เล่ม
20 ปริศนามงกุฎ - ตอนที่ 19 กระดาษ
ลินลี่ย์เดินออกมาจากห้องโถงใหญ่
จากนั้นเดินผ่านไปตามทางเดินมาถึงลานว่าง
เขาสูดหายใจลึกรู้สึกได้ถึงสายลมแผ่วเบาที่พัดปะทะร่างเขา รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของเขา เหมือนกับว่าเขาปลดภาระที่หนักหน่วงได้ “โมลด์ทำร้ายข้าอย่างสาหัสก่อนที่เขาจะตายจริงๆ มันสร้างปัญหาให้ข้าไม่รู้จักหมดสิ้น อย่างไรก็ตาม ตอนนี้มหาเทพต่างๆ
ได้พูดคุยกันแล้ว เรื่องนี้ควรจะจบได้แล้ว
เว้นแต่ว่าเครื่องรางชิ้นที่สามจะปรากฏหรือโองการจอมเทพปรากฏขึ้น!”
“พี่ใหญ่!” บีบีวิ่งเขามาหาทั้งประหลาดใจและดีใจ
“ท่านพ่อ” เทย์เลอร์,
ซาชาและคนอื่นเดินเข้ามาสมทบแต่ไกลเช่นกัน
ลินลี่ย์มองดูครอบครัวและสหาย
“ไม่ว่ายังไงเครื่องรางจอมเทพเป็นของที่ดึงดูดความสนใจของมหาเทพ
เพราะข่าวที่โมลด์แพร่กระจายไปจะนำความยุ่งยากลำบากมาให้ข้า แต่พวกเขาไม่ควรจะไร้ยางอายจนใช้แรงกดดันต่อครอบครัวข้า”
ตั้งแต่โบราณจนถึงปัจจุบัน ไม่เคยมีมาก่อน
เท่าที่ลินลี่ย์รู้ มหาเทพไม่เคยกดดันสมาชิกครอบครัวของเทพเลย
“พี่ใหญ่, ทุกอย่างเรียบร้อยดีไหม?” บีบีเดินมาข้างหน้าลินลี่ย์
“บีบี, ดูหน้าน้องสามสิ เจ้าน่าจะรู้จากการมองหน้าเขานะ” เยลหัวเราะ
“ปู่เบรุตข้าอยู่ที่ไหน? เขาอยู่ในห้องโถงใหญ่คนเดียวหรือ?” บีบีพูดด้วยความสงสัย
“เขากำลังปรึกษาลับกับมหาเทพบลัดริจ” ลินลี่ย์บอก
บีบีและเยลตกใจกันหมด บีบีกล่าว “มหาเทพบลัดริจมาด้วยหรือ?” ไม่มีคนอื่นเห็นมหาเทพบลัดริจมาถึง
เพราะมหาเทพบลัดริจสร้างร่างพลังงานโดยตรงอยู่ในห้องโถงใหญ่ ดังนั้นคนที่อยู่ข้างนอกจึงไม่รู้
“ปู่เบรุตเจ้ากำลังเดินมา” ลินลี่ย์หัวเราะขณะพูดกับบีบี เบรุตเดินออกมาจากห้องโถงใหญ่
ใบหน้าเขามีรอยยิ้ม
หลังจากออกมา
เบรุตมองหน้าลินลี่ย์ จากนั้นเดินเข้ามาหา
“ปู่” บีบีเดินมารับหน้าเขา
เบรุตหัวเราะขณะลูบหัวบีบี จากนั้นมองลินลี่ย์ เขาหัวเราะและกล่าว “ทุกอย่างได้รับการคลี่คลายแล้ว ลินลี่ย์! ข้ามีธุระต้องไปจัดการ และจะไปเดี๋ยวนี้เลย” หลังจากพูดเสร็จ
เบรุตพูดกับลินลี่ย์ผ่านสำนึกเทพ
“ลินลี่ย์!
จำไว้ให้ดี ไม่ว่าเจ้าจะได้รับมุกวิญญาณหรือไม่ก็ตาม ถ้าเจ้าได้รับไว้
เจ้าต้องมั่นใจว่าเจ้าต้องซ่อนเอาไว้ให้ปลอดภัย”
การส่งสำนึกเทพของเบรุตทำให้ลินลี่ย์ตกใจหนัก
“ลอร์ดเบรุต?”
ลินลี่ย์ส่งสำนึกเทพกลับด้วยความประหลาดใจ
ลินลี่ย์รู้สึกขอบคุณต่อเบรุต
และยังมองเบรุตเหมือนกับว่าเขาเป็นผู้อาวุโสของครอบครัวเขา
เบรุตยิ้มเต็มใบหน้า แต่เขาส่งสำนึกเทพบอกอย่างจริงจัง “ไม่ต้องกังวลเรื่องอื่น ถ้าเจ้าไม่ได้รับไว้ นั่นก็ดีไป แต่ถ้าเจ้าได้มา เจ้าต้องซ่อนเอาไว้ให้ดี
อย่ายอมรับ
ต่อให้ใครขู่เข็ญว่าจะฆ่าเจ้าก็ตาม! ตราบเท่าที่เจ้าทำได้เช่นนี้
เจ้าจะปลอดภัย”
หลังจากส่งสำนึกเทพบอกแล้ว
เบรุตหัวเราะขณะที่เขาพูดกับทุกคนอีกไม่กี่คำ จากนั้นก็จากไป
ลินลี่ย์มองดูเบรุตจากไป
ความสงสัยในใจเขามีมากขึ้น
“ลอร์ดเบรุตตั้งใจจะทำอะไรกันแน่ถึงพูดคำเหล่านี้? เขาไม่ควรจะรู้ว่าข้ามีเครื่องรางจอมเทพ แต่คำพูดของเขา...” ลินลี่ย์ไม่เข้าใจ
เวลาผ่านไป
ในพริบตาผ่านไปอีกร้อยปี
ในช่วงที่ผ่านมาร้อยปี ลินลี่ย์ใช้ร่างแยกธาตุน้ำเพื่อพักผ่อนสมาคมกับครอบครัว
ขณะที่อีกสามร่างแยกรวมทั้งร่างหลักของเขามุ่งทุ่มเทให้กับฝึกฝนอย่างระมัดระวัง เขาเริ่มฝึกเคล็ดลึกลับที่หกในธาตุไฟ
แต่น่าเสียดาย
เคล็ดลึกลับที่หกนี้คือเคล็ดพลัง ‘ระเบิด’ ที่ลึกลับที่สุด ทรงพลังที่สุด
ความเร็วในการฝึกฝนของลินลี่ย์จึงช้ามาก
เคล็ดต่างๆ
ของพลังระเบิด.. เหมือนกับแรงระเบิดของภูเขาไฟ
ต้องมีการรวบรวมพลังไว้เป็นปริมาณมากจากนั้นปลดปล่อยออกไปอย่างฉับพลัน พลังของมันมหาศาลยิ่งนัก
ตัวอย่างเช่น บลูไฟร์สามารถเคลื่อนไหวราวกับว่าเขาเทเลพอร์ท
และพลังโจมตีวิญญาณและพลังโจมตีวัตถุของเขาต้องบอกว่าสุดยอด นี่ต้องทำด้วยเคล็ดระเบิดแน่ แม้ว่าเคล็ดลึกลับทั้งหลายจะอธิบายได้ง่าย แต่เมื่อลงลึกในเนื้อหาและพยายามจะทำความเชี่ยวชาญให้ได้
เคล็ดเหล่านั้นกลับทำความเข้าใจได้ยากเหลือเชื่อ
การฝึกฝนกฎธาตุไฟของเขาช้าลง
แต่เส้นทางการหลอมรวมกฎธาตุทั้งสี่ยังช้าลงด้วย เคล็ดวังวนอ่อนหยุ่นของธาตุน้ำและชีพจรโลกของกฎธาตุดินหลอมรวมไปแล้ว แต่ความเร็วของลินลี่ย์ช้าลงมากหลังจากนั้น เขาไม่สามารถสร้างความก้าวหน้าใดๆ ได้
“วิ้วววว”
สายลมพัดหวีดหวิว
เกล็ดหิมะคลุมเต็มท้องฟ้า
เทือกเขาสกายไรท์ดูเหมือนคลุมไปด้วยชุดสีเงินปรากฏดูงดงามราวกับภาพฝัน
ทหารลาดตระเวณจำนวนหนึ่งที่เดินตรวจตรารอบตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์มีจำนวนลดลงมากเช่นกัน
นี่เป็นเพราะในตอนนี้พวกเขามีเทพพารากอนคุ้มครองพวกเขาอยู่ ใครจะกล้ามาหาเรื่องพวกเขา? เป็นธรรมดาที่ไม่จำเป็นต้องมีทหารจำนวนมากคอยระวังการณ์
เทือกเขาสกายไรท์ ถนนมังกร
ยังมีทหารยืนรวมตัวกระจายตามจุดต่างสามารถเห็นได้
อสูรโลหะโดยสารรูปค้อนขนาดยักษ์กำลังบินเข้ามาแต่ไกล
มันหยุดชะงักอยู่ด้านนอกเขตเทือกเขาสกายไรท์และที่ทำการตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์
จากนั้นก็หายไปเห็นแต่บุรุษร่างใหญ่ คนผู้นี้สูง 2.5 เมตรสวมกางเกงขายาวสีดำ
ขณะที่ร่างกายท่อนบนไม่ได้สวมอะไรนอกจากเสื้อกั๊กเผยให้เห็นมัดกล้ามแขนของเขา
ผมสีแดงของเขายาวเพียงหนึ่งนิ้ว
แต่ดูแข็งราวกับลวด
“นั่นใคร?”
หนึ่งในทหารของตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์บินเข้ามาหา
บุรุษร่างกำยำหัวเราะและกล่าว
“ไปแจ้งผู้อาวุโสลินลี่ย์ของพวกเจ้าว่าโมซีสหายเก่ามาเยือน”
เสียงนี้นุ่มนวลมากและฟังแล้วรู้สึกปลอดโปร่งสบายใจ ไม่ได้แสดงความโกรธหรือไม่พอใจแม้แต่น้อย
ทหารเหล่านั้นทุกคนมองหน้ากันเอง
สหายเก่าผู้อาวุโสลินลี่ย์? พวกเขาสามารถบอกได้เช่นกันว่าผู้มาใหญ่นี้มีรัศมีที่โดดเด่น
“โปรดรอสักครู่
ข้าจะไปรายงานก่อน”
หนึ่งในทหารกล่าว จากนั้นหมุนตัวบินเข้าไปในเทือกเขาสกายไรท์ทันที
“โมซี่คือใคร?
เจ้าเคยได้ยินชื่อเขามาก่อนหรือเปล่า?”
“ดูจากลักษณะ เขาน่าจะเป็นยอดฝีมือที่ทรงพลังแข็งแกร่ง สหายของผู้อาวุโสลินลี่ย์...
เขาน่าจะเป็นระดับผู้บัญชาการหรืออาจเป็นยอดฝีมือระดับเจ้าแคว้นก็ได้”
ทหารเหล่านั้นลอบคุยกันผ่านสำนึกเทพเกี่ยวกับคนตัวใหญ่ที่อยู่ข้างหน้าพวกเขา
มียอดฝีมือนับไม่ถ้วนที่มาเยี่ยมเยียนลินลี่ย์เมื่อไม่กี่ปีมานี้
และทหารเหล่านี้ก็รู้ดีทุกคน... ไม่มีอาคันตุกะคนไหนที่ทำร้ายพวกเขา ดังนั้นพวกทหารจึงมีมารยาทอันดีต่อคนที่มาเยี่ยมพบลินลี่ย์
ช่วงเวลาต่อมา
“ฮ่าฮ่า
โมซี!”
เสียงหัวเราะดังขึ้นขณะที่มีสองคนที่บินเข้ามาหาจากที่ไกล
โมซีเพ่งมองจากนั้นหัวเราะเช่นกัน “ลินลี่ย์! ไม่ได้พบกันนานเลยนะ”
ทั้งสองคนคือลินลี่ย์และทหารลาดตระเวนอีกคน ลินลี่ย์เมื่อรู้ว่าเป็นโมซีมาหาก็รีบมาต้อนรับเขาด้วยตัวเอง เขาหัวเราะพลางกล่าว “ไม่ได้พบกันนานเลยทีเดียว
ท่านโมซี!
เชิญเข้ามาคุยข้างในกันก่อน”
โมซีเดินเคียงไหล่ไปพร้อมกับลินลี่ย์ตามถนนมังกร
พวกเขาบินเข้าไปในในภูเขาพร้อมกัน
“เราไม่ได้พบกันมาสองพันปีแล้ว แต่ข้าไม่เคยคิดเลยว่าเจ้าที่ตอนนั้นเป็นเพียงเทพแท้จะกลายเป็นเทพพารากอนไปแล้ว เมื่อได้ทราบข่าวนี้
ข้าไม่อยากเชื่อจริงๆ” โมซีหัวเราะ “เพียงแต่ได้รับการยืนยันจากมหาเทพของข้า
ข้าจึงยอมเชื่อ ข้านับถือเจ้าจริงๆ”
โมซีเป็นผู้บัญชาการขุมนรกที่ทรงพลังมากของแดนนรก
ลินลี่ย์เพียงแต่รู้ในเวลาต่อมาจากหนังสือแนะนำของเบรุตว่าโมซีทรงพลังมากขนาดไหน!
โมซีเองฝึกมาทางวิถีทำลายล้างและวิถีมรณะ
นอกจากนี้เขายังมีความสำเร็จในระดับน่ากลัวในสองวิถีนี้ ขณะที่วิถีมรณะก็พอกันโมซีเองก็ใกล้จะถึงระดับสุดยอดสมบูรณ์
อีกเพียงก้าวเดียวเขาจะกลายเป็นเทพพารากอน
โมซีสามารถครอบงำอสูรเจ็ดดาวได้อย่างง่ายดาย!
จำนวนคนที่สามารถทำได้ขนาดนี้ในแดนนรกแทบจะนับได้ด้วยมือข้างเดียว
ต่อให้ลินลี่ย์กลายเป็นพารากอนในกฎธาตุดินได้ เขาก็คงไม่สำเร็จได้ขนาดนี้แน่ ที่สำคัญแต่ละกฎธาตุจะมีความพิเศษในตัวเอง ยอดฝีมือวิถีมรณะจะมีทักษะในเรื่องวิญญาณ
สำหรับการทำลายล้าง
เป็นเพราะโมซีเป็นผู้มีสายเลือดไตตันบลัดรูน
เขาเป็นผู้มีพรสวรรค์ในวิถีทำลายล้างที่ใกล้ระดับอสูรเทพ และนั่นทำให้โมซีไม่ใช้สุดยอดไม้ตายของเขา
เขาแทบจะถึงจุดสุดยอดในพลังโจมตีวัตถุและพลังโจมตีวิญญาณทั้งสองอย่างสมบูรณ์
อาจกล่าวได้ว่านอกจากพารากอนแล้ว
โมซีไร้เทียมทาน มิน่าเล่าในอดีตตระกูลไตตันบลัดรูนจึงสามารถปกครองเกาะมิลัวร์ได้โดยไม่ต้องใช้ความพยายามมากมายและพัฒนาไปเป็นเมืองที่ไม่มีใครกล้าหาเรื่องรบกวน ท่านจะทำอะไรได้? เจ้าแคว้นธรรมดาไม่ใช่คู่มือของโมซี?
“ข้าเพียงแต่บรรลุระดับใหม่ได้โดยอาศัยโชค และข้าแทบจะต้องแลกด้วยชีวิต” ลินลี่ย์พูดและหัวเราะอย่างเยือกเย็น
“ข้าก็เหมือนกัน
ฝันว่าจะกลายเป็นเทพพารากอนสักคน
แต่ก้าวสุดท้ายนี้.. ไม่มีอะไรที่ข้าทำได้ ข้าจะทำอะไรได้” โมซีส่ายศีรษะและหัวเราะ
ขณะที่หัวเราะพูดคุยกัน
ทั้งสองคนเข้าไปในที่พำนักของลินลี่ย์
เพราะโมซีไม่คุ้นเคยกับคนอื่น
ลินลี่ย์จึงแนะนำสมาชิกที่สำคัญในที่พำนักของเขาเท่านั้น
จากนั้นพาโมซีไปห้องรับอาคันตุกะ โมซีและลินลี่ย์เริ่มคุยกันเป็นส่วนตัว
โมซีพูดอย่างคล่องแคล่ว
และขณะที่เขาพูดคุยหัวเราะ
เขาแสดงความเห็นต่อลินลี่ย์มากขึ้น
“ลินลี่ย์, หลังจากคุยกับเจ้าตั้งนาน
ข้าเกือบลืมเรื่องที่เป็นเหตุให้ข้ามาที่นี่วันนี้” โมซีพูดพลางยิ้ม
“โอว? เรื่องอะไร?” ลินลี่ย์พูดด้วยความประหลาดใจ
เขาคิดว่าโมซีมาคุยเพื่อระลึกความทรงจำกับเขา แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่ามีเหตุผลพิเศษในการเดินทาง
“ดูนี่สิ”
โมซีโบกมือและกระดาษสีดำปรากฏขึ้น
“นี่ถูกส่งมาให้ข้าโดยนักรบเทพชั้นสูงคนหนึ่ง เมื่อเห็นข่าวนี้ ข้ามีความรู้สึกแย่ทันที!
ข้ารู้สึกเหมือนกับว่ามีคนพยายามทำร้ายเจ้าซึ่งเป็นเหตุให้ข้าต้องครอบงำเทพชั้นสูงคนนั้น ถึงตอนนั้นข้าจึงได้รู้ว่าเรื่องทั้งหมดเป็นแผนของโมลด์”
ลินลี่ย์ตาเป็นประกาย “นี่คือกระดาษที่โมลด์ใช้ส่งไปหรือ?” ลินลี่ย์รีบรับมาดู
ลินลี่ย์ต้องการรู้มากว่ากระดาษชิ้นนี้อธิบายอะไรไว้
โมลด์เพียงแต่ส่งบริวารของเขาไปยังหกพื้นที่อื่น ขณะที่ทวีปบลัดริจ..
เขาไม่มอบให้เจ้าแคว้นหรือผู้บัญชาการอื่น
“ข้อมูลในกระดาษนี้ตั้งใจจะฆ่าเจ้าอย่างชัดเจน นี่คือเหตุผลที่ข้ารีบมาส่งให้เจ้าทันที” โมซีพูดจริงจัง
ต้องใช้เวลาระยะหนึ่งที่เทพชั้นสูงนั้นต้องเดินทางจากทวีปบลัดริจไปเกาะมิลัวร์
และจากนั้นทำให้โมซีต้องรีบ
ทุกคนสามารถเข้าใจได้ถึงเหตุผลที่เวลาผ่านไปนานมาก
ลินลี่ย์อ่านข้อมูลในกระดาษอย่างระมัดระวัง
“เครื่องรางทั้งสาม..มุกวิญญาณเก้าเม็ด,
มงกุฎห้าแฉกและเพชรกระจับแดง เครื่องรางจอมเทพเหล่านี้จะเอามารวมกันเป็น ‘มงกุฎแห่งชีวิต?”
ตาของลินลี่ย์เป็นประกาย
“เมื่อเครื่องรางทั้งสามนี้รวมเข้าด้วยกัน และกลายเป็นมงกุฎแห่งชีวิต
ผู้นั้นจะขอพรจากจอมเทพแห่งชีวิตได้อย่างหนึ่ง”
นั่นเป็นข้อมูลที่สำคัญที่สุดในเอกสาร
ขณะเดียวกัน
ยังรวมคำอธิบายของเครื่องรางจอมเทพทั้งสาม
“อย่างนั้นมงกุฎคร่ำคร่าก็เรียกว่ามงกุฎห้าแฉก?
เครื่องรางทั้งสาม.. ข้ามีอยู่สองแล้ว...”
ลินลี่ย์ดีใจอยู่ในใจ “ตอนนี้,
ข้ายังขาดอยู่อย่างเดียวคือเพชรกระจับแดง”
เพชรกระจับแดงก็คือเพชรรูปคล้ายกระจับมีสีแดง
ขณะที่พลังวิเศษที่มันมี กระดาษนี้ไม่ได้พูดถึง
แผ่นกระดาษนี้ยังคงบอกถึงโองการจอมเทพซึ่งมีข้อมูลเกี่ยวกับเครื่องรางทั้งสามนี้
ขณะที่มุกวิญญาณทั้งเก้าอยู่ในมือของลินลี่ย์แห่งตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์แห่งแคว้นอินดิโก!
“ข้าไม่เคยเห็นโองการจอมเทพเลย” ลินลี่ย์รำพึงกับตัวเอง “แต่บรรดาเครื่องรางทั้งสาม
ข้ามีอยู่สองแล้ว ถ้าข้าได้รับชิ้นที่สาม อย่างนั้นข้าก็สามารถขอพรจอมเทพแห่งชีวิตได้”
“ขอพรจอมเทพแห่งชีวิต?” ลินลี่ย์อดพึมพำกับตัวเองไม่ได้
ทันใดนั้น..
“ปัง!”
ประกายความคิดอย่างหนึ่งแว่บขึ้นในใจของลินลี่ย์ ตาเขาเป็นประกายทันที
โมซีนั่งอยู่ข้างลินลี่ย์
อดหัวเราะเมื่อเห็นอาการตกใจของลินลี่ย์มิได้
“ข้ารู้เกี่ยวกับภารกิจจอมเทพมาบ้างเล็กน้อย ช่วงเวลาหลายปีนับไม่ถ้วน
จอมเทพออกภารกิจมาหลายครั้งแล้ว ดูเหมือนข้ายังจำได้ว่ามหาเทพที่ทำได้สำเร็จในแต่ละครั้งมหาเทพจะขอเป็นสมบัติจอมเทพซึ่งจอมเทพมักจะยอมตกลงสร้างให้
จอมเทพจะตอบสนองตามคำขอ
“จอมเทพแห่งชีวิตเชี่ยวชาญในวิถีชีวิต
ซึ่งควบคุมชีวิตและชะตากรรมของสิ่งมีชีวิตนับไม่ถ้วนของจักรวาล!
มหาเทพไม่สามารถช่วยปู่เดลินได้
แต่เป็นไปได้มากว่าจอมเทพแห่งชีวิตอาจทำได้” ลินลี่ย์จำได้ถึงสิ่งที่พระยายมราชพูดกับเขา
เมื่อวิญญาณผู้ใดแตกสลายไปแล้ว มหาเทพไม่สามารถช่วยพวกเขาได้
จอมเทพล่ะ?
แม้ว่านางไม่มั่นใจ
แต่จอมเทพผู้เชี่ยวชาญของวิถีต่างๆ ก็ทรงพลัง
บางทีพวกเขาอาจช่วยได้
“ปู่เดลิน...”
ฉากภาพนับไม่ถ้วนผุดขึ้นมาในใจของลินลี่ย์
วันนั้น
ชายชราเคราขาวหนวดขาวลอยออกมาจากแหวน...
วันนั้นที่ชายชราเคราขาวคอยแนะนำเขาที่ยังเป็นเด็กน้อยให้เข้าโรงเรียนสิ่วตรง
ทำให้เด็กน้อยผู้นั้นมีระดับพลังเพิ่มขึ้น...
วันนั้นที่ชายชราเคราขาวยอมสละชีวิตตัวเองใช้คาถาต้องห้าม...
“ปู่เดลิน...”
ลินลี่ย์ขึ้นไปถึงจุดสุดยอดของพลังได้ รู้สึกใจสั่นสะท้าน “ตราบใดที่ข้าสามารถหาเครื่องรางทั้งสามได้
ข้าจะขอพรจากจอมเทพแห่งชีวิต ตอนนี้ข้ายังขาดอยู่เพียงอย่างเดียว แค่เพียงอย่างเดียว! ปู่เดลิน ข้า..ข้าจะทำให้ท่านมีชีวิตกลับคืนมาให้จงได้”
ใจของลินลี่ย์เร่าร้อน ความหวังของเขากำลังคุโชน!
12 ความคิดเห็น:
เพื่อปู่ ให้สู้กับมหาเทพก็ยอม
ขอบคุณคับ
ขอบคุณครับ
กตัญญูกตเวที เป็นสิ่งที่มนุษย์พึ่งมี ข้อคิดดีๆจากตอนนี้
ขอบคุณผู้แปลครับผม
เสียใจคืนไม่ได้อยากคืนชีพต้องรวบรวมดราก้อนบอลครบ7ลูกเท่านั้น
ขอบคุณครับ
ขอบคุณมากครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณมากๆครับ
ให้แต่ คนที่ รักตัวเอง ฝึกหนักขนาด ของคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ มีแสงสว่างที่ปลายทางอุโมงค์ ก็ต้องเดินทางต่อไปยังแสงสว่างเล็กๆนั้น
แสดงความคิดเห็น