วันศุกร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2562

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 787 ตั๊กแตนจับจั๊กจั่น นกขมิ้นอยู่ด้านหลัง


ตอนที่  787 ตั๊กแตนจับจั๊กจั่น นกขมิ้นอยู่ด้านหลัง
เย่ว์หยางกลับไปแดนสวรรค์ตะวันตก

เขาพบว่าค่ายพักแรมก่อนหน้านี้เหลือแต่เถ้าถ่าน แม้ว่าการสู้รบจะจบลงแล้ว  แต่เปลวไฟยังคงไหม้อยู่ ไม่ใช่แต่เพียงที่ตั้งค่ายเท่านั้นที่ไฟไหม้จนเหลือแต่เถ้าถ่าน  แต่พื้นที่โดยรอบถล่มทลายเหลือแต่ซากหักพัง  ที่ทำให้เย่ว์หยางประหลาดใจที่สุดก็คือกลุ่มเขตรกร้างที่แปด กลุ่มทุ่งหิมะ และกลุ่มเพลงสงครามร่วมมือกันได้ชัยชนะ  อย่างน้อยนักรบแดนทมิฬก็ถอนกำลังออกไปชั่วคราว
ในช่วงเวลาที่นักรบแดนทมิฬโจมตีอย่างหนัก ทั้งสามกลุ่มทำงานร่วมกัน
เตรียมความพร้อมก่อนสงครามจะเริ่ม
หลังจากทุ่มเทกำลังมหาศาล ในที่สุดก็เอาชนะนักรบแดนทมิฬและขับไล่พวกเขากลับไปได้
 “คุณชายสาม, ถ้าไม่ใช่เพราะข้อมูลของท่าน  ข้าเกรงว่า...”  เกี่ยวกับการกลับมาอย่างลับๆ ของเย่ว์หยางราชาหลิงหวินรู้สึกซาบซึ้งขอบคุณ  แน่นอนว่าถ้าไม่ใช่เพราะเย่ว์หยางเตือนเจ้าอ้วนไห่ เย่คงและคนอื่น อย่าว่าแต่ราชาหลิงหวิน บางทีแม้แต่กลุ่มเขตรกร้างที่แปดกระทั่งพื้นที่ตั้งค่ายพักแรมทั้งหมดคงถูกกำจัดหมดสิ้น
 “ต่อไปท่านคิดจะทำอะไร? จะเข้าดินแดนทดสอบหรือจะจากไป?”  เย่ว์หยางถาม
 “เราตัดสินใจจะเข้าไปลองดู”  ราชาหลิงหวินและถูไห่ไม่เคยรู้เรื่องมาก่อน แต่รู้ว่าไม่มีสมบัติลับรอการขุดค้นพบโดยคนรุ่นหลังในโบราณสถาน  แต่ตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์หลังจากพื้นที่ทดสอบลับถูกเปิดเผย กลับมีเรื่องที่ท้าทายความคิดตนเอง  ไม่ได้มีสมบัติประดิษฐ์อย่างนั้น  อย่างไรก็ตามหลายๆ อย่างไม่สามารถแบ่งปันกันอย่างเท่าเทียมได้  ก็ต้องรู้ว่าเริ่มกันที่ด่านแรก  บางทีอาจจะผ่านการฝึกฝนได้!  ขณะเดียวกัน พวกเขายังมีความคิดอย่างหนึ่งนั่นคือ การแยกจากไปอาจจะเสี่ยงถูกนักรบแดนทมิฬล้อมโจมตี  แทนที่จะออกไปเสี่ยง พวกเขาจะอยู่รวมกันและเอาชนะอุปสรรคผ่านด่านไปให้ได้
 “ก็ดีเหมือนกัน”  เย่ว์หยางมองดูเจ้าอ้วนไห่ เย่คง เสวี่ยทันหลาง องค์ชายเทียนหลัวและพี่น้องตระกูลหลี่  พวกเขาตัดสินใจจะเข้าไปทดสอบ
เมื่อเห็นเย่ว์หยางมีเรื่องอื่นจะพูดอีก ราชาหลิงหวินและคนอื่นถอยออกมา
จะเลือกฝึกในบันไดสวรรค์หรือผ่านด่านทดสอบในแดนสวรรค์
เย่ว์หยางอธิบายรายละเอียดสถานการณ์ ในที่สุดเสวี่ยทันหลางตัดสินใจในนามพวกเขาขออยู่ฝึกต่อ
ไม่ได้หมายความว่าบันไดสวรรค์ไม่ดี แต่หลักๆ เพราะบันไดสวรรค์อยู่ในหอทงเทียน   ถ้ามีโอกาสก็สามารถไปฝึกได้ทุกเมื่อ  แต่การฝึกฝนในแดนสวรรค์นี้จะไม่เกิดอีก เวลาแห่งการฝึกในแดนสวรรค์จะไม่มีให้เห็นอีกต่อไป  ถ้าพลาดครั้งนี้ต่อไปหลายคนจะไม่ได้ท้าทายอีก จะไม่มีนักรบแดนทมิฬมาสร้างสถานการณ์บีบบังคับให้ต้องเดินหน้าฝึกฝนต่อไป...
เย่ว์หยางไม่ประหลาดใจกับการตัดสินใจเช่นนั้น
ก่อนอื่นฮุยไท่หลางจะให้ความสนใจดูแลความปลอดภัยของทุกคน และจากนั้นอธิบายสถานการณ์ของด่านที่หนึ่งหุบเขาพิรุณ
 “ด่านแรกคือหุบเขาพิรุณ  ในหุบเขาพิรุณจะมีข้อจำกัดจากกฎสวรรค์คือ ห้ามเรียกอสูร  มิฉะนั้นจะมีอสูรมายาออกมาโจมตีสามครั้ง และการโจมตีนี้จะไม่หยุดจนกว่าอสูรอัญเชิญจะตาย นี่คือเหตุผลที่นักสู้ปราณฟ้ามีชีวิตอยู่ได้ไม่ถึงสิบนาที  นอกจากไม่สามารถอัญเชิญสัตว์อสูรได้แล้ว ยังไม่สามารถบินได้   ถ้าใครต้องการบิน จะต้องเผชิญกับขีดจำกัดจากกฎสวรรค์ ถ้าจะพยายามทำลายออกจากเส้นทางพวกเขาจะถูกพลังสายฟ้าลงโทษ และในหุบเขาพิรุณมีเส้นทางเขาวงกต  แต่เส้นทางมีข้อกำหนดชัดว่าจะต้องไปตามเส้นทางข้างหน้า มิฉะนั้นจะหลงทางได้  มีข้อจำกัดในการทะลุผ่านช่องว่างมิติ มิฉะนั้นจะถูกกฎสวรรค์ลงโทษ  ถ้าทักษะพลังอ่อนแอ จะถูกฆ่าตายเหลือแต่เถ้าธุลี”  เย่ว์หยางไม่พูดบอกราชาหลิงหวิน  แต่เพื่อกลุ่มของพวกเขาเอง เขาต้องบอกความจริงเป็นธรรมดา   อย่างน้อยจะได้ไม่ถูกพลังกฎสวรรค์ฆ่าตายทันที
 “น่ากลัวจริง”  เจ้าอ้วนไห่พอได้ยินก็กลัวจนหน้าซีดขาว  เขาไม่กลัวศัตรูแข็งแกร่ง  แต่เรื่องกลัวพลังกฎสวรรค์ ไม่มีใครเกินเขา
 “เส้นทางวงกตในหุบเขาพิรุณ ข้าสามารถวาดภาพให้พวกเจ้าได้  ท่านหลิงหวิน ถูไห่พวกท่านจะได้ภาพหนึ่ง  ถ้าพวกท่านต้องการผ่านทางเขาวงกต ท่านต้องปกป้องตัวเองให้ดี”  เย่ว์หยางวาดภาพพร้อมกับชี้ให้ดู  ฮุยไท่หลางพยักหน้าแสดงว่ามันเข้าใจ
 “อย่างนั้น ราชาหลิงหวินไม่รู้จักภาษารูนสวรรค์หรือ?”  องค์ชายเทียนหลัวรู้สึกได้ทันที
 “อย่าว่าแต่พวกเขาเลย ขนาดรองเจ้าตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ก็ยังไม่มีความเข้าใจภาษารูนสวรรค์เท่าใด  ภาษารูนสวรรค์แม้จะไม่ยากเท่าภาษารูนโบราณหรือภาษารูนอมตะแต่เป็นภาษาที่หาได้ยากมาก  ในแดนสวรรค์เมื่อก่อนนี้ภาษารูนเป็นภาษาที่ใช้กันทั่วไป แต่บัดนี้นอกจากสุดยอดนักรบแต่ละคนแล้ว  นักรบท้องถิ่นและนักรบแดนสวรรค์ส่วนใหญ่ไม่ได้รู้ไม่ได้เข้าใจเมื่อเทียบกับหอทงเทียนของเรา  อีกอย่างหนึ่ง อักษรรูนสวรรค์ในแดนสวรรค์ แทบจะสาบสูญไปแล้ว  ในหุบเขาพิรุณมีหลายที่เขียนคำแนะนำไว้ด้วยอักษรรูน  พวกเจ้าฉวยโอกาสศึกษาเอาไว้  รูปแบบวงเวทอักษรรูนมีความลึกลับมาก  ถ้าพวกเจ้าสามารถถือโอกาสเรียนรู้ในหุบเขาพิรุณ  ต่อไปเรื่องนี้จะช่วยพวกเจ้าได้อย่างแน่นอน” เย่ว์หยางอธิบาย
 “เข้าใจแล้ว” เย่คงเชื่อเย่ว์หยางโดยไม่ต้องใคร่ครวญให้เสียเวลา
 “มีผู้พิทักษ์ประจำด่านหรือไม่?”  เจ้าอ้วนไห่กังวลเกี่ยวกับปัญหานี้มาก
 “ใช่แล้ว มีตาแก่คนหนึ่ง เป็นผู้อาวุโสจากหอทงเทียนของเรา เป็นที่คาดกันว่าเขามีอายุอย่างน้อยมากกว่าสองหมื่นปี ไม่รู้ว่าไปละเมิดความผิดถูกจองจำอยู่ในศาลาหลบฝนของหุบเขาพิรุณได้ยังไง  พวกเจ้าต้องให้ความเคารพและเอาเหล้าดีๆ ให้เขา ถ้าตาเฒ่าขี้เมาถูกใจพวกเจ้าคนหรือสองคน พวกเจ้าจะได้กำไรทั้งชีวิต สำหรับในที่ของเขานั้น พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องกังวลว่าจะมีอันตรายถึงตาย  เขาเป็นผู้อาวุโส  นี่จะเป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ข้าวางใจปล่อยให้พวกเจ้าไปฝึกที่นั่นได้อย่างปลอดภัย ด่านแรกก็ถือว่ายากแล้ว  ถ้าจบลงได้ ก็จะผ่านไปที่ด่านที่สองหุบเขาวายุ อยู่ตรงข้ามกับหุบเขาพิรุณ ถูกระบุไว้ว่าการฝึกฝนนั้นจะต้องบินภายใต้แรงกดดันมหาศาล ถ้าร่วงลงมาเดินบนพื้น พวกเจ้าจะถูกลงโทษ  เรื่องนี้จะไม่พูดกันมาก  พวกเจ้าต้องผ่านด่านแรกให้ได้เสียก่อน!  เย่ว์หยางคุยกับเสวี่ยทันหลางเกี่ยวกับเรื่องบันไดสวรรค์ เมื่อเขาเล่าว่าเย่ว์ปิงได้มุกมายาฟ้าเป็นรางวัลในการทดสอบไต่บันไดสวรรค์ ทุกคนรู้สึกสดชื่นโห่ร้องดีใจ
 “เมื่อข้าผ่านการทดสอบสามด่านแรกในสนามทดสอบก่อน ข้าจึงค่อยกลับไปที่บันไดสวรรค์ ข้าไต่ระดับบันไดหมื่นขั้นเพื่อคว้ารางวัลให้ได้”  เจ้าอ้วนไห่พูดด้วยความทะเยอทะยานสูง แต่ค่อนข้างโลภ
 “ฝันไปเถอะ” เย่คงแค่นเสียงเย็นชา เหมือนกับว่าเกิดมาเป็นคู่กัดกัน
 “ถ้ายังไม่ผ่านสามด่านแรก ข้าจะไม่กลับหอทงเทียน” เสวี่ยทันหลางตัดสินใจแน่วแน่  แม้ว่าเขากลับไปบ้านเกิดก็คงมีความรุ่งโรจน์รออยู่ก็ตาม
 “สุดยอดปราณก่อกำเนิด เรายังไม่มีทางเป็นได้ในตอนนี้  แต่สนามพลังและระดับเตรียมปราณฟ้า หรือระดับปราณฟ้าคือเป้าหมายของเราในตอนนี้  เราจะทำสิ่งนี้ให้ได้ในแดนสวรรค์”  องค์ชายเทียนหลัวยังคงมีความทะเยอทะยานยิ่งใหญ่เช่นกัน ได้คำแนะนำบางอย่างจากเย่ว์หยางในการฝึกฝนโดยตรง มีการทดสอบฝีมือและได้รับการใส่ใจจากคนรุ่นก่อน ถ้าไม่พยายามให้หนัก จะเสียเวลาเปล่าไปหรอกหรือ? ทำความเข้าใจสนามพลัง ยกระดับไปให้ถึงเตรียมปราณฟ้า และค่อยกลับไปประตูเป็นตายหรือบันไดสวรรค์ยกระดับพลังปราณราชันย์นี่คือเป้าหมายที่ยากสุดยอดในชีวิต
 “ไม่ต้องกังวล ถ้ามีสถานการณ์ใดเกิดขึ้น และข้ายังไม่อยู่ พวกเจ้าจงกลับไปเมืองเจิ้งฝูก่อน มีผู้อาวุโสฝีมือดีอยู่ที่นั่นหลายคนน่าจะยังปลอดภัย  ให้พวกเขาชี้แนะพวกเจ้านับว่าไม่เลว”  เย่ว์หยางแนะให้ทุกคนหาทางไปฝึกฝนที่เมืองเจิ้งฝู เมืองแห่งแรกที่นางพญาเฟ่ยเหวินหลีปักหลักสร้างขึ้นในแดนสวรรค์
ราชาหลิงหวินและถูไห่ แม้ว่าจะเสียดายเล็กน้อยที่คุณชายสามไม่ได้อยู่ร่วมฝึกด้วย แต่พวกเขาลอบตกใจ
เย่ว์หยางไม่ได้พูดอะไรมาก แต่ก็เปิดเผยข้อมูลออกมา
ข้อมูลที่ได้เพราะผ่านด่านได้ มอบให้เจ้าอ้วนไห่ เย่คงและคนอื่นๆ
นี่หมายความว่ายังไง? กลับมาจากการเข้าด่านทดสอบนี้ได้  นี่เขาจากไปนานเท่าใดกันแน่... ราชาหลิงหวินและถูไห่และคนอื่นคิดถึงเรื่องนี้แล้วอดนับถือเย่ว์หยางไม่ได้
หัวหน้าเขตรกร้างที่แปดหลายคนรู้สึกทึ่ง หลิงหวินคือคนที่ปกติจะหยิ่งลำพองมาก  วันนี้เกิดอะไรขึ้น?
เด็กหนุ่มลึกลับผู้นี้มีอะไรพิเศษกันแน่?
พวกเขาทุกคนต้องการรู้จักเย่ว์หยาง แต่ไม่มีโอกาส
หลังจากเย่ว์หยางส่งเจ้าอ้วนไห่และเย่คง และคนอื่นๆ เข้าดินแดนทดสอบ ก็เหาะจากไป
ราชาหลิงหวินและถูไห่แม้จะไม่พูด แต่ลอบมองหน้ากันเอง ตัดสินใจตามเจ้าอ้วนไห่และคนอื่นไปอย่างกระชั้น ประการแรก เพื่อปกป้องพวกเขา เพราะพวกเขาเป็นญาติและสหายของคุณชายสาม  ถ้าพวกเขาเป็นอันตรายเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะเป็นสหายกับคุณชายสามได้อีก  ประการที่สองเจ้าอ้วนไห่ เย่คงและคนอื่นมีข้อมูลในการเอาชนะอุปสรรค อาจจะมีแผนที่ผ่านเส้นทางอุปสรรคอยู่กับตัวพวกเขา ทำให้ประหยัดเวลาและเรี่ยวแรงไปในตัว
เมื่อกลุ่มเขตรกร้างที่แปด กลุ่มทุ่งหิมะและกลุ่มเพลงสงคราม กลุ่มใหญ่สามกลุ่มนี้เพื่อเอาชีวิตรอดจึงเข้าสู่ดินแดนแห่งการฝึกฝนและทดสอบอย่างเต็มที่
นักรบแดนทมิฬปรากฏตัวขึ้น
ตอนนี้พวกเขาลังเลเล็กน้อย
จะไล่ตาม?
หรือรออยู่ข้างนอก?
พวกเขาถูกตอบโต้อย่างแข็งขันจากพวกในค่ายพักแรม  มีผู้ได้รับบาดเจ็บและมีความเสียหายขนาดหนัก  การนำกำลังติดตามอีกครั้งอาจถูกทำลายหมดสิ้นก็ได้
 “พวกเจ้ายังห่วงเรื่องอะไร?  เจ้าตำหนักทั้งสองของเรา และห้าผู้อาวุโสเข้าไปหมดแล้ว คอยลอบทำร้ายพวกเขา  ที่พวกเจ้าต้องทำก็คือไล่ติดตามกดดันพวกเขา ไม่ถึงกับทำให้พวกเขาพ่ายแพ้จนกระจายกันแยกย้ายหนี  พวกเจ้าคิดว่าเราต้องการกำลังพวกเจ้าเพื่อให้งานสำเร็จจริงๆ หรือ? น่าขันจริงๆ  เราให้โอกาสพวกเจ้า เข้าใจไหม?  ต่อให้ไม่มีพวกเจ้า เราก็ทำงานได้สำเร็จอย่างง่ายดาย  นี่เป็นโอกาสนิรโทษกรรมให้แก่พวกเจ้า ไถ่บาปที่พวกเจ้าเคยทำไว้.. จัดการให้ข้าเดี๋ยวนี้ ทุ่มเทกำลังทั้งหมด! ผู้อาวุโสตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ผู้มีพลังปราณฟ้าระดับห้าชั้นสูงปรากฏตัวขึ้น  แม้ว่าพลังของเขาเทียบได้กับหัวหน้าของนักรบแดนทมิฬ จะมีความน่าเกรงขามน้อยกว่า แต่สถานะของเขาสูงส่ง สามารถดุด่าฝ่ายตรงข้ามได้อย่างเต็มที่
 “ดี, ข้าหวังว่าหลังจากที่เราเสียสละอย่างเพียงพอ เราจะได้รับลูกและเมียเป็นการแลกเปลี่ยน  สตรี เด็ก คนชราล้วนอ่อนแอ” ในพวกหัวหน้านักรบแดนทมิฬทั้งสิบคน หัวหน้าหลักตัดสินใจพาพวกเข้าสู่ดินแดนทดสอบพลังทันที
เมื่อพวกเขาเข้าไปจนหมด ผู้อาวุโสตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์หัวเราะ  “ก็แค่คนโง่เขลากลุ่มหนึ่ง!
ในค่ายพักแรมที่พังทลาย มีพื้นที่บริการขนาดใหญ่ ที่ปากทางเข้ายังมีทหารเฝ้าประจำการณ์ ผู้อาวุโสของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์บินขึ้นไปบนท้องฟ้า ควบรวมพลังลูกบอลแสงและยิงลงไปข้างล่าง  ทหารที่อยู่ประจำในพื้นที่ซึ่งให้ความเคารพผู้อาวุโส และผู้รับใช้จากกลุ่มอิทธิพลทั้งสามที่เหลืออยู่ถูกโจมตีเต็มที่
ผู้อาวุโสผู้มองอย่างผิวเผินแสดงความเป็นมิตรเห็นผลความเสียหายที่น่ากลัวเกิดจากฝีมือของเขาเอง เขาหัวเราะอย่างย่ามใจ  “แดนสวรรค์ตะวันตก จงวุ่นวายเข้าไป  ยิ่งวุ่นวายก็ยิ่งดี!  แดนสวรรค์จะขาดการนองเลือด และไฟสงครามได้ยังไง สงบสุขเกินไป  มั่นคงเกินไปยังนับได้ว่าเป็นแดนสวรรค์อีกหรือ?”
 “ปัญญาอ่อน!  เสียงด่าเบาๆ ดังแทรกเสียงหัวเราะเหมือนกับประกายสายฟ้าท่ามกลางความมืดมิด
 “ใครกัน?” ผู้อาวุโสตกใจหันหน้ากลับมองอย่างตะลึง
เขาพบว่ามีหนึ่งบุรุษและสองสตรีบินมาจากระยะไกล ในกลุ่มพวกเขา สตรีสวมชุดนักดาบจ้องมองเขาด้วยสายตาแหลมคมราวกับดาบ
ดูเหมือนว่านางเป็นคนที่พูดออกมา   ใบหน้าของผู้อาวุโสที่สง่างามกลายเป็นน่าเกลียด พวกมดแมลงระดับเตรียมปราณฟ้ากล้าด่าตัวเขา ช่างเป็นเรื่องคาดไม่ถึง?  เขาเตรียมจะใช้พลังโจมตีฝ่ายตรงข้ามเป็นครั้งที่สอง แต่ก็ต้องตกใจเมื่อเห็นดาบในมือของฝ่ายตรงข้ามเป็นดาบชั้นเทพ เขาตกใจทันที “อาวุธระดับเทพ? เจ้าได้อาวุธมาจากไหน? เป็นไปได้ยังไงที่เจ้ามีดาบชั้นเทพ!

8 ความคิดเห็น:

sarinnan กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

หมูน้อย กล่าวว่า...

ขอบ คุณครับ
วันนี้ ขออีก 1 ตอน นะนะ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณคับ

krisda กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Boybravo กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Tony กล่าวว่า...

Thank

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

akekapoj-tee กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับ

แสดงความคิดเห็น