ตอนที่ 885
เทพหรือคนเสียสติ?
เย่ว์หยางไม่เคยพบเจอกับสถานการณ์อย่างนี้
เมื่อพบเห็นฮุยไท่หลาง
เป็นใครก็คงตกตะลึง
ภูเขาเนื้อขนาดใหญ่กว่ายอดเขาบางแห่งเสียอีกถูกยกขึ้นไปในท้องฟ้า
บางครั้งมันพ่นน้ำลาวาและเถ้าภูเขาไฟออกมา
ถ้าเย่ว์หยางไม่มีจักษุทิพย์เขาคงไม่รู้ว่านี่เป็นสิ่งที่อสูรสร้างขึ้น
ใครก็ตามที่มาพบเห็นจะมีความรู้สึกว่านี่คือภูเขาไฟ ไม่ใช่อสูร แต่นี่เป็นอสูร
วาฬภูเขาไฟในตำนาน
อสูรที่ไม่มีอยู่ในหอทงเทียนอีกแล้ว ในที่สุดเย่ว์หยางก็ได้พบเห็นมัน
เขาไม่เคยคิดว่าจะได้พบเห็นมันในลักษณะนี้...
ด้านใต้ภูเขาเนื้อขนาดมหึมา
เย่ว์หยางต้องเพ่งมองอย่างยากลำบากและเห็นว่าเป็นฮุยไท่หลางที่กลายเป็นร่างยักษ์สูงร้อยเมตร
ดูเหมือนมันอ้าปากงับหัวด้านหน้าของวาฬภูเขาไฟและยกร่างของมันขึ้นไว้
ทันใดนั้น!
เย่ว์หยางผุดความคิดขึ้นมาทันที
เจ้าต้องการกัดเพื่อมองหาเป้าหมายเล็กๆ
เองหรือ?
สัตว์ประหลาดยักษ์ตัวยาวเป็นกิโลเมตรเจ้าจะกินมันได้ยังไง
นี่คือวาฬภูเขาไฟที่มีพลังปราณฟ้าระดับหก แต่ทำให้มันไม่ดิ้นรน
ด้วยพลังความแข็งแกร่งของมันเจ้าจะย่อยสลายร่างมันได้หรือ?
ที่แย่ที่สุดก็คือที่นี่คือถิ่นของมัน ทะเลเพลิงไม่สามารถเผาฮุยไท่หลางได้ แต่ให้ประโยชน์กับมันน้อยมาก และวาฬภูเขาไฟเกิดมาเป็นอสูรของทะเลเพลิง ไม่รู้จริงๆ ว่าฮุยไท่หลางกัดวาฬภูเขาไฟทำไม
และวิธีนี้ไม่ต่างอะไรกับการดื่มพิษดับกระหาย
“ครืน ครืนนนน...”
ในทะเลเพลิงใต้เท้าของเย่ว์หยางปรากฏคลื่นวังวนขนาดใหญ่
แม็กมาเพลิงหมุนวนเหมือนน้ำวนปรากฏอยู่ใต้เท้าของเย่ว์หยาง
มีรัศมีขนาดใหญ่เป็นกิโลเมตร
ราวกับว่ามีใบหน้าปรากฏที่ผิวน้ำแม็กมาวน
มันไม่รอให้เย่ว์หยางระวังตัว
ใบหน้านั้นโผล่ขึ้นมาจากทะเลแม็กมาอ้าปากที่เต็มไปด้วยฟันแหลมคม
แม้ว่าเทียบกันแล้วใบหน้ายักษ์นี้จะมีขนาดไม่ใหญ่เท่ากับวาฬภูเขาไฟ
แต่ถือได้ว่าเป็นสัตว์ประหลาดที่มีขนาดใหญ่โตมาก
ปากของมันอ้ากว้างมีขนาดใหญ่มากกว่าสนามฟุตบอล
นอกจากนี้ปากที่น่าเกลียดและละโมบมีพลังดึงดูดเพลิงและแม็กมา
รวมทั้งลาวาที่มีควันหนาทึบ
มันใช้ความเร็วที่น่าทึ่งลอบเข้าโจมตี
เย่ว์หยางไม่ทันตั้งตัว
ปากขนาดยักษ์ก็เข้ามาใกล้ทันที และเย่ว์หยางกับภูตฟ้าปั่นป่วนก็ถูกกลืนไปพร้อมกัน
ใบหน้าของสัตว์ประหลาดโผล่พ้นออกมาจากทะเลเพลิง
และฮุยไท่หลางจึงพบว่ามีศัตรูที่ลอบเข้ามาอยู่ใต้ทะเลเพลิงแต่ยังไม่ปรากฏตัว
ในสายตาของฮุยไท่หลางอสูรที่พรางตัวพรางหน้าได้ดีนี้ก็คือ ก็คืออสูรเลเวียธาน
นอกจากมีปากที่ใหญ่โตไม่มีรูปร่างแน่นอนแล้ว
สัตว์ประหลาดที่เหมือนหินหลอมเหลวนี้ยังมีหนวดปลาหมึกเพลิง
แม้แต่ในสายของหนวดเพลิงก็ยังมีผลึกปีศาจเปล่งแสงซึ่งมีพลังงานบริสุทธิ์
มันลอบพรางตัวอยู่ในน้ำแม็กมาวนและโผล่หน้าออกมาจากทะเลเพลิงเพื่อกินเย่ว์หยาง มันคืออสูรเลเวียธาน
มันกลับลงไปในทะเลเพลิงอย่างย่ามใจ
ขณะที่มันเตรียมจะใช้หางฟาดทะเลแม็กมา
ก็มีศัตรูรอซุ่มทำร้ายมันอยู่แล้ว
ทันใดนั้นในปากของมันที่เพิ่งจะกลืนคนและอสูรลงไป
กลับปูดขึ้นเหมือนภูเขาไฟใกล้ระเบิด
ใบหน้าของอสูรเลเวียธานอ้าปากยักษ์ของมันและพ่นไฟออกมาทันที
เปลวไฟจากพายุหมุนที่กำลังจะหายไป
อสูรเลเวียธานพลังอ่อนแอลงกว่าเดิมถึงร้อยเท่าทันที
ทั้งร่างของมันถูกลากออกจากทะเลเพลิงดึงขึ้นไปในอากาศ
และอสูรเลเวียธานไม่ทันได้หลบดำลึกลงไปในทะเลเพลิง
มันได้แต่ปล่อยให้พายุหมุนเพลิงดึงร่างของมันขึ้นไปในอากาศ
แม้ว่าอสูรเลเวียธานจะเป็นสิ่งมีชีวิตในทะเลเพลิงมีพลังปราณฟ้าระดับสี่
แต่มันไม่สามารถต้านทานพายุเพลิงหมุนที่มีพลังเทพวิบัติแฝงอยู่ได้
ภูตฟ้าปั่นป่วนโกรธมัน
นางชูมือขึ้น
สายฟ้าสีทองแล่บแปลบปลาบ
มีแรงกดที่สูงส่งรุนแรง
สายฟ้าทั้งหมดฟาดใส่ศีรษะของอสูรเลเวียธานโดยตรง..
ใบหน้าของอสูรเลเวียธานพ่นลาวาที่มันกลืนลงไปก่อนนั้นอย่างบ้าคลั่ง แต่ฮุยไท่หลางมองไม่เห็นเย่ว์หยาง
“เจ้ามองหาอะไร,
นึกหรือว่าข้าจะถูกเจ้าปลาเน่านั่นกินง่ายๆ หรือ?”
เย่ว์หยางปรากฏร่างบนศีรษะของฮุยไท่หลาง
ภายใต้สีหน้าที่แปลกประหลาดใจของมัน
เย่ว์หยางเตะใส่มันหนึ่งเท้า
ใช่แล้ว
นี่คือความรู้สึกที่มันคุ้นเคย
มาได้เวลาจริงๆ
ฮุยไท่หลางได้รับพลังปราณจากเย่ว์หยาง
ทั้งสีหน้าและพลังของมันเพิ่มขึ้นมากกว่าแต่ก่อนถึงสองสามเท่า
เจ้านายมาแล้ว
และมันไม่ต้องใช้พลังอึดสุดท้าย! เป็นครั้งแรกที่ฮุยไท่หลางยอมปล่อยวาฬภูเขาไฟที่เพิ่งถูกมันงับไว้อย่างดื้อดึง
เจ้าสัตว์ประหลาดมหึมาที่น่ากลัวนี้ไม่สามารถกลืนกินได้ง่ายๆ มันได้รับอิสรภาพ และตอนนี้มันเข้าใจดีถึงคุณค่าของอิสรภาพ ความจริงมันก็ไม่ยอมแพ้เช่นกัน จนหลังๆ
นี้มันเริ่มสิ้นหวัง แต่ฮุยไท่หลางก็ยังไม่ยอมปล่อย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งความจริงที่ว่าจ้าวอัคคีปีศาจใช้พลังจิตบังคับทำสัญญา...
พอฮุยไท่หลางได้รับพลังปราณบริสุทธิ์ของเย่ว์หยางและพลังกฎสวรรค์น้อย
พลังของมันเพิ่มทวีคูณทันที
พลังพุ่งชนที่อันตรายของวาฬภูเขาไฟที่ตัวขนาดภูเขากระแทกจนพื้นเปิดเป็นช่อง
ฮุยไท่หลางอยากจะบอกเย่ว์หยางในตอนแรก
ศัตรูที่ยิ่งใหญ่ที่สุดไม่ใช่วาฬภูเขาไฟ แต่เป็นจ้าวอัคคีปีศาจที่ลอบเข้ามา เจ้านั่นมีพลังน่ากลัวมาก
แต่มันไม่มีเวลาพอจะเอ่ยปาก
มันต้องรีบขยายขนาดศีรษะเพื่อให้ครอบคลุมป้องร่างเจ้านายไม่ให้จ้าวอัคคีปีศาจโจมตีเย่ว์หยาง
“ปัง!”
ในทะเลเพลิงมีฝ่ามือยักษ์ตบใส่ฮุยไท่หลางจนปลิวโดยไม่มีคำเตือน
ลงมือครั้งแรกก็ประสบผลสำเร็จ
ฝ่ามือยักษ์ที่กดลงเหมือนกับว่าต้องการฆ่าเย่ว์หยางไปด้วย
เทียบกับฝ่ามือของจ้าวอัคคีปีศาจแล้ว
เย่ว์หยางเล็กยิ่งกว่ามดเสียอีก
เหมือนกับซุนหงอคงมองไม่เห็นฝ่ามือของพระยูไล
ฝ่ามือกดใกล้เข้ามา
ต้องการฆ่าให้ได้ในครั้งเดียว
เปลวไฟเพิ่มอุณหภูมิรุนแรงมากกว่าทะเลเพลิง
สามารถหลอมละลายทองจนระเหยเป็นไอได้
ฮุยไท่หลางที่ถูกตบกระเด็นเตรียมจะบินกลับมาสู้
วาฬภูเขาไฟพอตกลงไปในทะเลเพลิงก็ได้พลังรบกลับมาทันที มันใช้หางฟาดใส่ฮุยไท่หลางกระเด็นหายพุ่งขึ้นไปในอากาศเหมือนดาวตก จ้าวอัคคีปีศาจโผล่ออกมาจากทะเลเพลิง
แต่ไม่ได้ดีใจที่ฆ่าศัตรูได้
เขามีสีหน้าประหลาดใจ
มือขวาของเขามีพลังแปลกประหลาดก่อตัวขึ้น
เขาประหลาดใจเมื่อพบว่ากำปั้นของศัตรูเป็นน้ำแข็งอย่างไม่น่าเชื่อ
ปรากฏว่านิ้วและฝ่ามือที่มีเปลวไฟความร้อนสูงค่อยๆ
ถูกแช่แข็งทีละน้อยเป็นรูปเหมือนเปลวไฟ เริ่มจากภายในค่อยๆ แพร่กระจายออกมาภายนอก
ในที่สุดมือขวาทั้งหมดก็แข็งเป็นน้ำแข็ง
จ้าวอัคคีปีศาจมีแววโกรธและอับอายอยู่ในดวงตา
และเขาไม่เคยคิดเลยว่าศัตรูจะสามารถแช่แข็งฝ่ามือของเขาได้
เว้นแต่คนที่ตายไปแล้วในอดีต
ไม่,
แม้แต่ศัตรูที่ตายไปแล้วในอดีตก็ไม่สามารถทำเช่นนี้ได้
ก่อนนี้ยังไม่มีการขยายขนาดของทะเลเพลิงและร่างพลังงานธาตุไฟ
คนผู้ควบคุมเปลวไฟได้สมบูรณ์แบบปล่อยให้ศัตรูแช่แข็งมือได้
นี่เป็นเรื่องน่าขายหน้าไม่ใช่หรือ?
จ้าวอัคคีปีศาจระเบิดพลังและหมัดที่แข็งตัวเป็นน้ำถูกกระแทกเศษน้ำแข็งกระเด็นลอยไปในอากาศและสลายไปด้วยเพลิงพิโรธ
มีแต่เย่ว์หยางที่เขาคิดว่าถูกฆ่ายังคงยืนอยู่กับที่โดยไม่ได้รับอันตราย
มุมปากของเขายังยิ้มเหมือนเดิม เหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“เจ้าเป็นใคร?” จ้าวอัคคีปีศาจไม่รู้จักสถานะของเย่ว์หยาง
แต่คาดเดาได้ว่าเด็กหนุ่มประหลาดผู้นี้น่าจะรู้จักกับฮุยไท่หลาง มิฉะนั้นคงไม่เสี่ยงเข้ามาช่วยมันแน่ และฮุยไท่หลางก็รู้สึกตัวดีขึ้นเมื่อเห็นเขา
ทำให้มันหลุดพ้นจากพลังจิตที่ใช้กักมันได้
“ข้าเป็นใครไม่สำคัญ สิ่งที่สำคัญคือ
เจ้าเป็นใคร? เจ้าไม่รู้หรือว่าฮุยไท่หลางคือหมาเลี้ยงไว้เฝ้าบ้านของข้า?
จะเล่นงานหมาควรเห็นแก่หน้าเจ้าของบ้าง
เจ้าต้องการจะจับหมาของข้าก็เท่ากับหาเรื่องทะเลาะอย่างเห็นได้ชัด!” เย่ว์หยางทำเป็นตีเสมอ
“ข้าเป็นนักเลงพอและอยากจะขอให้เจ้าเกรงใจกันบ้าง” แต่จ้าวอัคคีปีศาจหงุดหงิดเพราะถูกสบประมาท
“หมาเฝ้าบ้านของเจ้า? เหลวไหล เจ้าไม่ได้ทำสัญญากับมันชัดๆ!” จ้าวอัคคีปีศาจเริ่มมีโทสะ
หลังจากผ่านไปหมื่นปีหอทงเทียนมีสุดยอดฝีมืออย่างบัณฑิตฝังดาบด้วยหรือ? เจ้าเด็กนี่ถ้าไม่ใช่บรรพบุรุษรุ่นถัดไป
ด้วยวัยเยาว์ขนาดนี้เป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีพลังขนาดนี้
ดูลักษณะภายนอกของเจ้าเด็กนี่ไม่จำเป็นต้องโกหก ถ้าเขากล้าใช้อสูรเทพเป็นสุนัขเฝ้าบ้าน
อย่างนั้นเจ้านายมิมีพลังระดับบัณฑิตฝังดาบหรือ?
หอทงเทียนได้ผลิตยอดฝีมือเป็นจำนวนมาก
หมื่นปีต่อมามียอดฝีมือคนหนึ่งไม่ใช่เรื่องแปลก ตอนแรกเขาต้องการกำจัดเย่ว์หยางภายในวินาที
จ้าวอัคคีปีศาจกลัวว่าจะไปกระตุ้นศัตรูที่มิอาจตอแยได้ เขาข่มความโกรธเล็กน้อยและถามต่อ “เจ้าเป็นใคร? เห็นเราผู้เป็นเทพ
นักสู้รุ่นอาวุโสกลับไม่มีสัมมาคารวะ ตระกูลเจ้าไม่รู้จักสั่งสอนหรือไง
เจ้าถึงได้เป็นแบบนี้?”
“ตระกูลของข้าอบรมสั่งสอนมาเป็นอย่างดี
พวกเขาสั่งสอนให้ข้าต้องระวังเมื่อพบเจอคนชั่ว ข้ารู้จักอารยธรรมพอและแสดงมารยาทกับสุภาพชนได้ สำหรับรุ่นอาวุโสที่ลอบกัด
ไม่คิดหรือว่าสายเกินกว่าจะค้นหาสถานะได้
ไม่ว่าเจ้าจะเป็นจ้าวหรือเจ้าโรคจิต ข้าก็ไม่รู้ แล้วเจ้าล่ะเป็นใคร?” เย่ว์หยางถามอย่างเยือกเย็น
“งั้นรอให้เราผู้เป็นเทพจับเจ้าก่อน
แล้วจะบอกเจ้า!”
จ้าวอัคคีปีศาจขยายอาณาเขตทะเลเพลิงออกไปไม่มีสิ้นสุด
ในที่สุด
เขาก็พบว่าในทะเลเพลิงไม่มีศัตรูอื่นนอกจากเย่ว์หยาง
เจ้าเด็กน้อยนี่เพิ่งออกจากบ้านคิดว่านี่เป็นบ้านตัวเองหรือไง
ในเมื่อไม่มีผู้ใหญ่คอยดู อย่างนั้นเขาไม่จำเป็นต้องเกรงใจอะไรมาก
บางทีการฆ่าเจ้าเด็กนี่อาจน่ากังวลเล็กน้อยแน่
แต่จำเป็นต้องจับกุมแล้วค่อยๆ ซักถามเรื่องราวภายนอกให้ชัดเจนก่อน
นั่นเป็นเรื่องจำเป็นมาก พลังน้ำแข็งของเจ้าเด็กนี่ทรงพลังมาก หากเป็นทายาทของศัตรูของเขา
ก็ยิ่งไม่อาจปล่อยไปได้
อย่างไรก็ตามศัตรูที่ตายไปแล้วอยู่กับเขามาหลายปี
และไม่มีทายาทรุ่นหลังเหลือไว้
บางทีอาจเป็นรุ่นหลานก็ได้
คนผู้มีพรสวรรค์ในหอทงเทียนมีเป็นจำนวนมาก
ทุกยุคทุกรุ่น จะต้องมีสุดยอดนักสู้ปรากฏขึ้นหลายคน นี่เป็นเรื่องธรรมดามาก
ไม่จำเป็นต้องแปลกใจเลย!
จ้าวอัคคีปีศาจทั้งขู่เข็นทั้งตื่นเต้น
ถ้าไม่มีศัตรูที่ทรงกำลังมากกว่าในรุ่นต่อไป
ก็หมายความว่าทั้งหอทงเทียนจะตกเป็นของเขาเองหรือ?
วันนี้จะต้องจับเจ้าเด็กนี่มาสอบสวนถึงสถานการณ์ปัจจุบันของหอทงเทียน ถ้าหอทงเทียนไม่ได้แข็งแกร่งกว่าตัวเขาเอง
ก็ถึงเวลาที่เขาจะต้องครอบครองหอทงเทียนทั้งหมด
“เด็กน้อย,
เราผู้เป็นเทพจะสั่งสอนเจ้าแทนตระกูลของเจ้า ให้รู้บ้างว่ามารยาทคืออะไร!” จ้าวอัคคีปีศาจหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
บางทีการฝึกที่สุดยอดนักสู้ใช้ฝึกเจ้าเด็กนี่อาจรุนแรงไปบ้าง
แต่เมื่อมีผู้หนุนหลังเจ้าเด็กนี่คนเดียว เขาไม่กลัว!
14 ความคิดเห็น:
คำพูดเทพเขาคุยกัน"จะเล่นงานหมาควรเห็นแก่หน้าเจ้าของบ้าง เจ้าต้องการจะจับหมาของข้าก็เท่ากับหาเรื่องทะเลาะอย่างเห็นได้ชัด" 55555
ใจจ้า
เรื่องหมาๆนี่ ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ
ขอบคุณครับ
ขออีก555
จ้าวอัคคีปีศาจนี้รุ่นไหนเหรอครับ รุ่นหลายพันปีก่อนหรือหลายหมื่นปีก่อน
ขอบคุณครับ
รอ....
รอด้วยครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณมากครับ
ทำเป็นสอนมารยาท ป๊าดโธ่ะ
เดี๋ยวรู้ใครสอนใคร
แสดงความคิดเห็น