วันเสาร์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2562

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 802 บุก, หมอกแปรเปลี่ยน น้ำลวงตา



ตอนที่  802  บุก, หมอกแปรเปลี่ยน น้ำลวงตา
ภายในหุบเขามีด
ผู้อาวุโสวิหารทั้งสองคนหงุดหงิดจริงๆ  ศัตรูไม่ยอมเข้ามาในกับดักเป็นเวลานาน หรือว่าพวกเขามองออก?

ก่อนที่นักรบแดนสวรรค์สามกลุ่มคือ กลุ่มเขตรกร้างที่แปด กลุ่มทุ่งหิมะ กลุ่มเพลงสงครามจะออกไป แทบจะทำให้พวกเขาออกไปสกัดกั้น เพื่อป้องกันไม่ให้ศัตรูมองออกว่าเป็นการล่อลวง ผู้อาวุโสทั้งสองหลังจากสนทนากันจึงตัดสินใจซุ่มโจมตีต่อ ไม่ว่ายังไงก็ตามถ้าศัตรูต้องการเอาชนะอุปสรรค พวกเขาก็ต้องผ่านหุบเขามีด  ที่นี่แม้ว่าการเฝ้าโพรงรอกระต่ายจะเป็นเรื่องโง่เขลา แต่เมื่อคิดดูแล้ว นี่เป็นสถานที่ดีที่สุดที่ใช้ในการต่อสู้
ที่นี่ เมื่อสามีไม่อยู่ ภรรยาย่อมไม่เปิดประตู
เนื่องจากประโยชน์จากสถานที่ตั้ง ทั้งสองคนตัดสินใจจับเจ่าอยู่ต่อ
ต่อให้ต้องรอเป็นเวลานาน  ก็จะไม่มีทางเปิดเผยตัวเอง นายพรานผู้อดทน ย่อมสามารถจับเหยื่อได้
ด้วยการได้เปรียบโดยใช้จักรกลของหุบเขามีด ทั้งกับดักความสามารถของสัตว์อสูรในศัตรูที่น่าทึ่งนี้ ท่านสามารถให้ศัตรูชดใช้ราคาที่รุนแรงอย่างแน่นอน  ในหุบเขาสายลมไม่มีการลอบทำร้ายมากไปกว่านี้อีกแล้ว
 “โอวมาแล้ว  ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงนี่”  ผู้อาวุโสคนซ้ายมือพบว่าในที่สุดก็มีความเคลื่อนไหวนอกหุบเขามีดจนได้
 “ตามแผนเดิม เมื่อพวกเขามาถึงทางเดินที่มีคมมีด  พวกเขาจะเริ่มเปิดเครื่องจักรกล  ต่อให้มีร่างอมตะ พวกเขาจะตายอยู่ภายในเส้นทางคมดาบ  นี่อาจเป็นกลไกที่เหล่าเทพสร้างขึ้น ไม่มีใครหลบหนี ไม่มีใครทำลายได้... เจ้าต้องให้ความสนใจบางคนไม่ว่าพวกเขาจะบุกทะลวงไปรวดเร็วแค่ไหน  เราอาจต้องปล่อยไปก่อน อย่าพูดว่าพวกเขากำลังมา!  ผู้อาวุโสตำหนักทางขวาพูดอย่างมีความสุข  เขากับสหายซ่อนตัวอยู่ใต้รัศมี  แต่เขารู้ว่ามันขยายได้เป็นร้อยเท่า สายตาของเขาจับตาดูเย่ว์หยางและพวกที่กำลังเข้ามาในหุบเขามีด
เหมือนกับว่าไม่รู้ว่ามีศัตรูซุ่มรอทำร้ายอยู่ข้างหน้า  เย่ว์หยางเดินนำหน้ากลุ่ม  ถูไห่อยู่ด้านข้าง แต่ราชาหลิงหวินยังรั้งท้าย
ตรงกลางคือกุยซิน กุยเจินจากสี่คน
ทุกคนกระจายตัวในระยะที่แน่นอน
ที่ระยะนี้ ไม่เพียงแต่สามารถดูแลกันได้ จะไม่มีผลต่อช่องพื้นที่ที่แคบที่สุด
ถ้าพบกับกลไกลกับดักในหุบเขามีด ทุกคนจะมีเวลาจัดการได้มากขึ้น
วงล้อใหญ่หมุนต่อเนื่องตามกัน ที่ขอบติดอาวุธมีคมแทบทุกชนิดมีทั้งมีด หอก ลูกศรพิษ เครื่องบดกระดูก กระดานตะปูและหลาวแหลนต่างๆ พอพวกเย่ว์หยางเดินผ่านกลไกก็เริ่มทำงาน มีแต่เพียงคนที่คล่องแคล่วว่องไวที่สุดจึงสามารถหลบหลีกได้  ลูกศรที่ยิงออกมาดูเหมือนว่ายากจะหลีกเลี่ยง ต้องเดินแบบสุ่มพยายามหาช่องว่างและลำดับความสำคัญก่อนหลังในการหลบหลีก เมื่อเย่ว์หยางเดินผ่านพื้นที่เช่นนั้น เขาอดชื่นชมคนออกแบบโดยเฉพาะมิได้   เครื่องจักรกลแบบนั้นช่วยให้ฝึกฝนได้ผลอย่างดีที่สุด เทียบกับเครื่องจักรกลในหอทงเทียนในวังห้าธาตุ นั่นเหมือนกับฝนตกกะปริบกะปรอย
ถ้าไม่มีผู้อาวุโสตำหนักคอยซุ่มโจมตีอยู่ข้างหน้า เย่ว์หยางคงให้ฮุยไท่หลางปล่อยให้เจ้าอ้วนไห่และคนอื่นได้สัมผัสหาประสบการณ์
ในกลไกเหล่านี้มีดและหอกบางจุดสามารถผ่านไปได้ทั่วทุกพื้นที่ คนที่มาถึงไม่สามารถหลบได้ ต้องคอยดูจังหวะยืดหดของมันให้ชัดเจน พอผ่านสำเร็จต้องหดตัวหลบทันทีหลีกเลี่ยงการเคลื่อนไหว
เย่ว์หยางเดินและแอบบันทึกไว้หวังว่าต่อไปจะทำบทฝึกแบบที่คล้ายกันนี้ที่หอทงเทียน
หลังจากผ่านเครื่องจักรยักษ์ไปไม่ถึงหนึ่งในห้า
แต่ก็ทำให้ราชาหลิงหวินและพวกรู้สึกเวียนหัว
โชคดีที่ไม่มีใครได้รับบาดเจ็บ
ทุกคนผ่านมาได้สำเร็จ
เย่ว์หยางอยู่ที่ขอบมีดซึ่งยาวหลายร้อยเมตร ขอบมีดยาวและใหญ่มาก แต่มีการหมุนในตัวและกลิ้งเป็นลักษณะเหมือนคลื่น ใบมีดนับพันยังคงหมุนปั่น ถ้าใครติดเข้าไปคงถูกบดตัดเหลือแต่เลือดเนื้อ
แนวเดินของดาบนี้มีขนาดใหญ่ที่สุดในหุบเขามีด
เป็นไปไม่ได้ที่จะตรงผ่านเข้าไปได้
ใครก็ตามที่ผ่านเข้าไปจะถูกฟันเลื่อยตัด ฟันเลื่อยชุดที่สองหมุนขวาง และจากนั้นตามด้วยชุดที่สาม
ใบมีดมีจำนวนหลายพันเล่ม
เมื่อเข้าไปแล้วมีแต่ต้องเดินหน้า ไม่มีทางถอย
หลังจากขอบหยักไปมีกลไกลอยู่หลัง  แม้ว่าจะซับซ้อนมากกว่า แต่ง่ายกว่าเล็กน้อย มันไม่สามารถฆ่าคนได้จริงๆ  แน่นอนส่วนที่ยากที่สุดของหุบเขามีดก็คือเส้นทางคมมีดนี้
 “บ้าจริง” ราชาหลิงหวินรู้ว่าด้านหลังเส้นทางคมมีดมีผู้อาวุโสตำหนักสองคนรอซุ่มทำร้าย และพวกเขาต้องระวัง ต้องคอยฟังคำแนะนำและเคล็ดต่างๆ จากเย่ว์หยาง แต่เขายังไม่ปลอดภัยกับการเดินไปตามเส้นทางมีด เขาเข้าใจ มีดที่หมุนเป็นพันๆ เล่มนั้นมากเกินไป  ตราบใดที่เขาตัดสินใจพลาดแม้แต่เล็กน้อย คงต้องพบกับความเจ็บปวด
ที่น่ากลัวที่สุดก็คือผู้อาวุโสตำหนักกลางสองคนกำลังซุ่มอยู่ในความมืดพร้อมที่จะโจมตี
ถ้าไม่ใช่เพราะคุณชายสามตระกูลเย่ว์ เขาคงไม่มีทางผ่านเส้นทางมีดไปได้แน่
สถานที่นี้น่ากลัวอย่างแท้จริง!
อย่างไรก็ตาม เขายังคงรู้
ถ้าเขาไม่สามารถผ่านเส้นทางคมมีดนี้ไปได้ อย่าหวังว่าจะได้ไปกับคุณชายสามเลย กลับไปขายเต้าหู้เลี้ยงชีวิตดีกว่า
เขากับถูไห่เป็นสองคนแรก
หยุดและเดินเป็นครั้งคราว หลังจากมีดฟันปลามากกว่าร้อยใบผ่านไป กุยซิน กุยเจินสองพี่น้องตามมาติดๆ และจากนั้นก็เป็นฉางซือและเถี่ยว่านก็เริ่มเข้าไปข้างใน  ผู้อาวุโสตำหนักสองคนเห็นฉางซือกับเถี่ยว่านก็คิดว่าเย่ว์หยางเป็นแค่นักสู้เตรียมปราณฟ้า จึงไม่สนใจ  เพียงแต่ให้ความสนใจราชาหลิงหวิน  นั่นจะมีโอกาสสำเร็จถึง 90%
พวกเขาไม่ลังเลใจเริ่มใช้กลไกกับดักและปิดกลไกมีดตรงเส้นทางที่เย่ว์หยางเตรียมจะเข้าไป
ใบมีดด้านในเพิ่มความเร็วในการหมุนขึ้นถึงสิบเท่า
นอกจากนี้ยังมีอสูรโลหะหลายชนิดซ่อนตัวอยู่ในเส้นทางมีดคอยสร้างความลำบากให้กับราชาหลิงหวิน... สิบนาทีต่อมา  ราชาหลิงหวินและถูไห่ เพราะเจอกับกลไกที่โจมตีแบบคละกัน แม้ว่าอาจโดนสับฟันถึงตายได้ แต่ก็แค่เต็มไปด้วยรอยแผลบาดแผลไม่ใหญ่และฟกช้ำเท่านั้น
ที่สำคัญที่สุดคือ ทั้งคู่โจมตีใส่อสูรโลหะ
อสูรโลหะเหล่านี้เป็นลูกหลานเผ่าพันธุ์ของอสูรโลหะที่ผู้อาวุโสรุ่นเก่าปล่อยไว้เป็นพิเศษ  พวกมันล้วนมีความสามารถกันทั้งนั้น เมื่อพวกมันโจมตีเป้าหมาย พวกมันสามารถขัดขวางไม่ให้กลุ่มได้คืบหน้า
อสูรธาตุโลหะนับไม่ถ้วน บนร่างของพวกมันมีทั้งเครื่องถ่วง โซ่ หรือกุญแจมือ หลิงหวินและถูไห่ที่กำลังออกมาในเส้นทางมีดตกอยู่ในอันตรายหลายครั้งแทบถูกฟันเป็นเลือดเนื้อเลอะเลือน  ผู้อาวุโสตำหนักทั้งสองหัวเราะลั่น และพวกเขาประหลาดใจที่แผนพวกเขาสำเร็จ  อย่างไรก็ตาม พวกเขาไม่ประหลาดใจ และไม่ค่อยยินดีกับผลสำเร็จเช่นนั้น ในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา พวกเขารู้สึกหดหู่และไม่สบายใจ  แต่ขณะนี้เพื่อเร่งความตายให้กับราชาหลิงหวินและถูไห่ เพื่อให้ได้ชัยชนะเร็วขึ้นและได้ผลงานยิ่งใหญ่  พวกเขาตัดสินใจเข้าเส้นทางคมมีดด้วยตนเองเพื่อสังหารหลิงหวินและถูไห่ที่บาดเจ็บสาหัสด้วยมือของเขาเอง
แม้ว่าหลิงหวินจะมีพลังปราณฟ้าระดับห้า แต่พวกเขามีความมั่นใจมากพอ
ในเส้นทางคมมีดนี้ พลังของผู้อาวุโสทั้งสองไม่ได้ลดลงแต่อย่างใด
แต่กลับเพิ่มขึ้นหลายเท่า
เขาจะไม่มั่นใจได้อย่างไรในเมื่อพวกเขาแข็งแกร่งขึ้น?
 “ฟลามิงโกที่งดงาม ถึงคราวเจ้าบ้างแล้ว!  ผู้อาวุโสตำหนักคนซ้ายเรียกนกฟลามิงโกตัวหนึ่ง  ฟลามิงโกมีรูปร่างเหมือนดวงอาทิตย์สยายกางปีก ราวกับว่าจะเผาผลาญทั้งโลกพลังของมันมากถึงปราณฟ้าระดับห้าซึ่งไม่ได้อ่อนแอมากไปกว่าเจ้านายมัน และยังเหนือกว่าในบางด้าน
 “ฟลามิงโกของเจ้าดูงดงามมาก”  ผู้อาวุโสตำหนักคนขวามือชื่นชมและเรียกสิ่งมีชีวิตที่เหมือนกับภูเขา
มันเป็นอสูรขนาดยักษ์
รูปแบบดวงดาว
มันใหญ่กว่าภูเขา แต่ลักษณะของมันไม่ได้งุ่มง่าม กลับตรงกันข้าม มันคล่องแคล่วว่องไว
สิ่งที่น่าทึ่งที่สุดก็คืออสูรที่เหมือนดวงดาวนี้มีพลังปราณฟ้าระดับสี่ มันสามารถรวมตัวกับโลหะได้ มันสามารถรวมกับดิน น้ำได้ผสานกับเส้นทางคมมีด และเคลื่อนไหวอย่างอิสระภายใน ทั้งสร้างและลดพื้นที่เพื่อให้เข้ากันกับดาบ และชีวิตของคนทั้งหกจะถูกกักอยู่ภายในจนตาย
ผู้อาวุโสทางซ้ายมือเปิดเครื่องจักรกลชุดสุดท้ายของเส้นทางก่อนจะเข้าไป  เขายิ้มและกล่าว  “ฟลามิงโกของข้า แต่มันย้อมไว้ด้วยเลือดมากมายนับไม่ถ้วน ย่อมงดงามแน่นอน!  ด้วยเลือดของหัวหน้าทั้งหกนี้ ฟลามิงโกของข้าจะยิ่งงดงามมาก.. ผู้เฒ่า, เรายังคงทำตามแผนดั้งเดิม  เจ้ารับผิดชอบคอยขัดขวาง และข้าจะโจมตีสังหารพวกเขา ฮ่าฮ่า คนพวกนี้ช่างระมัดระวัง มันเป็นจุดอ่อนที่ร้ายแรงของพวกเขา ถ้าพวกเขาไม่แยกกระจายกันและเคลื่อนที่ไปข้างหน้าพร้อมกัน  อย่างนั้นเราคงต้องโจมตี แต่จะไม่ค่อยราบรื่นนัก  ตอนนี้มีเพียงสองคนที่อยู่ข้างหน้า และทุกคนมีบาดแผลบาดเจ็บกันมาก ฟลามิงโกที่งดงามของข้าแทบรอไม่ไหวแล้ว”
 “ดูเหมือนว่าจะมีลมแรง...”  ผู้อาวุโสวิหารที่อยู่ด้านขวารู้สึกว่ามีลมพัดแรงมาจากภายใน
 “พวกมันยังคงถูกกักอยู่ในระยะไกลมาก และเป็นไปไม่ได้ที่จะพัดออกมา ดูเหมือนเป็นแค่ความแตกต่างระหว่างความเย็นกับร้อนปะทะกันก่อให้เกิดลมพัด!” ผู้อาวุโสของตำหนักด้านซ้ายตรวจสอบอย่างระมัดระวังและพบว่าไม่มีความผิดปกติ
 “ใช่ แต่เราต้องให้ความสนใจ ระวังตัวไว้ไม่ใช่ไม่ดี!  ผู้อาวุโสตำหนักพยักหน้าให้กันและยอมรับว่าระแวงไปเล็กน้อย
พวกเขาไม่เห็นว่า ไม่ไกลจากพวกเขา
เย่ว์หยางในสภาพล่องหนยืนอยู่เหนือกับดักจักรกลมองลงมาที่พวกเขา
ในที่สุดเย่ว์หยางก็ไม่ช่วยพวกราชาหลิงหวินทั้งหก เขาแค่เก็บหนูทองค้นสมบัติและจากไปโดยไม่พูดอะไร
ถ้าราชาหลิงหวินไม่สามารถผ่านด่านทดสอบระดับนี้ได้  อย่างนั้นพวกเขาไม่ต้องปะปนอยู่ในแดนสวรรค์ต่อไป  มิฉะนั้นพวกเขาจะไม่สามารถรักษาชีวิตตนได้ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ตาม นี่เป็นการทดสอบพื้นฐาน  พวกเขาต้องผ่านให้ได้  สิ่งที่เย่ว์หยางต้องการไม่ใช่ความสูญเสีย  แต่เป็นผู้ติดตามคนหนึ่งผู้มีความกล้าหาญและจริงใจ
พวกราชาหลิงหวินก็รู้เช่นกัน  และพวกเขารู้สึกว่าพวกเขาต้องแสดงฝีมือให้ดีที่สุด
การแสดงฝีมือครั้งนี้ คุณชายสามจะเป็นผู้ตัดสินโดยตรง
พวกเขาจะมีคุณค่ามากพอหรือไม่
ขึ้นอยู่กับการต่อสู้ครั้งนี้
นกฟลามิงโกกางปีกที่งดงามของมัน และภายใต้ทักษะความสามารถของมันเปลวไฟนับล้านและมีขอบคมมีดสะบัดเข้าโจมตีราชาหลิงหวินและเจ้าเมืองถูไห่ที่อยู่ในสภาพหมดแรง
 “โอวพระเจ้า, มันคือฟลามิงโก!  ราชาหลิงหวินรู้แล้วว่าใครลอบทำร้าย เป็นผู้อาวุโสฟลามิงโกที่มีชื่อเสียงของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์
 “อ่อนแอ เจ็บปวดโศกเศร้า นั่นคือเสียงสุดท้ายที่เจ้าจะทิ้งไว้ในแดนสวรรค์!  ผู้อาวุโสฟลามิงโกสะบัดมือทั้งสองและพลังระเบิดพุ่งออกมาเหมือนกับภูเขาไฟปะทุ จากนั้นอสูรทั้งหมดที่ จากนั้นอสูรฟลามิงโกกลายร่างเป็นมีดคมและพุ่งเข้าหาราชาหลิงหวินและเจ้าเมืองถูไห่  ผู้อาวุโสฟาลามิงโกจะมีทักษะแฝงเร้น รุกจู่โจม ตราบใดที่ไฟรุกเข้าไปที่ร่างกายได้ ไฟจะเปลี่ยนเลือดในตัวศัตรูเป็นดาบฟันใส่อวัยวะภายใน แทงผิวทะลุร่างออกมาและคนผู้นั้นจะประสบกับความตายอย่างสยดสยอง
 “นี่ นี่มันอะไร?”
เจ้าเมืองถูไห่พบว่ามือของเขาเปียก
เมื่อมองดูใกล้ๆ จึงตระหนักว่าไม่ใช่น้ำ ไม่ใช่เลือด แต่เป็นโลหะเหลว
โลหะเหลวเหล่านั้นเหมือนกับมีชีวิต แผ่กระจายไปรอบตัวและในพริบตามันขยายยาวกลายเป็นหลาวเกาะอยู่รอบตัวถูไห่ซึ่งยังอยู่ในกลางเส้นทางมีด... เมื่อเห็นว่าไม่มีเครื่องจักรดาบหมุนกวาดเข้าหา และเขายังไม่สามารถต่อสู้ดิ้นรนได้ ถูไห่เหงื่อหยดทันที
ราชาหลิงหวินมองดูตนเองอย่างรวดเร็ว และอุทานเช่นกัน “ปลาดาวทองของผู้อาวุโสฉีฟง, ทิ้งโลหะเหลวบนร่างกายซะ มันสามารถหลอมรวมกับโลหะได้ หนีเร็ว!
ผู้อาวุโสฉีฟงหัวเราะ “สายเกินไป ในหุบเขานี้ ข้ากับฟลามิงโกไร้เทียมทาน เจ้าตายได้แล้ว”
ราชาหลิงหวินหลบดาบคมนับพันได้และลอบปาดเหงื่อเยียบเย็น
ทันใดนั้นเขารู้สึกว่ามีดขนนกเล่มหนึ่งเล็กกว่าเข็ม มันกัดใต้เท้าเขาเบาๆ
ราชาหลิงหวินตกใจยกเท้าและกระโดดขึ้นโดยไม่รู้ตัวว่าด้านมีศีรษะยังมีมีดคมที่มีลักษณะคล้ายกระเรียนพับ  ราชาหลิงหวินเหยียดมือบังไว้  กระเรียนพับจิกทะลุฝ่ามือของเขาและมันเปลี่ยนเป็นเปลวเพลิงทันทีชอนไชเข้าไปในบาดแผลที่ฝ่ามือของหลิงหวิน จากนั้นเปลี่ยนเป็นมีดคมนับไม่ถ้วนไล่ไปตามฝ่ามือ
 “อ๊า....” ราชาหลิงหวินร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด และตาของเขามองดูเส้นเลือดบนฝ่ามือกลายเป็นใบมีดแทงทะลุออกมา
 “ตาย, เจ้าจะต้องพบกับความตายแน่นอน!  ผู้อาวุโสฟลามิงโกรู้ว่าเมื่อศัตรูได้รับบาดเจ็บก็เท่ากับจบการต่อสู้
 “ผู้อาวุโสฟลามิงโก!  เจ้าเข้าใจผิดแล้ว นี่เพิ่งจะเริ่มต้น!  แขนของราชาหลิงหวินกลายเป็นหมอกทันทีและมีดที่เข้าไปในตัวของเขาตกลงมาจากอากาศ  เมื่อไม่มีเลือดก็ไม่สามารถลุกลามต่อไปได้  ในทางตรงกันข้าม เจ้าเมืองถูไห่ยังคงเปลี่ยนกลายเป็นมนุษย์น้ำหลุดออกมาจากเกราะพ้นจากแรงตัดฟันจากดาบจักรกลได้ แม้จะทุลักทุเลก็ตาม
 “ร่างหมอกแปลงและร่างน้ำมายา ทักษะแฝงเร้นธาตุน้ำ?”  ผู้อาวุโสฟลามิงโกเข้าใจทันทีว่าเหตุใดทั้งสองจึงกล้าเบิกเส้นทางก่อน เพราะมีเคล็ดเอาตัวรอดนี่เอง
อย่างไรก็ตามพวกเขาจะแปลงเป็นหมอกและน้ำได้อีกสักกี่ครั้ง
ทักษะแฝงเร้นไม่ใช่เครื่องมือเอนกประสงค์
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเส้นทางมีดนี้ แม้ว่าการแปลงเป็นหมอกและภาพมายาน้ำ เมื่อถูกอาวุธตัดใส่แม้ว่าจะไม่ตายทันที แต่หลังจากฟื้นแล้ว ร่างจะยังมีรอยแยกอยู่  ที่สำคัญที่สุด ทั้งร่างหมอกเปลี่ยนแปลงและร่างมายาน้ำยังด้อยกว่าฟลามิงโกที่สามารถแปลงเป็นเป็นไฟ เลือดและคมมีดได้ แม้จะไม่ต้องพึ่งทักษะแฝงเร้นลุกลาม  แต่พวกเขาจะยังไม่ใช้ประโยชน์จากตรงนี้
สภาพที่ไม่ธรรมดาของหลิงหวินและถูไห่  ผู้อาวุโสตำหนักทั้งสองที่อยู่ในการต่อสู้ ได้เพิกเฉยไม่สนใจเย่ว์หยางซึ่งเป็นระดับเตรียมนักสู้ปราณฟ้าไปแล้ว
แม้ว่าทั้งเย่ว์หยางและฮุยไท่หลางจะไม่รู้เมื่อพวกเขาหายเข้าไปในหุบเขามีด  พวกเขาก็ยังไม่รู้ตัว
ใครจะให้ความสนใจนักสู้เตรียมปราณฟ้ากันเล่า?
ถ้าจะต้องให้ความสนใจ เขาจะต้องกังวลพลังของกุยซิน กุยเจิน ฉางซือและเถี่ยว่านซึ่งยังติดอยู่ในพื้นที่เส้นทางดาบ...
 “ข้ามีเวลาเหลือเฟือจะจัดการกับพวกเจ้าก่อนที่พวกเขาจะมาถึง”  ผู้อาวุโสฟลามิงโกแค่นเสียง  เขาตัดสินใจใช้ไม้ตาย ลูกเล่นที่ทำให้ศัตรูแยกขาดจากกัน!...!

6 ความคิดเห็น:

krisda กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Boybravo กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

sarinnan กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Tony กล่าวว่า...

Thank

akekapoj-tee กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับ

chay กล่าวว่า...

สองคนนี่จะตายท่าไหน

แสดงความคิดเห็น