ตอนที่ 816 ขอบเขตปราณราชันย์ที่สมบูรณ์แบบ
บันไดสวรรค์ชั้นห้า
แม้แต่มารสัมฤทธิ์ฟ้าที่แข็งแกร่งที่สุดก็แทบทรงตัวไม่อยู่
เขานั่งอยู่บนโขดหินอย่างอ่อนแรง
ในระยะร้อยเมตรรอบตัวเขา จักรพรรดิมังกร จักรพรรดิใต้พิภพ
จอมปีศาจบารุธ ฮาซินและนักสู้ชาวหอทงเทียนทุกคนนอนแผ่หรากับพื้นหมดเรี่ยวแรงโดยไม่สนใจภาพพจน์
มารแค้นฟ้า มารฟ้าวิบัติ มารอาญาฟ้า มารฟ้าพิโรธ
มารฟ้าสังหาร มารกระบี่ฟ้าและพวกจากตำหนักมารฟ้านอนแผ่หอบหายใจซี่โครงบานราวกับสุนัขหอบแดด
มีแต่มารเคราะห์ฟ้าสาวน้อยผู้ฉลาดขอให้เย่ว์หยางพานางเข้าบันไดสวรรค์ไปฝึกกับมารกฎฟ้า
นางไม่ได้ฝึกมาเพื่อการต่อสู้แบบนี้
แม้ว่าด้วยพลังของมารเคราะห์ฟ้าเองนางต้องการจะฝึกไล่ตามมารกฎฟ้าให้ทันแบบก้าวกระโดด
แต่ด้วยพลังภูมิรู้ของนางระดับต่ำกว่าห้าพันขั้นไม่น่าเป็นปัญหา
ผู้เฒ่าเต่ามังกรและผู้เฒ่าหนานกงก็อยู่ที่นี่ด้วย
ถ้าไม่ใช่เพราะสองคนนี้
มารสัมฤทธิ์ฟ้าอาจจะต้องใช้ความพยายามมากเป็นพิเศษกว่าจะฆ่าผู้อาวุโสตำหนักได้
ความท้าทายในขั้นสูงนี้ไม่มีใครจำได้ว่าต้องใช้เวลาต่อสู้ไปเท่าใด
สุดยอดนักสู้ทั่วทั้งหอทงเทียนถูกระดมออกมา
ทั้งที่ไม่มีวี่แววของสงคราม
เป็นการต่อสู้ที่สิ้นเปลืองเรี่ยวแรง
นี่แค่ฆ่าผู้อาวุโสตำหนักกลางแดนสวรรค์พลังปราณฟ้าระดับห้า...
ถ้าผู้อาวุโสนี้แข็งแกร่งมากกว่านี้อีกเล็กน้อยหรือแข็งแกร่งเหมือนเมื่อก่อนที่จะเสียสติ
คาดกันว่าผลที่ออกมาจะกลายเป็นอีกอย่างหนึ่ง
“น่ากลัวเหลือเกิน ไม่มีขีดจำกัดอยู่เลย
ปราณฟ้าระดับห้าทรงพลังมากมายจริงๆ!” จอมปีศาจบารุธยังคงรู้สึกหวั่นเกรง
“เจ้าเด็กนี่จับผู้อาวุโสตำหนักตามาลำพังได้ยังไง?” จักรพรรดิมังกรนึกไม่ออกว่าเย่ว์หยางมีพลังขนาดไหน
“เขามันตัวประหลาดอยู่แล้ว!” จักรพรรดิใต้พิภพไม่อาจอธิบายได้
“เจ้าคิดว่าเป็นยังไงบ้าง?” ผู้เฒ่าหนานกงถามขณะที่ช่วยรักษามารสัมฤทธิ์ฟ้า
“เฮอะ” เขาแค่นเสียงเย็นชา
ความจริงเขารู้ว่าผู้เฒ่าหนานกงไม่ได้ถามเรื่องความรู้สึกในการต่อสู้
แต่ถามถึงผลได้ในการต่อสู้ครั้งนี้เป็นไปได้ว่าจะมีความรุดหน้า
อย่างไรก็ตามมารสัมฤทธิ์ฟ้ารู้สึกว่าการต่อสู้นี้เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นมากเช่นกัน
ความท้าทายสูงสุดที่อาจถูกศัตรูฆ่าได้ทุกเมื่อเหมือนเดินบนแผ่นน้ำแข็งบางๆ
เป็นประสบการณ์ในชีวิตที่ล้ำค่า
เทียบกันกับครั้งสุดท้ายที่สู้กับเฮยอวี้และจ้าวปีศาจโบราณ
นั่นเรียบง่ายและไร้สาระ.. แม้แต่จักรพรรดินีฟ้าและการรุกรานของเผ่าเก้าแสงก็ไม่ใช่การรบที่ยากลำบาก
จักรพรรดินีฟ้านำเผ่าเก้าแสงเข้ารุกราน ส่วนที่หนักหนาที่สุดเป็นจื้อจุน
จักรพรรดินีราตรีและเย่ว์หยางรับมือให้
ตอนนี้จื้อจุนและจักรพรรดินีราตรีไปบันไดสวรรค์
และเย่ว์หยางไปฝึกฝนในแดนสวรรค์ ภาระหนักอึ้งกดทับมารสัมฤทธิ์ฟ้าจนแทบหายใจไม่ออก
ผู้เฒ่าหนานกงยิ้มและมองดูกระบวนการต่อสู้ขณะที่คอยช่วยเหลือทุกคน เขาหวังว่าไม่เพียงแต่สุดยอดนักสู้เท่านั้น
แต่ผู้เยาว์รุ่นหลังจะได้มีประสบการณ์ท้าทายและมีความก้าวหน้า
คนอย่างเย่ว์หยางไม่รู้อีกเมื่อไหร่จะปรากฏในสนามรบอีก
มีเสียงดังเบาๆ
และทุกคนพบว่าเขากลับมาแล้ว
เย่ว์หยางยิ้มให้มารสัมฤทธิ์ฟ้าและจู่ๆ เขาโยนเงาร่างสองคนลงบนพื้น “สนุกตื่นเต้นหรือเปล่า?
ถ้าต้องการตื่นเต้นมากขึ้นกว่านี้ ผู้อาวุโสตำหนักสองคนนี้แข็งแกร่งกว่าคนอื่น!
คนหนึ่งเรียกว่าฟลามิงโกและอีกคนเรียกว่าฉีฟง
พวกเขามีความสามารถเฉพาะตัวที่ไม่เหมือนใคร พวกท่านคงต้องสนุกกันต่อ!”
มารสัมฤทธิ์ฟ้าแทบลมจับ
มารแค้นฟ้าและมารฟ้าวิบัติกลัวจนหน้าซีดขาว
เพิ่งจะฆ่าผู้อาวุโสตำหนักไปหยกๆ นี่เอามาเพิ่มอีกสอง?
จอมปีศาจบารุธล้มตึงกับพื้นหิน เขาอยากจะฆ่าตัวตายนัก ตั้งแต่เขารู้จักกับเย่ว์หยางเจ้าเด็กคนนี้แล้ว
ชีวิตที่สงบสุขของเขาจบสิ้นลงแล้ว!
แม้แต่ผู้เฒ่าหนานกงก็คิดว่าเย่ว์หยางกำลังดำเนินการตามเป้าหมาย
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อยหรือไม่เพื่อให้ได้ผลที่รวดเร็ว การกดดันเป็นเรื่องดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งกดดันด้วยความตาย
ซึ่งทำให้คนมีความก้าวหน้ามากขึ้น
แต่ตอนนี้ทุกคนยังถูกกดดันมากยิ่งกว่าความตาย
และไม่มีพลังต่อสู้มากนัก
ที่สำคัญ ทุกคนถึงขีดจำกัดของตนเองแล้ว
“ผู้อาวุโสตำหนักไม่ใช่คนที่จะจัดการได้ง่าย
ในแดนสวรรค์ต้องใช้นักสู้ปราณฟ้าระดับห้าถึงห้าคนและนักสู้ปราณฟ้าระดับสี่ชั้นสูงอีกหนึ่งคนทำงานร่วมกันและทุ่มเทกันจริงๆ
จึงจะเอาชนะได้”
เย่ว์หยางยิ้มเฉิดฉายเหมือนดวงอาทิตย์ รอยยิ้มเจ้าเล่ห์นี่อย่าว่าแต่บารุธ
ฮาซินและจอมปีศาจอื่นๆ เลย แม้แต่คนระดับสูงอย่างจักรพรรดิมังกร
จักรพรรดิใต้พิภพอยากจะต่อยเขาสักหมัด เย่ว์หยางเห็นแววตาอำมหิตของคนทั้งกลุ่มประเมินว่าบรรยากาศไม่ดี
ก่อนจะเทเลพอร์ตจากไป เขาฝากประโยคให้คิด “ยังไงก็ตาม
ผู้อาวุโสตำหนักฉีฟงและฟลามิงโกฟื้นตัวได้เร็วมาก
อย่างน้อย ไม่มีใครช้ากว่าพวกท่าน”
“เจ้าเด็กตัวร้ายนี่ ข้าจะฆ่ามัน!” ปีศาจบารุธหลุดปากสบถ
“น่ากลัวจริงๆ!” จักรพรรดิมังกรรู้สึกเกลียดจนขบกราม
“แล้วจะเอายังไงดี?” มารแค้นฟ้า มารฟ้าวิบัติ ทุกคนแตกตื่นมองดูพี่ใหญ่
มารสัมฤทธิ์ฟ้า
“ลุยกันต่อ!” มารสัมฤทธิ์ฟ้าพูดแค่นี้
แต่เห็นได้ชัดว่าเสียงเขาสั่นเล็กน้อย ไม่มีความเยือกเย็นตามปกติเหมือนเคย
บนพื้น
ผู้อาวุโสตำหนักสองคนโกรธแค้นแทบตายรีบอัญเชิญอสูรออกมาปกป้องร่างอย่างรวดเร็วและใช้พลังวิเศษฟื้นฟูพลัง ทุกคนสบถด่าอีกครั้ง
สองคนนี้ถูกเย่ว์หยางลักลอบนำเข้ามาบางทีทั้งสองคนอาจจะแกล้งทำเป็นเสียชีวิต
แม้ว่าฟลามิงโกและฉีฟงจะไม่สามารถขยับนิ้วได้ในตอนนี้ แต่พวกเขามีความมั่นใจมาก เพราะกลุ่มคนฝ่ายตรงกันข้ามก็เหน็ดเหนื่อยมากเหมือนกัน
พวกเขาไม่รู้อนาคตชะตาของเขา
แต่สิ่งที่แน่นอนก็คือการต่อสู้เป็นเรื่องหลีกเลี่ยงไม่ได้
มารสัมฤทธิ์ฟ้าเทยาเม็ดพลังยุทธอีกเม็ด
จ่อริมฝีปากและกลืนช้าๆ ยาเม็ดพลังยุทธไม่ใช้ตอนนี้ แล้วจะใช้เมื่อไหร่
ไม่ต้องไปใส่ใจว่าจะเกิดอะไรชั่วคราว
ก่อนอื่นฟื้นพลังให้ได้ก่อนจะถูกผู้อาวุโสตำหนักฆ่า และจากนั้นเจ้าจึงจะสามารถฆ่าผู้อาวุโสตำหนักสองคน ถ้าสามารถฆ่าผู้อาวุโสตำหนักทั้งสองแล้ว
การบรรลุความก้าวหน้าย่อมแตกต่างกันไป
จักรพรรดิมังกร จักรพรรดิใต้พิภพ
และจอมปีศาจบารุธหยิบยาเม็ดพลังยุทธออกมาทีละคน
ไม่ว่ายังไงก็ต้องโค่นฟลามิงโกและฉีฟง ฟื้นฟูกำลังให้ได้
มิฉะนั้นคงไม่ได้ชัยชนะแน่นอน
นี่เป็นการแข่งขันกับเวลาและปณิธานและจากนั้นจึงจะเข้าถึงพลังได้
บันไดสวรรค์
เมื่อเย่ว์หยางมาถึงที่ด้านล่างบันไดสวรรค์
เขาปลดปล่อยพลังงานทั้งหมดในร่างกาย
รวมทั้งแหล่งพลังกฎสวรรค์ดิบของวิหารปีศาจดินซึ่งเป็นแหล่งพลังที่ยังไม่ดูดซับเต็มที่
และตั้งใจจะดำเนินการต่อเพื่อความรู้แจ้งขอบเขตปราณราชันย์อย่างสมบูรณ์แบบด้วยตนเอง เขามีเหตุผลสามประการที่ทำเช่นนี้
ประการแรกเขาต้องการก้าวหน้าด้วยตนเอง
ประการที่สองส่งสัญญาณบอกจักรพรรดินีราตรีและจื้อจุนบอกพวกนางว่าเขากำลังจะไต่บันไดสวรรค์ พวกเขาถึงระดับปราณราชันย์แล้ว ประการที่สามเขาหวังว่าหลังจากเข้าสู่ระดับปราณราชันย์อย่างสมบูรณ์แบบ
เขาจะสามารถอัญเชิญ ‘คัมภีร์เทพ’ ของเขาที่ไม่เคยเรียกออกมาได้เลย
ก่อนเข้าถึงระดับปราณราชันย์คัมภีร์เทพไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ
หลังจากเย่ว์หยางเข้าถึงระดับปราณราชันย์แล้ว
คงจะมีการตอบสนอง
อย่างไรก็ตามเย่ว์หยางก็ยังไม่สามารถเรียกออกมาได้
ความรู้สึกนั้นเหมือนกับว่ายังขาดพลังในอดีตไม่สามารถอัญเชิญคัมภีร์เทพออกมาได้ทันที....
เย่ว์หยางมั่นใจว่ามีความเป็นไปได้ที่เขาจะอัญเชิญคัมภีร์ได้ แต่วิธีการไม่ถูกต้องหรือยังขาดทักษะ
หรืออาจต้องใช้พลังงานมหาศาล คัมภีร์เทพจึงไม่ตอบสนอง
แน่นอนว่าเขาหวังจะรู้แจ้งปราณราชันย์ที่สมบูรณ์แบบ
จึงดูดซับพลังกฎสวรรค์และเก็บกักปราณก่อกำเนิดไว้เป็นจำนวนมาก
นี่ไม่ใช่ยักษ์ทองที่เกิดมาจากไพ่ชะตา แต่เป็นพลังปราณราชันย์ปะทุออกมาจากตัวเย่ว์หยาง
พลังงานสีทองฉีดพุ่งเป็นลำแสงสูงถึงหนึ่งกิโลเมตรโดยมีเพลิงอมฤตเป็นแกนกลาง
เพลิงบัวแดงและเกล็ดน้ำแข็งพ่นอยู่เต็มท้องฟ้าเหมือนกับจะแบ่งบันไดสวรรค์ออกเป็นสองส่วน
และพลังสายฟ้าสีม่วงรายล้อมรอบลำแสงดูดซับพลังงานดิบเหล่านี้อย่างต่อเนื่อง
พร้อมกับการระเบิดพลังของเย่ว์หยางครั้งมีอักษรรูนสวรรค์ปรากฏขึ้นสองสามแถว
เครื่องหมายลวดลายลึกลับนับล้านๆ
ประกอบกันเป็นใจกลางทางช้างเผือกเกิดเป็นกลุ่มแสงไร้ที่สิ้นสุดค่อยๆ
หมุนโดยมีเย่ว์หยางเป็นศูนย์กกลาง
พลังกดดันจากสำนึกเทพของเย่ว์หยางแผ่ออกไปโดยไม่รู้ตัว
แม้แต่จื้อจุนและจักรพรรดินีราตรีที่ไต่อยู่ในขั้นที่สองแสน...
เสี่ยวเหวินหลีให้กำเนิดภาพรูปปีศาจอสรพิษทอง
เธอตะโกนทางใจบอกให้เย่ว์หยางสร้างสนามพลัง
ใจของเธอเชื่อมโยงได้รับผลสะท้อนจากเย่ว์หยาง
จึงช่วยให้เย่ว์หยางดูดซับพลังกฎสวรรค์ได้เร็วขึ้น และรู้แจ้งพลังระดับสูงๆ
ได้พร้อมกันอย่างสมบูรณ์
ระดับปราณราชันย์สมบูรณ์แบบที่เธอได้มีส่วนร่วม
เสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนก็เหมือนกัน
คนหนึ่งมีสนามพลังสำนึกศักดิ์สิทธิ์
อีกคนหนึ่งมีสนามพลังศักดิ์สิทธิ์ทรงพลังช่วยเย่ว์หยางส่งเสริมให้ได้พลังสุดยอดและอาศัยจากความสัมพันธ์ในการฝึกพลังคู่รัก
ทั้งสามคนจึงทำความเข้าใจผลสะท้อนที่สมบูรณ์ของปราณราชันย์
แม้ว่าพวกนางจะเป็นผู้ช่วยก็ตาม
แต่พวกนางก็ไม่อ่อนแอสามารถช่วยให้เย่ว์หยางเพิ่มพลังได้เช่นกัน
ในสถานที่ปลอดภัยอย่างบันไดสวรรค์
เย่ว์หยางไม่มีความกังวลเรื่องความปลอดภัยจากสภาพแวดล้อมรอบด้าน
และสามารถรู้แจ้งได้โดยไม่ถูกกวนใจ
“เป็นพี่สามแน่ๆ!”
เย่ว์ปิงซึ่งมีความอ่อนไหวต่อการรับรู้ถึงใจเย่ว์หยางรู้ตัวได้เร็วที่สุด
และนางกระโดดโลดเต้นทันทีด้วยความตื่นเต้น
แม้ว่านางจะไม่เห็นเย่ว์หยาง แต่จิตสำนึกที่คุ้นเคยนี้นางตัดสินใจได้โดยง่ายว่าเป็นพี่ชายของนาง
“ลงไปกันเถอะ” เย่ว์หวี่ตัดสินใจได้โดยไม่ต้องคิด
“เร็วเข้า ไปทางใต้ รอไม่ไหวแล้ว”
เย่ว์ปิงวิ่งลงบันไดสวรรค์ทันที แม้ว่าพวกนางจะรู้ว่าพวกนางกว่าพบเห็นพวกเขาได้ก็ต้องใช้เวลาสองสามชั่วโมงเป็นอย่างน้อย
แต่พวกนางแทบไม่อาจรอได้แม้แต่วินาทีเดียว
“เด็กคนนี้มีพลังมากจนน่ากลัว ทำให้ข้าในตอนนี้ได้แต่ถอนใจ..
นี่ทุกครั้งที่เขากับเสวี่ยอู๋เสียอยู่ด้วยกัน
พวกเขาจะต้องบรรลุพลังระดับใหม่ทุกที เป็นความจริงที่ว่าเสวี่ยอู๋เสียจะส่งเสริมเขาได้ดียิ่งขึ้น ดูเหมือนว่าสถานะนางยากจะสั่นคลอนได้จริงๆ”
นางเซียนหงส์ฟ้าไต่บันไดสวรรค์อยู่ในระดับสูงก็ชะงักเท้าเช่นกัน
หลังจากรู้สึกได้ถึงพลังงานของเย่ว์หยาง สาวๆ
ของเขาพยายามกลับไปหาเขา
แม้แต่จื้อจุนและจักรพรรดินีราตรีในตอนนี้ได้แต่มองหน้ากันเอง
จื้อจุนลังเลเล็กน้อย
นางส่ายศีรษะ
จักรพรรดินีราตรีไม่กลับตามลำพัง
แต่รอและมองดูจื้อจุนเปลี่ยนใจเงียบๆ
หลังจากนั้นชั่วขณะ จื้อจุนถาม
“เจ้าคิดว่าเขามีพลังสมบูรณ์พร้อมจะเป็นนักสู้ปราณราชันย์หรือยัง?”
เงาร่างเลือนรางในสนามพลังดารารายของจักรพรรดินีราตรีดูเหมือนจะยกมือขึ้นและพูดหยอกล้อ
“ถ้าเจ้ายินดีจะช่วยเขา
ข้ารับรองว่าเขาจะต้องทำได้สำเร็จแน่นอน!”
9 ความคิดเห็น:
เจ๊ช่วยมันเลย ทั้ง 2 คนนั่นแหละ อิอิ
พี่เย่วมีหวังจะได้ครูแล้วววว^^
กินตับครูหรอ
แหม...ไม่ใช่ครูนะ...แค่เป็นผู้ปกครองเท่านั้น
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ไอ้สามคิดจะขึ้นครู
เมื่อไหร่จะดูดซับอุทกพระแม่ธรณีสักที
ได้ จารย์ช่วย ผ่านสบาย
แสดงความคิดเห็น