เล่ม
21 จุดสุดยอด - ตอนที่ 7 ทวีปบลัดดรากอน
ภายในพิภพยูลาน
ไม่มีใครแม้แต่คนเดียวที่สามารถฆ่าลินลี่ย์ได้ ไม่ต้องอยู่ภายใต้แรงกดดันใดๆ จึงเป็นเป็นธรรมดาชีวิตของเขาไม่มีอะไรน่าห่วง
สามร้อยกว่าปีผ่านไปอย่างสงบสงบอย่างนี้
สามร้อยกว่าปีเป็นช่วงเวลาที่ยาวนานมากสำหรับปุถุชน ช่วงเวลานี้มีคนตายและเกิดนับไม่ถ้วน
อย่างไรก็ตามปราสาทเลือดมังกรแทบไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง
ในโลกของเทพ
ช่วงเวลาหนึ่งพันปีไม่มีอะไรนอกจากชั่วเวลาชั่วเดี๋ยวเดียว
“ลินลี่ย์!
ดูเหมือนว่าอารมณ์ของเจ้าจะดีเป็นพิเศษ”
เดเลียเดินเล่นกับลินลี่ย์ตรงไปที่สวนด้านหลัง
“วันนี้, ข้าบรรลุระดับการฝึกฝนได้อีกเล็กน้อย” ลินลี่ย์ยิ้ม
“โอว?
เจ้าหลอมรวมเคล็ดลึกลับสามรูปแบบจากกฎที่ต่างกันได้หรือ?” เดเลียพูดด้วยความประหลาดใจ
“ไม่ ยังไม่เร็วขนาดนั้น” ลินลี่ย์ส่ายศีรษะและหัวเราะ “ชีพจรโลก วังวนอ่อนหยุ่น พลังโจมตีมิติ
แม้ว่าข้าจะฝึกจนถึงส่วนสุดท้ายของการหลอมรวมทั้งสามอย่างนี้ แต่ข้ายังติดอยู่ที่คอขวด คอขวดขั้นสุดท้ายนี้ยากจะบรรลุผ่านไปได้”
เคล็ดลึกลับยิ่งมีมากก็จะติดอยู่ที่คอขวดและยากจะบรรลุผ่านมากขึ้น
ตัวอย่างเช่นคอขวดสำหรับการหลอมรวมหกเคล็ดลึกลับ มียอดฝีมือมากเพียงไหนที่ติดอยู่ตรงนั้น
ไม่สามารถกลายเป็นพารากอนได้?
“อย่างนั้นเจ้าหมายถึงการบรรลุพลังแบบไหน?” เดเลียถามด้วยความสงสัย
“เป็นความลึกลับของเคล็ดระเบิดของกฎธาตุไฟ เคล็ดระเบิดยากที่จะหลอมรวมได้ แต่วันนี้ข้าหลอมรวมเข้ากับชีพจรโลกได้” ลินลี่ย์พูดพร้อมทั้งหัวเราะเบาๆ “อย่างไรก็ตาม ข้าต้องบอกไว้ก่อน
ข้าฝึกได้ช้ามากกว่าที่คิดในช่วงสามร้อยปีที่ผ่านมา “ ที่สำคัญหลังจากกลายเป็นมหาเทพ
เขามีทะเลแห่งศรัทธาสนับสนุนเขา
ความเร็วในการสร้างมโนภาพและความเข้าใจของเขายังเร็วกว่าในอดีต
สามร้อยปีที่ผ่านมานี้บางทีอาจเทียบได้กับเกือบหมื่นปี
ก่อนที่กลายเป็นมหาเทพ
“ไม่ต้องรีบร้อน เวลาของเจ้ามีไม่จำกัด” เดเลียพูดพร้อมกับหัวเราะเบาๆ
“เจ้าไม่รีบร้อน
แต่ปู่เบรุตและบลูไฟร์เล่า?”
ลินลี่ย์จ้องเข้าไปในประตูสวนดอกไม้
เขาเห็นบุรุษหนุ่มผมสั้นกำลังหัวเราะขณะเดินเข้ามาหา บุรุษหนุ่มนี้คล้ายลินลี่ย์ถึงหกเจ็ดส่วน
เขาคือเวดบุตรของลินลี่ย์
“ท่านพ่อ ท่านแม่” เวดหัวเราะ
“วันนี้เป็นวันเฉลิมฉลองใหญ่ของทวีปบลัดดรากอนของเรา
ท่านยังจะไม่ออกไปหรือ?”
“ทวีปบลัดดรากอน?” ลินลี่ย์ตกใจ
แต่จากนั้นเขาหัวเราะและพูดเหมือนเยาะตัวเอง “ข้าลืมไปเลยว่าวันนี้เป็นวันเทศกาลบลัดดรากอน” หลังจากที่ลินลี่ย์กลายเป็นมหาเทพ เขาสนทนากับเบรุตและบลูไฟร์ เมื่อพวกเขาพูดถึงทวีปยูลาน และทวีปบลูไฟร์
ลินลี่ย์มีความตื่นเต้น ต้องการสร้างทวีปของตนเอง นั่นคือทวีปบลัดดรากอน
สามทวีปใหญ่เหล่านี้สร้างเป็นรูปสามเหลี่ยมอย่างบริบูรณ์
ตอนนั้นลินลี่ย์ทุ่มเทพลังมหาเทพของเขาและกลายเป็นว่าเกาะเล็กรอบทวีปยูลานและทวีปบลูไฟร์ทั้งหมดเคลื่อนเข้ามาในทวีปบลัดดรากอน พลเมืองของเกาะทั้งหมดรวมกันแล้วเกือบสิบล้านคน
นอกจากนี้ลินลี่ย์ยังย้ายอสูรเวทและสิ่งมีชีวิตอื่นๆ เข้ามาด้วย
ระหว่างสามร้อยปีมานี้
เพราะเป็นทวีปกว้างใหญ่ และเพราะอสูรเวทถูกลินลี่ย์เอามาปล่อยในภาคตะวันตกของทวีปบลัดดรากอน มนุษย์ที่นี่ไม่ต้องเผชิญกับศัตรูตามธรรมชาติ
ในช่วงเวลาสั้นๆ
สามร้อยปี ประชากรมนุษย์เพิ่มขึ้นพรวดพราดจากสิบล้านจนมีเกินร้อยล้าน แต่แน่นอนระหว่างพัฒนาในช่วงสามร้อยปีมานี้
จักรวรรดิบาลุคให้การสนับสนุนอย่างมาก ผ่านการค้าทางทะเลระหว่างสองทวีป แม้ว่าจะอธิบายด้วยคำว่า ‘การค้า’
แต่ในความเป็นจริงเป็นพวกเขาให้ความช่วยเหลือ
คนที่ย้ายไปที่ทวีปบลัดดรากอนตกลงใจว่าวันที่
24 กันยายนจะถือว่าเป็นวันเฉลิมฉลองเทศกาลบลัดดรากอน
“ลินลี่ย์, พลเมืองทวีปบลัดดรากอนล้วนแต่เทิดทูนบูชาเจ้า พวกเขาปฏิบัติกับเจ้าเหมือนกับเป็นเทพเจ้าที่แท้จริง เป็นไปได้หรือที่เจ้าจะไม่ไปดูงานเฉลิมฉลองเทศกาลบลัดดรากอน?”
เดเลียหัวเราะพร้อมกับเม้มปาก
“แม้ว่าพลเมืองจะมีแค่ร้อยล้านซึ่งไม่ถือว่ามาก เนื่องจากขนาดของทวีปบลัดดรากอนค่อนข้างจะใหญ่มากกว่าอีกสองทวีป นี่เป็นระดับการเติบโตที่ไม่มีการหยุด
ใช้เวลาอีกสองสามพันปี พลเมืองที่นี่จะมีมากกว่าทวีปบลูไฟร์”
“ท่านพ่อ
มีคนในตระกูลกำลังไปที่นั่นอีกมาก”
เวดหัวเราะเช่นกัน
“ก็ดี
เราจะไปดูกัน”
ทวีปยูลาน
ทวีปบลูไฟร์ ทวีปบลัดดรากอน ระยะห่างระหว่างทวีปทั้งสามนี้สำหรับมนุษย์ธรรมดาถือว่ากว้างใหญ่ แต่สำหรับพวกเทพหรือแม้แต่เซียน
ทวีปเหล่านี้ถือว่าใกล้ มีระยะห่างห้าพันกิโลเมตรระหว่างทวีปทั้งสามโดยมีมหาสมุทรกั้นกลาง ในพริบตาลินลี่ย์เดเลียออกจากทวีปยูลานและมาถึงทวีปบลัดดรากอน
เมืองอันดับหนึ่งของทวีปบลัดดรากอนก็คือบาลุคซิตี้ เมืองนี้ใช้ชื่อเดียวกับชื่อเมืองหลวงของจักรวรรดิบาลุค
เมืองนี้อยู่ติดชายฝั่งทะเลตะวันออกของทวีปบลัดดรากอน และยังเป็นเมืองที่ใกล้ทวีปยูลานมากที่สุด
เพราะชายแดนทะเลมีการพัฒนาเร็วมาก
เมืองอันดับหนึ่งนี้เจริญรุ่งเรืองพัฒนาเป็นนครใหญ่ที่มีพลเมืองหลายล้านคน วันนี้เป็นวันเทศกาลบลัดดรากอน
ดังนั้นเมืองบาลุคซิตี้จึงมีชีวิตชีวาเป็นพิเศษ
ชาวเมืองชนบทที่ใกล้เคียงพากันเข้าเมืองเพื่อมีส่วนร่วมเฉลิมฉลอง ไม่ใช่แค่ลานหน้าวิหารเท่านั้น แม้แต่ถนนของเมืองก็ยังเต็มไปด้วยทะเลผู้คน
ลินลี่ย์สวมชุดยาวสีฟ้า
และเดเลียสวมชุดขาว
พวกเขาเดินผ่านไปตามถนนที่แออัด
แม้ว่าถนนจะแออัด แต่ว่าไม่มีใครสัมผัสลินลี่ย์และเดเลียได้ ความจริงไม่มีใครสังเกตสภาวะที่แปลกประหลาดนี้ออก
“สถานที่นี้แออัดมากขึ้นทุกที คราวก่อนที่ข้ามายังไม่มีร้านรวงมากขนาดนี้” ลินลี่ย์หัวเราะอย่างเยือกเย็น
“ครั้งสุดท้ายที่เจ้ามานั้นผ่านมาสองปีแล้ว” เดเลียกล่าว
“สองปี?
นั่นแค่เวลาสั้นๆ เอง”
ความคิดในปัจจุบันของลินลี่ย์เริ่มเปลี่ยนไป
“ใช่แล้ว
เมื่อไหร่เจ้าจะสร้างพิภพศักดิ์สิทธิ์ด้วยตนเองเล่า?” เดเลียถามด้วยความสงสัย
“ครั้งสุดท้ายปู่เบรุตบอกว่ากระบวนการสร้างพิภพศักดิ์สิทธิ์จะเกี่ยวข้องกับการรวมพลังจิตวิญญาณของเจ้ากับพิภพที่เจ้ากำลังสร้าง เจ้าจะได้รับรู้กฎธรรมชาติชัดมากขึ้น เจ้าจะได้รับความรู้สึกที่ชัดเจน
ซึ่งจะเป็นประโยชน์ทำให้พลังของเจ้าเพิ่มขึ้น
ตอนนี้เจ้าติดอยู่ที่คอขวดไม่ใช่หรือ?
ทำไมไม่ลองทำดูเล่า?”
มหาเทพทุกคนมีพลังพอจะสร้างพิภพศักดิ์สิทธิ์ของตนเอง
เมื่อทำได้ไม่นานพวกเขาจะได้รับความรู้แจ้งภายในของกฎแห่งธาตุ
ตัวอย่างเช่น
มหาเทพธาตุน้ำผู้สร้างพิภพศักดิ์สิทธิ์ย่อมลงเอยด้วยการสร้างพิภพศักดิ์สิทธิ์ธาตุน้ำ! ระหว่างกระบวนการสร้าง
พวกเขาจะได้รับความรู้แจ้งของกฎธาตุน้ำที่เกี่ยวข้องกับการสร้างพิภพ นี้
การสร้างพิภพครั้งเดียว หรือสร้างเป็นร้อยครั้งจะเกี่ยวข้องกับส่วนของกฎธรรมชาติที่เหมือนกันแน่นอน
จะไม่มีความแตกต่างกัน
นอกจากนี้การสร้างพิภพศักดิ์สิทธิ์ต้องสิ้นเปลืองพลังจิต
พลังเทพและเวลาเป็นอันมาก
ดังนั้นพูดโดยทั่วไป
มหาเทพจะสร้างเพียงพิภพเดียว
“การสร้างพิภพศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่สิ่งที่ทำได้สำเร็จในเวลาปีหรือสองปี
ด้วยประสบการณ์ของปู่เบรุต ยังต้องใช้เวลาเกือบสองพันปี” ลินลี่ย์กล่าวพร้อมกับถอนหายใจ
พิภพมีขนาดกว้างใหญ่เกินไป
แม้แต่มหาเทพจำเป็นต้องใช้เวลาเป็นอันมากในการสร้าง
เบรุตสร้างไว้หนึ่งพิภพแล้ว
แต่บลูไฟร์ไม่ได้สร้าง
นี่เป็นเพราะบลูไฟร์เป็นเทพพารากอนอยู่แล้ว เขามีความเข้าใจเคล็ดลึกลับของกฎธาตุไฟ ต่อให้เขาสร้างพิภพศักดิ์สิทธิ์ เขาคงไม่ได้รับประโยชน์มากนัก
“พันปีนับเป็นเวลายาวนานแน่นอน” เดเลียพยักหน้า
“อย่างนั้นเจ้าตั้งใจจะสร้างพิภพศักดิ์สิทธิ์เมื่อใด?”
“ในอีกไม่ช้า หลังจากเตรียมการบางอย่าง” ลินลี่ย์พูดพลางหัวเราะ “ก็เหมือนกับปู่เบรุต ข้าจะสร้างพิภพแห่งหนึ่งใกล้พิภพยูลาน”
ขณะที่คุยกัน
ลินลี่ย์และเดเลียมาถึงลานกว้างของวิหารใหญ่เมืองบาลุคซิตี้ หน้าลานใหญ่เป็นวิหารใหญ่เส้นรอบวงหมื่นเมตรและตอนนี้เต็มไปด้วยฝูงชนยืนแออัดอยู่ที่นั่น
ที่ข้างหน้าลานกว้างเป็นที่ยืนของจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์แห่งทวีปบลัดดรากอนสำหรับให้โอวาท
“ในนามของมหาเทพผู้ยิ่งใหญ่ ลินลี่ย์...”
เสียงดังกึกก้องในท้องฟ้าเหนือวิหาร และในทันใดนั้นในลานกว้างข้างหน้าช่องทางเดินเงียบเสียงลงทันที
สายตาที่เทิดทูนนับไม่ถ้วนจ้องมองมาที่จักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์
“พลังที่มีเสน่ห์ของศาสนาน่าอัศจรรย์จริงๆ” ลินลี่ย์เองไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี
ก่อนนี้เขาสร้างทวีปบลัดดรากอนและย้ายเกาะน้อยใหญ่หลายเกาะเข้ามารวมกัน หลังจากนั้นเขาก็ให้ลูกหลานของตระกูลบาลุคของเขารับผิดชอบทุกอย่าง
นี่คือสิ่งที่เรียกว่าศาสนจักร? ทั้งหมดพัฒนาขึ้นมาโดยลูกหลานของตระกูลบาลุค
อย่างไรก็ตาม...ลินลี่ย์มีคุณสมบัติได้พอได้รับการเทิดทูนบูชาอย่างนี้
ที่สำคัญลินลี่ย์เทียบได้กับประมุขมหาเทพ
นอกจากนี้การเผยแผ่ศาสนาองเขาเป็นเรื่องง่ายมาก
เพราะเรื่องอย่างการสร้างทวีปในสายตาของปุถุชนคนธรรมดาเป็นเรื่องเหลือเชื่อ เป็นเหตุมหัศจรรย์ที่ยิ่งใหญ่
ความจริงแล้วยังน่ากลัวยิ่งกว่าปาฏิหาริย์แสงทิพย์ที่ศาสนจักรเจิดจรัสเคยทำได้ในอดีต
“ลินลี่ย์, เทศกาลบลัดดรากอนกำลังจะถึงจุดสำคัญที่สุดของงานแล้ว” เดเลียหัวเราะ
“ก็เหมือนครั้งก่อน! ช่วงระหว่างเทศกาลบลัดดรากอนแต่ละครั้ง
ที่นี่ทวีปบลัดดรากอน เราจะเลือกยอดฝีมือหัวดีร้อยคนส่งไปยังทวีปยูลาน
ยอดฝีมือร้อยคนเหล่านี้จะร่วมกับยอดฝีมือรุ่นก่อนและร่วมฝึกฝนกับองครักษ์เทพแห่งแผ่นดินศักดิ์สิทธิ์ของปราสาทเลือดมังกร!”
บุรุษไว้เคราสวมเกราะคนหนึ่งผู้ยืนอยู่ข้างจักรพรรดิศักดิ์สิทธิ์พูดขึ้นด้วยเสียงดังฟังชัด
“บัดนี้, การแข่งขันคัดเลือก เริ่มต้นขึ้นแล้ว!”
เมื่อเห็นเช่นนี้ลินลี่ย์อดหัวเราะอย่างขัดเขินมิได้
“เทย์เลอร์เป็นคนคิดเรื่องนี้ขึ้นมา” เดเลียหัวเราะเช่นกัน
ปราสาทเลือดมังกรเป็นสถานที่พำนักของลินลี่ย์ ในที่นั้นมีเทพชั้นสูง เทพแท้และเทียมเทพหลายคน
เป็นสถานที่ซึ่งมีเทพมากที่สุดในทวีปยูลาน
แม้แต่ทหารประจำปราสาทเลือดมังกรก็เป็นที่รู้จักกันว่าทหารเทพ ถ้าท่านต้องการเข้าร่วมเป็นทหารเทพ
ท่านต้องเข้าร่วมการแข่งขันที่น่าคลั่งไคล้นี้
ที่สำคัญ ถ้าใครมีโอกาสมีปฏิสัมพันธ์กับเทพ เขาอาจได้รับประโยชน์หรือได้รับการสั่งสอนก็ได้
บางครั้งก็เป็นสมบัติเทพ บางครั้งก็เป็นประกายเทพ
หรือมุกวิญญาณทองที่ปล่อยออกมาจากปราสาทเลือดมังกร
ปราสาทเลือดมังกรเป็นสถานที่ดึงดูดความสนใจมากกว่าสถาบันไหนๆ
เสียอีก
“กระบวนการคัดเลือกทหารเทพเข้มงวดมากกว่ากระบวนการคัดเลือกนักเรียนของอดีตสถาบันเอินส์เสียอีก” ลินลี่ย์ถอนหายใจ “ตอนนั้น เราถูกส่งไปที่สถาบันชุดละร้อยคน แม้ว่ากระบวนการคัดเลือกนี้จะมีผู้สมัครเป็นร้อย
แต่ทุกคนจำเป็นต้องรวมกันอยู่ในทวีปยูลานและใช้เวลาหลายสิบปีในการฝึกฝนและมีกระบวนการคัดออก..”
ต้องเข้าใจว่าสมาชิกของทหารเทพแห่งปราสาทเลือดมังกรจะมีการเปลี่ยนทุกร้อยปี
อย่างไรก็ตามผู้สมัครจะได้รับคัดเลือกทุกปี ผู้คนนับไม่ถ้วนต่างพยายามคว้าโอกาสนี้ให้ได้
“ความจริงไม่มีความจำเป็นต้องเปลี่ยนทหารเทพเลยแม้แต่น้อย” เดเลียพูดพลางถอนหายใจ
“สมาชิกของทหารเทพทุกคนเป็นยอดฝีมือระดับเก้า มีอายุขัยเกือบห้าร้อยปี พวกเขาสามารถเป็นทหารได้นานถึงสองถึงสามร้อยปี”
“การเข้าร่วมเป็นทหารเทพที่สำคัญเป็นหนทางไวที่สุดในการกลายเป็นเซียน” ลินลี่ย์พูดพลางหัวเราะอย่างเยือกเย็น “คนกลุ่มนั้นใช้ชีวิตอยู่ภายในปราสาทเลือดมังกรที่เทพสร้างขึ้น
แม้ว่าจะมีหลายคนกลายเป็นเทพโดยใช้ประกายเทพ
เนื่องจากความเข้าใจที่พวกเขามีเกี่ยวกับเคล็ดความรู้ลึกลับ ถ้าพวกเขาได้รับการชี้แนะแค่เพียงเล็กน้อย สมาชิกของทหารเทพเหล่านั้นอาจจะกลายเป็นเซียนได้”
“เอ๊ะ?” ลินลี่ย์เลิกคิ้ว
“มีอะไร?” เดเลียถามด้วยความสงสัย
“มีบางคนเดินทางมาทวีปยูลาน” ลินลี่ย์หัวเราะ “เป็นพวกเราเอง”
ในดินแดนขั้วโลกเหนือทวีปยูลาน วงเวทเทเลพอร์ตบนภูเขาน้ำแข็ง
มีแสงสว่างเรืองรองและร่างของคนสี่คนค่อยๆ
ปรากฏชัดขึ้น
“คารวะใต้เท้าทั้งสี่” ผู้ดูแลทางเข้าพิภพในปัจจุบันเป็นสตรีผมทอง
“อืม”
ผู้นำของคนทั้งสี่ชำเลืองมองดูนาง “ไปกันเถอะ”
คนทั้งสี่บินขึ้นไปในท้องฟ้ามุ่งหน้าไปทางใต้
“พี่ใหญ่!
ท่านคิดว่าคำพูดของประมุขมหาเทพวิถีทำลายล้างเป็นจริงหรือเท็จ?”
สุภาพสตรีคนเดียวของกลุ่มคนทั้งสี่มีผมยาวสีแดงเพลิงพูดขึ้น นางคือประมุขเผ่าหงส์เพลิงหนึ่งในสี่ตระกูลอสูรศักดิ์สิทธิ์
“พิจารณาจากสถานะของประมุขมหาเทพวิถีทำลายล้าง
เขาจะหลอกลวงเราได้อย่างไร?”
ประมุขเผ่าพยัคฆ์เขาหัวเราะขณะกล่าว
“ไม่ใช่อย่างนั้น
เพียงแต่ข้า..ยังไม่ปักใจเชื่อ”
ประมุขเผ่าหงส์เพลิงรีบกล่าว
“ไม่ใช่แค่เจ้าเท่านั้น
แม้แต่ข้าเองยังพบว่ายากจะเชื่อถือ”
กัซลีสันถอนหายใจ
“แต่ประมุขมหาเทพวิถีทำลายล้างคงจะไม่โกหกแน่ แต่..ลินลี่ย์, มหาเทพ? ข่าวนี้.มันเกินไป..”
“พูดกันพอแล้ว
ไม่ว่าเขาจะเป็นมหาเทพหรือไม่ อีกไม่นานเราคงรู้กัน” เสียงทุ้มของประมุขเผ่าพญาเต่าดำดังขึ้น
“ท่านส่งสำนึกเทพตรวจพบลินลี่ย์เจอบ้างไหม?” ประมุขเผ่าหงส์เพลิงกล่าวด้วยความสงสัย “ข้าตรวจดูทั้งสามทวีป
แต่ไม่พบร่องรอยของลินลี่ย์เลย อย่างไรก็ตามข้าพบครอบครัวและสหายของเขาอยู่หลายคน”
“ข้าก็ตรวจหาเขาไม่เจอเหมือนกัน..
เป็นไปได้หรือว่าลินลี่ย์จะกลายเป็นมหาเทพจริงๆ?”
กัซลีสันและประมุขอีกสามคนมองหน้ากัน แต่ก็ยังสับสน
ที่สำคัญข่าวนี้ประหลาดเกินไป
มิฉะนั้นประมุขเผ่าทั้งสี่คงไม่รีบร้อนเดินทางมายังพิภพยูลานเป็นแน่
ประมุขสี่เผ่าตระกูลเดินทางมาอย่างรวดเร็ว และในไม่ช้าพวกเขาก็เข้ามาในเขตแดนทวีปยูลาน
“มียอดฝีมือหลายคนอยู่ในปราสาทข้างหน้า
และเป็นลูกหลานเผ่าข้าอยู่หลายคน
นั่นควรจะเป็นปราสาทเลือดมังกร”
กัซลีสันกล่าว และจากนั้นทั้งสี่กลายเป็นร่างเลือนรางมุ่งสู่ปราสาทเลือดมังกร
(เฉพาะชื่อทวีป
ชื่อเฉพาะผมจะแปลทับศัพท์ครับ)
15 ความคิดเห็น:
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณมากๆคับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ😊😄
ขอบคุณ ครับบบ
ขอบคุณมากค่า
แสดงความคิดเห็น