ตอนที่ 742
การต่อสู้ไม่เกี่ยวกับธรรมะหรืออธรรมทั้งนั้น
บันไดสวรรค์ชั้นห้า หุบเขาแม่น้ำขาว
นอกจากมีการต่อสู้ระหว่างเย่ว์หยางและจ้าวปีศาจโบราณที่แท่นบูชายัญแล้ว
ยังมีการต่อสู้ที่หุบเขาชั้นนอก
จักรพรรดินีราตรีกับผู้เฒ่าซื่อไห่และพวกกำลังเข้าถึงการต่อสู้ระดับที่ดุเดือดร้อนแรง
ในสนามพลังดาราราย
เกิดกลุ่มดาวนักษัตรสิบสองราศี แต่ละกลุ่มดาวล้วนมีพลังที่สูงส่งไม่มีใครเทียบและเปลี่ยนแปลงไปตามคู่ต่อสู้แต่ละคน
แต่เมื่อจักรพรรดินีราตรีใช้โจมตีก็สูญหายไปเหมือนควัน อย่างไรก็ตามผู้เฒ่าซื่อไห่ที่เป็นคู่ต่อสู้มีพลังปราณฟ้าระดับหก
ทั้งยังมีพลังปณิธานราชันย์ไม่สามารถเอาชนะได้
เขาถูกบังคับให้ต้องรับมือกับจักรพรรดินีราตรี
การต่อสู้ที่เด็ดขาดของทั้งคู่ยังไม่ปรากฏผลแพ้ชนะ
คาดว่าการต่อสู้ดุเดือดนี้จะต้องใช้เวลาอย่างน้อยหลายชั่วโมง!
เทียบกับสองคนนี้แล้ว
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเสวี่ยอู๋เสียพวกนางสามารถพิชิตคู่ต่อสู้ได้แล้ว
นางเซียนหงส์ฟ้าบาดเจ็บอย่างหนักร่างร่วงลงกับพื้นแต่นางพญาซัคคิวบัสอสูรพิทักษ์ของนางรับร่างนางไว้ได้ คู่ต่อสู้ของนางเริ่มแรกเป็นนักสู้ปราณฟ้าระดับสี่ของเผ่าเก้าแสงสองคน
ยังไม่ทันแจ้งชื่อจบพวกเขาก็เหลือแต่เถ้าถ่านล่องลอยหายไปภายใต้พลังกฎฟ้าของนาง
และเกราะป้องกันร่างไม่สามารถต้านนางเซียนหงส์ฟ้าได้ พลังกฎฟ้าของนางแทบจะใกล้เคียงกับพลังกฎสวรรค์
ถ้าไม่ใช่เพราะก่อนหน้านั้นนางเซียนหงส์ฟ้าได้ฆ่าบุตรของผู้เฒ่าซื่อไห่และได้บาดเจ็บมากอยู่แล้ว
อีกทั้งโลงศพประหลาดของสัปเหร่อโยวจินที่ลอบทำร้ายนาง
อย่างนั้นนางคงฆ่าศัตรูแข็งแกร่งทั้งสองได้โดยไม่ได้รับผลสะท้อนทางใจจนบาดเจ็บสาหัสและหมดสติเป็นแน่
นางเคลื่อนไหวคราวเดียวฆ่ายอดฝีมือปราณฟ้าระดับสี่เผ่าเก้าแสงทันทีสองคน ทำร้ายโยวจินบาดเจ็บสาหัส
และอีกสามคนบาดเจ็บเล็กน้อย นอกจากนี้ยังขัดขวางต้านรับซื่อเยี่ยลูกชายของผู้เฒ่าซื่อไห่ไว้ได้
นี่คือผลงานต่อสู้ของนางเซียนหงส์ฟ้า!
เพราะพลังกฎฟ้าของนางสามารถสังหารได้ทันที
แม้แต่คนตัวโตอย่างหลี่ผานและสัปเหร่อโยวจินที่มุ่งมั่นเอาแต่โจมตี แต่เพิกเฉยต่อพลังโจมตีวิญญาณ
นับว่าเป็นอุบัติเหตุที่ไม่ธรรมดา หากเปลี่ยนสลับคู่ต่อสู้
ผู้ที่โจมตีนางเซียนหงส์ฟ้าไม่ใช่โยวจินแต่เป็นหลี่ผาน
เชื่อได้ว่าเขาจะเป็นนักสู้เผ่าเก้าแสงคนที่สามที่ตายแน่นอน
“ร้ายกาจมาก
ข้ายอมรับว่าข้าดูถูกสตรีเหล่านี้เกินไป”
หลี่ผานทิ้งความหยิ่งยโสที่เคยมีก่อนหน้านั้นหมด
“ฮึ่ม..” สัปเหร่อโยวจินหน้าบึ้งเหมือนจมอยู่ในน้ำ
เมื่อครู่นี้
ถ้าไม่ใช่เพื่อช่วยสหายทันทีแล้ว อย่างนั้นโลงศพประหลาดที่แข็งแกร่ง
จะใช้ปราบนางพญาซัคคิวบัสได้แน่นอน
คนที่ทำให้เขากังวลใจมากที่สุดไม่ใช่นางเซียนหงส์ฟ้าที่หมดสติและไม่สามารถต่อสู้ได้อีกต่อไป ไม่ใช่องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนผู้ใช้ดาบเทพจักรพรรดิอวี้
แต่เป็นเสวี่ยอู๋เสียผู้ถือคัมภีร์แห่งสัจจะและมีสีหน้าไม่แสดงอารมณ์แต่อย่างใด
ตามข้อมูลที่รวบรวมมาโดย
จ้าวปีศาจโบราณ จักรพรรดิชื่อตี้ สื่อจินโหวและคนอื่นๆ โยวจินรู้ว่าสตรีนางนี้ชื่อว่าเสวี่ยอู๋เสีย
นางคือผู้ช่วยที่สำคัญที่สุดของคุณชายสามตระกูลเย่ว์
มีสติปัญญาและพลังวิญญาณไม่มีใครเทียบ
เขารู้ว่านางร้ายกาจ
แต่หลังจากสู้แล้วโยวจินรู้ว่าข้อมูลที่ได้รับมาก่อนนั้นยังประเมินเสวี่ยอู๋เสียต่ำเกินไป..
ถ้าไม่ใช่เพราะเสวี่ยอู๋เสียนี้ยังอายุเยาว์มาก
นางอาจเป็นสู้ระดับเดียวกับจักรพรรดินีราตรี หรืออาจสูงกว่าก็ได้ ที่ยืนอยู่ข้างๆ
เสวี่ยอู๋เสียก็คือสาวร่างยักษ์นักสู้ปราณฟ้าระดับห้า ถ้าสัปเหร่อโยวจินเลือกได้
เขายินยอมสู้กับสาวยักษ์สองคนดีกว่าเป็นคู่ต่อสู้ของเสวี่ยอู๋เสียผู้นี้
เพราะเข้าใจนางอย่างไขว้เขว
สหายนักสู้ปราณฟ้าระดับสี่สองคนของเขาคือหลี่เช่อและหลี่ซุ่น
จึงไม่มีโอกาสหนีและถูกนางเซียนหงส์ฟ้าฆ่าตายทันที
แม้ว่าคนที่โจมตีและกำจัดก็คือนางเซียนหงส์ฟ้าใช้พลังกฎฟ้าสร้างหายนะได้ แต่เสวี่ยอู๋เสียรับหน้าที่เบี่ยงเบนความสนใจ
“ฆ่านาง!”
ในเหล่านักสู้เผ่าเก้าแสง
ก็มีคนที่มองเห็นปัญหานี้เช่นกัน
บุรุษร่างใหญ่หลี่ผานและญาติของเขา
หลี่ฉางซึ่งมีพลังปราณฟ้าระดับสามวิ่งเข้าจู่โจมเสวี่ยอู๋เสีย
โยวจินจะตะโกนให้หยุด แต่ลำคอของเขาได้รับบาดแผลบาดเจ็บอย่างหนักทำให้เลือดและทรายอุดเสียงของเขา นอกจากนี้หลี่ผานและหลี่ฉางปล่อยให้ความเกลียดชังอยู่เหนือเหตุผล
“ไสหัวไป!”
สาวร่างยักษ์ลี่เยี่ยนเข้ามาขวางหน้าเสวี่ยอู๋เสียและปลดปล่อยพลังมังกรพลางเตะใส่หลี่ผานร่างยักษ์ด้วยความโกรธ
แต่หลี่ฉางนักสู้ปราณฟ้าระดับสามเผชิญพบกับอาหมัน
อาหมันใช้โซ่ล่ามเทพตวัดและลากหลี่ฉางลงมาจากอากาศฟาดลงบนพื้น จากนั้นยกหินขนาดเท่าเนินเขาทุ่มใส่ศีรษะฝ่ายตรงข้าม
“โฮ่ง!” ฮุยไท่หลางสู้กับนักสู้ปราณฟ้าระดับสอง
มันแยกร่างเป็นซ้ายหนึ่ง
ขวาหนึ่งและเปิดฉากต่อสู้ทำให้คู่ต่อสู้ยากจำแนกได้ว่าร่างใดจริง ร่างใดปลอม
ภูตเพลิงฟ้าเรียกนางพญาผึ้งไฟและมันออกไข่เตรียมสร้างผึ้งทหารไฟ
นางกับตั๊กแตนมัจจุราชจะร่วมมือกันมองหาโอกาส
แม้ว่าทั้งสองจะไม่ส่งผลต่อการต่อสู้ของนักรบปราณฟ้า
แต่ก็ยังนับว่าช่วยเบี่ยงเบนส่งผลกระทบในการต่อสู้ได้
ถ้าอสูรฝ่ายศัตรูบาดเจ็บหนัก
ถึงตอนนั้นโอกาสของพวกเขาทั้งสองจึงค่อยมาถึง
หรือเสวี่ยอู๋เสียใช้ผนึกเทพจักรพรรดิอวี้ในมือนางโจมตีหรือกำจัดนักสู้ปราณฟ้าหรืออสูรของพวกเขา
ภูตเพลิงฟ้ากับตั๊กแตนมัจจุราชจะโจมตีซ้ำทันที .... เมื่ออยู่ข้างๆ ท่านหญิงเสวี่ยอู๋เสีย ทั้งสองจะแสดงพลังจุดแข็งของพวกเขาได้เต็มที่ มีสำนึกของสนามพลังศักดิ์สิทธิ์ช่วยปกป้อง แม้ว่าพวกเขาจะไม่ใช่อสูรศักดิ์สิทธิ์ ไม่ใช่อสูรเทพ
แต่ก็แสดงพลังอย่างเห็นได้ชัด
ไม่เพียงแต่พวกเขาเท่านั้น
แม้แต่หนูเบญจธาตุค้นสมบัติ ก็ยังลอยตัวช้าๆ อยู่ใต้เท้าเสวี่ยอู๋เสีย
ในฝ่ายเผ่าเก้าแสงมีนักสู้อยู่สองคนที่ชำนาญในการวางกลยุทธ์และกับดักคอยใช้เวทอักษรรูนสนับสนุน
ความคงอยู่ของพวกเขาเสวี่ยอู๋เสียมองว่านั่นคือคู่ต่อสู้
และนางทุ่มพลังโจมตีเต็มที่
หนูทอง(หนึ่งในหนูเบญจธาตุ)ค้นสมบัติผสานกับคัมภีร์สัจจธรรมของเสวี่ยอู๋เสียทำให้พลังการมองของนางแทบใกล้เคียงจักษุญาณทิพย์ของเย่ว์หยาง
“ทานตะวันอมฤต!”
เจ้าเมืองโล่วฮัวยืนอยู่ด้านขวามือของเสวี่ยอู๋เสียเรียกทานตะวันอมฤตอสูรปราณฟ้าระดับห้า และทันทีที่มันออกมาก็ทำให้อสูรฝ่ายศัตรูทั้งหมดเป็นเหมือนกับคนตาบอด
ทักษะพิเศษของมันคือทำให้ฝ่ายศัตรูตาบอดถูกนำมาใช้ หลังจากนั้นหลี่ผานปิดตาแล้วเผ่นหนีออกไปไกล
เขาไม่กลัวพลังโจมตีหยาบ
แต่กลัวพลังโจมตีทางวิญญาณจากการถูกจำกัดความสามารถในการมองเห็นนี้
เมื่อความสามารถพิเศษที่สองของทานตะวันอมฤตถูกดึงออกมาใช้อีก
ท้องฟ้าทั้งหมดปรากฏเหมือนกับดวงอาทิตย์อยู่ในทิศตะวันตกใกล้อัสดงค์
แสงยามสนธยาทำให้จิตใจมนุษย์อึดอัดและเบื่อหน่าย สำหรับอสูรของฝ่ายตรงข้ามรู้สึกสงบและทอนความคิดจะต่อสู้
ทานตะวันอมฤตทำให้พวกมันหนังตาหนัก
“เก้าแสงบูรพา คนนับหมื่นสรรเสริญ
สู้อย่างหาญกล้า เพื่อเกียรติยศเผ่าพันธุ์ของเรา”
มีนักสู้เผ่าเก้าแสงที่แต่งตัวเหมือนพ่อมดกำลังโบกไม้กายสิทธิ์และร้องเพลงออกศึกของเผ่าเก้าแสง
ที่สำคัญร่างกายนักรบเผ่าเก้าแสงตอนนี้กำลังสั่นสะท้าน ความโหดเหี้ยมเดิมในจิตใจถูกกวาดหายออกไป
อาการตาบอดบรรเทาลงมาก
หลี่ผานคำรามและปล่อยหมัดเพลิงอย่างรุนแรงหลายสิบหมัด
ธรรมดาว่าเพลงนักรบของพ่อมดไม่ได้แก้ปัญหาแบบครอบจักรวาล
ตัวอย่างเช่นหลี่ฉางที่ตกไปอยู่ในเงื้อมมือของอาหมันก็หมดหวังจะกอบกู้สถานการณ์ อาหมันใช้โซ่ล่ามเทพรัดคอ แขน เข่าของเขาจนกระทั่งตาย ถ้าหากมีแต่เฉพาะแค่นาง
หลี่ฉางก็คงต้านทานได้ระยะหนึ่ง
แต่ฮุยไท่หลางเจ้าเล่ห์ผละออกจากนักสู้ปราณฟ้าสองคนที่มันสู้
และใช้เขี้ยวสุนัขป่าอันแหลมคมของมันกัดจุดยุทธศาสตร์ด้านล่างของหลี่ฉาง
หลี่ฉางเจ็บปวดแสนสาหัส
แล้วเขาจะดิ้นรนต่อสู้โต้ตอบได้อย่างไร
มันกัดไม่ยอมปล่อย
ฮุยไท่หลางฉลาดเจ้าเล่ห์รู้ดีว่าที่ใดเป็นจุดอ่อนของคน..
ตราบใดที่โจมตีจุดอ่อนของคนผู้นั้น
ตราบนั้นมันจะบรรลุผลเป็นสองเท่าโดยใช้ความพยายามเพียงครึ่งเดียว นั่นเป็นกลยุทธ์ที่เย่ว์หยางพร่ำสอนมันไว้เสมอ
ดาบเทาเถี้ยแปลงร่างเป็นปีศาจเทาเถี้ย
แม้ไม่มีปัญญาเท่าฮุยไท่หลาง แต่มันรู้จักการประสานงานต่อสู้
มันกัดขาขวาของหลี่ฉางแน่นและกรงเล็บคู่ของมันกดอยู่ที่ขาซ้ายที่ยังดิ้นได้อีกข้างหนึ่งไว้ช่วยให้ฮุยไท่หลางโจมตีจุดยุทธศาสตร์ล่างได้เต็มที่
แมงป่องดาวโผล่ออกมาจากใต้ดินหลังจากกบดานนิ่งเงียบใช้เหล็กไนแทงใส่สันหลัง น้องชายของโยวจินชื่อโยวโยวซึ่งเป็นนักรบปราณฟ้าระดับสามพุ่งเข้ามาราวกับสายฟ้าต้องการจะช่วยหลี่ฉางสหายสนิทของเขา
“ระวัง”
โยวจินโกรธจัดจนแทบกระอักโลหิต
ถึงเวลานี้เจ้าเด็กนี่ไม่เพียงแต่ประมาทศัตรู
แต่ยังบุกลึกเข้าไปในสนามพลังของเสวี่ยอู๋เสียอย่างไม่ลืมหูลืมตา?
“ขอส่งเจ้าสู่สุคติ!” ด้วยการเสริมพลังมังกรฟ้า
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนใช้ดาบเทพบีบรุกคู่ต่อสู้ข้างหน้าให้ออกไป
พร้อมกับชูดาบเทพจักรพรรดิอวี้สูง
“หา..!”
โยวโยวแห่งเผ่าเก้าแสงตกใจร้องเมื่อพบว่าคมของดาบเทพจักรพรรดิอวี้ปรากฏอยู่ข้างหน้าเขาแล้ว
“ถอยออกมา..เร็วเข้า...” สัปเหร่อโยวจินไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของตนเอง
จับโยวโยวใส่ในโลงพิศวงและส่งออกมาจากสนามพลังศักดิ์สิทธิ์
เขาใช้ร่างจำลองหลอกล่อให้องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนฆ่า
และตัวเองหนีออกมาได้อย่างทุลักทุเล
แต่ถึงแม้จะใช้ร่างจำลองรับมือองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน
แต่หลังของเขาก็เกิดบาดแผลลึกจนเห็นกระดูก
เขาไม่ได้มีร่างสูงใหญ่เหมือนหลี่ผานซึ่งมีพลังป้องกันทางกายสูงสุด
นอกจากนี้กระบี่เทพยังเสริมด้วยพลังมังกรฟ้าศักดิ์สิทธิ์ ร่างมนุษย์ธรรมดาไม่สามารถต้านทานได้
โยวโยวเพิ่งโดดออกมาจากโลงพิศวง
ตกใจเมื่อเห็นโยวจินบาดเจ็บสาหัสและได้ยินสหายร้องตะโกน “หลบก่อน..”
แสงรังสีที่น่าสะพรึงกลัวเผาผลาญสรรพสิ่งปรากฏที่ด้านหลังของเขา
นั่นคือทานตะวันอมฤต อสูรปราณฟ้าระดับห้า
ทานตะวันอมฤตต่างจากต้นทานตะวันแดนสวรรค์ธรรมดาตรงที่มันเป็นนักฆ่าที่น่ากลัว
ทานตะวันอมฤตบดทับร่างของโยวโยวโดยตรง
ทานตะวันอมฤตแข็งแกร่งมากกว่าเขาที่เป็นแค่นักสู้ปราณฟ้าระดับสาม
มันตัดร่างเขาขาดเป็นสองท่อน...
เจ้าเมืองโล่วฮัวเพ่งไปที่หลี่ผานที่มีร่างกายแข็งแกร่งที่สุดเมื่อทานตะวันอมฤตพุ่งใส่
หลี่ผานไม่สามารถหลีกเลี่ยงการต่อสู้ได้ เขาร่วงลงกับพื้นปล่อยให้ทานตะวันอมฤตตัดร่างเขา
“ไม่..”
โยวจินตะโกนอย่างเศร้าเสียใจ
สายเลือดตระกูลโยวในเผ่าเก้าแสงโยวโยวเป็นคนรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพซึ่งโดดเด่นขึ้นมา
คาดไม่ถึงเลยว่าเขาสามารถอยู่รอดปลอดภัยในแดนสวรรค์ตะวันตกได้ แต่พอมายังหอทงเทียนดินแดนระดับที่ต่ำกว่า
กลับพลาดท่าเสียที
หลี่ผานก็ประสบชะตากรรมที่น่าเศร้าเหมือนกัน
หลังจากหลี่เช่อหลี่ซุ่นสองนักสู้ถูกฆ่าตายทันที
หลี่ฉางนักสู้ตระกูลหลี่คนที่สามก็ยังตายตามไปด้วยจากการร่วมมือของเหล่าอสูรศึกอย่างอาหมันและฮุยไท่หลาง
ร่างของหลีฉางค่อยๆ กลายสภาพเป็นทอง อาหมันบิดศีรษะของเขาโดยตรง
ฮุยไท่หลางและดาบปีศาจเทาเถี้ยฉีกร่างท่อนล่างของเขาและกลืนลงท้อง
แม้ว่านักรบเผ่าเก้าแสงจะโกรธ
พวกเขาร่วมมือกันฆ่าขุนพลดอกหนามที่ขัดขวางพวกเขาอยู่
แต่ไม่สามารถช่วยชีวิตคนของเผ่าเขาได้
ติดหนี้ต้องชดใช้เงินทอง หนี้ชีวิตต้องชดใช้ด้วยชีวิต
ปีศาจดอกหนามคลุ้มคลั่งและปีศาจดอกหนามหมอกควันอสูรอัญเชิญของฝ่ายตรงข้ามอยู่ในกลุ่มของอสูรพิทักษ์
ตายแล้วก็ยังคืนชีพได้...
แต่คนของเผ่าเขาเป็นไปไม่ได้ที่จะฟื้นคืนชีพได้อีก
เพราะถึงแม้จะมีผลึกสวรรค์ชุบชีวิต แต่ศพกลับไม่สมบูรณ์ โยวโยวถูกทานตะวันอมฤตบดจนร่างขาดสองท่อน
ไม่เพียงแต่ร่างมนุษย์ของเขาเท่านั้น
แต่แม้แต่วิญญาณของเขาก็ยังถูกเพลิงอมฤตเผาผลาญ
ขณะที่ร่างของหลี่ฉางกลายเป็นอาหารของอสูรฝ่ายตรงข้ามไปแล้ว
อีกทั้งวิญญาณของพวกเขายังถูกเสวี่ยอู๋เสียขังไว้ในสนามพลังศักดิ์สิทธิ์และในคัมภีร์สัจจะ
“พวกเจ้ามายังหอทงเทียน ไม่ได้มาอย่างมิตร
ดังนั้นพวกเจ้าจึงต้องชดใช้ให้กับความโลภของตนเอง” เสวี่ยอู๋เสียมองโยวจินอย่างไร้ความเมตตา ความจริงนางต้องการฆ่าเขามากที่สุด
เพียงแต่ยังหาโอกาสไม่ได้
“บางทีเราอาจดำเนินการผิดพลาด แต่ในเมื่อมีความเป็นอริกันและต่อสู้ตัดสินเด็ดขาด เราไม่ต้องการซ่อนความอยากได้
และไม่ต้องการโต้เถียง
คนเรามีชีวิตอยู่ในโลกนี้ย่อมมีความปรารถนาที่แตกต่างกัน เมื่อเจ็บปวด เราจะร้องครวญคราง
เมื่อมีความสุขเราจะหัวเราะดีใจกันอย่างเต็มที่ เห็นของดี เราก็อยากได้ เมื่อพบสมบัติ
เราก็ต้องการครอบครองไว้ในเงื้อมมือ
ความปรารถนาเหล่านี้เราไม่ควบคุมมันไว้
ต่อให้เราสามารถควบคุมได้ก็ตามเถอะ ไม่ใช่แค่นั้น นี่ไม่เกี่ยวกับความชั่วร้าย เราแค่ยืนอยู่กันคนละฝ่าย และเป็นฝ่ายที่ตรงข้ามกัน...” โยวจินถอนหายใจด้วยความเศร้าใจ หลังจากญาติผู้น้องในเผ่าของเขาตายไป เขาตอบเสวี่ยอู๋เสียอย่างเคร่งขรึมจริงจังพร้อมกับตะโกนเรียกคนในเผ่า “พี่น้อง! เราอาจจะตายก็ได้
แต่ความภูมิใจในเผ่าเก้าแสงจะต้องไม่ตกต่ำในเงื้อมมือเรา เราจะไม่ออมรั้งยั้งฝีมือไว้
สงครามไม่เกี่ยวกับความยุติธรรมหรือความชั่ว เราแค่ต้องสู้กับศัตรูของเรา!”
7 ความคิดเห็น:
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณมากครับ
ขอบคุณครับ น่าจะมีพลิกอีกรอบ
แสดงความคิดเห็น