ตอนที่ 786 หยุดไม่ได้ คำเตือนอ่อนเกินไป
เย่ว์หยางไต่ระดับไปที่สามพันขั้นพร้อมกับเสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน
ตอนนี้สองสาวเริ่มเหนื่อยบ้างแล้ว
พวกนางจึงหยุดพัก
เสวี่ยอู๋เสียเห็นว่าเย่ว์หยางหันหลังมองบ่อยมาก
จึงอดยิ้มให้มิได้ “ไม่ต้องหันกลับไปมองก็ได้ กลับไปดูปิงเอ๋อ
ตอนนี้นางต้องการกำลังใจจากเจ้ามากที่สุด”
เย่ว์หยางมองดูแม่เสือสาวองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนโดยตรง
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนพยักหน้าเห็นด้วย
“กลับไปเล่าให้พวกเขาฟังถึงประสบการณ์การขึ้นมาถึงชั้นบนๆ นั้นก็ดีเหมือนกัน
ระดับเหนือพันขั้นขึ้นไป ความยากมีมากไม่อาจเทียบได้กับชั้นล่างๆ เลย
เจ้าควรจะให้พวกเขาร่างแผนบันไดสวรรค์ขึ้นมา ก็คงจะได้ผลดีมากกว่า”
ทั้งสองสาวตัดสินใจกลับเข้าไปพักผ่อนในโลกคัมภีร์ของเย่ว์หยาง
ทำให้ไม่ส่งผลต่อการทำหน้าที่พี่ชายที่แสนดีของเขา!
รอจนกระทั่งเย่ว์หยางกลับลงมาและเขาพบว่าเย่ว์ปิงไต่ระดับมาถึงที่หกร้อยขั้นบันได
ตอนนี้นางกำลังพักอยู่ที่ลานพักหกร้อยขั้น
การไต่ที่ระดับหกร้อยขั้นสำหรับเย่ว์ปิงกับอี้หนาน
สองสาวยังทำได้ดีอยู่
แต่พวกนางเห็นว่าอู๋เหินและเย่ว์หวี่กำลังเหน็ดเหนื่อยอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเย่ว์หวี่
หลังจากขึ้นถึงระดับหกร้อยขั้น ได้รับการยอมรับจากมนุษย์ลมก็เหน็ดเหนื่อยอยู่บนลานพักแทบไม่เหลือเรี่ยวแรงจะขยับตัว
ที่ลานพักระดับชั้นหกร้อยมีดวงจันทร์ขึ้นเป็นสัญญาณบอกว่าเป็นยามราตรีแล้ว
อู๋เหินตัดสินใจพักแรม แล้วค่อยฝึกต่อในวันพรุ่งนี้
ในเวลานั้นเย่ว์หยางลงมาจากชั้นบน
และปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าทุกคนอย่างน่าประหลาดใจ
เย่ว์ปิงร่าเริงโผเข้ากอดพี่ชาย
อี้หนานก็กระโดดขึ้นหลังและกอดเย่ว์หยางจากด้านหลังอย่างซุกซนโดยไม่สนใจว่าอู๋เหินและเย่ว์หวี่จะมองดูยังไง
นางจูบเย่ว์หยางสองสามครั้งก็ยังรู้สึกไม่หนำใจ
เย่ว์หยางเห็นเย่ว์หวี่เหน็ดเหนื่อยอย่างหนักจึงช่วยประคองให้นางนั่งลง
“นั่งพักกันก่อน”
จากนั้นถามอย่างเฉื่อยชา “เป็นยังไงบ้าง พวกเจ้าได้ผลเก็บเกี่ยวอะไรบ้าง?”
เขาไม่ทราบว่าเย่ว์ปิงได้มุกมายาฟ้าในร้อยขั้นแรก
แค่ตั้งใจถามถึงผลของการฝึกฝนของทุกคน
ใครจะรู้กันเล่าว่านี่เป็นคำถามถึงสิ่งที่ทุกคนอยากให้เขารู้
เย่ว์ปิงยิ้มและเอามุกมายาฟ้าออกมาอวดพี่ชาย อี้หนานรายงานข่าวดีว่าในระดับขั้นห้าร้อย
ภูตกระจกของนางยกระดับความสามารถในการรบขึ้น นางเรียกภูตกระจกออกมาอวดผลของการฝึกฝนกับเย่ว์หยาง
อู๋เหินเดินชดช้อยเข้ามาสมทบนางมองหน้าเย่ว์หวี่และยิ้มให้กันและกัน
เย่ว์ปิงและอี้หนานยังคงมีจิตใจเหมือนเด็ก
มิน่าเล่าพวกนางถึงได้มีความสุขนัก
การฝึกฝนในบันไดสวรรค์
แม้ว่าจะเอาชนะผู้พิทักษ์ในแต่ละชั้นได้
แต่อาจไม่ได้รับรางวัลที่ดีที่สุดเหมือนกับเย่ว์ปิง เมื่ออักษรรูนชอบภูตกระจกของอี้หนานจึงหลอมรวมและให้รางวัล
นั่นถือเป็นเรื่องโชคดีมาก
นอกจากนี้เด็กสาวทั้งสองคนนี้
ฝึกฝนได้ดีที่สุดในแต่ละชั้นจึงได้รับการเอ็นดูยอมรับจากผู้อาวุโสนักรบแห่งบันไดสวรรค์ เย่ว์ปิงได้รับอัญมณีระดับศักดิ์สิทธิ์
อี้หนานก็ไม่เลวได้รับการหลอมรวมกับอักษรรูนและยกระดับภูตกระจก
ก่อนหน้านั้นสองชั่วโมงในระดับขั้นที่ห้าร้อย
อี้หนานเอาชนะมนุษย์แสงอย่างเชี่ยวชาญ จึงได้รับการยอมรับอย่างมากจากมนุษย์แสง
และพลังงานกับอักษรรูนมนุษย์แสงจึงหลอมรวมเข้ากับภูตกระจกทำให้ภูตกระจกมีระดับพลังเพิ่มขึ้น
นี่คือรางวัลที่ยังไม่ดีเทียบเท่ากับมุกมายาฟ้าสมบัติระดับศักดิ์สิทธิ์ในมือเย่ว์ปิง แต่ก็นับว่าไม่เลว
เพราะเป็นรางวัลที่สอง
อู๋เหินและเย่ว์หวี่สามารถตัดสินได้แน่นอน
ถ้าในการต่อสู้ในลานพักของบันไดสวรรค์
และได้รับการยอมรับอย่างยิ่งใหญ่
นั่นนับว่ามีโอกาสจะได้รับรางวัลที่นักรบอาวุโสของบันไดสวรรค์ทิ้งไว้ให้!
“จริงหรือนี่?
พวกเจ้าช่างน่าทึ่งจริงๆ!” เย่ว์หยางเมื่อได้ยินเช่นนี้
เขาค่อนข้างรู้สึกละอายที่ตนเองคิดแต่จะมุ่งขึ้นหน้าไปอย่างเดียวไม่ยอมหยุดรับการทดสอบจึงไม่รู้ว่าความจริงแล้วมีรางวัลแบบนี้
เกี่ยวกับความสำเร็จในการเพิ่มพลังของภูตกระจกของอี้หนาน เย่ว์หยางพูดชมไม่ขาดปากทำให้เด็กสาวรู้สึกวาบหวามหัวใจ แต่ก็อดพูดอย่างเสียใจไม่ได้
“เสียดายพี่เย่ว์หวี่และพี่อู๋เหินไม่ได้เลื่อนระดับ..”
อู๋เหินรีบปลอบนาง “เป็นไปได้ว่าที่ระดับ 200, 300, 400
และที่ระดับ 600 ขั้นอาจมีคนได้รางวัลไปแล้ว
ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีรางวัลตามมาอย่างมากมาย
เราแค่ทุ่มเทให้เต็มที่เดี๋ยวก็ได้รางวัลเอง ความจริงนี่ไม่ใช่ปัจจัยเกี่ยวกับความแข็งแกร่ง
แต่เป็นเรื่องของการปรับตัวและโชคดี ต่อให้ได้รับการยอมรับอย่างยิ่งใหญ่ที่สุดจากชั้นหยุดพัก
แต่ถ้ารางวัลและคุณสมบัติที่ตามมาไม่เหมาะสม
ข้าคิดว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะได้รับรางวัล ดังนั้นนอกจากความแข็งแกร่งแล้ว
การปรับตัวและโชคเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้”
เย่ว์หวี่พยักหน้า “ใช่แล้ว, นี่เพิ่งจะเริ่มต้น
ต่อไปรางวัลที่รออยู่อาจจะดีมากขึ้นๆ ก็ได้”
อี้หนานเห็นด้วยกับมุมมองนี้แน่นอน “ยิ่งเป็นบันไดชั้นสูงขึ้นไป
รางวัลก็ยิ่งดี ส่วนมุกมายาฟ้าของปิงเอ๋อนี้เป็นข้อยกเว้น
มุกนี้ต้องดีกว่าเมื่อเทียบกับอักษรรูนผสานของข้า
นี่เป็นสมบัติชั้นศักดิ์สิทธิ์”
เย่ว์ปิงมองดูพี่ชาย และหวังว่าเขาจะพูด
เย่ว์หยางไม่พูดทันทีแต่เดาะมุกและมองดู
เขาจ้องมองอยู่นานโดยไม่หยุด เย่ว์ปิงกลั้นหายใจเพราะกลัวรบกวนการสังเกตตรวจสอบของเขา
“มุกมายาฟ้า
เป็นมุกมายาฟ้าจริงๆ แต่ภายในมีพลังชนิดหนึ่ง คล้ายกับพลังกฎสวรรค์อยู่เล็กน้อย
ดูคล้ายพลังเทพเล็กน้อย
ข้ายังไม่ได้ผลสรุปชั่วคราว
แต่ว่าพลังงานนี้บริสุทธิ์มากเป็นพลังที่สมบัติชั้นศักดิ์สิทธิ์ทั่วไปไม่มี”
เย่ว์หยางพบว่าแม้แต่พลังจักษุทิพย์ของเขาก็ยังไม่สามารถทำความเข้าใจมุกนี้ได้ทั้งหมด
ช่างคาดไม่ถึงจริงๆ เย่ว์ปิงเมื่อได้ยินเกือบอดใจไม่ไหวแทบจะกระโดดโลดเต้น
“อย่างนั้นก็ต้องเป็นมุกมายาฟ้าสุดยอดสมบัติชั้นศักดิ์สิทธิ์ใช่ไหม?” อี้หนานรู้สึกอิจฉาอดส่งเสียงเตือนไม่ได้
“ยกให้พี่สาม!” เย่ว์ปิงตัดสินใจยกอัญมณีนี้ให้พี่ชายนาง
ในใจของนางคิดว่าควรจะมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับพี่ชาย
นอกจากนี้ของที่ได้มานี้
ส่วนใหญ่จะใช้เป็นเครื่องแทนความนับถือที่นางมีต่อพี่ชายอย่างเหมาะสมที่สุด
เย่ว์หยางไม่ได้ปฏิเสธความตั้งใจดีของเย่ว์ปิง เขาจับมือน้องสาวและจูบเบาๆ
จากนั้นเอามุกมายาฟ้าคืนใส่มือนาง
“พลังของมุกนี้ ข้ามีความรู้สึกอย่างหนึ่ง
หลังจากที่เจ้าใช้งานมากเข้า.. ถึงจะไม่สามารถเพิ่มระดับพลังของเจ้า แต่สามารถเพิ่มพลังให้นางไม้แสงเขียวได้ พี่ชายยังไม่มีเวลาค้นคว้าชั่วคราวก่อน ปิงเอ๋อ!
เจ้าเก็บไว้กับตัวเองก่อน
รอให้ผู้พี่ค้นพบวิธีการพัฒนาและเก็บกักพลัง ค่อยเอามาดูกันอีกครั้ง! นอกจากนี้
มุกมายาฟ้าใช้ฝึกฝนทางจิตของเจ้า เมื่อรู้แจ้งสนามพลังได้
ก็จะมีความได้เปรียบอย่างมากมาย!”
เย่ว์ปิงเห็นเย่ว์หยางคืนอัญมณีให้นางเอง
นางรู้สึกมีความสุขมาก
นี่ยังคงเป็นของขวัญจากพี่ชายเหมือนกัน!
อย่างไรก็ตาม
ฟังพี่ชายพูดนับว่าถูกต้องแล้ว!
นางเก็บอัญมณีไว้ในกระเป๋าในชุดอย่างระมัดระวังและพยักหน้าให้พี่ชาย
อาหมันแบกถังใบใหญ่รีบก้าวเท้ายาวกลับมา
นางตักน้ำให้ทุกคน
เมื่อนางมองดูเย่ว์หยางกลับมาจากข้างบนนางรีบเร่งฝีเท้า ยิ้มที่มุมปากอย่างไม่สะทกสะท้าน
เพราะการแข่งขันในแง่ความอ่อนโยนใจดีกับอาหงและตั่วตั่ว
พวกนางใช้ชีวิตอยู่พร้อมหน้ากับอู๋เหิน เย่ว์หวี่ อี้หนานและเย่ว์ปิงเป็นส่วนใหญ่
อารมณ์แบบมนุษย์ของนางมีพัฒนาการอย่างรวดเร็ว
ในช่วงสมัยที่ยังเป็นโคเงาเถื่อนอยู่นั้น ความสุข ความโกรธ
ความเสียใจและความดีใจอย่างมนุษย์สำหรับนางนั้นไม่สามารถทำความเข้าใจได้ว่าคนบางคนมีอารมณ์ทุกประเภททั้งรักทั้งเกลียดซับซ้อน ในตลอดชีวิต
อาหมันเรียนรู้จากอาหงและตั่วตั่ว
ในแง่การเปลี่ยนแปลงแบบมนุษย์นางยังด้อยกว่าอาหงและตั่วตั่ว แต่นางเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว
ตอนนี้นางเป็นสตรีมนุษย์ที่ไม่ต่างไปจากคนอื่นมากแล้ว
นอกจากนี้ นางมีเขาสองข้างที่สวยงาม
ในทัศนคติที่สูงส่งของเย่ว์หยางมองว่านางเป็นหญิงสมบูรณ์แบบกว่าหญิงมนุษย์เสียอีก
“ทุกคนเหนื่อยกันแล้ว มาอาบน้ำที่ลำธารเถอะ!”
เย่ว์หยางช่วยประคองอู๋เหิน
เขาต้องการช่วยประคองเย่ว์หวี่
แต่นางปฏิเสธบอกว่านางอาบน้ำในกระโจมสำหรับอาบน้ำ ไม่คิดจะอาบน้ำในลำธาร
“ข้าอาบก่อน” เย่ว์ปิงไม่มีความรู้สึกคิดอะไรมากมาย
ในบ้านสวนน้อยก็มีทะเลสาบ พอฝึกฝนจนเหนื่อย
นางลงไปว่ายน้ำเล่นกับพี่ชายบ่อยครั้ง
นางไม่มีความรู้สึกอึดอัดใจเหมือนเย่ว์หวี่
นางกับอี้หนานวิ่งไปที่ลำธารภูเขาห่างออกไปสามกิโลเมตร
และเปลี่ยนชุดว่ายน้ำงดงามที่เย่ว์หยางเป็นคนออกแบบให้
เมื่อเย่ว์หยางกระโจนลงในลำธารภูเขาเย็น
เขาเข้าไปกอดอู๋เหิน
พวกเขาหยอกเล่นกันอยู่นานเหมือนกับเงือกน้อยในสายน้ำ เย่ว์หวี่พอเห็นว่าเย่ว์หยางจากไปแล้ว
นางหน้าแดงเมื่ออาหมันเตรียมน้ำไว้ นางถอดชุดที่เปียกโชกเหงื่อและอาบน้ำในถัง ความจริงนางเองก็อยากไปด้วย
แต่นางไม่อาจหักห้ามความอายได้
นางไม่เหมือนสาวน้อยเย่ว์ปิงที่ไม่มีความคิดเรื่องความแตกต่างอยู่ในหัวใจ
ถ้าเพียงแต่มีนางกับเย่ว์หยาง
บางทีนางอาจยอมให้เขากอดอย่างนุ่มนวลก็ได้
หรือถ้าไม่มีเย่ว์ปิงและอี้หนาน มีแต่อู๋เหิน
นางคงไม่รู้สึกเขินอายเท่าใด
สำหรับเย่ว์ปิง นางมีความคิดง่ายๆ นางนึกถึงความสัมพันธ์ของพี่ชายน้องสาวทำให้เข้ากันอย่างง่ายดาย
ดังนั้นนางไม่ต้องการจะสนิทกับเย่ว์หยางมากเกินไป
ราวกับว่าการสนิทกันมากขึ้นเล็กน้อยจะเป็นบาปที่ยิ่งใหญ่
“ท่านอาบไปก่อน ข้าไม่เป็นไร!” เย่ว์หวี่รู้ว่าทำอะไรไม่ได้แล้ว ได้แต่ยอมรับว่าจะไม่มีอันตรายใดๆ
อีก อาหมันฟังคำสั่งของเย่ว์หยางจริงๆ
ซื่อสัตย์ต่อหน้าที่ไม่มีทางที่นางแยกออกมา
แม้ว่านางจะรู้ว่าเย่ว์หวี่เป็นพี่สาวของเย่ว์หยาง
การเชื่อฟังเย่ว์หวี่ไม่มีปัญหา
แต่นางจัดลำดับความสำคัญของคำสั่ง
ให้ความสำคัญต่อคำสั่งของเย่ว์หยางเป็นอันดับแรก
นี่คือหลักการของนาง
เย่ว์ปิงอาบน้ำอย่างไร้กังวลและกลับมาเปลี่ยนชุดนอนและพาอี้หนานไปนอนด้วยกัน
เย่ว์หวี่จึงต้องหาที่นอนเองคืนนี้
แต่เด็กสาวนี่ไม่ยอมเข้าใจ
ในตอนกลางคืนน้องชายนางต้องทำตัวไม่เหมาะสมกับอี้หนานและอู๋เหินแน่
เด็กคนนี้จะทำยังไง?
เย่ว์หวี่มองดูเย่ว์ปิงอย่างไม่เข้าใจ จิตใจสับสน
ในที่สุดนางตัดสินใจไม่ว่ายังไงจะไม่ปล่อยให้น้องชายทำตัวรุ่มร่าม
เย่ว์หวี่ใช้ข้ออ้างว่าอ่อนเพลียและขอไปนอนเร็วขึ้น สิ่งที่น่าแปลกก็คือ
แม้ว่าร่างกายจะเหน็ดเหนื่อยอ่อนเพลียก็จริง แต่นางไม่สามารถข่มตาหลับได้
มีความคิดกวนใจจนนางมิอาจหลับได้
เย่ว์หยางเปิดผ้าม่านเข้ามาทำให้เย่ว์หวี่สะดุ้งตกใจ
“เจ้ามาทำอะไร ข้าจะหลับแล้ว” เย่ว์หวี่โกหกไม่แนบเนียน
นางหันหลังไม่กล้ามองเย่ว์หยาง
“ข้าจะนวดขาให้ท่าน ใช้กำลังมากเกินไป หากมิรีบฟื้นฟู
พรุ่งนี้ท่านต้องปวดเมื่อยเป็นแน่”
เย่ว์หยางนั่งลง เย่ว์หวี่รีบส่ายหน้าโบกมือพัลวัล “ไม่ต้องก็ได้ ข้าสบายดี
เจ้ารีบไปดูปิงเอ๋อก็ได้!”
“พวกปิงเอ๋อหลับแล้ว” อู๋เหินเข้ามาด้วยและพูดพลางยิ้ม
“นวดตอนนี้ก็ได้ เราอยู่ใกล้ลำธาร ดังนั้นปิงเอ๋อถึงหลับได้เร็ว!” นางนั่งข้างเย่ว์หวี่
และดึงผ้าห่มออกเผยให้เห็นเท้าที่ขดอยู่ของนาง
“ผ่อนคลายเข้าไว้!” เย่ว์หยางเอื้อมมือแตะเท้านาง
เย่ว์หวี่สั่นเหมือนถูกไฟดูด นางต้องการหลบแต่ไม่มีเรี่ยวแรง
“....”
เย่ว์หวี่รู้ว่าอู๋เหินเข้ามา จึงปลอบใจตนเอง ในใจตื่นเต้นและสดชื่นความอึดอัดหายไป นอกจากนี้เย่ว์หยางไม่สนใจการคัดค้านของนางทำให้บิดตัวอย่างช่วยไม่ได้เพราะน้องชายตัวร้ายของนาง นางข่มความเขินอาย
ผ่อนคลายร่างกายไม่ปฏิเสธความปรารถนาดีของน้องชายต่อไป
อู๋เหินพูดคุยกับเย่ว์หวี่ขณะที่ช่วยนวดเฟ้นช่วยลดความอึดอัดของนาง
เย่ว์หยางบอกว่าจะช่วยนวดเท้าทั้งสอง
แต่ความจริงถ่ายทอดปราณก่อกำเนิดเข้าร่างเย่ว์หวี่
เพื่อกำจัดอาการเกร็งตึงจากการทนใช้พลังเกินตัว การผ่อนคลายโดยไม่สัมผัสกายยังไม่เพียงพอ
เย่ว์หวี่แสร้งทำเป็นว่าไม่มีอะไรภายใต้การนวดเฟ้นของเย่ว์หยาง
นางรู้สึกผ่อนคลายและสะดวกสบาย พลังความเย็นแผ่ไปถึงเท้าของนาง
ทุกจุดที่ปวดเมื่อยพอพลังภายในผ่านไปหลายครั้งเย่ว์หวี่รู้สึกง่วงตาปิดโดยไม่รู้ตัว ความรู้สึกสุดท้ายนางเหมือนมีคนจัดร่างที่ขดงอของนางเหยียดตัวออก
และคลุมผ้าห่มอย่างแผ่วเบาอ่อนโยนเหมือนสายน้ำ
ก่อนมีคนออกไปนางรู้สึกเหมือนมีคนจูบหน้าผากเบาๆ
และนางก็เริ่มฝัน
ใครทำอย่างนี้ อู๋เหิน?
หรือว่าเป็นน้องชายนาง?
เย่ว์หวี่ไม่ทันได้คิดอะไรก็เผลอหลับเสียก่อน
วันต่อมาเย่ว์หวี่ที่ยังรู้สึกอ่อนเพลียอยู่เห็นเย่ว์หยางหาวอยู่ในกระโจม นางอดมองเขาไม่ได้
ความจริงเขาคงมีสัมพันธ์กับอี้หนานและอู๋เหินอยู่นานเมื่อคืนนี้แน่ มิฉะนั้นคงไม่ดูเหมือนกับนอนไม่พอ
อย่างไรก็ตาม ร่างกายนางฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว
และนางทำอาหารเช้าอย่างดีให้เขา
เด็กคนนี้ถ้าเขาไม่ทำงานก็คงดีอยู่หรอก
ปกติเขาไม่ใช่เด็กนานแล้วยังดูแลตัวเองไม่ได้อีก เมื่อเขายื่นมือขออาหาร
เย่ว์หวี่อดดุเขาไม่ได้ “ขี้เกียจใหญ่แล้ว ไปล้างหน้าล้างตาก่อน!”
เมื่อกลับมาหลังจากล้างหน้าล้างตัว
เย่ว์หวี่จัดอาหารให้เขาและมองซ้ายมองขวาจากนั้นกระซิบบอกเขา
“ต่อไปอย่าเข้ามาในกระโจมพักผ่อนของข้าอีก
เข้าใจไหม?”
เย่ว์หยางรีบอธิบายทันที
“เมื่อคืนนี้อู๋เหินก็อยู่ที่นั่นด้วย!”
“เจ้ากับนางไม่ได้ทำอะไร”
เย่ว์หวี่รู้ว่าเย่ว์หยางทำเช่นนี้เพื่อปลอบใจนาง แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังน่าอายเล็กน้อย
“ก็ข้าแอบเข้าไปไม่ให้คนอื่นรู้”
คำพูดของเย่ว์หยางเมื่อเย่ว์หวี่ได้ฟังแล้วถึงกับหน้าแดง
นี่เป็นความสัมพันธ์อย่างง่ายๆ และยังไม่ให้คนอื่นรู้ นั่นหมายความว่ายังไง
อย่างไรก็ตามนางไม่อาจปฏิเสธคำพูดของเย่ว์หยางได้ ราวกับว่ามีความหวังอย่างเลือนรางอยู่ในใจของนาง
เรื่องนี้ทำให้นางเกลียดตัวเอง
ในที่สุดนางกัดริมฝีปากล่างและเตือนเขาเบาๆ “อย่านะ!”
“คุยเรื่องอะไรกัน?”
อู๋เหินเข้ามาสมทบและถามเหมือนไม่ตั้งใจ
“ไม่, ข้าถามเขาเกี่ยวกับเรื่องอุปสรรคในแดนสวรรค์”
เย่ว์หวี่กลัวว่าเด็กคนนี้จะเผยความลับทันทีที่อ้าปากพูด
จึงรีบกลบเกลื่อนอย่างรวดเร็ว
“โอวใช่แล้ว ข้าคิดว่าจะให้ทุกคนที่ไปไต่บันไดสวรรค์มีแนวโน้มว่าจะดีกว่าที่แดนสวรรค์
คิดว่าพาพวกเขากลับมาจะดีกว่า!”
เย่ว์หยางปรบมือและรู้สึกว่าพลังของเจ้าอ้วนไห่และคนอื่นไม่มีทางจะอยู่ในแดนสวรรค์ได้ ถ้าตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์พบเจอ
บางทีเมื่อกลับไปครั้งที่สองนี้อาจพาพวกเขากลับมาหอทงเทียนและให้ไต่บันไดสวรรค์ เป็นเรื่องยากที่จะฝึกฝนอย่างปลอดภัย
ถ้าปล่อยพวกเขาไว้ที่เมืองเจิ้งฝูและฝึกฝนพวกเขากับผู้เฒ่าทั้งหลาย
“เป็นที่คาดกันว่าพวกเขาไม่จำเป็นต้องมา เหตุผลประการแรกก็คือพลัง ประการที่สองก็คือที่นี่ค่อนข้างเหงา นอกจากจะมีการทดสอบของพลังงานเงาที่ถูกทิ้งไว้ที่จุดพัก ถ้าอยู่ที่บันไดสวรรค์จะไม่มีการต่อสู้ใดๆ
เลย และไม่เข้ากับนิสัยของพวกเขา”
อู๋เหินไม่คิดว่าเย่คงและคนอื่นจะสามารถขึ้นบันไดสวรรค์ได้
“แดนสวรรค์ไม่ใช่ที่ดีแน่นอน ทั้งยังอันตราย
อยู่ที่นี่ดีที่สุด สามารถสู้ก็ได้
พักก็ได้”
อี้หนานรู้สึกว่านี่คือการฝึกที่เหมาะสมที่สุด
“วิธีการฝึกของทุกคนไม่เหมือนกัน แต่ละคนก็มีข้อดีข้อเด่นของตัวเอง”
เย่ว์หยางยังคงรู้สึกว่าอู๋เหินยังคงมีเหตุผลและตัดสินใจปล่อยเจ้าอ้วนไห่
เย่คงและคนอื่นๆ ไว้ที่เมืองเจิ้งฝูหลังจากตัดสินใจพาพวกเขาไปแดนสวรรค์ พวกเขาจะปลอดภัยและสามารถก้าวหน้าได้ภายใต้คำแนะนำของพวกผู้อาวุโสที่นั่น
กระสุนนัดเดียวยิงนกได้สองตัว
ขณะที่เป่าเอ๋อและหลิวเย่ ควรจะพาพวกนางกลับมา เพราะพวกนางอ่อนแอเกินไป
และจะมีอันตรายมากถ้าพวกนางไม่ระมัดระวัง นอกจากนี้พวกนางไม่ใช่กำลังรบหลัก พวกนางไม่จำเป็นต้องไปเสี่ยงอย่างนั้น
ควรนำพวกนางกลับมาฝึกที่บันไดสวรรค์จะเหมาะสมมากกว่า
ที่นี่อาจมีรางวัลให้ในทุกการไต่ระดับร้อยขั้น
เป่าเอ๋อคือดาวนำโชคไม่ต้องพูดถึง
ถ้าหลิวเย่ได้รางวัลที่นี่และมีพลังก้าวหน้าในที่นี่
บางทีอาจพานางไปลองผ่านโล่พลังของคัมภีร์เทพ.. ทำสัญญากับคัมภีร์เทพ นั่นคือเรื่องที่เย่ว์หยางไม่เคยลืม ถ้าไม่ทราบว่าปัญหาก็คือกฎสวรรค์ดั้งเดิมกำลังรอไปทำสัญญา
แน่นอนว่าก็ต้องลงมือให้เร็วที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ! ~!
7 ความคิดเห็น:
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ช่างเป็นน้องสาวที่ดีจริงๆ :3
ป.ล. รักค้องห้าม?กับเย่ว์หวี่เริ่มผลิบานแล้ว~
ขอบคุณครับ
จากปมเรื่องก่อนหน้านี้ เย่หวี่ไม่น่าใช่ลูกหลานตระกูลเย่
ขอบคุณมากครับ
ขอบคุณครับ
แสดงความคิดเห็น