ตอนที่ 802
บุก, หมอกแปรเปลี่ยน น้ำลวงตา
ภายในหุบเขามีด
ผู้อาวุโสวิหารทั้งสองคนหงุดหงิดจริงๆ ศัตรูไม่ยอมเข้ามาในกับดักเป็นเวลานาน
หรือว่าพวกเขามองออก?
ก่อนที่นักรบแดนสวรรค์สามกลุ่มคือ
กลุ่มเขตรกร้างที่แปด กลุ่มทุ่งหิมะ กลุ่มเพลงสงครามจะออกไป
แทบจะทำให้พวกเขาออกไปสกัดกั้น เพื่อป้องกันไม่ให้ศัตรูมองออกว่าเป็นการล่อลวง
ผู้อาวุโสทั้งสองหลังจากสนทนากันจึงตัดสินใจซุ่มโจมตีต่อ
ไม่ว่ายังไงก็ตามถ้าศัตรูต้องการเอาชนะอุปสรรค พวกเขาก็ต้องผ่านหุบเขามีด
ที่นี่แม้ว่าการเฝ้าโพรงรอกระต่ายจะเป็นเรื่องโง่เขลา แต่เมื่อคิดดูแล้ว
นี่เป็นสถานที่ดีที่สุดที่ใช้ในการต่อสู้
ที่นี่
เมื่อสามีไม่อยู่ ภรรยาย่อมไม่เปิดประตู
เนื่องจากประโยชน์จากสถานที่ตั้ง
ทั้งสองคนตัดสินใจจับเจ่าอยู่ต่อ
ต่อให้ต้องรอเป็นเวลานาน ก็จะไม่มีทางเปิดเผยตัวเอง นายพรานผู้อดทน
ย่อมสามารถจับเหยื่อได้
ด้วยการได้เปรียบโดยใช้จักรกลของหุบเขามีด
ทั้งกับดักความสามารถของสัตว์อสูรในศัตรูที่น่าทึ่งนี้
ท่านสามารถให้ศัตรูชดใช้ราคาที่รุนแรงอย่างแน่นอน
ในหุบเขาสายลมไม่มีการลอบทำร้ายมากไปกว่านี้อีกแล้ว
“โอวมาแล้ว
ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงนี่”
ผู้อาวุโสคนซ้ายมือพบว่าในที่สุดก็มีความเคลื่อนไหวนอกหุบเขามีดจนได้
“ตามแผนเดิม
เมื่อพวกเขามาถึงทางเดินที่มีคมมีด
พวกเขาจะเริ่มเปิดเครื่องจักรกล
ต่อให้มีร่างอมตะ พวกเขาจะตายอยู่ภายในเส้นทางคมดาบ นี่อาจเป็นกลไกที่เหล่าเทพสร้างขึ้น
ไม่มีใครหลบหนี ไม่มีใครทำลายได้...
เจ้าต้องให้ความสนใจบางคนไม่ว่าพวกเขาจะบุกทะลวงไปรวดเร็วแค่ไหน เราอาจต้องปล่อยไปก่อน อย่าพูดว่าพวกเขากำลังมา!”
ผู้อาวุโสตำหนักทางขวาพูดอย่างมีความสุข
เขากับสหายซ่อนตัวอยู่ใต้รัศมี
แต่เขารู้ว่ามันขยายได้เป็นร้อยเท่า
สายตาของเขาจับตาดูเย่ว์หยางและพวกที่กำลังเข้ามาในหุบเขามีด
เหมือนกับว่าไม่รู้ว่ามีศัตรูซุ่มรอทำร้ายอยู่ข้างหน้า เย่ว์หยางเดินนำหน้ากลุ่ม ถูไห่อยู่ด้านข้าง แต่ราชาหลิงหวินยังรั้งท้าย
ตรงกลางคือกุยซิน
กุยเจินจากสี่คน
ทุกคนกระจายตัวในระยะที่แน่นอน
ที่ระยะนี้
ไม่เพียงแต่สามารถดูแลกันได้ จะไม่มีผลต่อช่องพื้นที่ที่แคบที่สุด
ถ้าพบกับกลไกลกับดักในหุบเขามีด
ทุกคนจะมีเวลาจัดการได้มากขึ้น
วงล้อใหญ่หมุนต่อเนื่องตามกัน
ที่ขอบติดอาวุธมีคมแทบทุกชนิดมีทั้งมีด หอก ลูกศรพิษ เครื่องบดกระดูก
กระดานตะปูและหลาวแหลนต่างๆ พอพวกเย่ว์หยางเดินผ่านกลไกก็เริ่มทำงาน
มีแต่เพียงคนที่คล่องแคล่วว่องไวที่สุดจึงสามารถหลบหลีกได้ ลูกศรที่ยิงออกมาดูเหมือนว่ายากจะหลีกเลี่ยง
ต้องเดินแบบสุ่มพยายามหาช่องว่างและลำดับความสำคัญก่อนหลังในการหลบหลีก
เมื่อเย่ว์หยางเดินผ่านพื้นที่เช่นนั้น เขาอดชื่นชมคนออกแบบโดยเฉพาะมิได้ เครื่องจักรกลแบบนั้นช่วยให้ฝึกฝนได้ผลอย่างดีที่สุด
เทียบกับเครื่องจักรกลในหอทงเทียนในวังห้าธาตุ นั่นเหมือนกับฝนตกกะปริบกะปรอย
ถ้าไม่มีผู้อาวุโสตำหนักคอยซุ่มโจมตีอยู่ข้างหน้า
เย่ว์หยางคงให้ฮุยไท่หลางปล่อยให้เจ้าอ้วนไห่และคนอื่นได้สัมผัสหาประสบการณ์
ในกลไกเหล่านี้มีดและหอกบางจุดสามารถผ่านไปได้ทั่วทุกพื้นที่
คนที่มาถึงไม่สามารถหลบได้ ต้องคอยดูจังหวะยืดหดของมันให้ชัดเจน
พอผ่านสำเร็จต้องหดตัวหลบทันทีหลีกเลี่ยงการเคลื่อนไหว
เย่ว์หยางเดินและแอบบันทึกไว้หวังว่าต่อไปจะทำบทฝึกแบบที่คล้ายกันนี้ที่หอทงเทียน
หลังจากผ่านเครื่องจักรยักษ์ไปไม่ถึงหนึ่งในห้า
แต่ก็ทำให้ราชาหลิงหวินและพวกรู้สึกเวียนหัว
โชคดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ
ทุกคนผ่านมาได้สำเร็จ
เย่ว์หยางอยู่ที่ขอบมีดซึ่งยาวหลายร้อยเมตร
ขอบมีดยาวและใหญ่มาก แต่มีการหมุนในตัวและกลิ้งเป็นลักษณะเหมือนคลื่น
ใบมีดนับพันยังคงหมุนปั่น ถ้าใครติดเข้าไปคงถูกบดตัดเหลือแต่เลือดเนื้อ
แนวเดินของดาบนี้มีขนาดใหญ่ที่สุดในหุบเขามีด
เป็นไปไม่ได้ที่จะตรงผ่านเข้าไปได้
ใครก็ตามที่ผ่านเข้าไปจะถูกฟันเลื่อยตัด
ฟันเลื่อยชุดที่สองหมุนขวาง และจากนั้นตามด้วยชุดที่สาม
ใบมีดมีจำนวนหลายพันเล่ม
เมื่อเข้าไปแล้วมีแต่ต้องเดินหน้า
ไม่มีทางถอย
หลังจากขอบหยักไปมีกลไกลอยู่หลัง แม้ว่าจะซับซ้อนมากกว่า แต่ง่ายกว่าเล็กน้อย
มันไม่สามารถฆ่าคนได้จริงๆ
แน่นอนส่วนที่ยากที่สุดของหุบเขามีดก็คือเส้นทางคมมีดนี้
“บ้าจริง” ราชาหลิงหวินรู้ว่าด้านหลังเส้นทางคมมีดมีผู้อาวุโสตำหนักสองคนรอซุ่มทำร้าย
และพวกเขาต้องระวัง ต้องคอยฟังคำแนะนำและเคล็ดต่างๆ จากเย่ว์หยาง
แต่เขายังไม่ปลอดภัยกับการเดินไปตามเส้นทางมีด เขาเข้าใจ มีดที่หมุนเป็นพันๆ
เล่มนั้นมากเกินไป
ตราบใดที่เขาตัดสินใจพลาดแม้แต่เล็กน้อย คงต้องพบกับความเจ็บปวด
ที่น่ากลัวที่สุดก็คือผู้อาวุโสตำหนักกลางสองคนกำลังซุ่มอยู่ในความมืดพร้อมที่จะโจมตี
ถ้าไม่ใช่เพราะคุณชายสามตระกูลเย่ว์
เขาคงไม่มีทางผ่านเส้นทางมีดไปได้แน่
สถานที่นี้น่ากลัวอย่างแท้จริง!
อย่างไรก็ตาม
เขายังคงรู้
ถ้าเขาไม่สามารถผ่านเส้นทางคมมีดนี้ไปได้
อย่าหวังว่าจะได้ไปกับคุณชายสามเลย กลับไปขายเต้าหู้เลี้ยงชีวิตดีกว่า
เขากับถูไห่เป็นสองคนแรก
หยุดและเดินเป็นครั้งคราว
หลังจากมีดฟันปลามากกว่าร้อยใบผ่านไป กุยซิน กุยเจินสองพี่น้องตามมาติดๆ และจากนั้นก็เป็นฉางซือและเถี่ยว่านก็เริ่มเข้าไปข้างใน ผู้อาวุโสตำหนักสองคนเห็นฉางซือกับเถี่ยว่านก็คิดว่าเย่ว์หยางเป็นแค่นักสู้เตรียมปราณฟ้า
จึงไม่สนใจ
เพียงแต่ให้ความสนใจราชาหลิงหวิน
นั่นจะมีโอกาสสำเร็จถึง 90%
พวกเขาไม่ลังเลใจเริ่มใช้กลไกกับดักและปิดกลไกมีดตรงเส้นทางที่เย่ว์หยางเตรียมจะเข้าไป
ใบมีดด้านในเพิ่มความเร็วในการหมุนขึ้นถึงสิบเท่า
นอกจากนี้ยังมีอสูรโลหะหลายชนิดซ่อนตัวอยู่ในเส้นทางมีดคอยสร้างความลำบากให้กับราชาหลิงหวิน...
สิบนาทีต่อมา ราชาหลิงหวินและถูไห่
เพราะเจอกับกลไกที่โจมตีแบบคละกัน แม้ว่าอาจโดนสับฟันถึงตายได้
แต่ก็แค่เต็มไปด้วยรอยแผลบาดแผลไม่ใหญ่และฟกช้ำเท่านั้น
ที่สำคัญที่สุดคือ
ทั้งคู่โจมตีใส่อสูรโลหะ
อสูรโลหะเหล่านี้เป็นลูกหลานเผ่าพันธุ์ของอสูรโลหะที่ผู้อาวุโสรุ่นเก่าปล่อยไว้เป็นพิเศษ พวกมันล้วนมีความสามารถกันทั้งนั้น
เมื่อพวกมันโจมตีเป้าหมาย พวกมันสามารถขัดขวางไม่ให้กลุ่มได้คืบหน้า
อสูรธาตุโลหะนับไม่ถ้วน
บนร่างของพวกมันมีทั้งเครื่องถ่วง โซ่ หรือกุญแจมือ
หลิงหวินและถูไห่ที่กำลังออกมาในเส้นทางมีดตกอยู่ในอันตรายหลายครั้งแทบถูกฟันเป็นเลือดเนื้อเลอะเลือน ผู้อาวุโสตำหนักทั้งสองหัวเราะลั่น
และพวกเขาประหลาดใจที่แผนพวกเขาสำเร็จ
อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่ประหลาดใจ และไม่ค่อยยินดีกับผลสำเร็จเช่นนั้น
ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา พวกเขารู้สึกหดหู่และไม่สบายใจ แต่ขณะนี้เพื่อเร่งความตายให้กับราชาหลิงหวินและถูไห่
เพื่อให้ได้ชัยชนะเร็วขึ้นและได้ผลงานยิ่งใหญ่
พวกเขาตัดสินใจเข้าเส้นทางคมมีดด้วยตนเองเพื่อสังหารหลิงหวินและถูไห่ที่บาดเจ็บสาหัสด้วยมือของเขาเอง
แม้ว่าหลิงหวินจะมีพลังปราณฟ้าระดับห้า
แต่พวกเขามีความมั่นใจมากพอ
ในเส้นทางคมมีดนี้
พลังของผู้อาวุโสทั้งสองไม่ได้ลดลงแต่อย่างใด
แต่กลับเพิ่มขึ้นหลายเท่า
เขาจะไม่มั่นใจได้อย่างไรในเมื่อพวกเขาแข็งแกร่งขึ้น?
“ฟลามิงโกที่งดงาม ถึงคราวเจ้าบ้างแล้ว!” ผู้อาวุโสตำหนักคนซ้ายเรียกนกฟลามิงโกตัวหนึ่ง ฟลามิงโกมีรูปร่างเหมือนดวงอาทิตย์สยายกางปีก
ราวกับว่าจะเผาผลาญทั้งโลกพลังของมันมากถึงปราณฟ้าระดับห้าซึ่งไม่ได้อ่อนแอมากไปกว่าเจ้านายมัน
และยังเหนือกว่าในบางด้าน
“ฟลามิงโกของเจ้าดูงดงามมาก”
ผู้อาวุโสตำหนักคนขวามือชื่นชมและเรียกสิ่งมีชีวิตที่เหมือนกับภูเขา
มันเป็นอสูรขนาดยักษ์
รูปแบบดวงดาว
มันใหญ่กว่าภูเขา
แต่ลักษณะของมันไม่ได้งุ่มง่าม กลับตรงกันข้าม มันคล่องแคล่วว่องไว
สิ่งที่น่าทึ่งที่สุดก็คืออสูรที่เหมือนดวงดาวนี้มีพลังปราณฟ้าระดับสี่
มันสามารถรวมตัวกับโลหะได้ มันสามารถรวมกับดิน น้ำได้ผสานกับเส้นทางคมมีด
และเคลื่อนไหวอย่างอิสระภายใน ทั้งสร้างและลดพื้นที่เพื่อให้เข้ากันกับดาบ
และชีวิตของคนทั้งหกจะถูกกักอยู่ภายในจนตาย
ผู้อาวุโสทางซ้ายมือเปิดเครื่องจักรกลชุดสุดท้ายของเส้นทางก่อนจะเข้าไป เขายิ้มและกล่าว “ฟลามิงโกของข้า
แต่มันย้อมไว้ด้วยเลือดมากมายนับไม่ถ้วน ย่อมงดงามแน่นอน! ด้วยเลือดของหัวหน้าทั้งหกนี้
ฟลามิงโกของข้าจะยิ่งงดงามมาก.. ผู้เฒ่า, เรายังคงทำตามแผนดั้งเดิม เจ้ารับผิดชอบคอยขัดขวาง
และข้าจะโจมตีสังหารพวกเขา ฮ่าฮ่า คนพวกนี้ช่างระมัดระวัง
มันเป็นจุดอ่อนที่ร้ายแรงของพวกเขา ถ้าพวกเขาไม่แยกกระจายกันและเคลื่อนที่ไปข้างหน้าพร้อมกัน อย่างนั้นเราคงต้องโจมตี
แต่จะไม่ค่อยราบรื่นนัก
ตอนนี้มีเพียงสองคนที่อยู่ข้างหน้า และทุกคนมีบาดแผลบาดเจ็บกันมาก
ฟลามิงโกที่งดงามของข้าแทบรอไม่ไหวแล้ว”
“ดูเหมือนว่าจะมีลมแรง...”
ผู้อาวุโสวิหารที่อยู่ด้านขวารู้สึกว่ามีลมพัดแรงมาจากภายใน
“พวกมันยังคงถูกกักอยู่ในระยะไกลมาก
และเป็นไปไม่ได้ที่จะพัดออกมา
ดูเหมือนเป็นแค่ความแตกต่างระหว่างความเย็นกับร้อนปะทะกันก่อให้เกิดลมพัด!” ผู้อาวุโสของตำหนักด้านซ้ายตรวจสอบอย่างระมัดระวังและพบว่าไม่มีความผิดปกติ
“ใช่ แต่เราต้องให้ความสนใจ
ระวังตัวไว้ไม่ใช่ไม่ดี!” ผู้อาวุโสตำหนักพยักหน้าให้กันและยอมรับว่าระแวงไปเล็กน้อย
พวกเขาไม่เห็นว่า
ไม่ไกลจากพวกเขา
เย่ว์หยางในสภาพล่องหนยืนอยู่เหนือกับดักจักรกลมองลงมาที่พวกเขา
ในที่สุดเย่ว์หยางก็ไม่ช่วยพวกราชาหลิงหวินทั้งหก
เขาแค่เก็บหนูทองค้นสมบัติและจากไปโดยไม่พูดอะไร
ถ้าราชาหลิงหวินไม่สามารถผ่านด่านทดสอบระดับนี้ได้
อย่างนั้นพวกเขาไม่ต้องปะปนอยู่ในแดนสวรรค์ต่อไป
มิฉะนั้นพวกเขาจะไม่สามารถรักษาชีวิตตนได้ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม
นี่เป็นการทดสอบพื้นฐาน
พวกเขาต้องผ่านให้ได้
สิ่งที่เย่ว์หยางต้องการไม่ใช่ความสูญเสีย
แต่เป็นผู้ติดตามคนหนึ่งผู้มีความกล้าหาญและจริงใจ
พวกราชาหลิงหวินก็รู้เช่นกัน และพวกเขารู้สึกว่าพวกเขาต้องแสดงฝีมือให้ดีที่สุด
การแสดงฝีมือครั้งนี้
คุณชายสามจะเป็นผู้ตัดสินโดยตรง
พวกเขาจะมีคุณค่ามากพอหรือไม่
ขึ้นอยู่กับการต่อสู้ครั้งนี้
นกฟลามิงโกกางปีกที่งดงามของมัน
และภายใต้ทักษะความสามารถของมันเปลวไฟนับล้านและมีขอบคมมีดสะบัดเข้าโจมตีราชาหลิงหวินและเจ้าเมืองถูไห่ที่อยู่ในสภาพหมดแรง
“โอวพระเจ้า, มันคือฟลามิงโก!”
ราชาหลิงหวินรู้แล้วว่าใครลอบทำร้าย
เป็นผู้อาวุโสฟลามิงโกที่มีชื่อเสียงของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์
“อ่อนแอ เจ็บปวดโศกเศร้า
นั่นคือเสียงสุดท้ายที่เจ้าจะทิ้งไว้ในแดนสวรรค์!” ผู้อาวุโสฟลามิงโกสะบัดมือทั้งสองและพลังระเบิดพุ่งออกมาเหมือนกับภูเขาไฟปะทุ
จากนั้นอสูรทั้งหมดที่
จากนั้นอสูรฟลามิงโกกลายร่างเป็นมีดคมและพุ่งเข้าหาราชาหลิงหวินและเจ้าเมืองถูไห่ ผู้อาวุโสฟาลามิงโกจะมีทักษะแฝงเร้น ‘รุกจู่โจม’ ตราบใดที่ไฟรุกเข้าไปที่ร่างกายได้
ไฟจะเปลี่ยนเลือดในตัวศัตรูเป็นดาบฟันใส่อวัยวะภายใน แทงผิวทะลุร่างออกมาและคนผู้นั้นจะประสบกับความตายอย่างสยดสยอง
“นี่ นี่มันอะไร?”
เจ้าเมืองถูไห่พบว่ามือของเขาเปียก
เมื่อมองดูใกล้ๆ
จึงตระหนักว่าไม่ใช่น้ำ ไม่ใช่เลือด แต่เป็นโลหะเหลว
โลหะเหลวเหล่านั้นเหมือนกับมีชีวิต
แผ่กระจายไปรอบตัวและในพริบตามันขยายยาวกลายเป็นหลาวเกาะอยู่รอบตัวถูไห่ซึ่งยังอยู่ในกลางเส้นทางมีด...
เมื่อเห็นว่าไม่มีเครื่องจักรดาบหมุนกวาดเข้าหา และเขายังไม่สามารถต่อสู้ดิ้นรนได้
ถูไห่เหงื่อหยดทันที
ราชาหลิงหวินมองดูตนเองอย่างรวดเร็ว
และอุทานเช่นกัน “ปลาดาวทองของผู้อาวุโสฉีฟง, ทิ้งโลหะเหลวบนร่างกายซะ
มันสามารถหลอมรวมกับโลหะได้ หนีเร็ว!”
ผู้อาวุโสฉีฟงหัวเราะ
“สายเกินไป ในหุบเขานี้ ข้ากับฟลามิงโกไร้เทียมทาน เจ้าตายได้แล้ว”
ราชาหลิงหวินหลบดาบคมนับพันได้และลอบปาดเหงื่อเยียบเย็น
ทันใดนั้นเขารู้สึกว่ามีดขนนกเล่มหนึ่งเล็กกว่าเข็ม
มันกัดใต้เท้าเขาเบาๆ
ราชาหลิงหวินตกใจยกเท้าและกระโดดขึ้นโดยไม่รู้ตัวว่าด้านมีศีรษะยังมีมีดคมที่มีลักษณะคล้ายกระเรียนพับ ราชาหลิงหวินเหยียดมือบังไว้
กระเรียนพับจิกทะลุฝ่ามือของเขาและมันเปลี่ยนเป็นเปลวเพลิงทันทีชอนไชเข้าไปในบาดแผลที่ฝ่ามือของหลิงหวิน
จากนั้นเปลี่ยนเป็นมีดคมนับไม่ถ้วนไล่ไปตามฝ่ามือ
“อ๊า....” ราชาหลิงหวินร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด
และตาของเขามองดูเส้นเลือดบนฝ่ามือกลายเป็นใบมีดแทงทะลุออกมา
“ตาย, เจ้าจะต้องพบกับความตายแน่นอน!”
ผู้อาวุโสฟลามิงโกรู้ว่าเมื่อศัตรูได้รับบาดเจ็บก็เท่ากับจบการต่อสู้
“ผู้อาวุโสฟลามิงโก! เจ้าเข้าใจผิดแล้ว
นี่เพิ่งจะเริ่มต้น!”
แขนของราชาหลิงหวินกลายเป็นหมอกทันทีและมีดที่เข้าไปในตัวของเขาตกลงมาจากอากาศ เมื่อไม่มีเลือดก็ไม่สามารถลุกลามต่อไปได้ ในทางตรงกันข้าม เจ้าเมืองถูไห่ยังคงเปลี่ยนกลายเป็นมนุษย์น้ำหลุดออกมาจากเกราะพ้นจากแรงตัดฟันจากดาบจักรกลได้
แม้จะทุลักทุเลก็ตาม
“ร่างหมอกแปลงและร่างน้ำมายา
ทักษะแฝงเร้นธาตุน้ำ?”
ผู้อาวุโสฟลามิงโกเข้าใจทันทีว่าเหตุใดทั้งสองจึงกล้าเบิกเส้นทางก่อน
เพราะมีเคล็ดเอาตัวรอดนี่เอง
อย่างไรก็ตามพวกเขาจะแปลงเป็นหมอกและน้ำได้อีกสักกี่ครั้ง
ทักษะแฝงเร้นไม่ใช่เครื่องมือเอนกประสงค์
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเส้นทางมีดนี้
แม้ว่าการแปลงเป็นหมอกและภาพมายาน้ำ เมื่อถูกอาวุธตัดใส่แม้ว่าจะไม่ตายทันที
แต่หลังจากฟื้นแล้ว ร่างจะยังมีรอยแยกอยู่
ที่สำคัญที่สุด ทั้งร่างหมอกเปลี่ยนแปลงและร่างมายาน้ำยังด้อยกว่าฟลามิงโกที่สามารถแปลงเป็นเป็นไฟ
เลือดและคมมีดได้ แม้จะไม่ต้องพึ่งทักษะแฝงเร้นลุกลาม แต่พวกเขาจะยังไม่ใช้ประโยชน์จากตรงนี้
สภาพที่ไม่ธรรมดาของหลิงหวินและถูไห่ ผู้อาวุโสตำหนักทั้งสองที่อยู่ในการต่อสู้
ได้เพิกเฉยไม่สนใจเย่ว์หยางซึ่งเป็นระดับเตรียมนักสู้ปราณฟ้าไปแล้ว
แม้ว่าทั้งเย่ว์หยางและฮุยไท่หลางจะไม่รู้เมื่อพวกเขาหายเข้าไปในหุบเขามีด พวกเขาก็ยังไม่รู้ตัว
ใครจะให้ความสนใจนักสู้เตรียมปราณฟ้ากันเล่า?
ถ้าจะต้องให้ความสนใจ
เขาจะต้องกังวลพลังของกุยซิน กุยเจิน
ฉางซือและเถี่ยว่านซึ่งยังติดอยู่ในพื้นที่เส้นทางดาบ...
“ข้ามีเวลาเหลือเฟือจะจัดการกับพวกเจ้าก่อนที่พวกเขาจะมาถึง” ผู้อาวุโสฟลามิงโกแค่นเสียง เขาตัดสินใจใช้ไม้ตาย
ลูกเล่นที่ทำให้ศัตรูแยกขาดจากกัน!...!
6 ความคิดเห็น:
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
Thank
ขอบคุณมากครับ
สองคนนี่จะตายท่าไหน
แสดงความคิดเห็น