วันพุธที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

เล่ม 20 มงกุฎปริศนา - ตอนที่ 20 ผ่านไปพันปี ความเปลี่ยนแปลงที่น่าทึ่ง


เล่ม 20 มงกุฎปริศนา - ตอนที่ 20 ผ่านไปพันปี ความเปลี่ยนแปลงที่น่าทึ่ง
หลายปีมาแล้วมหาเทพบลัดริจได้ประหารชีวิตโมลด์ในเมืองลูซีฟ ในแคว้นสกายเมาท์
 
ความวุ่นวายดังกล่าวดึงดูดความสนใจจากเจ้าเมืองลูซีฟเป็นธรรมดา และเทพชั้นสูงหลายคนเช่นกัน  แต่มหาเทพบลัดริจเพียงแต่ออกคำสั่งเจ้าเมืองไม่ต้องให้ความสนใจ  นอกจากนี้มหาเทพบลัดริจกำจัดร่างของโมลด์  เนื่องจากว่ามหาเทพออกคำสั่ง..จึงไม่มีใครในเมืองลูซีฟกล้าเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้เป็นธรรมดา
ดังนั้นเรื่องนี้จึงจบลงได้
โมลด์กลัวว่าลินลี่ย์จะไล่ล่าตามฆ่าเขา ซึ่งเป็นเหตุผลให้เขาซ่อนตัวอยู่ในเมืองลูซีฟ  เขาเช่าคฤหาสน์อยู่ที่นั่น  แม้ว่าหลังจากเขาตายแล้ว ทหารของแคว้นสกายเมาท์ยังเชื่อว่าเขายังปลอดภัยและมีชีวิตเป็นปกติ
แคว้นสกายเมาท์ จวนอดีตเจ้าแคว้น  ทหารหลายคนยืนประจำการอยู่ที่นี่
พระอาทิตย์สีเลือดลอยอยู่ในท้องฟ้า  ทันใดนั้นมีสายฟ้าฟาดลงมาจากท้องฟ้า  จากนั้นชะงักอยู่ในกลางอากาศเหนือคฤหาสน์เจ้าแคว้น  กลายเป็นร่างมนุษย์คนหนึ่ง  คนผู้นี้ยืนนิ่งอยู่ในกลางอากาศ เอวของเขาตั้งตรง  แม้ว่าเขาจะค่อนข้างผอม แต่รัศมีคุกคามผู้คนแผ่ออกมาจากตัวเขา  ศีรษะของเขาคลุมไปด้วยผมยาวสยาย ทิ้งตัวลงมาถึงเอวเขา
บนหลังของเขามีดาบศึกเล่มหนึ่ง
คนผู้นี้คือยอดฝีมือที่ลินลี่ย์เคยพบเจอในทะเลสตาร์มิสท์ - โรมิโอ  ในอดีตโรมิโอมีพลังที่น่ากลัวใกล้เคียงกับยอดฝีมือระดับเทพอสูร
 “นี่คือจวนเจ้าแคว้น รีบออกไปซะ”  ทหารประจำแคว้นจำนวนหนึ่งบินเข้ามา  คนที่เป็นนายกองตะโกนบอกโรมิโออย่างไม่พอใจ
โรมิโอแผ่รัศมีออกไปทันที และเขายังคงลอยตัวอยู่เหนือคฤหาสน์เจ้าแคว้น  เขาแสดงออกชัดเจนว่าต้องการท้าทาย
โรมิโอกวาดตามองคนที่อยู่ด้านใต้  “จากวันนี้เป็นต้นไป  ข้าโรมิโอ บอนเซนจะเป็นเจ้าแคว้นสกายเมาท์!  เสียงของเขากึกก้องเหมือนฟ้าผ่า สะท้อนอยู่ในอากาศ  ทหารประจำการทั้งแสนคนที่อยู่ใกล้ๆ ได้ยินคำพูดของขาชัดเจน
 “บังอาจ!  ชายชราผมขาวในชุดดำโกรธ  “เจ้าแคว้นสกายเมาท์เราคือท่านโมลด์ ถ้าเจ้าต้องการเป็นเจ้าแคว้น  อย่างนั้นก็ต้องทำตามกฎ  ก่อนอื่นเป็นอสูรเจ็ดดาวให้ได้เสียก่อน  จากนั้นค่อยมาท้าทาย”
ทหารประจำแคว้นข้างล่างต่างพากันโกรธไม่พอใจกันทุกคน
คนผู้หนึ่งจะกลายเป็นเจ้าแคว้นก็แค่เพราะเขาเอาแต่พูดแค่เพียงนั้นหรือ?  การปรากฏตัวเหนือจวนเจ้าแคว้นและประกาศตัวเป็นเจ้าแคว้นก็ได้ด้วยหรือ?  นี่น่าขันยิ่งนัก
 “ครืน...”
คลื่นพลังงานสีดำหนาทึบที่น่ากลัวลอยลงมาจากท้องฟ้า ทำให้ทหารประจำแคว้นข้างล่างประหลาดใจ  หนึ่งในทหารโดยเฉพาะ  ผู้อาวุโสชุดยาวดำจ้องมองจนสีหน้าเปลี่ยน  “พลังมหาเทพผู้ทรงอำนาจ...”
และจากนั้นพลังมหาเทพที่เต็มท้องฟ้าเริ่มผสานกันจนเป็นรูปใบหน้าที่สูงสิบเมตร
 “ควั่บ...”
พลังที่น่ากลัวของมหาเทพ
 “มหาเทพ”  ทหารประจำแคว้นทุกคนที่อยู่บนพื้นคุกเข่าและตัวสั่น
 “มหาเทพ”  โรมิโอลงมายืนบนพื้นและคุกเข่า
 “โมลด์เจ้าแคว้นสกายเมาท์คนก่อนได้กระทำความผิดและถูกประหารชีวิตไปแล้ว  จากวันนี้เป็นต้นไป ตำแหน่งเจ้าแคว้นสกายเมาท์จะตกเป็นของโรมิโอที่ยืนอยู่ต่อหน้าพวกเจ้า”  เสียงเหมือนฟ้าผ่าดังขึ้นในหูและในใจทุกคน  รัศมีและลักษณะของมหาเทพกดลงที่ทหารประจำแคว้นอย่างน่ากลัว ไม่มีเลยสักคนที่กล้าเงยหน้าขึ้น
และจากนั้นใบหน้ายักษ์ขนาดสิบเมตรหายไปทันที  โลกกลับคืนเป็นปกติอีกครั้ง
เพียงแต่ตอนนี้ทหารประจำแคว้นจึงค่อยกล้าเงยหน้า  เมื่อเห็นว่ามหาเทพไปแล้ว พวกเขาจึงลุกขึ้นยืน
 “คารวะท่านเจ้าแคว้น”  คนที่มีความคิดว่องไวในพวกเขารีบหันไปคุกเข่าแสดงความเคารพโรมิโอ
 “คารวะท่านเจ้าแคว้น!  ทันใดนั้นทหารอื่นอีกหลายแสนพากันคุกเข่าข้างหนึ่งและแสดงความคารวะเจ้าแคว้นพร้อมกัน
สายตาที่เยือกเย็นและแหลมคมกวาดมองพวกเขาทุกคน  แต่รอยยิ้มปรากฏอยู่บนใบหน้าเขา  หลังจากคร่ำเคร่งฝึกฝนมานานหลายปี  เขากลายเป็นเจ้าแคว้นจนได้  ตอนนี้เขาเป็นหนึ่งในเทพอสูร 108 ของแดนนรกแล้ว
อย่างไรก็ตามโรมิโอได้รับมอบตำแหน่งนี้โดยมหาเทพแต่งตั้ง  เขาไม่ได้รับตำแหน่งมาโดยวิธีเอาชนะเจ้าแคว้นคนเก่าตามปกติ  แต่เป็นการแต่งตั้ง  ดังนั้นเป็นธรรมดาที่คนหลายคนจึงไม่ค่อยเชื่อพลังของโรมิโอ  ใครจะคิดกันเล่าว่าในอนาคตอาจจะมีอสูรเจ็ดดาวสองสามคนมาท้าประลองกับเขา
 “อย่างนั้นก็มาเถอะ  ยิ่งมากยิ่งดี”  ตาของโรมิโอเป็นประกาย
แดนนรก ทวีปคาโรล อสูรโลหะรูปมังกรดำกำลังบินอยู่ในท้องฟ้า
 “ท่านเจ้าแคว้นตายจริงๆ!  การเดินทางของเราไร้ประโยชน์ไม่ใช่หรือ?”  ภายในอสูรโลหะ มีเทพชั้นสูงสิบห้าคนรวมอยู่
พวกที่ไปส่งข่าวที่ทะเลสตาร์มิสท์ใช้เวลาเดินทางน้อย  แต่ไม่ใช่กลุ่มนักรบเทพชั้นสูงที่ถูกส่งไปทวีปคาโรลแน่  พวกเขาเพิ่งมาถึง  ความจริงเทพชั้นสูงร้อยคนในระหว่างร้อยปีที่ผ่านมามีเพียงราวสี่สิบคนที่ส่งข่าวได้สำเร็จ  คนอื่นโดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกที่ได้รับมอบให้ไปไกลกว่าไม่สามารถไปได้ทันเวลา
หลังจากโรมิโอมาถึงแล้วจากนั้นเขาปล่อยร่างแยกศักดิ์สิทธิ์ที่ถูกจับเป็นตัวประกันที่จวนเจ้าเมืองพวกทหารจึงรู้ว่าโมลด์ตายแล้ว
 “โมลด์ตายแล้ว  ไม่มีรางวัลสำหรับพวกเรา ต่อให้เราส่งข่าวเสร็จก็ตาม  พี่น้องเรา, ไปกันเถอะ  ได้เวลากลับบ้านแล้ว”
 “เราเดินทางตั้งร้อยปี  แต่ไม่ได้อะไรเลยแม้แต่น้อย”
เห็นได้ชัดว่าทหารเหล่านี้ไม่พอใจกันมาก
 “เฮ้,  เอาอย่างนี้เป็นไง  เราจะขายข่าวทั้งหมดนี้ออกไป?  ข้อมูลนี้ยังเป็นข้อมูลสำคัญมาก  ถ้าเราขายให้หน่วยข่าวกรองของปราสาทอสูร  เราจะได้รับรางวัลที่สูงเหมือนกัน  โมลด์ตายไปแล้ว  เขาไม่สามารถฆ่าเราได้ที่ปล่อยข้อมูลนี้ให้รั่วออกไป”
 “ใช่แล้ว  ข่าวนี้ต้องมีค่าอย่างแน่นอน”
 “ข่าวนี้พูดถึงท่านลอร์ดลินลี่ย์ เท่าที่ข้าเห็น  โมลด์ตั้งใจทำอันตรายลอร์ดลินลี่ย์”  ทหารเหล่านี้ไม่เชื่อว่าข่าวนี้จะเป็นจริง
ทันทีที่ทหารเหล่านั้นเดินทางไปโดยไม่ได้อะไร และไม่มีหวังจะได้รับรางวัลจากโมลด์ตามที่สัญญา  พวกเขาตัดสินใจ  พวกเขาขายข้อมูลที่น่าทึ่งนี้ให้ปราสาทอสูร  ปราสาทอสูรมีหลายแผนกแตกต่าง อาทิ คุ้มกัน ล่าสังหาร ล่าสมบัติ...และแน่นอน  พวกเขาซื้อข้อมูลรายงานข่าวกรองจากหน่วยข่าวกรอง
หลังจากปราสาทอสูรจ่ายเงินซื้อข้อมูลนี้ ทหารเหล่านั้นผู้ไม่กลัวการตอบโต้ของโมลด์ได้แจ้งปราสาทอสูรว่าเป็นโมลด์ที่สั่งให้พวกเขาส่งข่าวนี้ให้เจ้าแคว้นและทูตมหาเทพต่างๆ
หลังจากได้รับข้อมูลนี้ ปราสาทอสูรจะต้องขายออกให้ยอดฝีมือผู้สนใจด้วยราคาที่สูง  เป็นธรรมดาที่ข่าวนี้ได้รับรู้กันในหมู่ยอดฝีมือแดนนรก
ยอดฝีมือส่วนใหญ่เชื่อว่าโมลด์พยายามทำร้ายลินลี่ย์
แต่ก็มีส่วนน้อยที่เชื่อข่าว ดังนั้นพวกเขาจึงลงพื้นที่เพื่อค้นหาเครื่องรางทั้งสาม  เพื่อที่ว่าจะได้นำมาเสนอให้มหาเทพเพื่อรับรางวัล
แน่นอนว่าข่าวนี้แพร่กระจายมาถึงหูมหาเทพอย่างรวดเร็วเช่นกัน  แต่หลังจากมีการประชุมทางไกลแล้ว  มหาเทพไม่ให้ความสนใจกับเรื่องนี้มาก  และในขณะเดียวกันมหาเทพยังหงุดหงิด  ข้อมูลเหล่านี้กระจายไปในที่ต่างๆ แบบนั้นได้ยังไง  มหาเทพออกคำสั่งไม่ให้ปราสาทอสูรขายข้อมูลนี้อีกต่อไป
แต่ไม่..
เนื่องจากข้อมูลนี้กระจายออกไปทั่วไปแล้ว  คำสั่งมหาเทพออกมาช้าเกินไป
เรื่องนี้ไม่มีผลกระทบต่อลินลี่ย์  ชีวิตลินลี่ย์ยังคงเงียบสงบสุขเหมือนเคย  อย่างไรก็ตามลูกหลานที่ลินลี่ย์พามาจากพิภพยูลานหลังจากใช้เวลาหลายร้อยปีในแดนนรก เริ่มจะกระสับกระส่าย
แดนนรกมียอดฝีมือมากเกินไป
ลูกหลานของตระกูลบาลุคเกือบทั้งหมดส่วนใหญ่เป็นเซียน  หลังจากผ่านพิธีชุบตัวก็กลายเป็นเทียมเทพ  ในแดนนรกสิ่งเดียวที่พวกเขาทำได้ก็คือถูกทำร้าย
เพียงอาศัยอำนาจของตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์  ลูกหลานของตระกูลบาลุคจากทวีปยูลานยังสามารถเที่ยวไปได้ไม่กี่เมืองของแดนนรก  อย่างไรก็ตามพวกเขาพบว่าเป็นชีวิตน่าเบื่อ  และหลายคนตัดสินใจกลับไปทวีปยูลาน  ลินลี่ย์ไม่ห้ามพวกเขา แค่อาศัยเหรียญตรามหาเทพ เขาก็สามารถส่งกลุ่มลูกหลานกลับไปได้
ในพริบตาเดียวผ่านไปอีกพันปี นับตั้งแต่โมซีนำข้อมูลมาแจ้งให้ทราบ
พันปีสำหรับพวกเทพไม่ถือว่ามาก
ระหว่างช่วงพันปีนี้ ลินลี่ย์มีความก้าวหน้าในกฎทั้งสี่มาก  เขาเริ่มหลอมรวมเคล็ดชีพจรโลกและเคล็ดพลังโจมตีมิติของกฎธาตุลมได้  ความจริงเขาหลอมรวมเคล็ดนี้ได้ครึ่งหนึ่งแล้ว  เขายังคงเริ่มหลอมรวมเคล็ดโจมตีมิติและเคล็ดวังวนอ่อนหยุ่นของธาตุน้ำเข้าด้วยกัน  เพียงแต่เขายังไม่เชี่ยวชาญการหลอมรวมเคล็ดทั้งสองเหล่านี้
สำหรับร่างธาตุไฟ..
ความเร็วในการฝึกฝนในธาตุไฟของเขาช้าจริงๆ  และยิ่งเขาฝึกมาก ก็ยิ่งช้ามาก  เขาใช้เวลาพันปีหลังจากเชี่ยวชาญห้ากฎธาตุลึกลับธาตุไฟ  และใช้เวลาทั้งหมดฝึกเคล็ดพลังระเบิดแต่ก็ยังไม่เชี่ยวชาญเสียที
ภูเขาสกายไรท์ คฤหาสน์ลินลี่ย์
ใต้ต้นวิลโลว์ที่หนาทึบกิ่งบิดเกลียวภายในลานว่าง  ต้นวิลโลว์เขียวมีชีวิตมานานมากกว่าแปดร้อยปี  และกิ่งก้านของมันห้อยย้อยดูงดงาม
 “เยล, แม้ว่าเจ้าจะกลายเป็นเทพผ่านการหลอมรวมประกายเทพ ก็อย่ายอมแพ้  บางทีบางคนที่หลอมรวมกับประกายเทพก็มีโอกาสหลอมรวมเคล็ดลึกลับได้  ดูอย่างข้าสิ  ข้าไม่มั่นใจว่าความสามารถข้าเองจะหลอมรวมเคล็ดลึกลับได้  แต่ไม่ใช่..ข้า บีบียังหลอมรวมเคล็ดลึกลับได้ตั้งสองเคล็ด จริงไหม?  ฮ่าฮ่า”  บีบีหัวเราะลั่นได้ยินมาจากใต้ต้นวิลโลว์
ใต้ต้นวิลโลว์มีโต๊ะไม้สีดำบุรุษสามคนนั่งล้อมวงคุย  สามคนนี้ได้แก่บีบี เยลและวอร์ตัน
 “ข้าไม่ได้หวังอะไรสูงสุดสอยอย่างนั้น”  เยลหัวเราะเบาๆ  “ดูข้าสิ,  ตอนนี้ข้าเป็นเทพชั้นสูงแล้ว  แม้ว่าข้าจะมาถึงระดับนี้ได้โดยผ่านการหลอมรวมประกายเทพ  แต่ความแตกต่างระหว่างจุดที่ข้าเป็นในตอนนี้และจุดที่ข้ายังอยู่ในสถาบันเอินส์ยิ่งใหญ่แตกต่างกันราวฟ้ากับดิน นอกจากนี้ ข้ายังฟื้นฟูก่อตั้งหอการค้าดอว์สันได้แล้ว และเรามีกลุ่มลูกหลานจำนวนมาก  ข้าพอใจแล้ว ฮ่าฮ่า สิ่งเดียวที่ข้าเหลือในตอนนี้คือสำราญกับชีวิต  บางทีข้าอาจไปโลกธาตุอื่นแล้วผจญภัยบ้างก็ได้  ข้าเป็นแค่เทพชั้นสูงที่ผ่านการหลอมรวมประกายเทพ  แต่ในโลกธาตุธรรมดา ข้าไม่มีอะไรต้องกลัว  และ..ข้ายังมีหยดพลังมหาเทพที่น้องสามให้ข้าไว้”
หลังจากกลายเป็นเทพ  เขากลับไปยังทวีปยูลานและใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นสองร้อยปี
ระหว่างช่วงเวลาสองร้อยปี  เยลมีบุตรธิดาสิบเก้าคน  โดยอาศัยพลังอำนาจของจักรวรรดิบาลุค เขาก่อตั้งหอการค้าดอว์สันอีกครั้งโดยไม่ต้องใช้ความพยายามมาก  บุตรและธิดาสิบเก้าคนของเขารับภาระงานของเขา  และหอการค้าดอว์สันกลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง  จากนั้นเยลรู้สึกเบื่อจึงพาภรรยาคนที่สามมาแดนนรกกับเขา
แต่แน่นอนว่าเวลานั้นเยลโชคไม่ดี ขณะที่ถือเหรียญตรามหาเทพ  เขาต้องไปจากทวีปยูลานเข้าแดนนรกจากนั้นกลับแปดครั้งรวดก่อนจะมาถึงทวีปบลัดริจ
ประตูเทเลพอร์ตสำหรับผู้ถือเหรียญตรามหาเทพไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมการใช้
 “เยล, บีบี..ข้าสงสัยว่าอีกนานเท่าใดกว่าข้าจะได้ไปโลกธาตุอื่นเพื่อเที่ยวชมบ้าง”  วอร์ตันหัวเราะขณะที่รำพึงในใจตนเอง
เบรุตให้เหรียญตรามหาเทพกับลินลี่ย์  แต่ไม่ได้เอาคืน  เนื่องจากลินลี่ย์ไม่ได้ใช้ เขาจึงให้บีบีและวอร์ตันยืมใช้บ่อยๆ
 “จะใจร้อนไปทำไม?  ต่อไปเราจะให้พี่ใหญ่พาเราไปด้วยกันก็สิ้นเรื่อง”  บีบีกล่าว
ขณะที่พวกเขาคุยกัน...
 “ครืน...”  ระลอกพลังที่เกิดจากกฎธาตุธรรมชาติเริ่มชะลอตัวลงมา  ทิศทางก็คือภายในที่อยู่ของลินลี่ย์
บีบี วอร์ตันและเยลลุกขึ้นยืนทันที
 “นั่นมาจากที่ฝึกฝนของน้องสาม...”  เยลรีบกล่าว
 “ฮ่าฮ่า  พี่ใหญ่บรรลุระดับใหม่แล้ว  ในที่สุดร่างแยกธาตุไฟของพี่ใหญ่ก็บรรลุเคล็ดลึกลับใหม่ได้เช่นกัน”  บีบีร้องเรียกฉลองยินดี
เป็นอย่างที่บีบีพูดแน่นอน  ร่างแยกธาตุไฟของลินลี่ย์บรรลุระดับใหม่
แสงสีแดงอาบฉายไปทั้งห้องที่พำนัก
ลินลี่ย์ที่ตอนนี้มีผมสีน้ำตาลยาวนั่งขัดสมาธิ แต่ข้างๆ เขาเป็นลินลี่ย์ที่มีผมสีแดงลอยตัวอยู่  อัญมณีสีดำที่เปล่งประกายแสงสีแดงลอยอยู่เหนือศีรษะลินลี่ย์นี้  นั่นคือประกายเทพธาตุไฟของเขา มวลธาตุไฟหนาแน่นม้วนตัวอยู่รอบประกายเทพ  ภายในนั้นแฝงไปด้วยกฎธรรมชาติของโลก
ขณะต่อมา
 “ในที่สุด ก็สำเร็จ”  ลินลี่ย์นั่งอยู่ในท่าสมาธิลืมตาขึ้น  ร่างแยกธาตุไฟของเขาเข้าไปในร่างของเขา
 “ร่างแยกธาตุไฟของข้าฝึกฝนได้ช้ากว่าร่างแยกอื่นมากจริงๆ  โชคดีที่ตั้งแต่ร่างแยกธาตุไฟของข้าสามารถแบ่งพลังงานจากสี่วิญญาณร่างแยกอื่น จึงค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไปเช่นกัน  ทำให้ความเร็วในการฝึกฝนของข้ารวดเร็วขึ้นมาก  มิฉะนั้นบางทีข้าคงไม่อาจบรรลุและเชี่ยวชาญเคล็ดที่หกนี้ได้อย่างรวดเร็ว”  ลินลี่ย์ลุกขึ้นยืน หน้าของเขาประดับด้วยรอยยิ้ม  “โดยการใช้พลังเทพสามรูปแบบธาตุ พลังของข้าเทียบได้กับตอนใช้พลังมหาเทพ  อย่างนั้นด้วยพลังเทพสี่แบบ..?”
ในที่สุดลินลี่ย์ก็สามารถทดสอบความรู้สึกของการใช้พลังเทพสี่รูปแบบหลอมรวมกัน
หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความกระตือรือร้น  หน้าของเขามีรอยยิ้ม  ลินลี่ย์หลอมรวมพลังของเขา  และเมื่อเขาทำเช่นนั้น สีหน้าของเขาชะงักค้าง
 “แครก...”  เสียงประหลาดดังขึ้นในร่างของลินลี่ย์  และกล้ามเนื้อในร่างทั้งหมดของเขาเกร็ง
เกล็ดมังกรสีทองฟ้าของเขาผุดขึ้นมาทันที  และหนามโผล่ออกมาจากหน้าผากและกระดูกสันหลัง  หางมังกรผุดออกมาจากด้านหลัง และพลังที่น่ากลัวแผ่ไปทั่วตัวลินลี่ย์
 “นี่...นี่ นี่มันเหลือเชื่อมาก”  ตาของลินลี่ย์เต็มไปด้วยความประหลาดใจ

12 ความคิดเห็น:

ArunothaiCS กล่าวว่า...

วิญญาณกลายพันธุ์ไม่พอ อย่าบอกนะว่าร่างกายกลายพันธุ์อีก จะเทพไปใหน

ขอบคุณผู้แปลครับ

Toffee กล่าวว่า...

ความสำเร็จ หลังจาก
ฝึก ยังไม่จบ ขอบคุณครับ

Toffee กล่าวว่า...

จะได้ตบมหาเทพฐาตุแสงสะที่นะ

Rannight กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Sseedza65 กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ค้างสุดๆๆจะเก่งถึงระดับมหาเทพป่าวรอๆๆๆๆๆขอบพะจัยผู้แปบมากๆๆจร้าเป่นกำลังจัยให้จร้า

tho กล่าวว่า...

ขอบคุณ​มาก​ๆ​ครับ​

BB กล่าวว่า...

เวลาผ่านไป1000ปี นอกจากธาตุไฟ ธาตุอื่นไม่ก้าวหน้าหน่อยเหรอ 😁

Ko Surapong กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

WingF กล่าวว่า...

ธาตุอื่นหลอมไปเยอะแล้วครับ แต่มุ่งไฟเพราะมันหลังสุด ต้องสมดุลครับถึงจะสุดยอด

ท้องฟ้าจะมีความหมาย ถ้ามีคนแหงนมอง กล่าวว่า...

ขอบคุณครับใกล้ก้าวผ่านพารากอนแล้วสินะอีกก้าวใหญ่ๆ

แสดงความคิดเห็น