เล่ม
14 อสูร – ตอนที่ 20 กองหน้ากล้าตาย
ในอากาศเหนือทะเลสาบจันทรา หมอกชมพูมีปรากฏอยู่ทุกที่
ภายในหมอกหนา,
ทุกคนรวมทั้งลินลี่ย์ไม่มีการพูดได้แต่ปล่อยสนามพลังเทพทำให้หมอกเคลื่อนห่างตัวพวกเขาไป สนามพลังเทพไม่ใหญ่ขนาดนั้น แต่เมื่อยอดฝีมือทั้งพันคนใช้งานพร้อมกัน...
ทันใดนั้นไม่มีร่องรอยหมอกเหลืออยู่ที่อากาศเหนือปราสาท
“เรายังไม่ทันได้เข้าปราสาทเลย
แต่ก็มีคนเริ่มตายเสียแล้ว”
ลินลี่ย์รำพึงกับตนเอง จากนั้นเมื่อหมอกสีชมพูถูกพ่นออกมาครั้งแรก มีอยู่น้อยคนที่วิญญาณได้สัมผัสการปนเปื้อนของหมอก
คนพวกนั้นจะมีจิตอำมหิตเพิ่มขึ้นทุกทีและระเบิดความบ้าคลั่งออกมา
ในพริบตาเดียวเทพแท้ตายไปเกือบสิบคน
“หมอกนี้ทรงพลังอย่างแท้จริง” ลินลี่ย์ถอนหายใจชมเชย “โชคดีที่ข้าไม่ได้ปล่อยสำนึกเทพ”
แต่เดเลียเอ่ยขึ้น
“เมื่อครู่นี้เมื่อข้าได้ยินเสียงการต่อสู้ ข้าส่งสำนึกเทพออกไปดูว่าเกิดอะขึ้น แต่แน่นอน
เมื่อข้าได้ยินเสียงเตือนข้าถอนสำนึกกลับมาทันที”
ลินลี่ย์อดหันไปมองเดเลียไม่ได้
“เดเลีย, เจ้าปลอดภัยดีไหม?” ลินลี่ย์ตกใจ”
“ดูสิ, ว่าข้าเป็นอะไรไปหรือเปล่า?” เดเลียหัวเราะ
“เมื่อครู่นี้ข้ารู้สึกแย่เล็กน้อย
ข้ารู้สึกแค่เพียงมีร่องรอยรังสีฆ่าฟันอยู่เบาบาง แต่ข้ายังควบคุมได้ดีอยู่” เดเลียอธิบาย
ทันใดนั้นลินลี่ย์ขมวดคิ้วและเขามองดูข้างๆ มีเทพที่อยู่ใกล้เขาสองคนคุยกัน
“อะเคสึ! ครั้งนี้เรายุ่งยากแล้ว
พิษนี้พัฒนาโดยผู้เชี่ยวชาญระดับเทพชั้นสูงสายวิถีมรณะ ของอย่างนี้ล้ำค่ามาก แต่เจ้าของปราสาททะเลสาบจันทรากลับเอามาใช้อย่างธรรมดา และวงเวทที่เพิ่งใช้ไปนี้..
ละเอียดซับซ้อนมาก
แสดงให้เห็นว่าเจ้าของปราสาทนี้มั่งคั่งมาก”
“ใช่แล้ว,
หมอกพิษนี้ใช้กระตุ้นให้เกิดการเข่นฆ่า
ไม่ใช่สิ่งที่ทรงพลัง
เมื่อข้าอยู่ในปราสาททรายดำเมืองรอยัลวิง
ครั้งหนึ่งข้าเคยเห็นคนขายพิษซึ่งสัมผัสกับวิญญาณนักสู้ มันทำให้จิตวิญญาณเผาไหม้และพังทลาย แต่แน่นอนว่าราคาของมันเทียมฟ้า”
เทพแท้ทั้งพันคนผู้เข้าร่วมสอบเป็นอสูรทุกคนเริ่มปรึกษากันเองขณะที่ลอยตัวอยู่ในกลางอากาศ
ให้อสูรทั้งยี่สิบตัดสินใจ
ถ้าพวกอสูรไม่ไปจัดการเจ้าของปราสาทและทหารชุดดำพวกนั้น พวกเขาไม่กล้าบุกเข้าไป
ทุกคนรวมทั้งลินลี่ย์เข้าใจสิ่งที่เจ้าปราสาทได้แสดงออกมาว่าเป็นแค่กลเล็กน้อยสำหรับเขา เขายังไม่ได้แสดงจังหวะการสังหารที่แท้จริงของเขา
เทพแท้อย่างลินลี่ย์จะกล้าบุกและเอาชีวิตไปทิ้งได้ยังไง?
ที่ด้านล่างปราสาททะเลสาบจันทรา ภายในห้องโถงกว้าง
พ่อบ้านอยู่ในชุดม่วงกำลังยืนอยู่ด้านหนึ่ง
ขณะที่ชายชราผมดำคิ้วของเขาลู่ยาวลงมาถึงหน้าอกกำลังสุ่มเลือกเหล้า และกล่าวตามปกติ “เบลามี! เจ้าสอบสวนเรื่องที่เกิดขึ้นข้างนอกเสร็จหรือยัง?”
“ใต้เท้า,
พวกผู้นำของกลุ่มเป็นอสูรทั้งนั้น”
พ่อบ้านชุดม่วงขมวดคิ้ว
“สถานการณ์ดูเหมือนจะแย่
ข้าเกรงว่ามีบางคนตั้งใจส่งภารกิจให้ปราสาทอสูรเข้าโจมตีเรา” การโจมตีของพวกอสูรจะเป็นเรื่องยุ่งยากเพราะบางคน
เช่นเดียวกับที่เจ้าของปราสาทนี้เจอ
“หือ?”
ชาชราผมดำเลิกคิ้ว
เขาเงียบไปชั่วขณะ
“ช่างพวกเขาเถอะ ใครก็ตามที่บุกเข้าปราสาทจะต้องถูกฆ่า!” ชายชราผมดำพูดเสียงเบา “ทหารชุดทองทุกคนอยู่ภายใต้การดูแลของเจ้า ใช้งานทาวเซ่นและคนอื่นด้วย
มีใครบางคนตั้งใจต่อต้านข้าหรือเปล่า?
หลังจากจัดการเรื่องนี้แล้ว ข้าจะต้องสืบดูเรื่องนี้แน่นอน”
“ขอรับ, ใต้เท้า!” พ่อบ้านชุดม่วงคำนับ
ในอากาศเหนือปราสาททะเลสาบจันทรา
ยังมีกลุ่มผู้คนลอยตัวอยู่ในกลางอากาศ
ขณะที่ผู้นำของเขาโลซูสรู้สึกลำบากใจ
โลซูสรู้ดีว่าด้วยเงินและอำนาจที่เพียงพอ
ใครๆ
ก็สามารถไปที่ปราสาททรายดำซื้อสินค้าต้องห้ามบางอย่างและสร้างเป็นกับดักมรณะได้ทั่วปราสาทนี้ แม้แต่เขาเองยังไม่กล้าบุกเข้าไปอย่างบุ่มบ่าม
“ไม่มีทางเลือกอื่น” หน้าของโลซูสจนใจขณะที่เขามองดูอสูรโดยรอบ
อสูรรอบๆ
มองหน้ากันเอง
เหมือนกับว่าพวกเขาไม่เคยเผชิญหน้ากับสถานการณ์แบบนี้มาก่อน พวกเขาทั้งหมดรู้ว่าควรจะทำอะไรในตอนนี้....
ให้พวกเข้าสอบเป็นอสูรเป็นหน่วยหน้ากล้าตาย! ให้พวกเขาบุกเข้าไปในปราสาท!
“ควั่บ!” “ควั่บ!” .....
อสูรทั้งยี่สิบกว่าคนลอยตัวอยู่เหนือกลุ่มเทพแท้ส่วนใหญ่รวมทั้งลินลี่ย์
ขณะที่มีเสียงหนึ่งดังขึ้น
“หมอกพิษนี้มีอยู่ทั่วทุกที่ ขณะที่ตัวปราสาทเองก็ยังไม่ถูกทำลาย พวกเราทั้งหมดในตอนนี้จะเข้าไปในปราสาท!
ตอนนี้พวกเจ้าทั้งพันคนแบ่งออกเป็นสิบกลุ่มและเข้าไปในปราสาทผ่านทางหน้าต่างและระเบียงทางเดิน พวกเราที่เป็นอสูรจะแบ่งออกเป็นสิบกลุ่ม
ตามหลังพวกเจ้าไป
พวกเจ้าจะต้องจัดการทหารธรรมดาชุดทอง
ถ้าพวกเจ้าเผชิญหน้ากับทหารชุดดำ
เราเหล่าอสูรจะลงมือเอง!”
เมื่อเสียงนี้ดังขึ้น
เทพเกือบพันคนที่กำลังเข้าสอบถึงกับมีสีหน้าเปลี่ยน
“บัดซบจริง
พวกเขาจะให้พวกเขาเป็นโล่มนุษย์!” ลินลี่ย์สบถในใจ
ทุกคนเข้าใจทันที อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่กล้าปฏิเสธ....
เพราะพวกเขาทุกคนรู้ว่าพวกเทพชั้นสูงทรงพลังอย่างน่าตกใจเพียงไหน
บางทีเมื่อเผชิญคนอย่างแคลมป์ตันผู้กลายเป็นเทพชั้นสูงโดยผ่านการหลอมรวมกับประกายเทพ
กลุ่มเทพแท้ก็สามารถฆ่าได้เมื่อรวมพลังกัน
แต่อสูรห้าดาวอย่างโลซูสนั้นแตกต่างกันไป
ใครบางคนสามารถกลายเป็นอสูรห้าดาวได้ต้องเป็นคนที่สามารถหลอมรวมเคล็ดลึกลับได้อย่างแน่นอน
อสูรห้าดาวคงไม่รู้สึกว่ายากเย็นเกินไปกับการฆ่าพวกเขาทั้งพันหนึ่ง และยังมีอสูรห้าดาวถึงสามคน! และจำนวนอสูรส่วนใหญ่เป็นอสูรสี่ดาว!
ไม่มีทางที่พวกเขาจะต่อต้านได้แม้แต่น้อย
“พวกเจ้าทุกคน! จัดกำลังเป็นกลุ่ม” พวกอสูรเริ่มแบ่งกำลังทันที
อย่างไรก็ตาม
พวกเทพแท้ไม่ตอบสนอง
“รีบเข้าด้วย
หรือว่าพวกเจ้าต้องการตายในตอนนี้?”
เสียงเย็นชาดังขึ้น
พวกเทพแท้มองหน้ากันเอง ในที่สุดก็ปฏิบัติตาม
พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่น!
“ไม่มีทางที่เราเหล่าเทพแท้สามารถรวมกำลังและฆ่าพวกเขาได้หมด” ลินลี่ย์เหลือบมองไปทางด้านข้างปราสาททะเลสาบจันทรา “ทางเดินภายในปราสาทกว้างไม่มาก
เพียงพอให้คนสองสามคนเดินเคียงไหล่กันได้เป็นอย่างมาก แต่ละกลุ่มมีคนร้อยคน
ไม่มีทางที่เราจะโจมตีเทพชั้นสูงที่ด้านหลังได้”
ไม่มีโอกาสต่อต้าน เทพแท้ทุกคนได้แต่เชื่อฟัง
ที่สำคัญ
พวกอสูรไม่ได้พยายามจะฆ่าพวกเขา
ก็แค่ให้พวกเขานำหน้าก่อน
พวกเขายังมีโอกาสรอดชีวิต
“เฮ้, เราไปควบคุมทีมนั้นกัน” แคลมป์ตันรีบร้องบอก
เดิมทีอสูรสองดาวและสามดาวจะรับผิดชอบอยู่หลังกลุ่มคนนับร้อย
“ฮ่าฮ่า โธ่เอ๊ย, แคลมป์ตัน” ผู้คนเริ่มหัวเราะทันที พวกเขารู้ว่าเพราะนั่นคือกลุ่มของลินลี่ย์ แคลมป์ตันตัดสินใจเลือกรับผิดชอบดูแลกลุ่มนั้น
นี่คือกลุ่มที่ลินลี่ย์อยู่
ประตูใหญ่ของปราสาทถูกปิดไว้อย่างแน่นหนา ไม่มีทางทำลายผ่านไปได้แม้แต่น้อย
กลุ่มคนทีมละร้อยไถลผ่านเข้าไปในหน้าต่าง กลุ่มของลินลี่ย์ปนอยู่ในกลุ่มนี้ด้วย
และพวกเขาไถลผ่านเข้าไปในห้องจากนั้นเริ่มค้นหาศัตรูตามทางเดินด้านหลังพวกเขา
“หมอกชมพูนี้มีอยู่เต็มปราสาท ไม่มีทางเห็นได้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นข้างหน้าแม้แต่น้อย ถ้าเราไม่ระวังให้ดี
อาจจะถูกลอบทำร้ายก็ได้”
ลินลี่ย์จับมือเดเลีย ขณะที่บีบีติดตามคนที่เหลือไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง
ลินลี่ย์ไม่กล้ารั้งอยู่หลังมากเกินไป แคลมป์ตันและคนอื่นๆ ก็อยู่ด้านหลัง
ไม่มีหมอกอยู่ด้านหน้าของลินลี่ย์
เพราะเทพแท้ทั้งหมดใช้สนามพลังเทพซึ่งมีมากเพียงพอจนทำให้รอบตัวพวกเขาไม่มีหมอกหมอกชมพู
ทุกคนระมัดระวังและก้าวไปข้างหน้าช้าๆ
“พี่ใหญ่, ท่านคิดว่าหมอกชมพูพัฒนาขึ้นมาอย่างไร?” บีบีพูดกับลินลี่ย์ผ่านสำนึกเทพ
เนื่องจากไม่มีหมอกพิษอยู่ใกล้พวกเขา
พวกเขาจึงสามารถคุยโดยใช้ผ่านสำนึกเทพได้ทันที “มันสามารถส่งผลต่อวิญญาณได้โดยตรง
ข้าได้ยินคนอื่นพูดกันว่ามีหมอกพิษที่น่ากลัวยิ่งกว่า
สามารถทำให้วิญญาณเผาไหม้และสูญสลายไปก็ได้”
“ใครจะรู้?
ในทวีปยูลาน
ข้ายังเคยเจ็บตัวจากการโจมตีของผู้วิเศษมาแล้ว จริงสิ ในปราสาทเรดบุด เจ้าไม่เห็นธนูเทพเจ้าหรือ? ธนูเทพเจ้าอาบยาพิษ
ซึ่งทำให้มันทรงพลัง”
ลินลี่ย์คุยกับบีบีผ่านสำนึกเทพ “และข้าได้ยินว่าพิษหลายอย่างที่น่ากลัวมีอยู่ที่ปราสาททรายดำตั้งมากมาย”
บีบีเม้มริมฝีปาก “ข้าสงสัยจริงว่าในปราสาทนี้มีอะไร”
“ลินลี่ย์ ข้ายังมีความรู้สึกไม่ค่อยดีเลย” เดเลียพูดผ่านสำนึกเทพของนาง “ระวังนะ,
อย่ารับเข้าไปในหัวมาก ในแดนนรก มีการโจมตีมากมายที่เราไม่เคยพบมาก่อน
เจ้าเคยพบกับหมอกพิษอย่างนั้นซึ่งทำให้วิญญาณคนเต็มไปด้วยเพลิงอำมหิตไหมเล่า? ต้องระวังให้ดี”
เมื่อเห็นความกังวลในสีหน้าของเดเลีย
ลินลี่ย์รู้สึกอบอุ่นใจ
“รีบด้วย, พวกเจ้าเคลื่อนที่ช้าเกินไปแล้ว!”
แคลมป์ตันตะโกนอย่างไม่พอใจจากด้านหลัง
แม้ว่าเทพแท้ในกลุ่มของลินลี่ย์จะไม่พอใจ
แต่ไม่มีใครกล้าพูดอะไร
ปราสาทมีหลายชั้น กลุ่มของลินลี่ย์ค้นดูในทุกทางเดินชั้นแรก
แต่ไม่พบใครเลยสักคน อย่างไรก็ตาม
เมื่อพวกเขามุ่งหน้าไปที่บันไดเข้าชั้นสอง
ที่ชั้นสองมีขนาดใหญ่กว่าชั้นแรกชัดเจนและภายในชั้นนั้นมีความซับซ้อนมากกว่า
“แปลกจริงๆ!” เทพแท้ทั้งหมดรู้สึกได้ถึงแรงกดดัน
ไม่ว่าพวกเขาจะผ่านไปที่ใดก็จะมีหมอกชมพูขวางหน้าพวกเขา นี่ทำให้กลุ่มของลินลี่ย์รู้สึกว่าข้างหน้าพวกเขามีความแปลกประหลาดลึกลับ พวกเขารู้สึกตึงเครียดอย่างต่อเนื่องซึ่งต้องใช้ความพยายามอย่างมาก
“ควั่บ”
ทันใดนั้นเสียงสายลมดังเร่งร้อน
“ควั่บ!” “ควั่บ!” “ควั่บ!” “ควั่บ!” .....
ก่อนที่ลินลี่ย์จะทันรู้ตัว
ธนูดอกหนึ่งปรากฏอยู่ข้างหน้าซึ่งคนที่อยู่ข้างหน้ายิงใส่เขา ความเร็วของธนูเร็วมากจนเขาหลบไม่ทัน
“ปัง!” ธนูปะทะใส่ชุดเหลืองน้ำตาลของลินลี่ย์
ชุดนี้ก็คือเกราะชีพจรป้องกันที่สร้างขึ้นมาหลังจากหลอมรวมเคล็ดความรู้ลึกลับทั้งสอง ธนูไม่สามารถทะลุผ่านชุดของลินลี่ย์ได้
อย่างไรก็ตาม
ในที่ข้างหน้าลินลี่ย์คนมากกว่ายี่สิบคนล้มลงกับพื้น ร่างของพวกเขาพรุนไปด้วยลูกธนู พวกเขาไม่มีใครเหลือรอดชีวิต เพราะตายกันหมด
หมอกชมพูรายรอบตัวพวกเขาหมุนเป็นเกลียวมาข้างหน้าอย่างรวดเร็ว
“พวกเขาตายหมดเลยหรือ?” ลินลี่ย์ตกใจแทบจะทันที
ก่อนนี้ลินลี่ย์มีคนเกือบสามสิบคนอยู่ข้างหน้า แต่ตอนนี้มีตายไปมากกว่าครึ่ง
ความจริงธนูเหล่านั้นยิงออกมาจากปลายทางเดินอย่างแน่นหนา เทพแท้เกือบทั้งหมดถูกสังหาร
มีเพียงคนหรือสองคนที่ไม่ตาย คนหนึ่งนั้นคือลินลี่ย์
ขณะที่อีกคนหนึ่งแม้จะถูกยิงใส่แต่ก็สามารถทนรับไว้ได้
เห็นได้ชัดว่าพลังป้องกันทางวิญญาณของเขายอดเยี่ยมมาก
“เฮ้อ..”
เทพผู้โชคดีรอดชีวิตหลายคนใช้แหวนมิติเก็บศพไปตรงๆ
ทันที ต้องทราบไว้ก่อนว่าศพเหล่านั้นมีประกายเทพและแหวนมิติเก็บสมบัติอยู่กับตัวพวกเขา แหวนมิติเก็บสมบัติเหล่านั้นมีเงินมากมายรวมอยู่ในนั้น
“พี่ใหญ่ เวลาสนองตอบของท่านช้าเกินไป” ลินลี่ย์ลอบประหลาดใจทันที
ไม่ทันตั้งตัวจนกระทั่งศพถูกรวบรวมไป บีบีกลับตรงกันข้าม รวบรวมมาได้สองศพ
“ลินลี่ย์, เป็นอะไรหรือเปล่า?” เดเลียรีบมองดูลินลี่ย์
“พี่ใหญ่จะมีปัญหาอะไรได้ยังไง?” บีบีล้อหยอกล้อ “พลังป้องกันวิญญาณของพี่ใหญ่และพลังป้องกันชั้นนอกแข็งแกร่งมากทั้งคู่”
ความจริงบีบีก็กังวลห่วงใยลินลี่ย์มากมายเช่นกัน แต่เพราะเขาและลินลี่ย์เชื่อมโยงวิญญาณกัน ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นกับลินลี่ย์บีบีจะรู้ทันที
“ถอย ถอย!” พวกเทพแท้ที่อยู่ข้างหน้าร้องทันที
แคลมป์ตันที่อยู่ด้านหลังตะโกน “เดินหน้าต่อไป พวกเจ้ากลัวอะไรกัน? เดินหน้าต่อไป!”
พวกเทพแท้ที่อยู่ข้างหน้าอดมีความรู้สึกโกรธไม่ได้ และพวกเขาได้แต่แช่งชักอยู่ภายในใจ “เจ้าไม่ได้เป็นคนถูกฆ่า แน่นอนเจ้าถึงไม่ต้องกลัว”
อย่างไรก็ตาม
คนผู้กล้าหาญซึ่งเข้าสอบเป็นอสูรยังจะขี้ขลาดได้หรือ พวกเขาจะไม่ถอดใจเพราะเรื่องอย่างนี้ แต่พวกเขาทุกคนยิ่งระมัดระวังตัวมากกว่าเดิม
“เดเลีย!
อยู่ข้างหลังข้าไว้” ลินลี่ย์กล่าว
หลังจากมีธนูโผล่ออกมาโจมตีอย่างกะทันหัน
ตอนนี้ลินลี่ย์เป็นหน่วยหน้ากล้าตาย
มีคนอยู่ด้านหน้าเขาไม่กี่คน
มีคนเหล่านั้นเผชิญหน้ากับอันตราย ความเคลื่อนไหวของพวกเขาก็จะช้าลง
อย่างไรก็ตามแคลมป์ตันเดินตามหลังพวกเขาสบายๆ เขาแค่นเสียงในใจอย่างเย็นชา “คาดไม่ถึงเลยว่าเจ้าไม่ตายในครั้งนี้ แต่ครั้งต่อไป
จะเป็นคราวของเจ้า”
แคลมป์ตันดีใจจะได้เห็นลินลี่ย์ตาย
“หัวหน้า
กลุ่มนั้นยังคงเดินหน้าต่อ”
ภายในห้องสลัวนักรบชุดทองสิบคนยืนอยู่เงียบๆ
พวกเขาลอบเข้ามา และแต่ละคนสวมแหวนมิติรูปพระจันทร์อยู่ในมือ
“ฮึ่ม... กลุ่มมีคนตาย แต่พวกที่เหลือยังคนเดินหน้าต่อ พวกเขากล้าหาญจริงๆ ที่จุดตรวจการณ์ต่อไป
เราจะให้พวกเขาเจอดีอีกรอบ และฆ่าพวกเขาสักหลายสิบคน
“ฆ่าคนเป็นเรื่องง่ายอย่างนี้”
“ในสถานการณ์ธรรมดา
เราจะใช้ธนูสังหารเทพแบบนี้ได้ยังไง?
ของเล่นเหล่านี้ราคาแพงมาก”
นักสู้ชุดทองเดินมาถึงจุดตั้งรับอีกต่อไป
อย่างไรก็ตาม
กลุ่มของลินลี่ย์ยังคงเดินหน้าอย่างระมัดระวังต่อไป พวกเขาไม่รู้ว่าเมื่อเข้าไปแล้ว
อีกฝ่ายจะทำให้เขาพินาศ
8 ความคิดเห็น:
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครัยเดินหน้าก็มีอันตราย ข้างหลังก็รอซ้ำอยู่
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณคร๊าฟ
แสดงความคิดเห็น