ตอนที่ 787
ตั๊กแตนจับจั๊กจั่น นกขมิ้นอยู่ด้านหลัง
เย่ว์หยางกลับไปแดนสวรรค์ตะวันตก
เขาพบว่าค่ายพักแรมก่อนหน้านี้เหลือแต่เถ้าถ่าน
แม้ว่าการสู้รบจะจบลงแล้ว
แต่เปลวไฟยังคงไหม้อยู่
ไม่ใช่แต่เพียงที่ตั้งค่ายเท่านั้นที่ไฟไหม้จนเหลือแต่เถ้าถ่าน แต่พื้นที่โดยรอบถล่มทลายเหลือแต่ซากหักพัง
ที่ทำให้เย่ว์หยางประหลาดใจที่สุดก็คือกลุ่มเขตรกร้างที่แปด กลุ่มทุ่งหิมะ
และกลุ่มเพลงสงครามร่วมมือกันได้ชัยชนะ
อย่างน้อยนักรบแดนทมิฬก็ถอนกำลังออกไปชั่วคราว
ในช่วงเวลาที่นักรบแดนทมิฬโจมตีอย่างหนัก
ทั้งสามกลุ่มทำงานร่วมกัน
เตรียมความพร้อมก่อนสงครามจะเริ่ม
หลังจากทุ่มเทกำลังมหาศาล
ในที่สุดก็เอาชนะนักรบแดนทมิฬและขับไล่พวกเขากลับไปได้
“คุณชายสาม, ถ้าไม่ใช่เพราะข้อมูลของท่าน ข้าเกรงว่า...” เกี่ยวกับการกลับมาอย่างลับๆ ของเย่ว์หยางราชาหลิงหวินรู้สึกซาบซึ้งขอบคุณ
แน่นอนว่าถ้าไม่ใช่เพราะเย่ว์หยางเตือนเจ้าอ้วนไห่ เย่คงและคนอื่น
อย่าว่าแต่ราชาหลิงหวิน บางทีแม้แต่กลุ่มเขตรกร้างที่แปดกระทั่งพื้นที่ตั้งค่ายพักแรมทั้งหมดคงถูกกำจัดหมดสิ้น
“ต่อไปท่านคิดจะทำอะไร?
จะเข้าดินแดนทดสอบหรือจะจากไป?”
เย่ว์หยางถาม
“เราตัดสินใจจะเข้าไปลองดู” ราชาหลิงหวินและถูไห่ไม่เคยรู้เรื่องมาก่อน
แต่รู้ว่าไม่มีสมบัติลับรอการขุดค้นพบโดยคนรุ่นหลังในโบราณสถาน แต่ตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์หลังจากพื้นที่ทดสอบลับถูกเปิดเผย
กลับมีเรื่องที่ท้าทายความคิดตนเอง
ไม่ได้มีสมบัติประดิษฐ์อย่างนั้น
อย่างไรก็ตามหลายๆ อย่างไม่สามารถแบ่งปันกันอย่างเท่าเทียมได้ ก็ต้องรู้ว่าเริ่มกันที่ด่านแรก บางทีอาจจะผ่านการฝึกฝนได้! ขณะเดียวกัน
พวกเขายังมีความคิดอย่างหนึ่งนั่นคือ การแยกจากไปอาจจะเสี่ยงถูกนักรบแดนทมิฬล้อมโจมตี แทนที่จะออกไปเสี่ยง พวกเขาจะอยู่รวมกันและเอาชนะอุปสรรคผ่านด่านไปให้ได้
“ก็ดีเหมือนกัน” เย่ว์หยางมองดูเจ้าอ้วนไห่ เย่คง เสวี่ยทันหลาง
องค์ชายเทียนหลัวและพี่น้องตระกูลหลี่
พวกเขาตัดสินใจจะเข้าไปทดสอบ
เมื่อเห็นเย่ว์หยางมีเรื่องอื่นจะพูดอีก
ราชาหลิงหวินและคนอื่นถอยออกมา
จะเลือกฝึกในบันไดสวรรค์หรือผ่านด่านทดสอบในแดนสวรรค์
เย่ว์หยางอธิบายรายละเอียดสถานการณ์
ในที่สุดเสวี่ยทันหลางตัดสินใจในนามพวกเขาขออยู่ฝึกต่อ
ไม่ได้หมายความว่าบันไดสวรรค์ไม่ดี
แต่หลักๆ เพราะบันไดสวรรค์อยู่ในหอทงเทียน
ถ้ามีโอกาสก็สามารถไปฝึกได้ทุกเมื่อ
แต่การฝึกฝนในแดนสวรรค์นี้จะไม่เกิดอีก เวลาแห่งการฝึกในแดนสวรรค์จะไม่มีให้เห็นอีกต่อไป ถ้าพลาดครั้งนี้ต่อไปหลายคนจะไม่ได้ท้าทายอีก
จะไม่มีนักรบแดนทมิฬมาสร้างสถานการณ์บีบบังคับให้ต้องเดินหน้าฝึกฝนต่อไป...
เย่ว์หยางไม่ประหลาดใจกับการตัดสินใจเช่นนั้น
ก่อนอื่นฮุยไท่หลางจะให้ความสนใจดูแลความปลอดภัยของทุกคน
และจากนั้นอธิบายสถานการณ์ของด่านที่หนึ่งหุบเขาพิรุณ
“ด่านแรกคือหุบเขาพิรุณ ในหุบเขาพิรุณจะมีข้อจำกัดจากกฎสวรรค์คือ
ห้ามเรียกอสูร มิฉะนั้นจะมีอสูรมายาออกมาโจมตีสามครั้ง
และการโจมตีนี้จะไม่หยุดจนกว่าอสูรอัญเชิญจะตาย
นี่คือเหตุผลที่นักสู้ปราณฟ้ามีชีวิตอยู่ได้ไม่ถึงสิบนาที นอกจากไม่สามารถอัญเชิญสัตว์อสูรได้แล้ว
ยังไม่สามารถบินได้ ถ้าใครต้องการบิน
จะต้องเผชิญกับขีดจำกัดจากกฎสวรรค์ ถ้าจะพยายามทำลายออกจากเส้นทางพวกเขาจะถูกพลังสายฟ้าลงโทษ
และในหุบเขาพิรุณมีเส้นทางเขาวงกต
แต่เส้นทางมีข้อกำหนดชัดว่าจะต้องไปตามเส้นทางข้างหน้า
มิฉะนั้นจะหลงทางได้
มีข้อจำกัดในการทะลุผ่านช่องว่างมิติ มิฉะนั้นจะถูกกฎสวรรค์ลงโทษ ถ้าทักษะพลังอ่อนแอ จะถูกฆ่าตายเหลือแต่เถ้าธุลี” เย่ว์หยางไม่พูดบอกราชาหลิงหวิน แต่เพื่อกลุ่มของพวกเขาเอง
เขาต้องบอกความจริงเป็นธรรมดา
อย่างน้อยจะได้ไม่ถูกพลังกฎสวรรค์ฆ่าตายทันที
“น่ากลัวจริง”
เจ้าอ้วนไห่พอได้ยินก็กลัวจนหน้าซีดขาว
เขาไม่กลัวศัตรูแข็งแกร่ง
แต่เรื่องกลัวพลังกฎสวรรค์ ไม่มีใครเกินเขา
“เส้นทางวงกตในหุบเขาพิรุณ ข้าสามารถวาดภาพให้พวกเจ้าได้ ท่านหลิงหวิน ถูไห่พวกท่านจะได้ภาพหนึ่ง ถ้าพวกท่านต้องการผ่านทางเขาวงกต
ท่านต้องปกป้องตัวเองให้ดี”
เย่ว์หยางวาดภาพพร้อมกับชี้ให้ดู
ฮุยไท่หลางพยักหน้าแสดงว่ามันเข้าใจ
“อย่างนั้น
ราชาหลิงหวินไม่รู้จักภาษารูนสวรรค์หรือ?”
องค์ชายเทียนหลัวรู้สึกได้ทันที
“อย่าว่าแต่พวกเขาเลย
ขนาดรองเจ้าตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ก็ยังไม่มีความเข้าใจภาษารูนสวรรค์เท่าใด
ภาษารูนสวรรค์แม้จะไม่ยากเท่าภาษารูนโบราณหรือภาษารูนอมตะแต่เป็นภาษาที่หาได้ยากมาก ในแดนสวรรค์เมื่อก่อนนี้ภาษารูนเป็นภาษาที่ใช้กันทั่วไป
แต่บัดนี้นอกจากสุดยอดนักรบแต่ละคนแล้ว
นักรบท้องถิ่นและนักรบแดนสวรรค์ส่วนใหญ่ไม่ได้รู้ไม่ได้เข้าใจเมื่อเทียบกับหอทงเทียนของเรา อีกอย่างหนึ่ง อักษรรูนสวรรค์ในแดนสวรรค์
แทบจะสาบสูญไปแล้ว
ในหุบเขาพิรุณมีหลายที่เขียนคำแนะนำไว้ด้วยอักษรรูน พวกเจ้าฉวยโอกาสศึกษาเอาไว้ รูปแบบวงเวทอักษรรูนมีความลึกลับมาก ถ้าพวกเจ้าสามารถถือโอกาสเรียนรู้ในหุบเขาพิรุณ ต่อไปเรื่องนี้จะช่วยพวกเจ้าได้อย่างแน่นอน”
เย่ว์หยางอธิบาย
“เข้าใจแล้ว”
เย่คงเชื่อเย่ว์หยางโดยไม่ต้องใคร่ครวญให้เสียเวลา
“มีผู้พิทักษ์ประจำด่านหรือไม่?” เจ้าอ้วนไห่กังวลเกี่ยวกับปัญหานี้มาก
“ใช่แล้ว มีตาแก่คนหนึ่ง
เป็นผู้อาวุโสจากหอทงเทียนของเรา
เป็นที่คาดกันว่าเขามีอายุอย่างน้อยมากกว่าสองหมื่นปี
ไม่รู้ว่าไปละเมิดความผิดถูกจองจำอยู่ในศาลาหลบฝนของหุบเขาพิรุณได้ยังไง พวกเจ้าต้องให้ความเคารพและเอาเหล้าดีๆ ให้เขา
ถ้าตาเฒ่าขี้เมาถูกใจพวกเจ้าคนหรือสองคน พวกเจ้าจะได้กำไรทั้งชีวิต
สำหรับในที่ของเขานั้น พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลว่าจะมีอันตรายถึงตาย เขาเป็นผู้อาวุโส นี่จะเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ข้าวางใจปล่อยให้พวกเจ้าไปฝึกที่นั่นได้อย่างปลอดภัย
ด่านแรกก็ถือว่ายากแล้ว ถ้าจบลงได้
ก็จะผ่านไปที่ด่านที่สองหุบเขาวายุ อยู่ตรงข้ามกับหุบเขาพิรุณ
ถูกระบุไว้ว่าการฝึกฝนนั้นจะต้องบินภายใต้แรงกดดันมหาศาล ถ้าร่วงลงมาเดินบนพื้น
พวกเจ้าจะถูกลงโทษ
เรื่องนี้จะไม่พูดกันมาก
พวกเจ้าต้องผ่านด่านแรกให้ได้เสียก่อน!”
เย่ว์หยางคุยกับเสวี่ยทันหลางเกี่ยวกับเรื่องบันไดสวรรค์
เมื่อเขาเล่าว่าเย่ว์ปิงได้มุกมายาฟ้าเป็นรางวัลในการทดสอบไต่บันไดสวรรค์
ทุกคนรู้สึกสดชื่นโห่ร้องดีใจ
“เมื่อข้าผ่านการทดสอบสามด่านแรกในสนามทดสอบก่อน
ข้าจึงค่อยกลับไปที่บันไดสวรรค์
ข้าไต่ระดับบันไดหมื่นขั้นเพื่อคว้ารางวัลให้ได้”
เจ้าอ้วนไห่พูดด้วยความทะเยอทะยานสูง แต่ค่อนข้างโลภ
“ฝันไปเถอะ” เย่คงแค่นเสียงเย็นชา
เหมือนกับว่าเกิดมาเป็นคู่กัดกัน
“ถ้ายังไม่ผ่านสามด่านแรก ข้าจะไม่กลับหอทงเทียน”
เสวี่ยทันหลางตัดสินใจแน่วแน่
แม้ว่าเขากลับไปบ้านเกิดก็คงมีความรุ่งโรจน์รออยู่ก็ตาม
“สุดยอดปราณก่อกำเนิด เรายังไม่มีทางเป็นได้ในตอนนี้ แต่สนามพลังและระดับเตรียมปราณฟ้า
หรือระดับปราณฟ้าคือเป้าหมายของเราในตอนนี้
เราจะทำสิ่งนี้ให้ได้ในแดนสวรรค์”
องค์ชายเทียนหลัวยังคงมีความทะเยอทะยานยิ่งใหญ่เช่นกัน
ได้คำแนะนำบางอย่างจากเย่ว์หยางในการฝึกฝนโดยตรง
มีการทดสอบฝีมือและได้รับการใส่ใจจากคนรุ่นก่อน ถ้าไม่พยายามให้หนัก
จะเสียเวลาเปล่าไปหรอกหรือ? ทำความเข้าใจสนามพลัง ยกระดับไปให้ถึงเตรียมปราณฟ้า และค่อยกลับไปประตูเป็นตายหรือบันไดสวรรค์ยกระดับพลังปราณราชันย์นี่คือเป้าหมายที่ยากสุดยอดในชีวิต
“ไม่ต้องกังวล ถ้ามีสถานการณ์ใดเกิดขึ้น
และข้ายังไม่อยู่ พวกเจ้าจงกลับไปเมืองเจิ้งฝูก่อน มีผู้อาวุโสฝีมือดีอยู่ที่นั่นหลายคนน่าจะยังปลอดภัย ให้พวกเขาชี้แนะพวกเจ้านับว่าไม่เลว”
เย่ว์หยางแนะให้ทุกคนหาทางไปฝึกฝนที่เมืองเจิ้งฝู
เมืองแห่งแรกที่นางพญาเฟ่ยเหวินหลีปักหลักสร้างขึ้นในแดนสวรรค์
ราชาหลิงหวินและถูไห่
แม้ว่าจะเสียดายเล็กน้อยที่คุณชายสามไม่ได้อยู่ร่วมฝึกด้วย แต่พวกเขาลอบตกใจ
เย่ว์หยางไม่ได้พูดอะไรมาก
แต่ก็เปิดเผยข้อมูลออกมา
ข้อมูลที่ได้เพราะผ่านด่านได้
มอบให้เจ้าอ้วนไห่ เย่คงและคนอื่นๆ
นี่หมายความว่ายังไง?
กลับมาจากการเข้าด่านทดสอบนี้ได้
นี่เขาจากไปนานเท่าใดกันแน่...
ราชาหลิงหวินและถูไห่และคนอื่นคิดถึงเรื่องนี้แล้วอดนับถือเย่ว์หยางไม่ได้
หัวหน้าเขตรกร้างที่แปดหลายคนรู้สึกทึ่ง
หลิงหวินคือคนที่ปกติจะหยิ่งลำพองมาก
วันนี้เกิดอะไรขึ้น?
เด็กหนุ่มลึกลับผู้นี้มีอะไรพิเศษกันแน่?
พวกเขาทุกคนต้องการรู้จักเย่ว์หยาง
แต่ไม่มีโอกาส
หลังจากเย่ว์หยางส่งเจ้าอ้วนไห่และเย่คง
และคนอื่นๆ เข้าดินแดนทดสอบ ก็เหาะจากไป
ราชาหลิงหวินและถูไห่แม้จะไม่พูด
แต่ลอบมองหน้ากันเอง ตัดสินใจตามเจ้าอ้วนไห่และคนอื่นไปอย่างกระชั้น ประการแรก
เพื่อปกป้องพวกเขา เพราะพวกเขาเป็นญาติและสหายของคุณชายสาม ถ้าพวกเขาเป็นอันตรายเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะเป็นสหายกับคุณชายสามได้อีก ประการที่สองเจ้าอ้วนไห่
เย่คงและคนอื่นมีข้อมูลในการเอาชนะอุปสรรค
อาจจะมีแผนที่ผ่านเส้นทางอุปสรรคอยู่กับตัวพวกเขา
ทำให้ประหยัดเวลาและเรี่ยวแรงไปในตัว
เมื่อกลุ่มเขตรกร้างที่แปด
กลุ่มทุ่งหิมะและกลุ่มเพลงสงคราม
กลุ่มใหญ่สามกลุ่มนี้เพื่อเอาชีวิตรอดจึงเข้าสู่ดินแดนแห่งการฝึกฝนและทดสอบอย่างเต็มที่
นักรบแดนทมิฬปรากฏตัวขึ้น
ตอนนี้พวกเขาลังเลเล็กน้อย
จะไล่ตาม?
หรือรออยู่ข้างนอก?
พวกเขาถูกตอบโต้อย่างแข็งขันจากพวกในค่ายพักแรม มีผู้ได้รับบาดเจ็บและมีความเสียหายขนาดหนัก
การนำกำลังติดตามอีกครั้งอาจถูกทำลายหมดสิ้นก็ได้
“พวกเจ้ายังห่วงเรื่องอะไร? เจ้าตำหนักทั้งสองของเรา
และห้าผู้อาวุโสเข้าไปหมดแล้ว คอยลอบทำร้ายพวกเขา
ที่พวกเจ้าต้องทำก็คือไล่ติดตามกดดันพวกเขา
ไม่ถึงกับทำให้พวกเขาพ่ายแพ้จนกระจายกันแยกย้ายหนี พวกเจ้าคิดว่าเราต้องการกำลังพวกเจ้าเพื่อให้งานสำเร็จจริงๆ
หรือ? น่าขันจริงๆ เราให้โอกาสพวกเจ้า
เข้าใจไหม? ต่อให้ไม่มีพวกเจ้า
เราก็ทำงานได้สำเร็จอย่างง่ายดาย
นี่เป็นโอกาสนิรโทษกรรมให้แก่พวกเจ้า ไถ่บาปที่พวกเจ้าเคยทำไว้..
จัดการให้ข้าเดี๋ยวนี้ ทุ่มเทกำลังทั้งหมด!” ผู้อาวุโสตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ผู้มีพลังปราณฟ้าระดับห้าชั้นสูงปรากฏตัวขึ้น
แม้ว่าพลังของเขาเทียบได้กับหัวหน้าของนักรบแดนทมิฬ
จะมีความน่าเกรงขามน้อยกว่า แต่สถานะของเขาสูงส่ง
สามารถดุด่าฝ่ายตรงข้ามได้อย่างเต็มที่
“ดี, ข้าหวังว่าหลังจากที่เราเสียสละอย่างเพียงพอ
เราจะได้รับลูกและเมียเป็นการแลกเปลี่ยน
สตรี เด็ก คนชราล้วนอ่อนแอ” ในพวกหัวหน้านักรบแดนทมิฬทั้งสิบคน
หัวหน้าหลักตัดสินใจพาพวกเข้าสู่ดินแดนทดสอบพลังทันที
เมื่อพวกเขาเข้าไปจนหมด
ผู้อาวุโสตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์หัวเราะ
“ก็แค่คนโง่เขลากลุ่มหนึ่ง!”
ในค่ายพักแรมที่พังทลาย
มีพื้นที่บริการขนาดใหญ่ ที่ปากทางเข้ายังมีทหารเฝ้าประจำการณ์
ผู้อาวุโสของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์บินขึ้นไปบนท้องฟ้า
ควบรวมพลังลูกบอลแสงและยิงลงไปข้างล่าง
ทหารที่อยู่ประจำในพื้นที่ซึ่งให้ความเคารพผู้อาวุโส และผู้รับใช้จากกลุ่มอิทธิพลทั้งสามที่เหลืออยู่ถูกโจมตีเต็มที่
ผู้อาวุโสผู้มองอย่างผิวเผินแสดงความเป็นมิตรเห็นผลความเสียหายที่น่ากลัวเกิดจากฝีมือของเขาเอง
เขาหัวเราะอย่างย่ามใจ “แดนสวรรค์ตะวันตก
จงวุ่นวายเข้าไป ยิ่งวุ่นวายก็ยิ่งดี! แดนสวรรค์จะขาดการนองเลือด
และไฟสงครามได้ยังไง สงบสุขเกินไป
มั่นคงเกินไปยังนับได้ว่าเป็นแดนสวรรค์อีกหรือ?”
“ปัญญาอ่อน!”
เสียงด่าเบาๆ ดังแทรกเสียงหัวเราะเหมือนกับประกายสายฟ้าท่ามกลางความมืดมิด
“ใครกัน?”
ผู้อาวุโสตกใจหันหน้ากลับมองอย่างตะลึง
เขาพบว่ามีหนึ่งบุรุษและสองสตรีบินมาจากระยะไกล
ในกลุ่มพวกเขา สตรีสวมชุดนักดาบจ้องมองเขาด้วยสายตาแหลมคมราวกับดาบ
ดูเหมือนว่านางเป็นคนที่พูดออกมา
ใบหน้าของผู้อาวุโสที่สง่างามกลายเป็นน่าเกลียด
พวกมดแมลงระดับเตรียมปราณฟ้ากล้าด่าตัวเขา ช่างเป็นเรื่องคาดไม่ถึง? เขาเตรียมจะใช้พลังโจมตีฝ่ายตรงข้ามเป็นครั้งที่สอง
แต่ก็ต้องตกใจเมื่อเห็นดาบในมือของฝ่ายตรงข้ามเป็นดาบชั้นเทพ เขาตกใจทันที
“อาวุธระดับเทพ? เจ้าได้อาวุธมาจากไหน? เป็นไปได้ยังไงที่เจ้ามีดาบชั้นเทพ!”
8 ความคิดเห็น:
ขอบคุณครับ
ขอบ คุณครับ
วันนี้ ขออีก 1 ตอน นะนะ
ขอบคุณคับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
Thank
ขอบคุณครับ
ขอบคุณมากครับ
แสดงความคิดเห็น