขาเอง!” เจ้าเมืองโล่วฮัวยื่นมือนางออกมาจัดผมที่ติดแก้มให้อี้หนาน
และสอนประสบการณ์ให้นาง
“ไม่นะ, เขาสุภาพ
นุ่มนวล”
อี้หนานกลัวว่าเจ้าเมืองโล่วฮัวจะต่อว่าเย่ว์หยางจึงรีบพูดถึงเขาในแง่ดี
“เมื่อวานนี้ก้าวหน้าใช่ไหม?” เจ้าเมืองโล่วฮัวถาม
“ใช่” อี้หนานพยักหน้าอย่างเอียงอายและดีใจ หลังจากฝึกผสานกายขั้นสุดท้าย
ระดับพลังของนางเพิ่มขึ้นเป็นสองเท่า
และนางไม่คาดเลยว่านางจะก้าวหน้าขนาดนั้นหลังจากฝึกผสานกายจริงๆ
“เจ้าฝึกต่อไป เจ้าก็จะยิ่งเพิ่มพลังได้อีก เจ้าฝึกนานกว่าข้า
ดังนั้นความก้าวหน้าของเจ้าเมื่อคืนก็ยังจะก้าวหน้ามากกว่าข้า มิน่าเล่าเชี่ยนเชี่ยนกับอู๋เสียจึงยังฝึกอยู่ ข้าเป็นของเขาเร็วเกินไปหน่อย” แน่นอนว่าเจ้าเมืองโล่วฮัวแค่กำลังหยอกล้อ นี่เป็นวิธีทำให้อี้หนานผ่อนคลาย
ความจริงเจ้าเมืองโล่วฮัวรู้ว่าถ้าไม่ใช่เป็นเพราะจื้อจุนและจักรพรรดินีราตรีต้องการให้เสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนรักษาความบริสุทธิ์ไว้
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนคงไม่พ้นมือเย่ว์หยางแล้ว นางรู้ว่าแม่เสือสาวดุต่อหน้าคนอื่นเท่านั้น พออยู่กับเย่ว์หยางตามลำพังนางคงยอมรับแน่
“ไม่สำคัญว่าข้าจะยกระดับได้หรือไม่ ตราบเท่าที่สามารถช่วยเขาได้”
อี้หนานคิดถึงแต่เย่ว์หยางไม่ได้คิดถึงตัวนางเอง
เมื่อเจ้าเมืองโล่วได้ยินเช่นกัน นางยิ้มอ่อนโยน
พวกนางทุกคนคิดเหมือนกัน แต่พูดไม่เหมือนกัน
หลังจากพูดคุยสนทนาการอยู่นาน
เจ้าเมืองโล่วฮัวลอบถ่ายทอดเคล็ดลับให้อี้หนาน
นางบอกว่านางสามารถทำได้หลังจากผสานร่างกับเย่ว์หยางแล้ว เคล็ดลับนี้ไม่คล้ายกับสนามพลังจิต แต่มีความลึกซึ้งมาก
และทำได้หลังจากผสานกายกับเย่ว์หยางแล้วจะให้ผลที่ชัดเจน
ตามคำที่เจ้าเมืองโล่วฮัวกล่าว
แม้แต่องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเสวี่ยอู๋เสียก็ไม่รู้เคล็ดลับนี้ มีแต่อู๋เหิน
มารกฎฟ้าและไห่หลานเท่านั้นที่รู้
ดังนั้นอี้หนานได้แต่ถามอย่างสงสัย ใครเป็นคนสอนเคล็ดลับนี้
เจ้าเมืองโล่วฮัวส่ายหน้าเป็นนัย
เมื่อนางออกมาแล้ว อี้หนานรีบลุกขึ้นทนฝืนเจ็บสวมเสื้อผ้า
ไม่นานหลังจากนั้นเย่ว์ปิงก็เข้ามาถือถ้วยแกงเข้ามาอย่างระมัดระวัง “พี่อี้หนาน นี่พี่สามทำเป็นพิเศษให้ท่าน
นางหยุดเล็กน้อยจากนั้นพูดต่อ
“ข้ากับซวงเอ๋อแอบชิมไปก่อนแล้ว
เราไม่รู้ว่าเตรียมไว้ให้ท่าน”
“อะไรกันนี่? ให้ข้าล้างหน้าตาก่อน” อี้หนานรู้สึกดีขึ้น
นางไม่ถือสาว่าเย่ว์ปิงและเย่ว์ซวงจะชิมไปก่อน
เมื่อคิดว่าพวกนางเข้าใจผิดเชื่อว่าพี่ชายนางปรุงให้พวกเขานางโดยเฉพาะ
อย่างไรก็ตาม ตราบเท่าที่เย่ว์หยางทำด้วยตนเอง อย่างนั้นก็พอแล้ว
สิ่งนี้จะต้องทำมาจากใจของเขา
สำหรับรสชาติจะเป็นยังไงไม่สำคัญ
หลังจากดื่มน้ำซุปแล้ว
อี้หนานรู้สึกว่านางเต็มไปด้วยความสุขและความหวานชื่นใจ นางรู้สึกมีเรี่ยวแรง ใบหน้าเปล่งปลั่ง
เย่ว์ปิงประหลาดใจเล็กน้อย “พี่อี้หนาน
เอ่อ.. ต้องเป็นพี่สะใภ้สินะ
หน้าของท่านดูเหมือนจะมีเสน่ห์มากนะในวันนี้ ระดับความก้าวหน้าของท่านรวดเร็วอีกแล้ว” เย่ว์ปิงไม่คิดว่าเป็นผลมาจากอี้หนานกับเย่ว์หยางผสานกายกัน
นางคิดว่าเป็นเพราะอี้หนานฝึกฝนจนพลังฝึกปรือเพิ่มขึ้น
อี้หนานตระหนักว่านางเข้าใจผิด นางอดรู้สึกสุขใจไม่ได้ “พี่ชายเจ้าอยู่ไหนแล้ว?”
เย่ว์ปิงชี้ไปที่ข้างนอก
“เขาอยู่ข้างนอกกำลังช่วยให้เหล่าอสูรรบเลื่อนระดับชั้น
โดยใช้เพลิงบัวสวรรค์ปรับแต่งตะวันฉายทานตะวัน
ไปดูกันเถอะ!”
เพื่อกลบเกลื่อนความขัดเขินระหว่างเดิน
อี้หนานฉุดดึงแขนเย่ว์ปิงและเดินออกไป
ในท้องฟ้าระยะไกล ตะวันฉายทานตะวันกำลังเปล่งแสงเจิดจ้า ยังสว่างกว่าดวงอาทิตย์เสียอีก ในระยะไกลออกไป เย่คง เจ้าอ้วนไห่
เสวี่ยทันหลางและองค์ชายเทียนหลัวพากันมองดูทุกคน
พวกเขามองดูว่าเย่ว์หยางจะยกระดับตะวันฉายทานตะวันได้ยังไง และเพื่อซึมซับประสบการณ์เพิ่มระดับอสูรรบ
เย่ว์หยางมีความสามารถทางพลังหยางเปลี่ยนท้องฟ้าให้เป็นโลกของบัวเพลิงฟ้า
บัวเพลิงฟ้าสีแดงนับพันลอยอยู่ในอากาศ
หลังจากฝึกปรือร่วมกับอี้หนานเมื่อคืนก่อน
เขาได้รับผลพลอยได้ถึงสองอย่างทั้งพลังฝึกปรือและพลังงาน
ความก้าวหน้าของเขามากกว่าอี้หนานอย่างเห็นได้ชัด เขารุดหน้าไปเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับเก้า จากเดิมระดับแปด
การเลื่อนระดับพลังครั้งนี้ไม่ใช่แค่การเลื่อนระดับพลังง่ายๆ รู้กันอยู่แล้วว่าพลังปราณก่อกำเนิดระดับแปดนี้ของเขา เทียบเท่ากับคนที่มีพลังปราณฟ้าระดับสาม
การยกระดับของเขาจึงเท่ากับยกระดับพลังปราณฟ้าระดับสามไปเป็นระดับสี่
และที่ก้าวหน้ามากที่สุดก็คือทุกครั้งที่เย่ว์หยางเพิ่มพลัง ทักษะแฝงเร้นธรรมชาติและอสูรรบของเขา ก็เพิ่มพลังในระดับที่ต่างๆ กันไป
ด้วยผลของการผสานกายกับอี้หนาน
และผลของการเปิดผนึกความรู้ที่ได้รับตกทอดจากมารดาของสหายผู้น่าสงสาร
แม้แต่เจ้าเมืองโล่วฮัวและอู๋เหินก็มีเหมือนกัน
อย่างไรก็ตามกลับได้ผลการฝึกปรือที่ดีที่สุดเมื่อฝึกผสานร่างกับอี้หนาน
ถ้าไม่ใช่เพราะสาวน้อยอี้หนานยังเยาว์วัยเกินไปและยังไม่สามารถทนได้
เย่ว์หยางต้องการฝึกต่อให้นานขึ้นและเปิดผนึกความรู้ให้มากขึ้น
เย่ว์หยางผู้มีพลังเพิ่มขึ้นมั่นใจว่าเขาสามารถปรับแต่งตะวันฉายทานตะวันได้ เจ้าเมืองโล่วฮัวเป็นคนโจมตีหลัก พลังของนางเพิ่มขึ้นมาก
ดังนั้นเย่ว์หยางตัดสินใจยกระดับตะวันฉายทานตะวันที่นางได้รับก่อน
“ดูเหมือนยังจะเช้าอยู่
กลับไปงีบต่อสักหน่อยเถอะ!” นางเซียนหงส์ฟ้าหาวและกลับไปพักตามที่ตั้งใจ
“เอาเลยพี่เขย!”
มารเคราะห์ฟ้าได้รับโซ่เทพเจ้าสายฟ้าและยืนเชียร์เย่ว์หยางด้วยความตื่นเต้น
สิบนาทีต่อมาหลังจากเย่ว์หยางปรับแต่งด้วยบัวเพลิงสวรรค์
กลับกลายเป็นว่าตะวันฉายทานตะวันยกระดับจากอสูรปราณฟ้าระดับหนึ่งขึ้นเป็นอสูรปราณฟ้าระดับสอง
เทียบกับตะวันฉายทานตะวันที่ไม่มีพลังโจมตีอะไรเลย
พลังใหม่ของทานตะวันมีเพิ่มขึ้นมาอีกอย่างหนึ่งคือ “ตาพร่า”
พลังรุกโจมตีนี้แทบจะทำร้ายใครไม่ได้ แค่ทำให้การมองเห็นของอีกฝ่ายหายไประยะเวลาสั้นๆ
ดูเหมือนจะไร้ประโยชน์
ความจริงทักษะตาพร่านี้เป็นกุญแจในการพลิกสถานการณ์การต่อสู้ทั้งหมด
เมื่อใช้อย่างชาญฉลาด
ถ้ายอดฝีมือคนหนึ่งต่อสู้
อาจจะสร้างความผิดพลาดได้ทันที
และเขาอาจถูกตัดสินชะตาได้
“แข็งแกร่ง!”
เย่คงและเจ้าอ้วนไห่ที่ยืดคงแหงนมองดูที่ดอกไม้ ทุกคนได้แต่ชูนิ้วโป้งชื่นชมเย่ว์หยาง
ส่วนหลิวเย่และเป่าเอ๋อเทิดทูนบูชาเย่ว์หยางอยู่แล้ว พวกนางปรบมือร่าเริง เย่ว์ซวงกำลังกินแตงโมแช่เย็นในมือพยักหน้าหงึกหงัก เธอทำท่าน่ารักแต่พูดไม่ออก
อย่างไรก็ตาม เย่ว์หยางยังไม่พอใจกับผลที่ออกมา
เขารวมบัวเพลิงสวรรค์เข้ากลุ่มเป็นแสงเพลิงสนธยาและดึงเอาเพลิงน้ำเงินบริสุทธิ์ออกมา เขาตั้งใจจะผสานกับตะวันฉายทานตะวัน
เขายังคงเพิ่มพลังต่อไป
เขาต้องการเปลี่ยนตะวันฉายทานตะวันเป็นสายพันธุ์แปลกประหลาด เจ้าอ้วนไห่และเย่คงตะลึง ถ้าไม่ใช่เป็นเย่ว์หยางและเปลี่ยนเป็นคนอื่น พวกเขาคงคิดว่าเขาบ้าไปแล้ว
การเปลี่ยนแปลงของอสูรรบเป็นแค่เปลี่ยนแปลงพัฒนาทีละก้าว
นี่จะเปลี่ยนแปลงให้มากเกินกว่านี้อีกหรือ?
ไม่!
ที่เป็นไปไม่ได้มากกว่าก็คือเพลิงสนธยามีพลังตรงกันข้ามกับบัวเพลิงสวรรค์
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป
และเย่ว์หยางรู้สึกว่าเขาเหนื่อยมากกว่าสู้เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายเสียอีก ทำให้เขาใช้ความพยายามครั้งสุดท้าย
ถ้าเขาทำไม่สำเร็จ
อย่างนั้นก็ต้องเลิกทำ
เป็นไปได้ไหมว่าตะวันฉายทานตะวันมาอยู่ในสภาวะสูงสุดของมันแล้ว? หรือว่าวันนี้ดวงอาทิตย์แดดจะไม่พอ?
“ข้ามั่นใจว่าเจ้าจะทำได้สำเร็จ!”
เจ้าเมืองโล่วฮัวไม่รออยู่บนพื้น
และคล้องแขนประคองเย่ว์หยางช่วยเสริมพลังของเขาด้วยพลังนาง
ไม่ทราบเป็นเพราะเจ้าเมืองโล่วฮัวหรือว่าแรงบันดาลใจที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันของเย่ว์หยาง
หรือเป็นเพราะตะวันฉายทานตะวันถึงจุดเปลี่ยนสำคัญในวิวัฒนาการ
สามนาทีต่อมาท้องฟ้าค่อยๆ สลัว
และเพราะแสงสลัวลงทุกคนจึงสามรถเห็นทานตะวันฉายแสงได้ เหมือนกับดวงอาทิตย์
แต่ไม่มีแสงเจิดจ้า เป็นแต่เหมือนกับพระจันทร์สีทอง สีสันดูนุ่มนวลตา
ในที่สุดแสงก็สลัวลง
แม้รัศมีทรงพลังครอบคลุมไปทั่วภาคพื้น
เหมือนกับว่ามีแต่ทานตะวันเท่านั้นที่เหลืออยู่ต้นเดียวในโลก ทุกที่ภายใต้แสงของมัน
เมื่อเย่คงและเจ้าอ้วนไห่เห็นว่าทานตะวันเปลี่ยนแปลงไปได้สำเร็จ โลกก็มืด
เมื่อตะวันฉายทานตะวันกลับกลายเป็นดอกไม้ที่มีแสงเหมือนยามสนธยา
แม้แต่ฟ่านหลุนเถี่ยที่ห้าวหาญที่สุดก็ยังมีความรู้สึกว่าเขามองเห็นได้ทั้งโลก
เขาไม่สามารถยกจิตวิญญาณนักสู้ของเขาได้โดยสิ้นเชิง
“โอวสวรรค์, ทักษะนี้คือพลังโจมตีจิตวิญญาณ!” เย่คงรู้สึกตัวและร้องเตือน
เจ้าอ้วนไห่ ผู้มีการป้องกันพลังจิตได้ยังรู้สึกตัวว่าของเขาด้อยกว่าเล็กน้อย
แต่ก็ยังนั่งลงกับพื้นดูเหมือนคนแก่
เพียงแต่เมื่อนกนางนวลสายลมปลุกเขา เขาจึงรู้สึกว่าได้รับผลจากแสงสนธยา
“เจ้าให้ดอกสนธยาข้าสักดอกได้ไหม? ในฐานะพี่ใหญ่ พอไม่มีดอกทานตะวันรู้สึกไม่ดีเลย” เจ้าอ้วนไห่ขอหน้าด้านๆ
“จ่ายมาสองเหรียญทองแดนสวรรค์
ข้าจะซื้อให้เจ้าต้นหนึ่ง” นี่คือคำตอบของเย่ว์หยาง
“งั้นก็ไม่เป็นไร”
เจ้าอ้วนไห่รู้ว่าเขา คงไม่สามารถขายอะไรได้ยี่สิบล้านแน่ ต่อให้ชำแหละร่างอ้วนๆ ของเขาขายก็ตาม ดังนั้นเขายกเลิกความคิดนี้ออกไป
“อะไรน่ะ?”
นางเซียนหงส์ฟ้าที่หลับงีบหนึ่งและพบว่าเย่ว์หยางได้เปลี่ยนตะวันฉายทานตะวันเป็น
ทานตะวันแผดเผา และเปลี่ยนไปเป็นดอกสนธยา
แค่นั้นยังไม่พอ เมื่อวานนี้เขารู้สึกว่าเขาตื่นเต้นไปบ้าง
แสงตะวันจากระดับหนึ่งเพิ่มไปเป็นปราณฟ้าระดับสาม
ทานตะวันฟ้า และเขายังต้องการทำต่ออีกหรือ?” นางถามเย่ว์หวี่
10 ความคิดเห็น:
ขอบคุณครับ
^^
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณมากครับ
ขอบคุณมากครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณมากครับ
แสดงความคิดเห็น