วันศุกร์ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2562

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 759 ประตูแดนสวรรค์


ตอนที่  759  ประตูแดนสวรรค์
แดนสวรรค์ตะวันตก
ดวงอาทิตย์สาดส่องพื้นที่ ประตูทางเข้าแดนสวรรค์  เมืองลี่จ้าว ราชอาณาจักรหลิงหวิน (วิญญาณเมฆา)

ผู้พิทักษ์ประตูแดนสวรรค์รู้สึกว่าเป็นเรื่องน่าเบื่อ ในฐานะที่เป็นนักสู้ปราณฟ้าแต่ต้องมาคอยเฝ้าเหมือนกับเป็นยามธรรมดา เรื่องที่น่าเจ็บปวดที่สุดก็คือเขาเป็นผู้พิทักษประตูแดนสวรรค์มาร้อยปีแล้ว   คนโง่ๆ ก็รู้ว่าประตูแดนสวรรค์เปิดมาร้อยปีแล้ว  แต่เพราะห้วงเวลาและทางผ่านมิติแตกสลาย ยังไม่ต้องพูดผนึกที่ทรงพลัง แค่รอยแยกกาลมิติก็สามารถฉีกทางผ่านเข้าแดนสวรรค์ออกเป็นชิ้นๆ ได้
ตั้งแต่หอทงเทียนตกอยู่ในความโกลาหลมาหลายพันปี  ก็ไม่มีนักรบจากดินแดนชั้นล่างผ่านเข้ามาในประตูแดนสวรรค์ได้อีกเลย
ในฐานเจ้าหน้าที่คนหนึ่ง เวลาผ่านไปพันปีแล้ว
ถูหวังแทบจะลืมหอทงเทียนไปแล้ว
ถ้าไม่ใช่เพื่อราชาหลิงหวิน  ถ้าไม่ใช่เพื่อเจ้าเมืองถูไห่พี่ชายของเขาสั่งไว้  ด้วยพลังระดับปราณฟ้าของเขาคงไม่ยอมเสียเวลาอยู่ที่นี่เป็นพันปีแน่
 “หอทงเทียนและดินแดนชั้นล่างเข้ามาร่วมใหม่ทำให้เราต้องเก็บภาษีงั้นหรือ?”  ถูหวังกระดกแก้วดื่มอย่างรวดเร็ว  เขาถามบริวารทราบว่าเหล้าอาทิตย์อุทัยมีชื่อเสียงมากในอาณาจักรหลิงหวินเคียงคู่กับเหล้าของอาณาจักรแสงสว่าง ของดินแดนส่องหล้า หาได้ยากยิ่งกว่าทอง  แม้ว่าจะเป็นเหล้าคุณภาพชั้นสูงแต่รสชาติในรอบพันปีนี้ไม่มีเปลี่ยน  ต่อให้รสชาติไม่ได้เรื่องอย่างน้อยถูหวังก็ยังต้องอยู่ที่นี่
 “กลับมารายงานขอรับ  หอทงเทียนและดินแดนชั้นล่างไม่มีการตอบสนอง  จักรวาลท้องฟ้ากลับคืนสภาพเป็นสีฟ้าเหมือนเดิมแล้ว  ผ่านไปหลายเดือนแล้วแต่สามดินแดนชั้นล่างยังไม่กลับมาร่วม    ไม่เพียงแต่ที่ประตูแดนสวรรค์เท่านั้นที่สงบ  แต่แม้แต่ประตูเทเลพอร์ตของหอทงเทียนก็ยังไม่มีสัญญาณเริ่มใช้งาน” หัวหน้านายกองยืดตัวแสดงความเคารพแล้วจากไป
 “เบื่อโว้ย, เบื่อเหลือเกิน” ถูหวังผิดหวังเป็นอย่างยิ่งกับกำหนดการประชุมตามปกติ ด้วยพลังของนักสู้ระดับปราณฟ้าและด้วยอำนาจของเจ้าหน้าที่ทางการ การได้ข่มนักสู้จากดินแดนชั้นล่างเพื่อหาความสนุกเพลิดเพลินยาวนานกลับทำไม่ได้  บางครั้งถูหวังก็อดคิดถึงเรื่องนี้ไม่ได้ว่า หอทงเทียนมีนักสู้รุ่นหลังเกิดใหม่ที่มีพลังไม่เลว  เมื่อทำลายผ่านผนึกที่แข็งแกร่งมาได้ ก็แทบจะเอาตัวไม่รอดจากกาลมิติปั่นป่วนที่น่ากลัวซึ่งปรากฏอยู่ข้างหน้า ยังไม่ทันได้พักหายใจก็โดนดึงดูดเข้าไปในกาลมิติปั่นป่วนอีกครั้ง”
 “รายงาน ขอรับ!
ขณะที่ถูหวังกำลังจะเลื่อนการประชุมออกไปและออกไปหาความสุขกับสตรี กินดื่มให้เมาและหลับนอนต่อนั้น
มีทหารเข้ามารายงานจากด้านนอก
เสียงรายงานดังขึ้น  “ใต้เท้าขอรับ  ที่เส้นทางตรงไปยังเมืองลี่จ้าว มีนักรบกลุ่มหนึ่งโดยสารรถม้าตรงมาที่ประตูแดนสวรรค์
เดิมทีถูหวังคิดว่าเป็นการมาเยี่ยมหาสหายกัน แต่พอได้ยินว่าเมืองที่คนผู้นั้นมาคือเมืองลี่จ้าวนั้นแสดงว่าพวกเขาไม่ได้มาจากดินแดนชั้นล่าง ไม่ใช่นักรบจากหอทงเทียนเขาถอนหายใจทำเสียงเบื่อหน่าย  “โอว, ข้าอาจเป็นคนที่โชคร้ายที่สุดในอาณาจักรหลิงหวินก็ได้  ถ้าไม่ใช่ตั้งใจรับใช้มาตั้งแต่ในอดีตอย่างซื่อสัตย์หลายปี  ถ้าไม่มาปักหลักเฝ้าไอ้ประตูสวรรค์นี่  บางทีข้าอาจเป็นเจ้าเมืองไปแล้ว!
ในขณะเดียวกันเพื่อเห็นแก่ภารกิจหน้าที่ เขาตัดสินใจออกไปดู
ถ้าคนมาใหม่เป็นนักรบหอทงเทียนที่ลอบเข้ามาแดนสวรรค์ก่อน ก็คงจะมาหาเครื่องมือและกลับไปหอทงเทียน  เขาจะต้องเตือนทางเมืองลี่จ้าวก่อน
ปกติเรื่องดังกล่าวไม่มีทางจะเกิดขึ้นได้ เพราะในช่วงพันปี ไม่เคยมีบรรพบุรุษจากหอทงเทียนที่คิดจะกลับไปหอทงเทียนเลยเหมือนกับคนที่เข้าเมืองไปแล้ว  ยังยินดีกลับไปยังบ้านนอกอีกหรือ?
ต่อให้มีก็พบได้ยากมาก!
ถูหวังยังไม่เคยเห็นใครที่โง่ยอมกลับไปยังดินแดนชั้นต่ำเลยในช่วงพันปีมานี้
นอกจากนี้แม้ว่าจะมีนักรบที่กระตือรือร้นกลับไปยังหอทงเทียน เขาจะตกเป็นเป้าหมายวิพากษ์วิจารณ์ของส่วนรวม และจะต้องถูกฆ่าในแดนสวรรค์อยู่แล้ว เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะกลับมาที่นี่
ประตูแดนสวรรค์เป็นเขตที่มีความคึกคัก  เดิมทีที่นี่เชื่อมต่อถึงหอทงเทียน มีพ่อค้านับไม่ถ้วนมาเปิดร้านที่นี่ พวกทหารรับจ้างแดนสวรรค์จะมองหาโอกาสที่นี่ และนักรบจากแดนสวรรค์นับไม่ถ้วนอิจฉาที่นี่ เนื่องจากสงครามทำให้เมืองพังพินาศ  นอกจากนี้ครอบครัวผู้เคราะห์ร้ายที่ตายในสงคราม คนรุ่นหลังที่ต้องการระลึกถึงบรรพบุรุษต่างก็มาที่นี่  มิฉะนั้นที่นี่จะไม่ค่อยมีผู้คนให้เห็น
กลุ่มคนที่ลงมาจากรถม้าบินบินหรู ดูจากพลังของคนเหล่านี้ไม่ค่อยสูงนัก
มีดีอยู่คนเดียวคือ ปราณดินระดับเจ็ด
ที่มีระดับต่ำที่สุดก็คือปราณดินระดับห้าอ่อนแอเสียจริง  ที่ทำให้ถูหวังไม่เข้าใจก็คือมีบุรุษคนหนึ่งในกลุ่มสวมหน้ากากสมบัติระดับแพลตตินัม
บุรุษหน้ากากนี้ดูเหมือนอ่อนแอและบางครั้งก็ดูเหมือนจะแข็งแกร่งมากใกล้เคียงระดับปราณฟ้า
เขาเป็นคนเดียวในกลุ่มที่ถูหวังยากจะทำความเข้าใจ
ปกติไม่ว่าจะเป็นกลุ่มที่แข็งแกร่งขนาดไหนก็ตาม ถูหวังจะไม่ล่วงเกินพวกเขาได้โดยง่าย เห็นได้ชัดว่า 90% เป็นอนุชนรุ่นหลังที่มาเคารพบรรพบุรุษ  นักสู้ที่เคยผ่านสงครามอาบเลือดที่นี่ 99% จะมาจากตระกูลที่น่าเกรงขามและมีชื่อเสียง  เพียงแต่โดยสารพาหนะบินเลิศหรูได้ พวกเขาก็รู้ได้ว่าพวกผู้เยาว์เหล่านี้รวมทั้งผู้สูงอายุ ล้วนแล้วไม่ใช่ทหารรับจ้างนักผจญภัยธรรมดา
ถ้าพวกเขาไม่มีอำนาจของตระกูลมากมาย  พวกเขาจะไม่สามารถผ่านเมืองลี่จ้าวเข้าแดนสวรรค์ได้แน่
นายกองเป็นคนหัวฉลาดผายมือและทักทาย
หลังจากนั้นเขาแจ้งข่าวให้ถูหวังทราบ
ความจริงผู้เยาว์เหล่านี้คือคนจากตระกูลในเมืองไร้ราตรีจากแคว้นมรกตจากแดนสวรรค์ที่ราชาถัวเย่ปกครองเดินทางจากบ้านมาท่องเที่ยวทัศนศึกษาเรื่องราวความเสียสละของวีรบุรุษสงคราม หัวหน้ากลุ่มของพวกเขาเป็นบุรุษหน้ากากเรียกว่าคุณชายสามตระกูลเย่ว์
ถูหวังคาดว่าคุณชายสามตระกูลเย่ว์ผู้นี้คงไม่ใช่คุณชายสามจากตระกูลใหญ่ น่าจะเป็นบุตรของเจ้าเมืองธรรมดาจึงไม่กล้าเรียกคุณชายสามอย่างสุ่มสี่สุ่มห้า
อย่างไรก็ตามหน้ากากพิเศษระดับแพลตตินัมที่เขาสวมอยู่ไม่ใช่สมบัติที่คนทั่วไปจะมีได้
ในกลุ่มคนพวกนี้ไม่ใช่มีแต่คุณชายสามเท่านั้นที่มีสมบัติวิเศษ  ดูเหมือนว่าเจ้าคนอ้วนที่มีแผลเต็มหน้า คนผอมสูงที่นัยน์ตาเหมือนเหยี่ยว และบุรุษผู้เย็นชามีสมบัติระดับอยู่ที่แขนและตัว  ที่ยืนอยู่หน้ากลุ่มเป็นบุรุษรูปงามเรียกตนเองว่าเทียนหลัว บุรุษหนุ่มรูปงามนี้ดูเป็นชนชั้นสูงได้รับการอบรมมารยาทเป็นอย่างดี แค่ชำเลืองดูก็เข้าใจได้ว่าไม่ใช่ชาวนาชนบทหรือทหารรับจ้างหยาบกร้านจะเอามาเปรียบเทียบได้  ดูจากมารยาทภายนอก เจ้าอ้วนที่ยิ้มอยู่จะมีหน้าที่รับผิดชอบบางอย่าง ไม่ว่าบุรุษหน้ากากที่เป็นหัวหน้าจะหันไปด้านไหน เขาจะเริ่มพูดทันที วางท่าทางเหมือนกับเป็นผู้คุ้มกันไม่ต่างกับสุนัขที่คอยติดตามเจ้าของ
แค่เหลือบมองดูถูหวังถึงกับส่ายหน้า
คนกลุ่มนี้ไม่มีอะไรน่าสงสัย
ในกลุ่มมีสตรีที่ฝีมือไม่เลวสองสามคน พวกนางงดงามหยาดฟ้าจนถูหวังลอบน้ำลายหก
โอว.. นี่เป็นสตรีที่เผ็ดร้อน  ถ้าใครทำบุ่มบ่ามไม่ยั้งคิดอาจทำให้เกิดหายนะได้ ต้องทราบไว้ว่าเคยมีผู้มาสักการะบรรพบุรุษเป็นหญิงงามและถูกล่วงเกิน ผลก็คือราชาหลิงหวินสั่งตัดศีรษะเจ้าหน้าที่คนนั้นเป็นการขอขมา
ทุกปีหญิงงามจากชาติพันธุ์ต่างๆ จะถูกส่งมาจากเมืองลี่จ้าวไม่ถึงร้อยคน แล้วทำไมจะต้องหาเรื่องยุ่งยากด้วยเล่า
ถูหวังข่มความปรารถนาในใจและออกคำสั่งให้นายกองไปอยู่ที่อนุสรณ์สถานด้านตรงข้าม และตนเองกลับไปดื่มเหล้าต่อ
ขณะนั้นพวกเขาไปท่องเที่ยวโบราณสถานหักพัง นายกองยื่นมือกันไว้และถามด้วยความสงสัย “ท่านอาคันตุกะผู้มีเกียรติ  จุดตรงนี้เป็นตำแหน่งที่ราชาวายุในอดีตได้พลีชีพในการสู้รบอย่างสมพระเกียรติเพื่อปกป้องอนุชนรุ่นหลัง  บรรพบุรุษของพวกท่านก็คงเป็นนักรบผู้ยิ่งใหญ่พอๆ กับราชาวายุใช่ไหม?  ไม่, ข้าหมายความว่าบรรพบุรุษของพวกท่านคงจะยิ่งใหญ่มาก!  ดูเหมือนเขากำลังทำการไต่สวน เพื่อดูว่าฝ่ายตรงข้ามเมื่อได้ยินชื่อราชาวายุที่น่าภาคภูมิใจแล้ว อย่างน้อยก็ยังไม่แสดงความภาคภูมิใจออกมา ทำให้เขาลอบตกใจ  พระเจ้า, บรรพบุรุษของคนพวกนี้ยังเหนือกว่าราชาหรือนี่  เขาเปลี่ยนหัวข้อพูดด้วยความรู้สึกเกรงว่าฝ่ายตรงข้ามจะโกรธ
 “เจ้าบอกอย่างกับว่านี่ยิ่งใหญ่เป็นพิเศษได้ยังไง?”  เจ้าอ้วนผู้นั้นปฏิเสธอย่างไม่เกรงใจ
 “ใช่ ใช่แล้ว, ท่าน.. โปรดพูดให้เกียรติบรรพบุรุษสักนิดและฟังเรื่องราวบรรพบุรุษที่เจริญรุ่งเรืองเหนือท่านมากมาย” นายกองผายมือด้วยท่าทีเหมือนบอกให้ตั้งใจฟัง
 “บรรพบุรุษของเรายิ่งใหญ่เป็นพิเศษหรือ?  นั่นยอดเยี่ยมจริงๆ!” คนอ้วนมีท่าทีเหมือนกับไม่ฟังคำนายกองทหารแม้แต่น้อย
สวะ!
สวะจริงๆ
มีบรรพบุรุษที่ยิ่งกว่านักสู้ระดับราชา แต่อนุชนรุ่นหลังไม่มีระดับนักสู้ปราณฟ้าเลยหรือ นี่แย่เกินไปหรือเปล่า?”
นายกองทหารเยาะเย้ยเจ้าอ้วนอยู่ในใจ  แต่เขาเข้าใจได้ว่าการฝึกฝนจนถึงระดับนักสู้ปราณฟ้าไม่ได้สืบทอดมาจากบรรพบุรุษ  เขาจะต้องได้เป็นระดับเจ้าเมืองก่อน แล้วต้องฝึกฝนหลายอย่าง  แค่เพียงเป็นศิษย์ของตระกูลมีชื่อเสียง พลังของพวกเขาแค่นั้นยังไม่พอ  พวกเขาจึงต้องออกไปรู้จักชีวิตและแสดงภูมิหลังของตระกูล  พวกนี้จะต่างจากนักสู้ปราณฟ้าโดยทั่วไปจะให้ความสำคัญกับตัวเอง ไม่ได้เน้นที่บรรพบุรุษ
เป็นเพราะรู้สึกเหยียดหยามเช่นนี้นายกองทหารจึงไม่มีโอกาสถามว่าใครเป็นบรรพบุรุษของฝ่ายตรงข้าม
และเขาเข้าใจผิดหลายอย่าง เขารู้สึกพอใจที่อีกฝ่ายตั้งใจฟังด้วยการให้เกียรติ
หลายร้อยปีที่ผ่านมานี้ นายกองทหารเปลี่ยนมาหลายกลุ่มหลายคน  พวกเขาต้องยืนตัวตรงฟังท่านถูหวังผู้อยู่ที่นี่มานานสาธยายยาวเหยียด  แม้ว่าจะไม่มีอนาคตที่นี่  แต่ก็ยังหาเศษหาเลยจากกุลบุตรในตระกูลใหญ่ที่มาเซ่นไหว้บรรพบุรุษ  และเกิดความพอใจ  นอกจากนี้พวกอยู่ดินแดนชั้นล่างเมื่อเพิ่งเข้าสู่แดนสวรรค์เพื่อแสวงหาอนาคตก็ยินดียอมรับคำแนะนำของเขา... ถ้าเปลี่ยนเป็นที่อื่นคนมีพลังปราณดินระดับห้า รับรองได้ว่าไม่มีใครชายตามอง
คนกลุ่มนี้ไม่เหมือนกลุ่มนักท่องเที่ยวอื่น  ดูเหมือนพวกเขาไม่มีวัตถุประสงค์ชัดเจน
คาดว่าการมาเซ่นไหว้บรรพบุรุษในนามตระกูลคงเป็นเรื่องชั่วคราว  เพราะพวกเขาไม่มองหาจุดตำแหน่งที่บรรพบุรุษพวกเขาออกรบ
ในระหว่างการเยี่ยมชมแต่ละครั้ง พวกเขาจะแนะนำความสง่างามของการออกรบ รายชื่อผู้เสียชีวิตในอดีต และจากนั้นจัดตั้งแถวโค้งคำนับทำความเคารพ
นายกองทหารรู้สึกตกใจมากขึ้น เพราะจำนวนของคนในกลุ่มนี้ไม่มาก  แต่มีความปนเปของเผ่าพันธุ์หลากหลายอย่างเห็นได้ชัดว่าไม่ได้มาจากเผ่าพันธุ์ตระกูลเดียวกัน หลายคนแสดงมารยาทการเคารพที่แตกต่างกัน นายกองทหารได้แอบนับเล็กน้อย  กลุ่มบรรพบุรุษนักสู้ผู้เสียสละที่นี่มีเกินกว่าสิบคนแล้ว อย่างนั้นบรรพบุรุษอาวุโสของพวกเขาก็คงมีช่วงเวลาที่เจริญรุ่งเรืองเป็นพิเศษเช่นกัน
 “ครั้งนี้พอจะประเมินได้ชั่วคราวก่อนว่าพวกเขาไม่มีเวลาเตรียมตัวกับการมาเคารพบรรพบุรุษ เพราะดูเหมือนจะมาแบบรีบด่วน คงต้องรีบพาเข้าเมืองลี่จ้าว ข้าจะได้ไม่ต้องอยู่ตรงนี้นานเกินไปนัก”  เด็กหนุ่มที่ชื่อว่าเทียนหลัวขอให้นายกองทหารช่วยเล่าเรื่องความเสียสละของบรรพบุรุษและช่วยจัดการเซ่นสักการะ
 “แน่นอนว่าได้บริการอาคันตุกะผู้มีเกียรติ นับเป็นเกียรติยิ่งนัก  นายกองยื่นมือออกไปรับถุงเงินที่คนอ้วนโยนให้และรู้สึกได้ว่ามีน้ำหนัก
ทันใดนั้นเขายิ้มหน้าบานทันที
รอให้รถม้าบินโดยสารแล่นออกไปเขาจึงตรวจดูเงินในในถุง และอุทานด้วยความตกใจ  “โอวสวรรค์, ข้านี่เหลวไหลจริงๆ ข้าแค่โค้งคำนับเล็กน้อยกับกลุ่มคนรวยเหล่านั้น ถือว่าไม่สุภาพเลย หวังว่าสวรรค์คงจะไม่ตำหนิการกระทำที่หยาบกร้านของข้าหรอกนะ!
ถูหวังที่กำลังเมาและสูบยาสูบถึงกับตื่นเต้นเมื่อได้ยินเสียง  เขาร้องเตือนทันที “เจ้าว่าอะไรนะ?  ทองแสนเหรียญ?”
นายกองทหารตอบด้วยความเคารพ “ขอรับ, นอกจากนี้พวกเขายังให้เพิ่ม 100 เหรียญทองเป็นรางวัล กลุ่มลูกเศรษฐียังมอบเงินให้แสนเหรียญทองขอให้ช่วยประกอบพิธีกรรมเซ่นไหว้ให้บรรพบุรุษของพวกเขา”  ถูหวังแทบจะสร่างเมาทันทีและรีบถาม “พวกเขาจะกลับมาอีกไหม?”
 “ก็อาจจะกลับมาก็ได้  ข้าได้ยินคุณชายอ้วนผู้นั้นบอกว่าอาจจะกลับมาดู...”  นายกองไม่ค่อยแน่ใจ
 “โธ่เอ๊ย! เจ้าก็ทื่อเกินไป ข้าไม่น่าไปงีบเลย เจ้าควรจะเรียกข้า เมื่อพวกเขามาครั้งต่อไป  เจ้าต้องเตรียมตัวต้อนรับแขกผู้มีเกียรติเหล่านี้พร้อมกับข้าให้ดี  ต้องรู้ไว้ว่าพวกเขาเป็นลูกหลานของผู้เสียสละให้แดนสวรรค์  ข้าอยู่ที่นี่มามากกว่าร้อยปี ข้ายังไม่เคยได้เงินมากมายขนาดนี้เลย  คนพวกนี้หว่านเงินได้อย่างคาดไม่ถึง นับเป็นเหล่ากุลบุตรที่ไม่ธรรมดาจริงๆ  ข้าน่าจะคิดได้ก่อนแล้ว คุณชายสวมหน้ากากระดับแพลตตินัม กับคนที่มีอาวุธระดับทองจะเป็นลูกศิษย์ของตระกูลธรรมดาได้ยังไง  ข้านี่โง่จริงๆ!  ถูหวังบ่นพึมพำกับตนเอง
รถม้าโดยสารอยู่ห่างออกไปสิบกิโลเมตร เจ้าอ้วนไห่ยังคงเป็นทุกข์เสียดายแทบแย่
อย่างไรก็ตาม เพื่อกลับมายังประตูแดนสวรรค์และดำเนินการตามแผนที่ได้ตัดสินใจไว้ระหว่างเย่ว์หยางและเสวี่ยอู๋เสีย  เขาต้องตัดใจยอมติดสินบนฝ่ายตรงข้ามด้วยทรัพย์ก้อนโต
เขาหันกลับไปมองประตูแดนสวรรค์และชูกำปั้น  “รอก่อนเถอะ เงินจ๋า.. เมื่อข้ากลับมาเจ้าต้องกลับคืนมาเป็นของข้า
เย่ว์หยางไม่สนใจเรื่องเงินที่ต้องใช้จ่ายออกไป
สำหรับเขา
ปัญหาที่สามารถคลี่คลายด้วยเงินได้ ไม่ถือว่าเป็นปัญหา
เมื่อครู่นี้ตอนที่ผ่านโบราณสถานประตูแดนสวรรค์ เขาทิ้งหุ่นเวทขนาดเล็กที่ไม่มีพลังนัก เป็นพลังระดับ 1 เอาไว้ เขาวางแผนที่จะกลับมายังประตูสวรรค์โดยใช้เข็มทิศสามดินแดนอีก  แน่นอนว่าภารกิจหลักของเขาตอนนี้คือรวบรวมรายชื่อสหายเก่าของผู้เฒ่าเต่ามังกรที่ตายไปแล้วในอดีต  นักสู้ของหอทงเทียนที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของจักรพรรดิอวี้ถูกฆ่าตาย เพื่อเป็นการแสดงความนับถือจึงมีการจารึกไว้บนอนุสรณ์สถาน
เชื่อได้ว่าผู้เฒ่าเต่ามังกรเมื่อเห็นรายชื่อสหายที่เย่ว์หยางบันทึกไว้ เขาคงจะน้ำตาร่วงแน่นอน

10 ความคิดเห็น:

Dragon fly กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

myuu กล่าวว่า...

เป็นช่วงเอาฮา ก็ฮาได้ใจ

sittichok กล่าวว่า...

ขอบคุณมากเลยนะครับ

ท้องฟ้าจะมีความหมาย ถ้ามีคนแหงนมอง กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

sarinnan กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Emptiest กล่าวว่า...

พอได้หายใจหายคอหน่อย มีเรื่องใหม่มาเลยนะ

Boybravo กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

akekapoj-tee กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับ

chay กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

แสดงความคิดเห็น