ตอนที่ 755
สาวมังกรกับดาบวิเศษติดปีก
เมื่อเย่ว์หยางฟื้นขึ้น
จื้อจุนไม่อยู่ที่นั่นต่อไปแล้ว
แต่มารดาของอาหงที่ซ่อนตัวอยู่ใต้ฐานทางเดินของเทวรูปนั่งรอเขาอย่างสงบเสงี่ยม
เย่ว์หยางพบว่าชุดของเขาสลายเป็นผุยผงไปแล้ว
บนตัวเขามีผ้าคลุมเนื้อกำมะหยี่สีขาว
เขาฟังเสียงอย่างระมัดระวัง
ผ้าคลุมอ่อนนุ่มเหมือนกับมีกลิ่นสาวพรหมจรรย์ นี่คือชุดคลุมของจื้อจุนหรือ? นางไปไหนแล้ว
“ท่านช่วยมากับข้า!”
มารดาอาหงลุกขึ้นยืนและขอร้องเย่ว์หยาง
จากนั้นหมุนตัวกลับไป
และเข้าไปในทางเดินที่ฐานนั้น
ร่างเย่ว์ชิวที่อยู่ภายในถูกแรงสั่นสะเทือนที่เกิดจากการต่อสู้บดกระแทกสลายเป็นผุยผงกองอยู่กับพื้น
แต่วิญญาณยังคงรักษาปณิธานที่ทิ้งไว้ก่อนหน้านั้นคือแบกประตูทางเข้าไว้ตลอดแม้ด้านนอกจะอึกทึกตลอดเวลา ระหว่างที่เย่ว์หยางเปลี่ยนชุด
มารดาของอาหงรวบรวมเถ้าอังคารของเย่ว์ชิวที่กระจายอยู่บนพื้นและเก็บใส่กล่องอัญมณีอย่างระมัดระวัง เมื่อเย่ว์หยางเข้ามานางยื่นกล่องเถ้าอังคารให้เย่ว์หยางอย่างไม่สู้เต็มใจนัก
นางคิดว่าเย่ว์หยางคือบุตรชายของเย่ว์ชิว
อย่างน้อยก็ยังเป็นลูกชายที่ยังมีชีวิตอยู่ ควรให้เขาเก็บไว้ดูแลเถ้าอัฐิ
เย่ว์หยางลังเลเล็กน้อย
เขาส่ายศีรษะ “ให้ท่านดูแลเถอะ!”
มารดาอาหงมีสีหน้าดีใจ
และนางทำตัวราวกับดรุณีน้อยลอบเขินในใจ
นางก้มหน้าพยายามระงับความตื่นเต้น “ความจริงข้าไม่เคยพบหู่ถู (เย่ว์ชิว) มาก่อน
แต่นับถือท่าทีองอาจของเขา ไม่ใช่อย่างที่คนนอกคิด
อาหงอยู่กับท่านเป็นเรื่องที่ดีแล้ว นี่เป็นชะตากรรม ในใจของข้าไม่มีความห่วงกังวลอีกแล้ว ต่อไปข้าจะอยู่แต่ที่นี่อยู่กับท่านหู่ถู
ช่วยปกป้องรักษาที่นี่”
หลังจากพูดเสร็จนางมอบห่อของเล็กให้เย่ว์หยาง
นี่คือของที่เย่ว์ชิวทิ้งไว้ให้สหายที่น่าสงสาร
แน่นอนว่าเพราะจ้าวปีศาจโบราณทิ้งร่างและสถานะของสหายผู้น่าสงสารอย่างไม่ใยดี ของนี้จึงตกเป็นของเย่ว์หยางไปโดยปริยาย
ของในห่อเล็กมีไม่มากมีเพียงสามชิ้นเท่านั้น ชิ้นแรกคือกุญแจ และกุญแจนี้ไม่ใช่กุญแจธรรมดา
แต่เป็นรูปแก้วผลึกรูปดอกไม้ ด้านหน้าแต่ละมุมมีอักษรรูนลับซ่อนอยู่ถึง 999
รูปในแต่ละด้าน เย่ว์หยางไม่สามารถนับได้
แต่ตัดสินได้ว่าอย่างมี 999 รูปลักษณ์
เมื่อเย่ว์หยางบิดกุญดอกไม้แก้วผลึกและถ่ายปราณก่อกำเนิดผ่านนิ้วเข้าไปภายในอย่างนุ่มนวล
กุญแจดอกไม้ผลึกฉายประกายวงเวทอักษรรูนภายในทันที และยิ่งกว่านั้นประกายอักษรรูนยังหมุนทำงานช้าๆต่อเนื่องผสานกัน
มีรูปแบบเกิดขึ้นใหม่แปรปลี่ยนไม่มีที่สิ้นสุด
น่าทึ่งและไม่รู้จบ
เมื่อเย่ว์หยางหยุดถ่ายพลังปราณแท้เข้าไป
กุญแจลับกลับคืนสภาพเดิมช้าๆ
กุญแจดอกไม้แก้วผลึกนี้
ควรจะเป็นกุญแจเข้าทางผ่านที่เย่ว์ชิวปกป้อง
เย่ว์หยางยอมรับไว้
แต่ไม่กระตือรือร้นใช้งานเพื่อเข้าไปสำรวจเส้นทางที่เย่ว์ชิวปกป้อง แม้ว่าเขาจะมีเรื่องที่รู้สึกสงสัย
แต่เขาไม่มีเวลาว่างสำรวจตรวจสอบ
ของชิ้นที่สองเป็นบันทึกเล่มหนามีบันทึกตั้งแต่เย่ว์ชิวทำสัญญากับคัมภีร์
บันทึกชีวิตเย่ว์ชิวทุกอย่าง นี่ยังเป็นสมุดบันทึกชีวิตของเย่ว์ชิว
การฝึกวิทยายุทธต่างๆ การเพิ่มความสามารถให้อสูรศึก ฯลฯ ความสำเร็จ
แม้ว่าจะไม่สามารถเทียบได้กับพี่สาวของแม่สี่ที่เขาได้รับตกทอดความรู้
แต่ก็มีหลายเรื่องที่เป็นแรงบันดาลใจให้เย่ว์หยาง
สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือเย่ว์หยางเปิดสำรวจดูและพบบันทึกเกี่ยวกับความลับของตระกูล
เย่ว์หยางรีบเปิดไปดูทันที
แน่นอนว่าเขาพบความลับของเย่ว์หวี่...
เมื่อเขาเห็นเช่นนั้น
เขาแทบโห่ร้องทันที “โอว..คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นสาวน้อยนั่นโดยไม่คาดคิด”
หลังจากเห็นความลับนี้แล้ว
เย่ว์หยางอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ถ้าเขาบอกความจริงเย่ว์หวี่
บางทีการฝึกฝนกับนางคงไม่มีอุปสรรคทางใจอีกต่อไป
แต่หลังจากนั้นปัญหาที่จะตามมาก็คือถ้านางรู้ความจริง
บางทีนางอาจจะเสียใจร้องไห้เกินกว่าจะรับความจริงได้
หลังจากคิดอยู่ชั่วขณะ เย่ว์หยางใช้วิธีถ่วงเวลาลากยาวไปเรื่อยๆ เรื่องนี้ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง
บางทีวันข้างหน้าอาจมีวิธีคลี่คลายก็ได้
ก็เหมือนกับปัญหาสถานะตัวเขาเองที่เขาเคยกังวล
ตราบใดที่เขาตั้งใจแก้ปัญหาก็ไม่มีอะไรจะต้องกังวล
สมบัติชิ้นที่สามเป็นแหวนเก็บสมบัติสีทองมันวาว
เมื่อเย่ว์หยางยืนยันและรอทำสัญญากับแหวนอยู่นานโดยใช้พลังปณิธานทำสัญญาและเปิดดูก็พบว่าภายในนั้นมีสมบัติ
อาวุธของเย่ว์ชิวที่เขาใช้สร้างชื่ออยู่มาก ตราทหารรับจ้าง
ของที่ผู้เฒ่าเย่ว์ไห่และจุนอู๋โหย่วมอบให้เป็นเกียรติ บันทึกหนังแกะที่ภายในบันทึกวิทยายุทธที่เขาบัญญัติขึ้น บันทึกที่เขียนถึงเย่ว์ไห่และจุนอู๋โหย่ว
เย่ว์หลิงและแม่สี่ และจดหมายประหลาดที่ไม่ใช่ของเย่ว์หยาง
แต่ส่งผ่านที่เขา หลังจากตรวจสอบอยู่นานเขาเห็นว่าจดหมายเขียนจ่าหน้าชื่อที่เขาไม่คุ้น
เย่ว์หยางประหลาดใจเล็กน้อย
แต่เขารู้ตัวทันทีและเอาจดหมายส่งให้มารดาของอาหง
มารดาของอาหงประหลาดใจเล็กน้อย
แค่มองเพียงวูบแรกที่เห็นชื่อนาง
นางรีบเข้ามารับไว้
เมื่อนางเห็นข้อความสั่งเสียของเย่ว์ชิวที่เขียนถึงนาง
นางตื่นต้นจนทำอะไรไม่ถูก ค่อยๆ เปิดซองจดหมายด้วยมือที่สั่นเทา
เมื่อนางอ่านเนื้อความจดหมาย
น้ำตานางหยดรดกระดาษจดหมาย ทั้งวงหน้าของนางนองไปด้วยน้ำตา
มารดาของอาหงพยายามข่มกลั้นไม่ให้ตนเองสะอื้นไห้
แต่ก็ยังมีเสียงสะอื้นดังออกมาจากลำคอนาง
หลายปีผ่านมาแล้วที่นางรอจดหมายนี้
แต่จดหมายมาถึงช้าเหลือเกิน เมื่อนางเข้าใจความคิดเขา
เขาก็กลายเป็นธุลีปลิวหายไปแล้ว
เหลือแต่เพียงวิญญาณที่เฝ้าปกป้องประตูศิลาตลอดไป....
เย่ว์หยางยืนอยู่เงียบๆ
รอให้นางสงบอารมณ์อย่างเงียบงัน
“ข้า.. ข้าไม่เป็นอะไรแล้ว” มารดาของอาหงเช็ดน้ำตา
นางฝืนยิ้มให้เย่ว์หยางทั้งน้ำตา
“ข้ามีความสุขมากจริงๆ
หู่ถูไม่ได้ลืมข้า ได้รับจดหมายของเขา ข้าไม่มีอะไรต้องเสียใจ ข้าจะอยู่ที่นี่ อยู่กับเขา ถ้าท่านมีเวลาว่าง อย่าลืมพาอาหงมาเยี่ยมข้าด้วย!”
“แน่นอน”
เย่ว์หยางพยักหน้ารับปาก
“ปล่อยให้ข้าได้อยู่กับเขาที่นี่ตามลำพังได้ไหม?
มีความในใจหลายอย่างที่ข้าอยากจะบอกกับเขา.....” มารดาของอาหงหลั่งน้ำตาขณะมองเย่ว์หยาง
“แล้วข้าจะพาอาหงมาเยี่ยมทีหลัง!”
เย่ว์หยางเดินออกมาจากทางผ่าน ปล่อยมารดาของอาหงไว้ด้านหลัง
เขาได้ยินเสียงร้องไห้คร่ำครวญที่ถูกข่มกลั้นไว้ เสียงร้องไห้เริ่มดังขึ้นๆ
และในที่สุดความข่มกลั้นก็พังทลาย
นางร้องไห้อย่างใจสลาย
เย่ว์หยางมองขึ้นฟ้าและพยายามข่มใจทั้งที่ดวงตาร้อนผ่าว
เขาไม่ได้เบื่อหน่าย แต่ไม่เข้าใจ เขารอคอยตั้งหลายปีได้อย่างไรถึงยอมตอบสนองความรู้สึกในใจของมนุษย์ปุถุชน
แต่เขารู้ดีว่ามนุษย์มีอารมณ์ซับซ้อนที่สุดในโลก
โศกเศร้า ดีใจ ขมขื่น สุขใจเป็นความรู้สึกที่สับสนปนกันไป
ความรู้สึกเช่นนั้นเกิดในหัวใจ เย่ว์หยางพยายามทุกวิถีทางที่เป็นไปได้
ได้รับอนุญาตจากเสวี่ยอู๋เสีย ได้รับอนุญาตจากทุกคน
สุดท้ายได้รับความเห็นชอบจากแม่สี่
เย่ว์หยางในช่วงสามปีมานี้ ผ่านโลกผ่านประสบการณ์ทางใจที่อธิบายไม่ได้
และเขาจำได้ทุกครั้ง
ยังคงมีเสียงสะอื้นให้ได้ยิน
เมื่อได้ยินเสียงร้องไห้ของมารดาอาหง นี่ทำให้เย่ว์หยางตื้นตันใจ
เขาเลือกจะกลับไปในโลกคัมภีร์
บินเข้าไปหานาง
เขากอดแม่สี่ไว้แน่นเพื่อต้องการคำปลอบประโลมจากนาง
“เด็กโง่!”
แม่สี่ทำให้เขากลัวในตอนแรก
เมื่อเห็นว่าเป็นเขานางโอบกอดเขาไว้ทันทีและใช้มือลูบไล้ศีรษะเขาและลูบหลังเขาเบาๆ
พลางถอนหายใจ นางมีคำพูดคิดจะปลอบใจเต็มไปหมด แต่ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน
ได้แต่กอดเขาเป็นการบ่งบอกว่านางสนับสนุนเขา
การโจมตีหอทงเทียนนี้ ไม่ได้มีความเป็นศัตรูในสายตาคนอื่น
นางไม่สามารถเผชิญหน้ากับลูกผู้เก็บความรู้สึกทรมานไว้ในใจส่วนลึกที่สุด
ดีที่สุดที่นางทำได้ก็คือปลอบประโลมใจเขา
มีเสวี่ยอู๋เสียที่ทำได้
เขาผ่านการทดสอบในวิหารสิบสองนักษัตร
ได้รับการรับรองและแนะนำจากจื้อจุนและจักรพรรดินีราตรี เขาผ่านการทดสอบประตูเป็นตายได้สำเร็จ ตอนนี้เขาปลดเปลื้องปมที่อยู่ในใจของเขาได้แล้ว
จิตใจของเขาควรจะเติบโตไม่มีตำหนิข้อบกพร่องต่อไป!
ความขัดแย้งและความลำบากในชีวิตคงจะมีมาในอนาคตแน่นอน
แต่ในช่วงเวลานี้เขาประสบความสำเร็จในการเดินทาง เขาจะไม่ทำอะไรโง่ๆ อีก และตอนนี้เขาสบายใจแล้ว
“ท่านพี่, ข้าจะดูแลเด็กคนนี้! ปิงเอ๋อและซวงเอ๋อเอง
ข้าจะเลี้ยงดูแนะนำพวกเขาให้เติบใหญ่แข็งแรง” แม่สี่ลูบศีรษะเย่ว์หยางเบาๆ
นางพยักหน้าและยิ้มมุมปาก เหมือนกับว่านางเห็นพี่สาวพยักหน้าให้นางอยู่ในท้องฟ้า
“อ๊า...ข้าลืมไปเลย..”
เย่ว์หยางนึกถึงราชาเก้าแสงได้ขึ้นมาทันใด
และผละออกจากอ้อมแขนของแม่สี่พูดด้วยความกังวล
“ข้าลืมไป
ราชาเผ่าเก้าแสงเขายังไม่ตาย ตั่วตั่ว อิคคา
เจี้ยงอิงและปิงหยินยังคงสู้อยู่ แม่สี่!
ท่านพักรออยู่ที่นี่ก่อน
แล้วข้าจะรีบกลับมา!”
แม่สี่พอเห็นว่าเย่ว์หยางกลับมาเต้นแร้งเต้นกาได้และวิ่งแน่บออกไป
นางส่ายศีรษะเล็กน้อย
ใบหน้านางมีรอยยิ้มที่อดทน “ยังคงทำตัวเป็นเด็กอย่างนี้ เมื่อไหร่ข้าจะโล่งใจได้เสียที!”
เดิมทีเย่ว์หยางตั้งใจจะเข้าไปในผนึกหลุมดำเพื่อพบกับนางพญาเฟ่ยเหวินหลีเพื่อพูดคุยถึงเรื่องจักรพรรดินีฟ้า
ถามนางถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีต
แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าราชาเก้าแสงยังไม่ถูกปราบ เขาเก็บพับแผนเอาไว้ชั่วคราว
เขาลาแม่สี่และออกมาจากโลกคัมภีร์
และด้วยการนำทางของเสี่ยวเหวินหลีเขารู้สึกได้ถึงจุดที่มีการต่อสู้
เย่ว์หยางเทเลพอร์ตและรีบไปหาสตรีทั้งสี่ที่รุมล้อมราชาเก้าแสงอย่างรวดเร็ว
ครั้งนี้ราชาเก้าแสงไม่มีอำนาจและศักดิ์ศรีอีกต่อไป อิคคาและตั่วตั่วยังมีฝีมือด้อยกว่าราชาเก้าแสง แต่เมื่อได้รับพลังจากยักษ์ทอง
พวกนางไล่ข่มไล่ต้อนพวกเขาอยู่พักหนึ่ง
ราชาเก้าแสงถูกไล่ต้อนอยู่ช่วงเวลาหนึ่ง จนกระทั่งแสงเพิ่มพลังหายไป
ยังไม่ต้องพูดถึงสาวมังกรเจี้ยงอิงผู้ทรงพลังและสาวกิเลนปิงหยิน
แม้ว่าแสงเพิ่มพลังของยักษ์ทองจะหายไป
แต่พลังของสตรีทั้งสี่ก็ยังเหนือกว่าราชาเผ่าเก้าแสง
ที่สำคัญราชาเผ่าเก้าแสงไม่เพียงแต่บาดเจ็บหนักเท่านั้น แต่ไม่มีใจจะต่อสู้กับสตรีทั้งสี่ เขาอยากจะหลบหนีมากกว่า
“พลังเทพมังกร... มังกรตวัดหาง”
สาวมังกรไร้เขาเจี้ยงอิงต้องเหยียดมือออกอย่างน้อยหนึ่งครั้ง
นางได้รับตกทอดพลังเทพมังกรแต่ยังหลอมรวมไม่สมบูรณ์
จึงยังไม่สามารถรับมือได้อย่างคล่องแคล่ว
อย่างไรก็ตามถ้านางโจมตีถูกราชาเก้าแสงสักครั้ง ราชาเก้าแสงจะเกิดสภาพมีรอยผื่นขึ้น
เพราะนางยิงพลังเทพมังกรซึ่งเป็นสุดยอดพลังปราณราชันย์ที่ราชาเก้าแสงไม่อาจต้านทานได้
ราชาเก้าแสงเดิมทีต้องการบุกฝ่าออกไปทางด้านตั่วตั่ว
แต่เขาคาดไม่ถึงเลยว่ากลับเปิดโอกาสดีให้กับเจี้ยงอิงได้โจมตี
ขาเรียวงามของนางตวัดหมุนราวกับกังหัน
หางยาวรูปมังกรกวาดผ่านหน้านางไปอย่างงดงามและฟาดใส่ราชาเก้าแสง
ลูกไฟสีดำพุ่งใส่ราชาเก้าแสง
ปัง ปัง ปัง!
ราชาเก้าแสงถูกระเบิดอีกครั้งและปลิวกระเด็นไปในอากาศ
ปิงหยินคอยทำหน้าที่ควบคุมและยิงพลังโจมตีเป็นครั้งคราว
ส่วนใหญ่จะให้อิคคาและตั่วตั่วได้ฝึกฝีมือเพิ่มเติม
อย่างไรก็ตามราชาเก้าแสงต้องการหนีผ่านไปทางนางโดยไม่คิดอะไรทั้งสิ้น จากครั้งก่อนที่ขัดขวางจักรพรรดิชื่อตี้ล้มเหลว
ปิงหยินและเย่ว์หยางคิดวิเคราะห์ซ้ำแล้วซ้ำอีก
ในที่สุดปิงหยินค้นพบกระบวนท่าเท้ากิเลนจักรพรรดิ ท่าเท้ากิเลนจักรพรรดินี้ เว้นแต่นักสู้ผู้ที่แข็งแกร่งกว่าปิงหยินมากเท่านั้น
เป้าหมายจะถูกตรึงวิญญาณมิให้หนีพ้นไปจากการร่วมผนึกพลังใช้ท่าก้าวย่างกิเลนจักรพรรดิ
การพรางตัวการหายตัวภายใต้การตรึงวิญญาณของปิงหยินไม่มีทางทำได้สำเร็จ
เย่ว์หยางเพียงแต่ใช้พลังกฎสวรรค์เล็กน้อยเท่านั้นผสานกับสนามพลังสร้างโลกถึงจะทำได้สำเร็จ
มิฉะนั้นจะไม่มีทางหนีพ้นการติดตามของปิงหยินได้เลย
“ปล่อยข้าลงไป!”
ปิงหยินเหยียดมือออกและกดมือลง
ราชาเก้าแสงแม้ว่าจะเคลื่อนไหวได้
แต่ไม่มีเวลาขยับร่าง ร่างของเขาร่วงลงหลังกระแทกพื้น
นี่คือการพลาดโอกาสหลบหนีครั้งที่ห้าสิบ..
ในบรรดาสตรีทั้งสี่เขาเห็นว่าคนที่อ่อนแอที่สุดก็คือนางฟ้าศึกอิคคาและคนที่แข็งแกร่งที่สุดก็คือสาวกิเลน
นางพญาดอกหนามมงกุฏทองและสาวมังกรไร้เขายังไม่สามารถเร่งเร้าแสดงพลังได้เต็มที่ ยังเป็นต่างคนต่างแสดงพลัง มิฉะนั้นเขาคงเจ็บปวดมากขึ้น
สิ่งที่ทำให้ราชาเก้าแสงปวดหัวที่สุดก็คือ
ไม่ว่าจะเป็นสาวมังกรไร้เขา, นางพญาดอกหนามมงกุฏทองหรือนางฟ้าศึกก็ตาม
ทุกคนมีความก้าวหน้าในการต่อสู้
ทุกคนคุ้นเคยอย่างต่อเนื่อง ก้าวหน้าต่อเนื่อง
ความเร็วในการก้าวหน้าของกระบวนการดังกล่าว
คาดได้ว่าใช้เวลาอีกไม่ถึงวันพวกนางคงล้อมฆ่าเขาได้
หรือว่าเขาจะต้องตายในบันไดสวรรค์จริงๆ?
จื้อจุนและเย่ว์หยางดูเหมือนจะฆ่าจักรพรรดินีฟ้า
และทั้งสองอาจตามข้าทันได้ทุกเมื่อ
ไม่ว่าจะเป็นเย่ว์หยางหรือจื้อจุนก็สามารถฆ่าเขาได้
จนถึงขณะนี้
ราชาเผ่าเก้าแสงเริ่มตื่นกลัว
“ระเบิดเก้าแสง!”
ภายใต้ความข่มกลั้นความเจ็บปวดทางบาดแผลของราชาเก้าแสง
เขาสร้างบอลพลังงานขนาดต่างๆ กันถึงเก้าลูก บางลูกก็เหมือนดวงอาทิตย์
บางลูกก็เหมือนดวงจันทร์มีคุณสมบัติแตกต่างกันไป ราชาเก้าแสงนี้เมื่อใช้โจมตีใส่ศัตรูโดยตรง
จะมีพลังระเบิดมากกว่าปกติเป็นร้อยเท่า
ถ้าโจมตีใส่สาวกิเลนที่รับหน้าที่คอยดักจับโดยตรง
ความหวังที่จะหลบหนีของเขาก็จะสำเร็จ
ไปลงนรกเสียเถอะ!
เมื่อฝุ่นควันจางลง
ปรากฏร่างของราชาเก้าแสงถือลูกพลังงานแสงที่มีพลังน่าตื่นตะลึงเก้าลูกไว้ในมือของเขา
อย่างไรก็ตาม
ขณะที่เขาจะโยนบอลแสงออกไป
เขาเห็นเงาร่างหนึ่ง
เงาร่างนี้
ก่อนหน้าที่จะต่อสู้นั้นเป็นคนแปลกหน้าที่เขาไม่รู้จัก
แต่หลังจากต่อสู้ไปแล้วเขากลายเป็นฝันร้ายที่น่ากลัวที่สุดของราชาเก้าแสง
เขาคือเย่ว์หยาง!
เมื่อราชาเก้าแสงสร้างบอลแสงสำหรับโจมตีเก้าลูก
เย่ว์หยางเรียกสองสาวมังกรอาวุธเทพร่างมนุษย์ที่เปลี่ยนเป็นดาบศักดิ์สิทธิ์ถือไว้ในมือ เขาชูดาบเทพนั้นเหนือศีรษะ สองสาวมังกรพี่น้องอยู่เหนือศีรษะของเย่ว์หยาง
ร่างเปล่งประกายรัศมีเป็นหมื่นสาย ภายใต้สายตาที่เหลือเชื่อของราชาเก้าแสง
ร่างของพวกนางเปล่งแสงศักดิ์สิทธิ์กลายร่างเป็นดาบที่งดงามมิอาจบรรยายเป็นคำพูดได้
ดาบศักดิ์สิทธิ์เป็นเงารูปนกเป็ดน้ำคู่สยายปีกงดงามค่อยๆ
ลอยลงมาอยู่ในมือของเย่ว์หยางและเชื่อมกับชีพจรปราณพลังโคจรเต็มที่เปล่งรัศมีสว่างเจิดจ้าราวกับกลางวัน
เมื่อดาบอยู่ในมือเย่ว์หยาง
ความเคลื่อนไหวของเย่ว์หยางนี้ราวกับเทพเจ้า
ในโลกนี้ไม่มีใครจะต่อต้านปณิธานราชันย์ไร้เทียมทานของเขาอีกต่อไป
อันตราย!
ในหัวใจของราชาเก้าแสงมีเงาแห่งความตายครอบคลุมเหมือนที่เขาพบเจอมาก่อนหน้านี้
เนื่องจากก่อนหน้านี้จื้อจุนใช้อาวุธเทพร่างมนุษย์
นางฟ้าปีกโลหิตตรึงวิญญาณของราชาเก้าแสง ทำให้เขากลัวจนอธิบายไม่ถูก
เหมือนเมื่อเขามาพบเจอดาบที่มีปีกนี้อีกครั้งหนึ่ง.......
13 ความคิดเห็น:
หรือว่า เย่หวี่ไม่ใช่พี่สาว
ขอบคุณมากเลยนะครับ
ขอบคุณมากครับ
นั่นไง เย่หวี่ไม่ใช่พี่สาวสายเลือดเดียวกัน กินตับได้ 555++
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
มีคนเคยสปอยยไว้เเล้วนิสุดท้ายก้ไม่ได้กินตับบ
ขอบคุณครับ
เย่วหวี่ถูกสลับตัวตอนเด็กๆ
หืมมม ตกลงไม่ใช่เย่ว์หยางที่คนละสายเลือดกับตระกูลเย่ว์ แต่เป็นเย่ว์หวี่เรอะ!? ดีย์ :3
ขอบคุณมากครับ
ขอบคุณครับ
คือตั้งแต่อ่านมาที่ไม่มีเมคเซ้นและขัดใจที่สุดคือ 2พี่น้องฝาแฝดอาวุธเทพร่างมนุษย์ ตอนที่ผู้เฒ่าหนานกงมาชวนเย่หยางเข้าร่วมกลุ่ม พาองค์รักษ์2คนนี้มามันบอกว่าทุกคนในกลุ่มได้องค์รักแบบนี้หมด แต่มีเย่หยางคนเดียวที่ได้2คน แต่พอไปดูคนอื่นไม่เห็นมีใครมีเลย แถมจู่ๆ องค์รักษ์2คนนี้ดันเปลี่ยนเป็นอาวุธร่างมนุษย์ได้อีก รู้สึกว่ามันตลกและไม่เมคเซ็นอย่างแรงคลิ่นสนามพลังอีกแลมั่วๆดี อ่านไปคิดในใจอิ๊หยังวะ แต่ก็ยังอ่านอยู่นะ ขอบคุณครับ
แสดงความคิดเห็น