วันจันทร์ที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

เล่ม 20 ปริศนามงกุฎ - ตอนที่ 3 พลัง


เล่ม 20 ปริศนามงกุฎ - ตอนที่ 3 พลัง
โอดินก้มหน้าจ้องมองดูเซยาท์ที่นอนนิ่งอยู่กับพื้นอย่างหวาดผวา  เขาส่งสำนึกเทพบอก  “ท่านเจ้าแคว้น,  ท่านเจ้าแคว้น!  ตอนนี้โอดินแตกตื่น  เมื่อเห็นพลังของลินลี่ย์ โอดินรู้แล้วว่า เขาไม่มีทางต้านทานได้แม้แต่น้อย  ในท่ามกลางความสิ้นหวัง ทั้งหมดที่เขาทำได้คือฝากความหวังทั้งมวลไว้กับเจ้าแคว้นเซยาท์

 “หุบปากเจ้าซะ!  เซยาท์คำรามผ่านสำนึกเทพด้วยความโมโห
ตาของเซยาท์สีแดงและใจของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ  เขาถูกเตะร่วงลงพื้นต่อหน้าทหารที่กำลังมองดูหลายคน  นี่เป็นการดูถูก!  สำหรับคนที่มีสถานะอย่างเซยาท์ต้องมาทนอับอายอย่างนี้เป็นเรื่องที่เขาต้องแก้แค้น  แต่เขาไม่มีความสามารถจะทำเช่นนั้นได้
ทหารรอบๆ ตกตะลึงจ้องมองลินลี่ย์ จากนั้นมองดูเซยาท์ผู้นอนนิ่งอยู่กับพื้น ร่างเต็มไปด้วยเลือด
 “พยายามจะแก้แค้นจะมีผลเพียงประการเดียว คือตาย ข้าต้องอดทนเอาไว้  อดทนไว้!  เซยาท์รู้สึกอับอายที่มีคนมากมายจ้องมองเขา  “ถ้าข้าตาย อย่างนั้นทุกอย่างก็เป็นอันจบกัน  ลินลี่ย์คงจะเป็นเทพพารากอนจริงๆ  ต่อให้คนอื่นได้ทราบเรื่องนี้ ก็คงไม่ใช่เรื่องน่าอับอายที่ข้าพ่ายแพ้ในเงื้อมมือเขา”  นี่คือวิธีที่เซยาท์ใช้ปลอบใจตนเอง
เซยาท์ห่วงเรื่องหน้าของตนเอง  อย่างไรก็ตามโอดินกลับกังวลห่วงชีวิตน้อยๆ ของเขา
 “ถ้าข้าไม่หนีตอนนี้ ข้าก็คงไม่มีโอกาส”  เสียงควั่บดังขึ้น  โอดินดำลงไปในดินต้องการจะซ่อนตัวอยู่ในใต้ดินและหนีไป
 “ฮึ่ม..”
ลินลี่ย์ยิ้มเยือกเย็น  และจากนั้นร่างของเขากลายเป็นร่างเลือนรางขณะที่เขาลงไปยืนข้างล่างต่ำกว่าโอดิน
 “ผัวะ!  ลินลี่ย์ตบหน้าโอดินโดยตรงแรงจนเขาปลิวกลับขึ้นไปในอากาศ  โอดินกระแทกกับข้างกำแพงปราสาทเหมือนกับกระสอบทราย  เสียงตุ้บดังขึ้นกำแพงแตกจากกัน  “ไวจนน่ากลัว”  โอดินยังไม่ทันจะหายกลัว  แต่ลินลี่ย์กลับมาอยู่ต่อหน้าเขาอีกครั้ง
โอดินมองดูลินลี่ย์  หน้าของเขาเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
ลินลี่ย์เพียงแต่เหยียดมือออกอย่างใจเย็นขณะที่รัศมีธาตุดิน 108 สายผสานกันจะเป็นรูปรังไหมกักตัวโอดินไว้ภายใน  พลังกดดันที่น่ากลัวทำให้โอดินไม่สามารถขยับได้แม้แต่น้อย
แม้แต่แฮมเมอร์ ยอดฝีมือผู้มีพลังโจมตีวัตถุเทียบได้กับเทพพารากอนก็ยังได้รับผลกระทบจากวิชานี้ของลินลี่ย์
เป็นไปได้ยังไงที่ภูตเจ็ดดาวจะมีพลังพอต่อต้านพลังบีบอัดจากปณิธานของลินลี่ย์?
เขากลายเป็นอัมพาต!
 “เยล!  เจ้าเลือกเอาเลยจะให้เขาตายยังไง”  ลินลี่ย์หันไปมองเยล ที่บินเข้ามาหา  แววตาของเขาเต็มไปด้วยความอำมหิต
 “อ๊าคคคค!  โอดินร้องโหยหวนพยายามดิ้นรนเพื่อให้หลุดจากพลังพันธนาการ
ต้องเข้าใจว่าแม้เมื่อลินลี่ย์แค่เป็นเทพชั้นสูง สนามพลังโน้มถ่วงก็สามารถทำให้อสูรเจ็ดดาวทั่วไปยากจะต่อต้านได้  ตอนนี้พอหลอมรวมเข้ากับพลังปณิธาน จึงทำให้พลังเพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยเท่า  โอดินเป็นเหมือนสัตว์ร้ายที่ติดอยู่ในกรง  แม้ว่าเขาจะร้องโหยหวนด้วยความดุร้าย  แต่เขาก็ไม่สามารถทำให้ตัวเองหลุดออกมาได้
 “เจ้าต้องการฆ่าข้าหรือ? ฮ่าฮ่า เด็กน้อย, เจ้าคิดว่าเจ้าคู่ควรกับการฆ่าข้าหรือ?”  ตาของโอดินแดงฉานขณะจ้องมองเยล มีแววดูถูกอยู่ในสายตาเขา
 “ลินลี่ย์,  ถ้าเจ้าแข็งแกร่งนัก ทำไมไม่ฆ่าข้าเสียเลย!  โอดินตะคอก
ถึงตอนนี้โอดินตระหนักว่าไม่มีความหวัง
เซยาท์ อานิตา บริวารของพวกเขา และทหารทั้งหมดได้แต่ดูอยู่ห่างๆ ขณะที่โอดินดิ้นรนเหมือนสัตว์ร้ายติดกับ  ก่อนนี้พวกเขาต้องการเข้ามาขัดขวาง ต้องการโจมตีและผลักดันลินลี่ย์ออกไป  แต่หลังจากลินลี่ย์ลงมือ  พวกเขาไม่คิดจะสู้ตอบโต้อีกต่อไป
 “ฆ่าเจ้าด้วยตัวข้าเองน่ะหรือ?”  ลินลี่ย์หัวเราะอย่างเยือกเย็น  “ฝันไปเถอะ”
 “ฮึ่ม..”  ทันใดนั้นโอดินหัวเราะเย็นชา และระลอกพลังใสยิงออกจากดวงตาโอดินใส่เยล
 “แครกกก” รังไหมธาตุดินซึ่งล้อมตัวโอดินยิงระลอกพลังรูปดาบใสทำลายพลังโจมตีวิญญาณของเขา  ลินลี่ย์เหยียดหยามโอดิน มองอย่างเยือกเย็น  “โอดิน!  ตอนนี้เจ้าติดอยู่ในคุกพลังโน้มถ่วงของข้า  เจ้าไม่สามารถตอบโต้ได้แม้แต่น้อย อย่าพยายามเล่นลูกไม้”
 “ลงมือเลย”  ลินลี่ย์มองดูเยล
เยลพยักหน้าเล็กน้อย หอกสีน้ำเงินปรากฏอยู่ในมือของเขา
 “พี่น้องของข้า ภรรยาข้า ลูกของข้า พ่อแม่ของข้า”  ร่างของเยลสั่นสะท้าน  และริมฝีปากของเขาขาวขณะจ้องมองโอดิน  และทันใดนั้นเยลเงื้อหอกจากนั้นระเบิดพลังพุ่งหอกไปข้างหน้าสุดกำลังเพื่อให้หอกปักใส่โอดิน
ควั่บ...
 “แคล้ง..”  หอกน้ำเงินแทงใสโอดิน  แต่ไม่สามารถเจาะผ่านผิวของเขาเข้าไปได้
เยลตะลึง
 “ฮ่าฮ่า...ฮ่า..”  โอดินแหงนหน้าหัวเราะลั่น และหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง  “ลินลี่ย์ โอว ลินลี่ย์  เจ้าต้องการให้สหายของเจ้าฆ่าข้าใช่ไหม?  เขาเป็นแค่เทียมเทพ!  ข้าเป็นภูตเจ็ดดาว เป็นเทพชั้นสูง!  พลังป้องกันของข้าอย่างเดียวเทียบได้กับสมบัติเทพชั้นสูงแล้ว  พลังโจมตีน้อยนิดของเขาไม่สามารถสะกิดผิวของข้าได้  ฮ่าฮ่า..จะฆ่าข้าน่ะหรือ?  เขากำลังฝันชัดๆ!!!
เยลหน้าซีดขาว
 “ข้า...ข้า..”  ร่างของเยลสั่นสะท้าน  “ข้าต้องการล้างแค้น  แต่ข้า...”
ลินลี่ย์จับโอดินไว้แล้วและมอบเขาให้เยลประหารเอง  แต่พลังโจมตีของเยลยังต่ำอยู่มาก  ที่สำคัญคือโอดินเป็นภูตเจ็ดดาว  แม้ว่าเขาจะไม่ใช้เคล็ดลึกลับที่แฝงอยู่ในพลังเทพ  พลังป้องกันวัตถุของเขาก็ยังใกล้กับสมบัติเทพชั้นสูงในแง่ของพลัง  ส่วนพลังป้องกันวิญญาณของโอดิน เขาฝึกมาทางวิถีมรณะยังทรงพลังยิ่งกว่า  เยลไม่สามารถทำอันตรายเขาได้แม้แต่น้อย”
โอดินถลึงตามองเยลอย่างดุร้ายราวกับว่าเขาต้องการกินเขาทั้งเป็น  “เด็กน้อย, เจ้าต้องการฆ่าข้าหรือ?  ฝันไปเถอะ!  พลังของเจ้ายังไม่พอแม้แต่จะทำอะไรเส้นขนในร่างกายข้าด้วยซ้ำ!
 “โอดิน”  ลินลี่ย์มองเขาอย่างเยือกเย็น
 “ลินลี่ย์ เจ้าจะทำตัวหยิ่งมากไปขนาดไหน?”  เมื่อรู้ว่าเขากำลังจะตาย  โอดินกลับไม่กลัว และเขาจ้องมองลินลี่ย์และหัวเราะลั่น  “เจ้าต้องการให้พี่น้องเจ้าฆ่าข้าไม่ใช่หรือ?  น่าเสียดาย เขาอ่อนแอเกินไป.. ต่อให้เจ้าจับข้าและเขาฆ่าข้า  เขาก็ยังไม่มีปัญญาทำได้  เป็นเรื่องโชคชะตาที่เขาจะไม่มีวันล้างแค้นได้สำเร็จ  ฮ่าฮ่า.. ข้ายังจำได้ถึงสีหน้าบนใบหน้าของสมาชิกครอบครัวของเยลเมื่อพวกเขาตายทุกคน  สะใจเป็นบ้า!!
 “บัดซบ!  เยลตวาด
 “เจ้าไม่มีปัญญาฆ่าข้า  ไม่มีทางที่เจ้าจะล้างแค้นด้วยตัวเอง”  โอดินหัวเราะสะใจ
ใบหน้าของลินลี่ย์มีประกายเย็นชา
 “ดูดซับสิ่งนี้เข้าไปในร่างเจ้า  จากนั้นกระตุ้นให้มันทำงาน”  แค่เพียงพลิกมือลินลี่ย์หยดของเหลวสีดำเข้าไปในร่างของเยล
 “หือ?”  โอดินสีหน้าเปลี่ยน
 “เจ้าทรงพลังไม่ใช่หรือ?  เจ้าเป็นแค่ภูตเจ็ดดาวธรรมดา  และเป็นผู้ฝึกมาทางวิถีมรณะ  ข้าอยากจะดูว่าร่างของเจ้าทนทานพอจะรับพลังโจมตีที่ใช้พลังมหาเทพหรือไม่”  ลินลี่ย์หัวเราะอย่างเยือกเย็น
เยลตาเป็นประกาย
 “น้องสาม!  ขอบคุณ”  ทันใดนั้นเยลดูดซับหยดพลังมหาเทพในร่างทันที และจากนั้นมีเสียงดังปัง แสงสีดำระเบิดออกมาจากร่างของเยล  รัศมีพลังที่น่ากลัวแผ่ออกมาจากร่าง  เยลถือหอกสีน้ำเงินซึ่งมีรัศมีสีดำครอบคลุม เยลคำรามลึก
 ตาย!
เยลโจมตีรวดเร็วราวกับสายฟ้า และใช้หอกน้ำเงินแทงใส่โอดินอย่างบ้าคลั่ง
 ไม่!!!” โอดินมีเวลากรีดร้องได้ครั้งเดียวเท่านั้น
เยลไม่ได้แทงที่ตำแหน่งศีรษะโดยตรง  เขาแทงไม่เลือกทิ้งรอยแผลไว้บนร่างโอดินมากกว่าสิบแผลก่อนในที่สุดจะแทงเข้าที่ศีรษะของเขา
 “แฮก แฮก...”  เยลหอบขณะที่เขาแทงโจมตีหลายครั้ง  จากนั้นก็เริ่มสั่นสะท้าน
โอดินนอนนิ่งอยู่กับที่ไม่มีการตอบสนองแม้แต่น้อย  อาวุธเทพชั้นสูงของเขาร่วงลงจากร่าง  แต่เพราะแรงบีบอัด  ของเหล่านั้นยังคงอยู่ข้างตัวเขา
 “ตาย,  โอดินตายแล้ว  ข้าฆ่าเขาด้วยมือตนเอง”  เยลเงยหน้าหัวเราะอย่างบ้าคลั่งแต่เขาหลั่งน้ำตา  ดูเหมือนเยลจะบ้าไปชั่วขณะ
แต่เมื่อเห็นเช่นนี้ลินลี่ย์ได้แต่ระบายหายใจโล่งอก
เยลปลดปล่อยความเกลียดที่ฝังลึกอยู่ในใจเขามานาน  หลังจากนั้นเขาคงดีขึ้นมาก
ในขณะต่อมา เยลก็กลับคืนสู่ความสงบเยือกเย็นได้เหมือนเมื่อก่อน  เขาหันหน้าไปมองลินลี่ย์  แววขอบคุณซาบซึ้งปรากฏในสีหน้า  ลินลี่ย์เพียงแต่หัวเราะ  จากนั้นเดินเข้ามาตบไหล่เขา  “ไปกันเถอะ”  พวกเขาเป็นพี่น้องที่เล่นหัวกันมาตั้งแต่เด็ก  คำบางคำไม่จำเป็นต้องพูดออกมา
จอร์จและคนอื่นๆ รู้สึกมีความสุขที่เยลรู้สึกดีขึ้น
และจากนั้นยอดฝีมือกลุ่มของลินลี่ย์ก็ขึ้นอสูรโลหะโดยสารและจากไป
ขณะที่เซยาท์ เจ้าแคว้นนอร์ทบอน  เขาและคนของเขาทุกคนมองหน้ากันเองและลอบถอนหายใจ
 “ท่านเจ้าแคว้น  ลินลี่ย์ผู้นี้ ทรง..ทรงพลังเกินไป”  บุรุษชุดฟ้าที่อยู่ใกล้พูดเบาๆ “โอดินเป็นภูตเจ็ดดาว  แต่เขาถูกลินลี่ย์กักจนไม่สามารถโต้ตอบได้  นี่มันวิชาอะไร?  นอกจากนี้ความเร็วของลินลี่ย์ก็ยังเหลือเชื่ออีกด้วย”
เนื่องจากความเร็วของเขา เมื่อผู้บัญชาการธรรมดาเผชิญกับเทพพารากอน พวกเขาจะไม่สามารถสู้ตอบโต้ได้
 “เนื่องจากความเร็วที่เขามี  และวิธีการใช้พลังกักภูตเจ็ดดาวได้... ขณะที่ใช้พลังเทพธาตุดินธรรมดา”  สีหน้าของเซยาท์เคร่งขรึม “มีแนวโน้มว่าลินลี่ย์ผู้นี้จะเป็นเทพพารากอนจริงๆ”
คนที่อยู่ข้างๆ เขาพากันตะลึงหมดทุกคน
เทพพารากอน?
 “ไปกันเถอะ  พวกเจ้าทุกคนกลับไปเถอะ!  หน้าของเซยาท์น่ากลัวและเสียงของเขาดุ
 “วิววววววว”  เสียงสายลมหวีดหวิว ขณะที่ลมพัดผ่านแผ่นดินที่ดูคล้ายมีด
หุบเขามีดเหล็ก  ภายในปราสาท
ภายในพื้นที่กว้างว่างเปล่า  มีวงเวทเทเลพอร์ตยักษ์สองวง  ทันใดนั้นหนึ่งในวงเวทนั้นเปล่งประกายแสงนับไม่ถ้วน  และทหารบลัดริจที่รายล้อมอดหันไปมองดูไม่ได้
พอแสงหายไป ก็มีคนกลุ่มหนึ่งปรากฏ
หนึ่งในทหารบลัดริจจำพวกเขาได้  และตาของเขาเป็นประกาย  เขารีบคำนับ  “คารวะใต้เท้าอีกครั้ง”  ครั้งก่อน เมื่อลินลี่ย์ใช้วงเวทเทเลพอร์ตส่งพวกเขา  ทหารผู้นี้เคยพบเจอลินลี่ย์และรู้ว่าลินลี่ย์มีเหรียญตรามหาเทพบลัดริจ
 “อืมม”  ลินลี่ย์พยักหน้าเล็กน้อย  “เราจะรออยู่ที่นี่ครู่หนึ่ง  ไม่นานก็จะจากไป”
 “เชิญใต้เท้าตามอัธยาศัย,”  ทหารบลัดริจยิ้ม
กลุ่มของลินลี่ย์รออยู่กับที่ในกลางอากาศเหนือพื้นที่ว่างเปล่า  บีบีบ่นพึมพำ  “พี่ใหญ่ ท่านน่าจะมาจากทวีปยูลานและถึงนี่เร็วๆ ทำไมอีกร่างหนึ่งของท่านถึงยังมาไม่ถึง? ข้าไม่ได้พบกับนินนี่กับนาน่ามาพันปีแล้ว..”  บีบีคิดภรรยาและลูกสาว
 “เราเกือบมาถึงอยู่แล้ว”  ลินลี่ย์พูดพลางหัวเราะ  “เราต้องใช้เวลาบินจากทวีปยูลานไปแดนน้ำแข็งขั้วโลก..”
 “ลินลี่ย์! วอร์ตันน้อยจะมาด้วยหรือเปล่า?”  ฮ็อกค่อนข้างกังวลและตื่นเต้น
 “ถูกแล้ว, ท่านพ่อ”  ลินลี่ย์หัวเราะและพยักหน้า
บิดาของเขาไม่ได้พบเห็นวอร์ตันมานานมากแล้ว วอร์ตันถูกส่งไปจักรวรรดิโอเบรียนตั้งแต่อายุน้อย  และเมื่อบิดาเขาตาย ภาพในใจสุดท้ายของวอร์ตันที่เขามีก็คือทารกน้อยวอร์ตัน  ลินลี่ย์พูดพลางหัวเราะ  “ท่านพ่อ! ข้าคิดว่าเมื่อท่านเห็นวอร์ตัน  ท่านคงจำเขาไม่ได้ในทันทีแน่”
 “พ่อจำเขาได้อย่างแน่นอน”  ฮ็อกมั่นใจ
 “โอว, พวกเราเข้าวงเวทเทเลพอร์ตแล้ว  เรากำลังมา”  ลินลี่ย์กล่าว  ร่างแยกธาตุไฟของเขามาพร้อมกับคนกลุ่มใหญ่
ทันใดนั้นทุกคนหันไปมองดูวงเวทเทเลพอร์ต  ขณะนั้นปรากฏประกายแสงนับไม่ถ้วนรวมตัวกันอยู่ที่นั่น  และโดยมีลินลี่ย์ร่างแยกธาตุไฟและเดเลียเป็นผู้นำ  ร่างแยกธาตุไฟบินเข้าหาลินลี่ย์และผสานตัวเข้ากับเขา
เมื่อผสานร่างเข้าไป วิญญาณทั้งห้าเริ่มรวมผสานอยู่ภายใน
ทันใดนั้น...
วิญญาณกลายสภาพทั้งสี่ของลินลี่ย์เริ่มส่งพลังจิตให้วิญญาณร่างแยกธาตุไฟและเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงอย่างช้าๆ  ที่สำคัญคือทั้งห้าวิญญาณเป็นหนึ่งเดียวกันแต่แรกเริ่ม
 “ท่านพ่อ”  เวด, เทย์เลอร์และซาชาทุกคนวิ่งเข้ามาหาลินลี่ย์
 ท่านพ่อ!!!  วอร์ตันยืนนิ่งกับที่ตะลึงมองฮ็อก
ฮ็อกมองดูบุรุษหนุ่มร่างกำยำที่อยู่ต่อหน้าเขา  วอร์ตันมีเค้าหน้าคล้ายฮ็อกและลักษณะที่คล้ายนั้นปรากฏอยู่บนใบหน้าลินลี่ย์เช่นกัน  แต่ที่สำคัญยิ่งกว่า..เมื่อฮ็อกมองดูตาของวอร์ตัน เหมือนกับว่าเขากำลังย้อนกลับไปมองดวงตากลมโตของทารกวอร์ตัน  “วอร์ตันใช่ไหมลูก?”  ฮ็อกพูดเบาๆ
 “ข้าเองท่านพ่อ”  วอร์ตันวิ่งเข้ามากอดฮ็อกไว้แน่น
 “ดี,  ดีจริงๆ”  ฮ็อกตาแดงอย่างช่วยไม่ได้
หลังจากผ่านไปชั่วขณะสองพ่อลูกจึงแยกจากกัน
 “ท่านพ่อ, ดูสิ, นี่เวดหลานของท่าน  นี่คือเทย์เลอร์  นี่ซาชาหลานสาวท่าน..”  ลินลี่ย์เดินเข้ามา  เขาหัวเราะขณะแนะนำตัว
วอร์ตันรีบแนะนำลูกหลานของเขาบ้าง  “ท่านพ่อ, นี่ซีนาหลานของท่าน อาร์โนลด์! มานี่  นี่คือเหลนของท่าน และนี่คือลูกของอาร์โนลด์”  มีหลายคนมาพร้อมกับการเดินทางครั้งนี้  ทุกคนที่เข้าถึงระดับเซียนล้วนเดินทางร่วมด้วย  เหลือรั้งอยู่เพียงไม่กี่คน
 “เยี่ยมมาก  เยี่ยมมาก”  ฮ็อกพยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า  ทั้งหมดที่เขาทำคือได้แต่ยิ้มซ้ำแล้วซ้ำเล่า
 “เอาล่ะ, ท่านพ่อ เราไปที่เทือกเขาสกายไรท์กันก่อน”  ลินลี่ย์หัวเราะ
กลุ่มคนขนาดใหญ่นี้เข้าโดยสารอสูรโลหะและบินออกจากหุบเขามีดเหล็กทันที
ทหารบลัดริจได้แต่จ้องมองอยู่เฉยๆ กันทุกคน  พวกเขาชำเลืองมองกันเอง
 “คนสำคัญมีระดับแตกต่างกันจริงๆ!  ในอึดใจเดียว เขาพาครอบครัวมากกว่าร้อยคนเข้าแดนนรก ตั้งแต่ปู่ยันเหลนโหลน.. มีคนมากจริงๆ”
 “ใช่แล้วหัวหน้า  ทำไมท่านถึงเรียกบุรุษผมน้ำตาลว่า ใต้เท้า เขาเป็นใคร?”
 “เจ้าไม่รู้เรื่องนี้, แต่ครั้งล่าสุด เมื่อข้ารับภารกิจ บุรุษผมน้ำตาลถือป้ายตรามหาเทพขอใช้งานประตูเทเลพอร์ตฟรี!  แม้แต่ทูตมหาเทพก็ยังไม่มีป้ายตรานั้น  มีเพียงคนสถานะเดียวจึงจะได้รับสมบัติอย่างนั้นได้”  ทหารบลัดริจคุยกันเองในพวกเขา
ขณะที่ครอบครัวลินลี่ย์  พวกเขาทุกคนรีบเร่งไปยังเทือกเขาสกายไรท์

24 ความคิดเห็น:

Boybravo กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

ArunothaiCS กล่าวว่า...

ซึ้ง

ขอบคุณครับ

tho กล่าวว่า...

ตอนนี้รู้สึกอบอุ่นมากเลย
ขอบคุณผู้แปลมากๆเลยครับที่เสียสละเวลามาแปลนิยายดีๆให้อ่านกัน ขอบคุณคับ

Toffee กล่าวว่า...

ขอบคัณครับ

ท้องฟ้าจะมีความหมาย ถ้ามีคนแหงนมอง กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ ผลจากความพยายามอย่างหนัก ผจญภัยอันตรายมากมายครอบครัวก็กลับมาพร้อมหน้าจนได้

Sseedza65 กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

มีตน กล่าวว่า...

ขอบคุณ​ครับ​

Ko Surapong กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

เบรุตมีป้ายมหาเทพ หรือว่าเบรุตเป็นมหาเทพไปแล้วครับ

pmt กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

.. กล่าวว่า...

ไม่น่าใช่นะคับ ปมว่าเบรุตน่าจัพาลากอนมากกว่า มันสมเหตุผลดีกับที่ตอนเบรุตช่วยเดเลียด้วยจาดที่อ้านมากถึงจะรวมเคล็ดได้5จาก6เคล็ดกะเก้บพลังมหาเทพในร่างไม่ได้มีแต่พาลากอนหรือแบบลืลลี่เท่านั้นที่ทำได้

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ สำหรับการแปลครับ

Unknown กล่าวว่า...

น่าจะหมายถึง ทูตของมหาเทพที่มีพลังระดับพารากอนนะคับ

Ko Surapong กล่าวว่า...

อ่อ ขอบคุณครับ

แต่เบรุตมีป้ายมหาเทพแสดงว่าน่าจะเป็นคนที่มหาเทพให้ความสำคัญมากจริงๆ อิ อิ

BeHappy กล่าวว่า...

ขอบคุณ​มาก​ครับ​

Rannight กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ กลับตระกูลแล้วถึงเวลาชุบตัว

Unknown กล่าวว่า...

จากความขี้กั๊กเบรุต ผมว่ามหาเทพบลัดริจก็มันนี่แหละ

เดาเอา กล่าวว่า...

เบรุตไม่ได้เป็นพารากอนแต่เป็นมหาเทพ​ 555

Anny กล่าวว่า...

ขอบคุณมากค่ะ

Unknown กล่าวว่า...

ตอนที่มหาเทพบรัดริจปรากฏตัวช่วยตระกูลพระเอกเบรุตก็อยู่ด้วยนี้

nutzido กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

อีกไม่กี่สิบตอน น่าจะรุ้กันครับ กั้กอีกเยอะ

LScreaM กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Ko Surapong กล่าวว่า...

ลินลี่ย์ถึงเทือกเขาสกายไรท์ ประมุขเผ่ารู้คงรีบออกมาต้อนรับแน่ๆ รู้ข่าวความเทพของลินลี่ย์ในสงครามมหาภิภพ

ชาติ กล่าวว่า...

ที่เบรฺุตมาปรากฏตัวตอนช่วยเผ่าน่าจะเป็นร่างแยกเปล่าครับ

แสดงความคิดเห็น