วันพฤหัสบดีที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2562

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 800 จุดอ่อน จุดอ่อนที่ร้ายแรง


ตอนที่  800 จุดอ่อน จุดอ่อนที่ร้ายแรง
ทหารของตำหนักพอถูกสหายแทงใส่ก็ระเบิดร่างตนเองทันที
เลือดเนื้อระเบิดกระจายเต็มฟ้า

แรงระเบิดสั่นสะเทือนไปทั้งพื้นโลก.. ในพื้นที่ระเบิดราชาหลิงหวินร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผลสาหัสหลบออกมาได้หลังจากระเบิดใหญ่ ด้วยพลังปราณฟ้าระดับห้าของเขา แรงระเบิดของนักสู้ปราณฟ้าระดับสามยากจะทานทนได้... ทหารตำหนักกลางเหล่านี้มีความสามารถพิเศษเพิ่มพลังพวกเขาเองให้สูงขึ้นเป็นร้อยเท่าในช่วงเวลาสั้นๆ  แน่นอนว่าราคาที่เพิ่มขึ้นมานั้นก็คือความตาย
พลังของนักรบตำหนักกลางที่เพิ่มขึ้นมาร้อยเท่านั้น เทียบกับราชาหลิงหวินแล้วไม่อ่อนแอแม้แต่น้อย
การเพิ่มพลังร้อยเท่าควบคู่ไปกับการได้รับเกราะพิเศษ และยังฝึกวิทยายุทธ์ไม้ตายเพิ่มขึ้น   ทั้งสามส่วนนี้ทำให้พลังในการทำลายล้างเกินขีดจำกัดที่ราชาหลิงหวินจะรับได้
ราชาหลิงหวินสามารถหลบหนีออกมาจากศูนย์กลางแรงระเบิดก็นับว่าเป็นเรื่องยากในตัวอยู่แล้ว
เมื่อเขาหนีไปหาสหายหวังว่าจะช่วยเหลือให้ทันเวลา
ด้วยความรวดเร็วกว่าหัวหน้ากลุ่มเขตรกร้างที่แปด กลุ่มทุ่งหิมะและกลุ่มเพลงสงคราม นักรบมรณะของตำหนักกลางสองคน รวมกำลังพุ่งเข้าหาร่างของราชาหลิงหวินราวกับลูกธนู เหมือนกับจะรู้ว่าราชาหลิงหวินสามารถหลบหนีได้ และเขายังระเบิดตัวเองไม่สมบูรณ์
ซ้ายด้านหนึ่งและขวาอีกด้านหนึ่ง
จับขาซ้ายและขวาของราชาหลิงหวิน
มือทั้งสองของพวกเขามีแรงอัดโลหิตเป็นพิเศษ โลหิตพุ่งออกมาเหมือนโซ่แทงเข้าไปในร่างของศัตรูยึดร่างและเกราะของศัตรูไว้อย่างแน่นอน
เว้นแต่สามารถทำลายเกราะพิเศษนี้ได้เป็นไปไม่ได้ที่จะหลุดพ้นเป็นอิสระจากมีดโซ่โลหิต
นักรบตำหนักทั้งสองคนตาเป็นประกายบ้าคลั่งเหมือนกับว่าพวกเขาพร้อมจะระเบิดตายไปพร้อมกับศัตรู นั่นถือเป็นเกียรติยศกับชีวิตพวกเขา ราชาหลิงหวินเงื้อมือด้วยความโกรธและฟันศีรษะของทหารตำหนักทั้งสอง  เขาทรงพลังและทำลายเกราะหมวกและกะโหลกได้  ทหารตำหนักทั้งสองคนศีรษะแตกทำลาย ใบหน้านองไปด้วยโลหิต กลับเอ่ยปากอย่างมั่นคง “ตาย!
ปัง ปัง!
เสียงระเบิดใหญ่ทำลายตัวเองดังขึ้นถึงสองครั้ง
 “มะ..ไม่!  เจ้าเมืองถูไห่ครวญครางอย่างสิ้นหวัง  ราชาหลิงหวินเหมือนกับพี่ชายของเขา มักจะดูแลเขาเสมอ  ตอนนี้เขากำลังมองดูเขาถูกศัตรูระเบิด และเขายังตายต่อหน้าต่อตาของเขา เป็นเรื่องที่น่าเจ็บปวดและเศร้าสลด
 “เขายังมีชีวิต!  จากแรงระเบิดที่ผ่านมา หัวหน้ากลุ่มเขตร้างที่แปดพบว่ามีเงาระเบิดกระจายอยู่ในศูนย์กลางแรงระเบิด
ตาย
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ทุกคนจะวิ่งเข้าไปช่วย
มีนักรบมรณะของตำหนักสองคนได้จับราชาหลิงหวินและระเบิดร่างให้ตกตายพร้อมกัน
นัยน์ตาของพวกเขาเป็นบ้าดูน่ากลัว
เจ้าเมืองถูไห่แม้ต้องการจะวิ่งไปช่วยราชาหลิงหวินอย่างสิ้นหวัง  แม้แต่หัวหน้ากลุ่มเขตรกร้างที่แปดก็ยังไม่สามารถรั้งเขาไว้ได้   เงาร่างหนึ่งอยู่ข้างหน้าเจ้าเมืองถูไห่ ดวงตาที่บ้าคลั่งสะท้อนให้เห็นใบหน้าที่บิดเบี้ยวของเจ้าเมืองถูไห่ที่กำลังโกรธ... หัวหน้ากลุ่มเขตร้างที่แปดต้องการถอย ก็พบว่ามีเงาร่างทั้งสามลอบมาถึงอย่างอย่างเงียบงันในทันใดนั้นเงาแห่งความตายครอบงำหัวใจของเขา  ความจริงขณะที่หัวหน้ากลุ่มบินออกมาช่วยเหลือ เงาร่างหนึ่งแยกออกมาจากกลุ่มและระเบิดร่าง
แม้แต่หัวหน้านายกองทหารตำหนักก็มาถึงข้างหน้าเย่ว์หยางและเหมือนต้องการจัดการกับเย่ว์หยาง
ปัง ปัง ปัง ปัง!
เสียงระเบิดฆ่าตัวตายดังเป็นชุดต่อเนื่องกัน
พื้นที่การต่อสู้ทั้งหมดตรงที่หลิงหวิน ถูไห่และหัวหน้าเขตรกร้างที่แปดหายไป  และแม้แต่หัวหน้าคนสุดท้ายที่โผล่มาช่วยใช้พลังทำลายตัวเองที่น่ากลัวเช่นกัน
 “เจ้าคิดหรือว่าจะฆ่าข้าได้?”  เย่ว์หยางถามหัวหน้านายกองอย่างไม่แยแส
 “ไม่, แต่ตราบใดที่จับมือเจ้าได้และทำลายมันไปด้วย แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว” นายกองผู้นั้นไม่ใช่คนโง่  เขารู้เช่นกันว่าเย่ว์หยางเป็นสุดยอดนักสู้ในกลุ่มทั้งหมด  เขาไม่คิดว่าพลังปราณฟ้าระดับห้าจะสามารถฆ่าเย่ว์หยางได้  ต่อให้พลังเพิ่มขึ้นสูงเป็นร้อยเท่า รวมกับพลังระเบิดฆ่าตัวตายก็ยังไม่สามารถทำได้สำเร็จ  อย่างไรก็ตามเขายังเลือกเย่ว์หยางที่ไม่สามารถฆ่าให้ตายได้  ไม่ใช่คนอื่น  เพราะในสายตาของเขาตราบใดที่สามารถใช้ชีวิตของเขาแลกเปลี่ยนกับมือหรือขาข้างหนึ่งของเย่ว์หยาง นั่นก็นับว่าคุ้มแล้ว
 “เจ้าไม่สามารถแตะต้องได้แม้กระทั่งเส้นผมของข้า”  เย่ว์หยางยิ้มเยาะเย้ยมุมปาก
 “ข้าต้องลองดู”  นายกองตำหนักกลางไม่หวั่นไหว
เย่ว์หยางกระดิกนิ้วเรียกนายกองตำหนักกลางเป็นการสื่อความว่าให้เขาเริ่มได้  นายกองตำหนักกลางระเบิดพลังที่น่ากลัวทันที และเด็กหนุ่มที่อยู่ข้างหน้าเขาหายไป
เขาหันมองกลับหลัง
และเห็นภาพที่น่าเหลือเชื่อ
ราชาหลิงหวิน เจ้าเมืองถูไห่และหัวหน้ากลุ่มเขตร้างที่แปดซึ่งถูกฆ่าตายพร้อมกันไปแล้ว แม้แต่บริวารทั้งเก้าผู้ระเบิดตัวเองไปแล้ว พวกเขายังคงยืนอยู่ข้างหลัง... มีแต่นัยน์ตาของเขาที่ดูเหลือกเหมือนคนตาย นัยน์ตาหลือกขาว หัวใจหยุดเต้น ดูเหมือนจะตายมานานแล้ว ... นายกองตำหนักกลางกวาดตามองหน้าราชาหลิงหวินและพบว่าราชาหลิงหวิน เจ้าเมืองถูไห่และคนอื่นมีสีหน้าประหลาดใจและเหลือเชื่อ ไม่มีบาดแผลบนร่างกายพวกเขา  แต่นี่เป็นไม่ใช่การฟื้นคืนชีพแน่นอน... มีคำตอบผุดขึ้นในใจของนายกองตำหนักกลาง ภาพลวงตา
เด็กหนุ่มผู้ลึกลับนี้ใช้ภาพลวงตาที่ยากจำแนกทำให้บริวารของเขาระเบิดตัวตาย
ความจริงราชาหลิงหวินและพวกไม่ได้อยู่ในศูนย์กลางระเบิดฆ่าตัวตาย
แม้แต่บริวารของเขาเองไม่ได้ระเบิดฆ่าตัวเองตายแม้แต่น้อย  พวกเขาแค่คิดว่าพวกเขาประสบความสำเร็จในการระเบิดฆ่าตัวตาย และวิญญาณยอมรับความตายด้วยความพึงพอใจ... เด็กหนุ่มผู้ลึกลับหลอกพวกเขาด้วยภาพลวงตาได้สำเร็จ รวมทั้งตัวเขาเองด้วย และยังแฝงตัวอยู่ในเงามืด  ถ้าไม่ใช่เพราะเขาไล่ภาพลวงตาออกไปได้สำเร็จ น่ากลัวว่าเขาคงจะระเบิดตายจากภาพลวงตาไปแล้ว
เขาพ่ายแพ้อย่างไม่เป็นธรรม
สนามพลังสร้างโลกที่เย่ว์หยางมี นอกจากผู้มีพลังปราณราชันย์  คนอื่นจะต้องยอมแพ้ยกเลิกความคิดที่จะมองให้ทะลุสนามพลังนั่นเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ เว้นแต่พระเจ้า ใครจะกล้าพูดมองเห็นทักษะแฝงเร้นอำพราง ปลอมของเย่ว์หยางได้เต็มที่  สนามพลังสร้างโลกและมีอสูรอมตะเป็นผู้คุ้มกัน?  ในทำนองเดียวกันนี้ แม้ด้วยความสามารถของจักรพรรดินีฟ้า ก็ยังเป็นไปไม่ได้ที่จะมองทะลุเย่ว์หยาง  หัวหน้านายกองทหารเล็กแพ้เขาภายใต้สนามพลังสร้างโลก นั่นเป็นเรื่องปกติธรรมดา!
 “ตอนนี้เจ้ายังมีความมั่นใจว่าจะฆ่าข้าได้อีกไหม?”  เย่ว์หยางยิ้มมุมปากและถามเบาๆ
 “เจ้า, แข็งแกร่ง ทรงพลังมากกว่าที่ข้าคิด  วันนี้เราตายในเงื้อมมือของเจ้า เราไม่มีความเสียใจ...อย่างไรก็ตาม ประมุขตำหนักใหญ่ของเราจะต้องล้างแค้นให้เรา  เขามีสำนึกเทพ ภาพลวงตาของเจ้าหลอกลวงเขาไม่ได้แน่นอน! ต่อให้เจ้าแข็งแกร่ง  เมื่ออยู่ต่อหน้าประมุขใหญ่ ก็เป็นแค่มดแมลงตัวหนึ่ง!  หัวหน้านายกองเห็นราชาหลิงหวินและคนอื่นค่อยก้าวเท้าเข้ามาพยายามจะจับเขา  เสียงร้องโหยหวนของเขาดังขึ้น ก่อนที่ราชาหลิงหวินจะชักกริชโลหิตออกมาถือไว้  นายกองเปล่งเสียงโหยหวนพร้อมกับใช้พลังต้องห้าม
เย่ว์หยางยื่นมือ
ท้องฟ้ามีดวงดาวระยิบระยับ ปรากฏในมือของเขา
มีดวงดาวนับไม่ถ้วนในท้องฟ้า อย่างไรก็ตามพวกมันมีแสงคงที่ไม่เคลื่อนไหว
เมื่อนายกองทหารตำหนักกลางระเบิดร่างกระจาย คลื่นระเบิดถูกพลังฝ่ามือของเย่ว์หยางต้านในพริบตา วินาทีต่อมาเย่ว์หยางพลิกฝ่ามือ ท้องฟ้าเต็มไปด้วยดวงดาว และก่อตัวเป็นดาราจักรทางช้างเผือกมีหลุมดำอยู่ในจุดศูนย์กลางคอยดูดกลืนสรรพสิ่ง เลือด เนื้อ แรงระเบิดทั้งหมด หลังจากนั้นสามวินาทีนายกองทหารตำหนักกลางก็หายตัวไปจากโลกไม่เหลืออยู่แม้แต่น้อย ไม่มีตัวบุคคลปรากฏให้เห็นเหมือนกับว่าเขาไม่เคยเกิดมาในแดนสวรรค์
 “สวรรค์!  ราชาหลิงหวินเบิกตาค้างหน้าถอดสี
นายกองทหารของตำหนักกลางมีพลังระดับใดกันแน่?
หลังจากเพิ่มพลังและใช้พลังต้องห้ามระเบิด นี่ก็ว่าแข็งแกร่งแล้ว  อย่างไรก็ตามเขากล้าทำหยิ่งยโสต่อหน้าคุณชายสามตระกูลเย่ว์ แต่กลับทำร้ายคุณชายสามไม่ได้แม้แต่ปลายผม และระเบิดหายไปจากโลกอย่างสิ้นเชิง
ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวทั้งเวลาและมิติคงหยุดนิ่งได้ พลังสีดำซึ่งสามารถกลืนกินสรรพสิ่งได้นั้นคือพลังแบบไหน?
นี่ไม่ใช่พลังกฎสวรรค์!
ถ้าคุณชายสามใช้พลังกฎสวรรค์ นอกไปจากดวงดาวเต็มท้องฟ้าและหลุมดำ เชื่อได้ว่าศัตรูที่ทรงพลังคงถูกทำลายไปไม่เหลือร่องรอย
 “นักรบฆ่าตัวตายฝ่ายศัตรูมีนับไม่ถ้วน และนักสู้แบบนั้นมีมากมายเหมือนก้อนเมฆ   ประมุขใหญ่ตำหนักกลางก็มีพลังใกล้เคียงเทพ และเป็นไปไม่ได้ที่เราจะผนึกพลังกันสู้กับเขาโดยตรงได้ ราชาหลิงหวิน เจ้าเมืองถูไห่ ท่านยังคงกลับออกไปจากดินแดนฝึกฝนที่นี่เถอะ!  เย่ว์หยางพูดอย่างนี้เพื่อลองใจว่าราชาหลิงหวินยินดีร่วมทางไปต่อหรือไม่  
 “คุณชายสาม สุดท้ายความตายย่อมอยู่บั้นปลายของชีวิต”  ราชาหลิงหวินลังเลเล็กน้อยและหัวเราะทันที  “เมื่อครู่นี้ถ้าท่านไม่ใช้ภาพลวงตาช่วยข้า ข้าคงตายไปพร้อมกับนักรบมรณะแล้ว หลังจากรอดตายแล้วตอนนี้ยังมีร่างกาย ถ้าไม่ตอบโต้ศัตรูข้าคงทำใจลำบาก ถ้าคุณชายสามไม่รังเกียจว่าข้าหลิงหวินไร้ประโยชน์ โปรดให้ข้าหลิงหวินได้ติดตามไปด้วย แม้จะต้องทำงานในฐานะพลเดินเท้าก็ตาม แต่ก็ยังดีกว่าเป็นเต่าหดหัวในกระดอง  นอกจากนี้ ตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ตั้งใจล่อลวงแดนสวรรค์ตะวันตก  ต่อให้เรากลับไป ก็คงอยู่ได้ไม่นาน!
 “ถูกต้องแล้ว ดีกว่านั่งรอความตาย, มิสู้ออกไปสู้เสี่ยงชีวิตให้ตายกันไปข้างหนึ่งดีกว่า!  เจ้าเมืองถูไห่เกือบถูกทหารตำหนักฆ่าตาย จะให้เขายอมแพ้ได้อย่างไร
เขากับราชาหลิงหวินสองคนนี้เย่ว์หยางไม่กังวล
อย่างไรก็ตามหัวหน้ากลุ่มอื่นไม่จำเป็นต้องมีความคิดเห็นที่คล้ายกัน
นักรบมรณะของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์น่ากลัว ประมุขตำหนักใหญ่มีพลังแทบใกล้เคียงเทพ ความจริงเช่นนี้ทำให้หลายคนท้อถอย
คนทั้งเก้าปรึกษากันชั่วครู่ สี่คนตัดสินใจอยู่ต่อ สองคนจากเขตร้างที่แปดและอีกสองคนจากกลุ่มทุ่งหิมะและกลุ่มเพลงสงครามตัดสินใจจากไป  แต่พวกเขาสัญญาว่าถ้าราชาหลิงหวินไปยังตำแหน่งเดิมพวกเขาจะยอมรับอำนาจทุกอย่าง  สำหรับการเลือกของพวกเขา เย่ว์หยางไม่ต่อต้าน ทุกคนคิดไม่เหมือนกัน  กล่าวคือองค์กรขนาดใหญ่ยังยากที่จะต่อสู้ให้มีความคิดเหมือนกัน  เย่ว์หยางและราชาหลิงหวินอำลาห้าคนและเอาเกราะทหารตำหนักไปใช้ด้วย  และมองหาโอกาสโจมตีทหารของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์
ประมุขใหญ่ตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์และอีกห้าคนออกไล่ล่าคุ้ก แคริบเบียนไม่สามารถอยู่กับกองทัพใหญ่ได้
เย่ว์หยางติดตามและคอยก่อกวนตลอดทางทำให้กำลังของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์อ่อนแอลง
ฮุยไท่หลางเขียนหนังสือบอกหัวหน้ากลุ่มทั้งสามให้เร่งฝีเท้า
เขาหวังว่าจะไล่ทันกลุ่มพวกก่อนที่ทหารตำหนักกลางจะไปถึง และพบกับสามกลุ่มใหญ่ที่รออยู่ที่หุบเขาใบมีดและเร่งให้พวกเขาออกไปโดยเร็ว  มิฉะนั้นจะถูกทหารทำลาย
 “พวกเจ้าทุกคนเปลี่ยนเกราะก่อน!  แม้ว่าเกราะเหล่านี้จะไม่ใช่คุณภาพดีที่สุด แต่คุณภาพพอๆ กับสมบัติชั้นทอง เพราะผลิตจากวัสดุพิเศษ ที่สำคัญที่สุดเกราะเหล่านี้ให้พลังสนับสนุนถึงสามเท่าจะช่วยเสริมพลังให้ทุกคนเป็นอย่างดี”  เย่ว์หยางให้เจ้าอ้วนไห่และพวกออกมาจากโลกคัมภีร์ของฮุยไท่หลางมอบเกราะของทหารตำหนักให้ใช้
เกราะเหล่านี้ไม่เพียงแต่มีระบบช่วยลวงตาเท่านั้น แต่ยังสามารถช่วยเสริมพลังได้
อย่างไรก็ตาม ข้อบกพร่องประการเดียวก็คือ พลังปกป้อง
แทบไม่มีพลังป้องกันที่ดี
ไม่ต้องพูดถึงพลังปราณฟ้าระดับสาม แค่พลังปราณฟ้าก็สามารถทำลายได้  แค่เพียงใช้ป้องกันพลังโจมตีของนักสู้เตรียมปราณฟ้าเท่านั้น
นอกจากให้ทุกคนเปลี่ยนไปใช้เกราะของทหารตำหนักกลางแล้ว เย่ว์หยางยังพูดถึงจุดอ่อนที่ไม่รู้แก่ราชาหลิงหวิน  “ทหารของตำหนักกลางเป็นพวกคลั่งเกียรติยศสูงสุดอย่างมาก  เมื่อพวกเขาเอาชนะศัตรูไม่ได้ พวกเขาจะใช้พลังต้องห้ามในร่างกายทันที เพื่อเพิ่มพลังขึ้นอีกเป็นร้อยเท่าและระเบิดตัวไปพร้อมกับศัตรู  มองดูผิวเผินการระเบิดฆ่าตัวตายและการคลั่งไคล้เกียรติยศสูงสุดทำให้ไร้เทียมทาน แต่ข้าบอกพวกเจ้าได้เลยว่ามันมีจุดอ่อน!  ตราบใดที่พวกท่านเกาะกุมจุดอ่อนนี้ได้  พวกท่านก็สามารถฆ่าทหารตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ได้  ไม่ต้องพูดถึงราชาหลิงหวินกับเจ้าเมืองถูไห่เลย อย่างเจ้า เย่คง เจ้าก็สามารถฆ่าได้!
 “อะไรนะ?”  ราชาหลิงหวินพอได้ยินคำพูดที่น่าตกใจ พวกเขาลอบดีใจรู้สึกว่าตัดสินใจถูกแล้วที่อยู่ต่อ  คนที่จากไปจะไม่มีทางรู้ความลับได้ ตราบเท่าที่คนผู้นั้นอยู่ฝ่ายคุณชายสาม ก็สามารถรู้จุดอ่อนทหารของตำหนักกลางได้
 “เราก็สามารถฆ่าทหารตำหนักที่มีพลังปราณฟ้าระดับสามได้ด้วยหรือ?”  เจ้าอ้วนไห่เต้นด้วยความดีใจ  ในชีวิตเขาไม่ได้มีพลังอำนาจมากมาย  สำหรับนักสู้ปราณฟ้าระดับสามต่อให้หยุดนิ่งปล่อยให้เขาโจมตี เขาก็ไม่สามารถฆ่าฝ่ายตรงข้ามได้
 “แน่นอน นอกจากนี้ยังเป็นการฆ่าแบบฉับพลัน!  เย่ว์หยางสร้างขวัญกำลังใจให้ทุกคนอีกครั้ง
 “ดีแล้ว!” เสวี่ยทันหลางกำหมัดแน่น ฆ่านักสู้ปราณฟ้าระดับสามได้ทันทีนั่นคือความหวังของเขา
 “สาเหตุที่ทหารตำหนักเพิ่มพลังเป็นร้อยเท่าได้มาจากการระเบิดพลังภายในร่างของพวกเขาซึ่งมีพลังต้องห้ามอยู่  อันพลังต้องห้ามนี้แทบใกล้เคียงพลังกฎสวรรค์  ตราบใดที่พวกเขาเริ่มใช้พลังต้องห้าม  อย่างนั้นร่างของพวกเขาจะไม่สามารถทนทานการแผ่กระจายของพลังต้องห้ามทันทีทำให้ร่างระเบิดตาย  นี่คือสาเหตุให้เรียกพลังระเบิดนั้นว่าเป็นพลังต้องห้าม!  เย่ว์หยางชำเลืองมองทุกคน และกล่าวคำหนึ่ง “คิดดู ถ้าพวกเจ้าเริ่มให้พลังต้องห้ามทำงานก่อนหน้าศัตรูหนึ่งก้าว จะเกิดอะไรขึ้น?”
 “พวกมันจะระเบิดโดยที่แม้แต่แม่มันยังไม่รู้ตัว!” เจ้าอ้วนไห่ดีใจจนเนื้อเต้น
 “ใช่แล้ว จุดอ่อนของพวกเขาก็คือตรงนี้.. ข้ามีวิธีให้พวกเจ้าเข้าไปเร่งการทำงานของพลังต้องห้าม ต่อให้พวกเจ้าไม่สามารถเรียนรู้ ข้าจะมอบหินผลึกรูนกับพวกเจ้า ด้วยความช่วยเหลือของหินผลึกรูนนี้ จะไปกระตุ้นการทำงานของพลังต้องห้ามในร่างของพวกเขา  ทำให้พวกเขากลายเป็นระเบิดขยะเน่า”  เย่ว์หยางคิดว่าศัตรูที่มีพลังต้องห้ามอยู่ในตัวไม่น่ากลัว  นั่นเท่ากับมีระเบิดเวลาอยู่ในตัว ตราบใดที่การควบคุมอยู่ในมือของตน พวกเขาก็ต้องยอมรับการกลายเป็นระเบิดมนุษย์ แล้วยังจะมีผลอะไรบ้าง?
 “เราเริ่มการทำงานของพลังต้องห้าม แล้วเราจะหนีออกจากศูนย์กลางแรงระเบิดได้ยังไง?” องค์ชายเทียนหลัวผู้เยือกเย็นที่สุดถามถึงปัญหายุ่งยากนี้
 “ง่ายมาก” เย่ว์หยางชูหนึ่งนิ้ว เกี่ยวกับปัญหาที่ยากลำบากที่คนอื่นอธิบายไม่ได้ เขากลับตอบได้อย่างง่ายดาย “ข้าเพิ่งบอกไปแล้วว่าค้นพบจุดอ่อน ข้าสามารถพูดได้ว่าจุดอ่อนทั้งสองนี้เชื่อมโยงกัน ศัตรูไม่สามารถกำจัดออกไปได้  จุดอ่อนที่สองก็คือพวกเขาหลังจากเริ่มใช้พลังต้องห้ามแล้วจะควบคุมร่างกายไม่ได้อย่างน้อยหนึ่งวินาที  ในกระบวนการนี้พวกเขาไม่สามารถใช้ตาดู หูฟัง นอกจากอยู่ในสภาพนั้นก่อนระเบิด พวกเขาไม่มีอะไรเปลี่ยน  บางทีราชาหลิงหวินและท่านถูไห่คงสังเกตเห็นแล้ว  พวกเขาหลังจากเกาะแขนแล้ว จะไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เลย และเพื่อไม่ให้ศัตรูป้องกันได้เพิ่มโอกาสสำเร็จโซ่มีดโลหิตในมือของท่านคือหลักฐานพิสูจน์เป็นอย่างดี  พวกเขาต้องปิดกั้นศัตรูไว้ด้วยวิธีนี้  แต่ไม่สามารถปรับตัวเองได้  หรือจะกล่าวอีกอย่างหนึ่งเมื่อเริ่มใช้พลังต้องห้าม พวกท่านมีเวลาอย่างน้อยหนึ่งวินาทีเพื่อหนีจากรัศมีระเบิด ถ้าใช้ร่วมกับทักษะแฝงเร้นและอาวุธสมบัติ พวกเจ้ามีเวลาหนีอย่างปลอดภัยเหลือเฟือ!
 “คุณชายสาม, ด้วยข้อมูลสำคัญนี้ ข้ารับประกันได้ว่าพวกเขาได้ตายอย่างอนาถแน่!  ราชาหลิงหวินดีใจแทบคลั่ง  เพราะวินาทีเดียวเป็นเรื่องง่ายสำหรับระดับเขาที่จะหนีออกมาจากรัศมีระเบิด
ความยากในการถอยภายในหนึ่งวินาทีไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับเจ้าอ้วนไห่และเย่คงและคนอื่น
ถ้าใช้ผลึกรูนกระตุ้นการทำงานในอากาศ ก็ยังสามารถฆ่าทหารตำหนักผู้ดื้อด้านเหล่านั้นได้!
ในใจราชาหลิงหวินรู้สึกมีความสุขมาก ที่เลือกข้างคุณชายสาม นี่เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด  สหายที่แยกตัวไปก่อนคงจะต้องเสียใจตีอกชกหัวเป็นแน่!  อย่างไรก็ตามโอกาสมีเพียงครั้งเดียวเท่านั้น เลือกผิดย่อมต้องเสียใจอย่างไม่รู้จบ!
เย่ว์หยางพาพวกราชาหลิงหวินเข้าหุบเขาวายุ
จุดหยุดในที่แรก
ใช้อักษรรูนสวรรค์อธิบายพวกเขาถึงวิธีเริ่มทำงานพลังต้องห้าม
สิ่งที่ทำให้ราชาหลิงหวินรู้สึกอายก็คือในกระบวนการเชี่ยวชาญทักษะใหม่ ไม่ใช่พวกเขาทั้งหกที่เป็นนักรบปราณฟ้า แต่เป็นองค์ชายเทียนหลัวและเสวี่ยทันหลางที่รู้ก่อน ห้านาทีต่อมาพวกเขาก็เข้าใจเต็มที่ จากนั้นราชาหลิงหวินและเย่คงเรียนรู้ร่วมกันในการหาความชำนาญ และอีกสามนาทีต่อมา เจ้าอ้วนไห่และถูไห่กับหัวหน้ากลุ่มอีกสี่คนเรียนรู้ทักษะร่วมกัน
คนที่เรียนรู้ช้าที่สุดก็คือพี่น้องตระกูลหลี่ แต่ใช้เวลาเรียนไม่เกินสิบห้านาที
ผู้เยาว์เหล่านี้แม้ว่าจะเป็นนักสู้ปราณดินที่เล็กและอ่อนแอแต่รับรู้และเรียนรู้ได้รวดเร็วอย่างน่าทึ่ง ถ้าเทียบกับเด็กรุ่นหลังของแดนสวรรค์  หลายคนโดดเด่นสามารถอวดฝีมือได้ทุกที่
ฉลาดล้ำ มีทักษะที่ยอดเยี่ยม  มิน่าเล่าถึงทำให้คุณชายสามให้ความสนใจดูแลเป็นพิเศษ
หลังจากราชาหลิงหวินเห็นแล้ว พวกเขาอดลอบถอนหายใจไม่ได้
บางทีใช้เวลาอีกไม่นาน ผู้เยาว์เหล่านี้อาจไล่ตามพวกเขาทันก็ได้  ดูพวกเขาเติบโตพัฒนาก้าวหน้าอย่างรวดเร็วน่าทึ่ง  แต่พวกเขาไม่สามารถบรรลุระดับใหม่ได้ ช่างรู้สึกจนใจ  โชคดีที่ตอนนี้พวกเขาเลือกติดตามคุณชายสาม  ถ้าได้รับการชี้แนะจากเขาบ้างหรือได้ยาพลังยุทธบ้าง บางทีอาจช่วยให้มีความก้าวหน้าต่อไป.. คิดถึงเรื่องนี้แล้วราชาหลิงหวินยิ่งตื่นเต้น
ติดตามคุณชายสามและมีอนาคตที่ดี ดูจากความก้าวหน้าของเสวี่ยทันหลางก็รู้
ราชาหลิงหวินและถูไห่มองหน้ากันเองและลอบพยักหน้าให้กัน
เพิ่มความมั่นใจ
 “เริ่มได้  ถ้ามีกลุ่มทหารของตำหนัก เราพยามเคลื่อนไหวใหม่  ถ้ากองทัพใหญ่เป็นกองทัพผสม เราก็ค่อยๆ ย่ำเท้าไปตามกันฝึกฝนด้วยกันจนผ่านด่านทั้งสิบ  เราจะค่อยๆ เล่นงานพวกเขา!  เย่ว์หยางโบกมือ พวกราชาหลิงหวินแสดงความขอบคุณ  ในใจของพวกเขา แม้ว่าเย่ว์หยางไม่ได้ตอบรับให้พวกเขาเข้าร่วม แต่พวกเขาจะทำตามความคิดริเริ่มตนเองแต่เกี่ยวเนื่องกับเย่ว์หยาง

7 ความคิดเห็น:

WingF กล่าวว่า...

ะี่ฮุยเขียนหนังสือได้แล้วหรอ โถ่ตายกันอนาถแน่ๆ

Numton กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

sarinnan กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Boybravo กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

krisda กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ หมาเขียนหนังสือได้ แล้วคนอ่ะ

akekapoj-tee กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับ

chay กล่าวว่า...

ฮุยไท่หล่างฉลาดเวอร์

แสดงความคิดเห็น