วันอาทิตย์ที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2562

เล่ม 21 จุดสุดยอด - ตอนที่ 8 คำขอร้อง


เล่ม 21 จุดสุดยอด - ตอนที่ 8 คำขอร้อง
ปราสาทเลือดมังกรมีการคุ้มกันเข้มงวดและหนาแน่น ทหารลาดตระเวนหลายหน่วย คนที่อ่อนแอที่สุดเป็นนักรบระดับเก้า พวกเซียนสามารถพบเห็นได้ทุกที่
 
แต่ทหารเหล่านี้ไม่สามารถตรวจพบเจอการมาถึงของกัซลีสันและอีกสามคนได้แม้แต่น้อย
ภายในลานว่างหลังปราสาทเลือดมังกร พื้นที่เงียบสงัด
 “ครืน....”  ใบไม้พัดพลิ้วในสายลม ใต้ต้นไม้ใหญ่ โอลิเวอร์ในชุดยาวสีเทากำลังนั่งขัดสมาธิเงียบ ตาของเขามองดูข้างหน้า ข้างกายของเขามีกระบี่พลังงานลอยนิ่งและกระพริบต่อเนื่อง แสดงถึงรูปแบบการโจมตีครั้งแล้วครั้งเล่า
เกลียวพลังงานสีดำและขาวมองเห็นไม่ชัดเจน
ทันใดนั้น..
โอลิเวอร์เงยหน้าและพบว่ามีคนสี่คนยืนเคียงไหล่อยู่ใกล้ๆ
 “ท่านประมุขเผ่า”  โอลิเวอร์ตกใจ  เขารีบลุกขึ้นยืน
 “โอลิเวอร์!  ข้าแค่มาถามเท่านั้น”  กัซลิสันยิ้มขณะพูด  “เจ้ารู้ไหมว่าลินลี่ย์อยู่ที่ไหน?”  ช่วงเวลานี้ก่อนที่กลุ่มของกัซลีสันทั้งสี่คนจะมาถึงที่พำนัก  พวกเขาตรวจสอบดูทั้งปราสาทเลือดมังกรด้วยสำนึกเทพ  พวกเขาพบว่ามีคนมาก  แต่คนแรกที่พวกเขามาพบก็คือโอลิเวอร์
 “ลินลี่ย์?  เขาคงไปที่ทวีปบลัดดรากอน”  โอลิเวอร์คาด
 “ใต้เท้าทั้งหลาย”  เสียงหนึ่งดังขึ้นทันที
กลุ่มของกัซลีสันอดหันไปมองไม่ได้ เห็นแต่เพียงหญิงรับใช้อยู่ที่ประตูทางเดิน  หญิงรับใช้เรียนด้วยความเคารพ  “ท่านเจ้าปราสาทสั่งให้ข้ามาเชิญใต้เท้าทั้งสี่ไปที่สวนหลังปราสาท”
 “เจ้าปราสาท?”  กลุ่มของกัซลีสันตะลึงกันหมด
 “ท่านเจ้าปราสาทคือลินลี่ย์”  โอลิเวอร์อธิบายทันที  ในช่วงเวลานานนับปีไม่ถ้วน  แม้ว่าผู้ดูแลจะมาแล้วก็ไป แต่ตำแหน่งเจ้าปราสาทยังเป็นของลินลี่ย์ตลอดไป
ประมุขเผ่าหงส์เพลิงตาเป็นประกาย  นางค่อนข้างตกใจ  “ลินลี่ย์อยู่ในปราสาทเลือดมังกร?”
 “ดูเหมือนข้อมูลของประมุขมหาเทพวิถีทำลายล้างจะถูกต้อง”  ประมุขเผ่าพยัคฆ์ขาวสูดหายใจลึกขณะพูด
ลินลี่ย์อยู่ในปราสาทเลือดมังกร  แต่พวกเขาไม่สามารถตรวจพบตำแหน่งของเขาได้ด้วยสำนึกเทพ  ลินลี่ย์อยู่เหนือระดับเทพไปแล้ว  ฉะนั้นเขาต้องเป็นมหาเทพแน่นอน!
ประมุขตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์เดินตามหญิงรับใช้ไปที่สวนด้านหลัง  ทั้งสี่มีความรู้สึกซับซ้อนในหัวใจ  พวกเขารู้สึกกระวนกระวายมาก  ที่สำคัญสถานะของลินลี่ย์ตอนนี้แตกต่างออกไป มหาเทพและเทพเป็นระดับที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง  มหาเทพเป็นบุคคลสูงส่งผู้มองลงมายังสรรพชีวิตที่กำลังดิ้นรนต่อสู้ตลอดพิภพนับไม่ถ้วน
สงครามมหาพิภพนับได้ว่าเป็นการละเล่นสำหรับมหาเทพ
พวกเทพแม้แต่พารากอนก็ยังรู้สึกไร้พลังอำนาจเมื่ออยู่ต่อหน้ามหาเทพ
 “ท่านประมุขทั้งสี่ เชิญ” เสียงชัดเจนดังขึ้นจากสวนด้านหลัง
 “เป็นลินลี่ย์”
กลุ่มของกัซลีสันทั้งสี่มองหน้ากันเอง จากนั้นเข้าไปในสวนด้านหลัง  อุทยานหลังปราสาทกินเนื้อที่กว้างใหญ่  กลุ่มของกัซลีสันเข้าไปแล้วและมองดูรอบตัว  ตอนนี้เองพวกเขาจึงเห็นว่าห่างออกไปในกลางอุทยาน ลินลี่ย์กำลังยืนอยู่  ลินลี่ย์ในตอนนี้กำลังดื่มและสนทนาร่าเริงกับเดเลีย
ลินลี่ย์สังเกตพบการมาถึงของพวกเขาและหันหน้าไปมอง จากนั้นหัวเราะอย่างเยือกเย็น  “ท่านประมุขทั้งสี่ เชิญนั่ง”
หลังจากเขากลายสภาพวิญญาณสี่สายธาตุ  สถานะของลินลี่ย์สูงส่งเหนือกว่าผู้นำเผ่าตระกูลทั้งสี่จากตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์  และตอนนี้ลินลี่ย์เป็นมหาเทพผู้สูงส่ง
 “เขาอยู่ต่อหน้าข้าแท้ๆ  แต่ข้ารู้สึกเหมือนกับว่าไม่มีใครอยู่ตรงนั้น”  กัซลีสันส่งสำนึกเทพคุยกับอีกสามคน  “เป็นเหมือนเมื่อเวลาที่ข้าพบบิดาเมื่อในอดีต แทนที่จะแสดงพลังรัศมีมหาเทพที่น่ากลัว พวกเขาเก็บรั้งรัศมีกลิ่นอายได้อย่างสมบูรณ์”  บัดนี้กัซลีสันไม่มีความสงสัยอีกต่อไป
 “มหาเทพ  เขาเป็นมหาเทพจริงๆ!
ดวงตาของประมุขเผ่าตระกูลอีกสามคนเป็นประกาย
กัซลีสันมองดูลินลี่ย์ จากนั้นคำนับทันที  “ท่านมหาเทพ เรา...”
เท่าที่กัซลีสันเห็น ในแง่ความสัมพันธ์ ลินลี่ย์ไม่ถึงกับสนิทกับพวกเขา  ประการแรกลินลี่ย์เพียงแต่มาร่วมกับตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ในช่วงหลัง  และประการที่สอง มีสมาชิกของตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์บางคนที่ต้องการชิงแหวนมังกรขนดของลินลี่ย์  แม้ว่าหลังจากนั้นพวกเขาจะปฏิบัติต่อลินลี่ย์ดีขึ้น  แต่นั่นเป็นเพราะพลังของลินลี่ย์และเพราะสถานะของเบรุต
แต่ตอนนี้พอลินลี่ย์เป็นมหาเทพแล้ว...
เทพกับมหาเทพ ความแตกต่างระหว่างพวกเขาเหมือนกับฟ้าและดิน  มีช่องว่างที่ไม่สามารถก้าวข้ามได้ระหว่างพวกเขา  เป็นธรรมดาที่พวกเขาจะต้องแสดงความเคารพ
 “ท่านประมุขทั้งสี่ ไม่จำเป็นต้องปฏิบัติกับข้าอย่างมหาเทพก็ได้”  ลินลี่ย์พูดขัดก่อน จากนั้นหัวเราะอย่างเยือกเย็น  “แค่ทำตัวเหมือนเมื่อก่อนเถอะ  พวกท่านเรียกข้าว่าลินลี่ย์ก็พอ”
 “นี่..”  ประมุขทั้งสี่มองหน้ากันเอง
 “ข้าสงสัยเหมือนกัน พวกท่านรู้ได้ยังไงว่าข้ากลายเป็นมหาเทพแล้ว?”  ลินลี่ย์หัวเราะอย่างเยือกเย็นขณะที่เขาถามข้อสงสัย  ข่าวที่ว่าเขากลายเป็นมหาเทพในพิภพยูลานแพร่กระจายไปถึงแดนนรกได้อย่างไร?
ประมุขเผ่าหงส์เพลิงที่อยู่ใกล้ๆ หัวเราะด้วยเสียงไพเราะ คำนับแสดงความเคารพเล็กน้อย  “ลินลี่ย์, ข่าวที่ว่าเจ้ากลายเป็นมหาเทพเราได้รับมาจากประมุขมหาเทพวิถีทำลายล้าง  ตอนแรกเราไม่อาจทำใจเชื่อ  หลังจากที่เราทั้งสี่ปรึกษาเรื่องนี้  เราตัดสินใจมาตรวจสอบที่พิภพยูลาน  ตอนนี้ดูเหมือนว่านี่กลายเป็นเรื่องจริงเสียแล้ว”
แม้ว่าลินลี่ย์จะพูดคุยเป็นกันเองกับพวกเขา  แต่ประมุขทั้งสี่อดรู้สึกกดดันโดยไม่รู้ตัว
ที่สำคัญไม่ว่าลินลี่ย์จะงำประกายมากมายเพียงใด ประมุขตระกูลทั้งสี่ก็ยังรู้สึกได้ว่าลินลี่ย์เป็นมหาเทพโดยไม่รู้ตัว
 “ประมุขมหาเทพวิถีทำลายล้าง?”  ลินลี่ย์ขมวดคิ้ว
 “ประมุขมหาเทพวิถีทำลายล้างทราบได้อย่างไร?”  เดเลียที่อยู่ใกล้ๆ พูดขึ้นอย่างสงสัย
 “พูดตามตรง เขาไม่น่าจะทราบได้  ที่สำคัญเรื่องนี้เกิดขึ้นในพิภพยูลาน”  ลินลี่ย์กล่าวพร้อมกับขมวดคิ้ว  “นี่มีความเป็นไปได้อีกประการหนึ่งก็คือ ปู่เบรุตคุยกับประมุขมหาเทพวิถีทำลายล้าง”  เบรุตมีความสัมพันธ์ที่ดีกับประมุขมหาเทพวิถีทำลายล้าง  และเบรุตมีร่างแยกรั้งอยู่ที่แดนนรก
แต่ลินลี่ย์ยังคงสงสัย  “ประมุขมหาเทพวิถีทำลายล้างมีสถานะแบบไหน?  แม้ว่าเขาจะรู้  ทำไมเขาถึงได้บอกแก่ตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์?”
ลินลี่ย์หันไปมองกัซลีสันด้วยความสงสัย  “ท่านประมุข ทำไมประมุขมหาเทพวิถีทำลายล้างจึงบอกเรื่องนี้กับท่าน?”
 “ร่างพลังงานของประมุขมหาเทพวิถีทำลายล้างมาปรากฏอยู่ที่เหนือเทือกเขาสกายไรท์”  กัซลีสันอธิบาย  “นอกจากนี้ เขายังขอยืมคนในตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ที่เป็นเทพชั้นสูงร้อยคน และเขาจะคืนคนให้เราเมื่อเวลาผ่านไป  เนื่องจากเขายืมคนของเรา  เขาจึงอธิบายให้เราทราบเป็นการชดเชย...และเขายังมอบพลังมหาเทพให้กับเราจำนวนหนึ่งและให้คำแนะนำ  เขาบอกว่าถ้าเราต้องการรู้สาเหตุการตายของบรรพบุรุษ ให้ถามลินลี่ย์เจ้า”
ลินลี่ย์ตะลึง
สาเหตุการตายของบรรพบุรุษทั้งสี่?
ประมุขเผ่าพญาเต่าดำตัวโตที่อยู่ใกล้พูดเสียงดังขึ้น  “เราขอถามกลับทันทีว่าทำไมต้องถามลินลี่ย์?   จากนั้นประมุขมหาเทพวิถีทำลายล้างบอกว่าเจ้าบรรลุพลังระดับมหาเทพแล้ว”
 “เป็นอย่างนี้นี่เอง”  ลินลี่ย์พยักหน้าเล็กน้อย
 “เขายืมคนไปทำอะไร?”
 “ไม่แน่ชัด”  กัซลีสันจ้องมองลินลี่ย์  จากนั้นพูดตรงตามใจคิด  “ลินลี่ย์,  เรามาเพราะมีเหตุผลสองอย่าง  ประการแรกเพื่อตรวจสอบดูว่าเจ้ากลายเป็นมหาเทพจริงๆ  ประการที่สอง..เราต้องการทราบสาเหตุการตายของบรรพบุรุษทั้งสี่!  ลินลี่ย์!  เนื่องจากเจ้าเป็นสมาชิกตระกูลคนหนึ่ง  โปรดบอกเราด้วย”
ประมุขเผ่าตระกูลทั้งสี่มองลินลี่ย์อย่างคาดหวัง
ความล่มสลายของสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์เป็นเหตุให้ตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ตกต่ำลง  แม้แต่ในฝันของพวกเขา  ตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ก็ยังฝันว่าจะได้ทราบว่าใครเป็นคนทำ และความจริงที่เป็นต้นเหตุให้บรรพบุรุษทั้งสี่ตาย
ลินลี่ย์ขมวดคิ้ว  เขาลังเลเล็กน้อย จากนั้นพยักหน้า  “ก็ได้, ข้าจะบอกพวกท่าน  เพราะเป็นสาเหตุที่แน่ชัด  บรรพบุรุษทั้งสี่ร่วมกันต่อสู้กับประมุขมหาเทพแห่งแสง”
 “ประมุขมหาเทพแห่งแสง?”  ตาของกัซลีสันและอีกสามคนทอประกายวูบ
 “การสู้รบระหว่างมหาเทพเกิดคลื่นระเบิดขนาดใหญ่เป็นวงกว้าง  พวกเขาสู้กันต่อเนื่องในมิติปั่นป่วน  บรรพบุรุษทั้งสี่ใช้สุดยอดไม้ตายของพวกท่าน... คือผสานสุดยอดทักษะธรรมชาติของพวกท่าน  อย่างไรก็ตามประมุขมหาเทพแห่งแสงรอดมาได้และไม่ตาย  พอพลังโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดล้มเหลว  บรรพบุรุษทั้งสี่สูญเสียปณิธานที่จะต่อสู้  ประมุขมหาเทพแห่งแสงฉวยโอกาสอาศัยสมบัติจอมเทพฆ่าพวกเขาได้สำเร็จ  โดยอาศัยความเร็วที่เหนือกว่ามาก  เขาสามารถฆ่าบรรพบุรุษทั้งสี่ได้”  ลินลี่ย์พูดออย่างสงบ  แต่ร่างของกัซลีสันและประมุขอีกสามคนสั่นสะท้านขณะที่พวกเขาฟัง
 “ประมุขมหาเทพแห่งแสง!!!  ตาของกัซลีสันมีน้ำตาคลอเบ้า
 “ประมุขมหาเทพแห่งแสงต้านทานพลังโจมตีได้อย่างไร?”  ประมุขเผ่าหงส์เพลิงส่ายศีรษะ  “เป็นไปไม่ได้  เมื่อท่านแม่ข้ายังมีชีวิต  นางบอกว่าแม้แต่ในบรรดาประมุขมหาเทพ คนที่สามารถทนต่อสุดยอดพลังโจมตีสามารถนับได้ด้วยมือข้างเดียว  ประมุขมหาเทพแห่งแสงไม่ใช่หนึ่งในนั้น”
 “แต่ในความเป็นจริงก็คือประมุขมหาเทพแห่งแสงสามารถต้านทานได้”  ลินลี่ย์ถอนหายใจ
กัซลีสันและประมุขอีกสามคนไม่อาจยอมรับได้  ที่สำคัญสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์เป็นพ่อแม่พวกเขา
 “ลินลี่ย์...”  กัซลีสันลังเลเล็กน้อย จากนั้นจึงพูดขึ้น
 “หืม?”  ลินลี่ย์มองดูเขา
กัซลีสันมองดูประมุขอีกสามคน จากนั้นหันไปมองลินลี่ย์  “ลินลี่ย์, ข้า, ข้าอยากจะถามว่า.. เจ้าใช้ประกายมหาเทพของบรรพบุรุษทั้งสี่กลายเป็นมหาเทพใช่หรือไม่?”  ถ้าจะมีคนที่ต้องการกลายเป็นมหาเทพ  มีเพียงวิธีเดียวก็คือหลอมรวมกับประกายมหาเทพ  อย่างไรก็ตาม มีประกายมหาเทพอยู่ทั้งหมด 77 ชิ้น
เพียงแต่หลังจากมหาเทพตนหนึ่งตาย มหาเทพอีกคนหนึ่งจึงจะถือกำเนิด
ลินลี่ย์ชำเลืองมองดูประมุขเผ่าตระกูลทั้งสี่
 “ถูกแล้ว”  ลินลี่ย์พยักหน้า
 “ประกายมหาเทพเป็นอย่างไร..”  ประมุขเผ่าตระกูลหงส์เพลิงเอ่ยปากได้ไม่กี่คำ แต่จากนั้นก็ลังเล
 “ควรจะเป็นประมุขมหาเทพแห่งแสงที่ได้รับประกายมหาเทพทั้งสี่ไปไม่ใช่หรือ?  แล้วเจ้าได้รับมายังไง?  นอกจากนี้ ควรจะมีประกายมหาเทพสี่ชิ้น  เจ้าใช้ไปชิ้นเดียว  แต่ก็ยัง...”  กัซลีสันมองดูลินลี่ย์
ลินลี่ย์ยิ้มเล็กน้อย
เขาสามารถคาดเดาถึงความเป็นไปได้ว่า ผู้นำเผ่าตระกูลทั้งสี่ต้องการจะได้รับประกายมหาเทพ  บางทีในสายตาของประมุขเผ่าตระกูลทั้งสี่  ประกายมหาเทพควรเป็นมรดกตกทอดของบรรพบุรุษของพวกเขา  นั่นควรเป็นสิทธิ์ของพวกเขา  เพียงแต่...พวกเขาไม่กล้าพูดออกมา
แต่ลินลี่ย์ไม่รู้สึกอย่างเดียวกัน
ประกายมหาเทพ 77 ชิ้นชะลอลงมาจากฟ้าเมื่อจักรวาลถูกสร้าง  ผู้ทรงพลังจะสามารถต่อสู้และครอบครองประกายเหล่านั้นไว้  สี่อสูรศักดิ์สิทธิ์อาศัยตนเองจนได้รับประกายมหาเทพมา  เบรุตก็อาศัยความกล้าหาญของเขาเองและเสี่ยงชีวิตชิงประกายมหาเทพทั้งสี่มาได้
 “ถ้าประกายมหาเทพตกไปอยู่ในมือของประมุขมหาเทพแห่งแสง เขาจะมอบให้ข้าได้ยังไง?”  ลินลี่ย์พูดอย่างเยือกเย็น  “ข้าขอบอกตามตรง  ท่านเบรุตเมื่อในอดีตได้เสี่ยงชีวิตตนเองชิงประกายมหาเทพทั้งสี่มาได้ และตอนนี้ประกายมหาเทพทั้งสี่ถูกใช้หลอมรวมไปหมดแล้ว”
 “เบรุต?”  ทั้งสี่คนตะลึง
 “เขาสามารถชิงประกายเทพทั้งสี่มาจากประมุขมหาเทพแห่งแสงหรือ?”  ประมุขเผ่าตระกูลหงส์เพลิงพูดด้วยความตกใจ
แม้เมื่อคำพูดที่พวกเขาได้ยินลินลี่ย์กล่าวว่าประกายมหาเทพถูกใช้ไปหมดแล้ว ประมุขเผ่าตระกูลมีความรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย  แต่พวกเขาไม่กล้าพูดอะไรอื่น
 “พวกท่านไม่จำเป็นต้องตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้”  ลินลี่ย์หัวเราะอย่างเยือกเย็น
 “ลินลี่ย์” กัซลีสันพูดจริงจัง  “มีเรื่องที่เราต้องขอร้องลินลี่ย์เจ้าเพิ่มอีกเรื่องหนึ่ง”
 “พูดมาเลย”  ลินลี่ย์ชำเลืองมองเขา
กัซลีสันสูดหายใจลึกจากนั้นพูดอย่างเคร่งขรึม  “ลินลี่ย์, บรรพบุรุษทั้งสี่เป็นบรรพบุรุษของตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์  ตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์ของเราจะไม่แกล้งเงียบและทำเป็นว่าเราไม่รู้อะไรเกี่ยวกับความตายของพวกท่าน  บรรพบุรุษทั้งสี่ถูกประมุขมหาเทพแห่งแสงฆ่าตาย!  เราหวังว่าลินลี่ย์เจ้า..ถ้า.. ข้าขอบอกว่า ถ้า...!  ถ้าในอนาคต  เจ้ามีความสามารถหรือมีโอกาสจะทำ โปรดช่วยแก้แค้นให้บรรพบุรุษทั้งสี่ด้วย!
 “ลินลี่ย์”  ประมุขเผ่าตระกูลหงส์เพลิงรีบพูดเช่นกัน  “เรารู้ว่าคำขอร้องนี้อาจจะเกินไปนิด  แต่เมื่อถึงจุดนี้แล้ว นี่คือความหวังประการเดียวของเรา”
 “ได้โปรด”  ประมุขเผ่าพญาเต่าดำร่างใหญ่มองดูลินลี่ย์เช่นกัน
ลินลี่ย์มองดูประมุขเผ่าตระกูลทั้งสี่  เขารู้สึกได้ถึงความจริงใจจริงจังในคำขอนั้น
 “ข้าให้สัญญากับพวกท่านได้”  ลินลี่ย์พยักหน้าจริงจัง  “ถ้าข้าสามารถทำได้ ข้าจะไม่ปราณีเด็ดขาด”
 “ขอบคุณ”  ประมุขทั้งสี่พูดด้วยความซาบซึ้ง
 “พวกท่านคงเหน็ดเหนื่อยจากการเร่งรีบเดินทางมาถึงนี่ โปรดพักอยู่ที่นี่ก่อนเถอะ หลังจากนั้นข้าจะเตรียมงานเลี้ยงต้อนรับ แล้วเราค่อยสนทนากันอีก”  ลินลี่ย์หัวเราะอย่างเยือกเย็น
 “ก็ดีเหมือนกัน”  กลุ่มของกัซลีสันทั้งสี่ไม่พยายามรั้งอยู่นานเกินไป  พวกเขาให้หญิงรับใช้ที่อยู่ห่างออกไปนำทางและออกไปจากสวนทันที
ลินลี่ย์หันมามองเดเลียที่อยู่ใกล้ “เดเลีย, เจ้าล่วงหน้ากลับไปก่อน ข้าจำเป็นต้องคุยบางเรื่องกับเบรุต”
 “ก็ได้”  เดเลียหัวเราะและพยักหน้าจากนั้นออกไปจากสวนดอกไม้
ครู่ต่อมามีร่างของคนสองคนเหาะลงมาจากท้องฟ้ามาอยู่ข้างตัวลินลี่ย์  เป็นเบรุตและบลูไฟร์ ทั้งสามนั่งล้อมโต๊ะทันที
 “ฮ่าฮ่า, ประมุขตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์มาหรือนี่?”  เบรุตหัวเราะขณะพูด  “พวกเขาพบว่าเจ้าเป็นมหาเทพใช่ไหม? หือ?”
 “พวกเขาทราบแล้ว แต่เป็นประมุขมหาเทพวิถีทำลายล้างบอกพวกเขา”  ลินลี่ย์กล่าว
 “ประมุขมหาเทพวิถีทำลายล้าง?”  บลูไฟร์ค่อนข้างสงสัย
 “ใช่แล้ว ค่อนข้างแปลก ประมุขมหาเทพวิถีทำลายล้างไปที่ตระกูลสี่อสูรศักดิ์สิทธิ์เพื่อยืมเทพชั้นสูงร้อยคน ข้าไม่รู้เหตุผล”  ลินลี่ย์กล่าว
เบรุตเมื่อได้ยินเช่นนี้อดขมวดคิ้วไม่ได้ เขาพูดด้วยน้ำเสียงสะท้อนใจ  “เป็นไปได้ว่าประมุขมหาเทพวิถีทำลายล้างคงจะทดลองถึงขั้นสุดท้ายแล้ว”

13 ความคิดเห็น:

pmt กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

BeHappy กล่าวว่า...

ขอบคุณ​มาก​ครับ​

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับลุ้นมากเลย

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณคราบบบบ

sittichok กล่าวว่า...

ขอบคุณมากเลยนะครับ

ท้องฟ้าจะมีความหมาย ถ้ามีคนแหงนมอง กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Ko Surapong กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Boybravo กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

tho กล่าวว่า...

ขอบคุณ​มาก​ๆ​เลย​ครับ​

Anny กล่าวว่า...

ขอบคุณค่ะ

มีตน กล่าวว่า...

ขอบคุณ​ครับ​

naiy กล่าวว่า...

ตอนที่ 9 หายอะครับ

แสดงความคิดเห็น