วันเสาร์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2562

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 885 เทพหรือคนเสียสติ?


ตอนที่  885  เทพหรือคนเสียสติ?
เย่ว์หยางไม่เคยพบเจอกับสถานการณ์อย่างนี้
 
เมื่อพบเห็นฮุยไท่หลาง เป็นใครก็คงตกตะลึง
ภูเขาเนื้อขนาดใหญ่กว่ายอดเขาบางแห่งเสียอีกถูกยกขึ้นไปในท้องฟ้า บางครั้งมันพ่นน้ำลาวาและเถ้าภูเขาไฟออกมา  ถ้าเย่ว์หยางไม่มีจักษุทิพย์เขาคงไม่รู้ว่านี่เป็นสิ่งที่อสูรสร้างขึ้น  ใครก็ตามที่มาพบเห็นจะมีความรู้สึกว่านี่คือภูเขาไฟ ไม่ใช่อสูร  แต่นี่เป็นอสูร
วาฬภูเขาไฟในตำนาน อสูรที่ไม่มีอยู่ในหอทงเทียนอีกแล้ว ในที่สุดเย่ว์หยางก็ได้พบเห็นมัน
เขาไม่เคยคิดว่าจะได้พบเห็นมันในลักษณะนี้...
ด้านใต้ภูเขาเนื้อขนาดมหึมา เย่ว์หยางต้องเพ่งมองอย่างยากลำบากและเห็นว่าเป็นฮุยไท่หลางที่กลายเป็นร่างยักษ์สูงร้อยเมตร  ดูเหมือนมันอ้าปากงับหัวด้านหน้าของวาฬภูเขาไฟและยกร่างของมันขึ้นไว้
ทันใดนั้น!
เย่ว์หยางผุดความคิดขึ้นมาทันที
เจ้าต้องการกัดเพื่อมองหาเป้าหมายเล็กๆ เองหรือ?  สัตว์ประหลาดยักษ์ตัวยาวเป็นกิโลเมตรเจ้าจะกินมันได้ยังไง นี่คือวาฬภูเขาไฟที่มีพลังปราณฟ้าระดับหก แต่ทำให้มันไม่ดิ้นรน ด้วยพลังความแข็งแกร่งของมันเจ้าจะย่อยสลายร่างมันได้หรือ? ที่แย่ที่สุดก็คือที่นี่คือถิ่นของมัน ทะเลเพลิงไม่สามารถเผาฮุยไท่หลางได้  แต่ให้ประโยชน์กับมันน้อยมาก  และวาฬภูเขาไฟเกิดมาเป็นอสูรของทะเลเพลิง  ไม่รู้จริงๆ ว่าฮุยไท่หลางกัดวาฬภูเขาไฟทำไม และวิธีนี้ไม่ต่างอะไรกับการดื่มพิษดับกระหาย
 “ครืน ครืนนนน...”
ในทะเลเพลิงใต้เท้าของเย่ว์หยางปรากฏคลื่นวังวนขนาดใหญ่
แม็กมาเพลิงหมุนวนเหมือนน้ำวนปรากฏอยู่ใต้เท้าของเย่ว์หยาง มีรัศมีขนาดใหญ่เป็นกิโลเมตร
ราวกับว่ามีใบหน้าปรากฏที่ผิวน้ำแม็กมาวน มันไม่รอให้เย่ว์หยางระวังตัว ใบหน้านั้นโผล่ขึ้นมาจากทะเลแม็กมาอ้าปากที่เต็มไปด้วยฟันแหลมคม
แม้ว่าเทียบกันแล้วใบหน้ายักษ์นี้จะมีขนาดไม่ใหญ่เท่ากับวาฬภูเขาไฟ แต่ถือได้ว่าเป็นสัตว์ประหลาดที่มีขนาดใหญ่โตมาก
ปากของมันอ้ากว้างมีขนาดใหญ่มากกว่าสนามฟุตบอล
นอกจากนี้ปากที่น่าเกลียดและละโมบมีพลังดึงดูดเพลิงและแม็กมา รวมทั้งลาวาที่มีควันหนาทึบ
มันใช้ความเร็วที่น่าทึ่งลอบเข้าโจมตี
เย่ว์หยางไม่ทันตั้งตัว ปากขนาดยักษ์ก็เข้ามาใกล้ทันที และเย่ว์หยางกับภูตฟ้าปั่นป่วนก็ถูกกลืนไปพร้อมกัน
ใบหน้าของสัตว์ประหลาดโผล่พ้นออกมาจากทะเลเพลิง  และฮุยไท่หลางจึงพบว่ามีศัตรูที่ลอบเข้ามาอยู่ใต้ทะเลเพลิงแต่ยังไม่ปรากฏตัว  ในสายตาของฮุยไท่หลางอสูรที่พรางตัวพรางหน้าได้ดีนี้ก็คือ ก็คืออสูรเลเวียธาน
นอกจากมีปากที่ใหญ่โตไม่มีรูปร่างแน่นอนแล้ว สัตว์ประหลาดที่เหมือนหินหลอมเหลวนี้ยังมีหนวดปลาหมึกเพลิง
แม้แต่ในสายของหนวดเพลิงก็ยังมีผลึกปีศาจเปล่งแสงซึ่งมีพลังงานบริสุทธิ์
มันลอบพรางตัวอยู่ในน้ำแม็กมาวนและโผล่หน้าออกมาจากทะเลเพลิงเพื่อกินเย่ว์หยาง  มันคืออสูรเลเวียธาน
มันกลับลงไปในทะเลเพลิงอย่างย่ามใจ
ขณะที่มันเตรียมจะใช้หางฟาดทะเลแม็กมา ก็มีศัตรูรอซุ่มทำร้ายมันอยู่แล้ว
ทันใดนั้นในปากของมันที่เพิ่งจะกลืนคนและอสูรลงไป กลับปูดขึ้นเหมือนภูเขาไฟใกล้ระเบิด ใบหน้าของอสูรเลเวียธานอ้าปากยักษ์ของมันและพ่นไฟออกมาทันที เปลวไฟจากพายุหมุนที่กำลังจะหายไป อสูรเลเวียธานพลังอ่อนแอลงกว่าเดิมถึงร้อยเท่าทันที ทั้งร่างของมันถูกลากออกจากทะเลเพลิงดึงขึ้นไปในอากาศ และอสูรเลเวียธานไม่ทันได้หลบดำลึกลงไปในทะเลเพลิง มันได้แต่ปล่อยให้พายุหมุนเพลิงดึงร่างของมันขึ้นไปในอากาศ
แม้ว่าอสูรเลเวียธานจะเป็นสิ่งมีชีวิตในทะเลเพลิงมีพลังปราณฟ้าระดับสี่ แต่มันไม่สามารถต้านทานพายุเพลิงหมุนที่มีพลังเทพวิบัติแฝงอยู่ได้
ภูตฟ้าปั่นป่วนโกรธมัน นางชูมือขึ้น
สายฟ้าสีทองแล่บแปลบปลาบ
มีแรงกดที่สูงส่งรุนแรง
สายฟ้าทั้งหมดฟาดใส่ศีรษะของอสูรเลเวียธานโดยตรง.. ใบหน้าของอสูรเลเวียธานพ่นลาวาที่มันกลืนลงไปก่อนนั้นอย่างบ้าคลั่ง  แต่ฮุยไท่หลางมองไม่เห็นเย่ว์หยาง
 “เจ้ามองหาอะไร, นึกหรือว่าข้าจะถูกเจ้าปลาเน่านั่นกินง่ายๆ หรือ?” เย่ว์หยางปรากฏร่างบนศีรษะของฮุยไท่หลาง
ภายใต้สีหน้าที่แปลกประหลาดใจของมัน เย่ว์หยางเตะใส่มันหนึ่งเท้า
ใช่แล้ว นี่คือความรู้สึกที่มันคุ้นเคย
มาได้เวลาจริงๆ
ฮุยไท่หลางได้รับพลังปราณจากเย่ว์หยาง ทั้งสีหน้าและพลังของมันเพิ่มขึ้นมากกว่าแต่ก่อนถึงสองสามเท่า
เจ้านายมาแล้ว และมันไม่ต้องใช้พลังอึดสุดท้าย!  เป็นครั้งแรกที่ฮุยไท่หลางยอมปล่อยวาฬภูเขาไฟที่เพิ่งถูกมันงับไว้อย่างดื้อดึง เจ้าสัตว์ประหลาดมหึมาที่น่ากลัวนี้ไม่สามารถกลืนกินได้ง่ายๆ  มันได้รับอิสรภาพ  และตอนนี้มันเข้าใจดีถึงคุณค่าของอิสรภาพ  ความจริงมันก็ไม่ยอมแพ้เช่นกัน จนหลังๆ นี้มันเริ่มสิ้นหวัง  แต่ฮุยไท่หลางก็ยังไม่ยอมปล่อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งความจริงที่ว่าจ้าวอัคคีปีศาจใช้พลังจิตบังคับทำสัญญา... พอฮุยไท่หลางได้รับพลังปราณบริสุทธิ์ของเย่ว์หยางและพลังกฎสวรรค์น้อย พลังของมันเพิ่มทวีคูณทันที
พลังพุ่งชนที่อันตรายของวาฬภูเขาไฟที่ตัวขนาดภูเขากระแทกจนพื้นเปิดเป็นช่อง
ฮุยไท่หลางอยากจะบอกเย่ว์หยางในตอนแรก
ศัตรูที่ยิ่งใหญ่ที่สุดไม่ใช่วาฬภูเขาไฟ  แต่เป็นจ้าวอัคคีปีศาจที่ลอบเข้ามา  เจ้านั่นมีพลังน่ากลัวมาก
แต่มันไม่มีเวลาพอจะเอ่ยปาก มันต้องรีบขยายขนาดศีรษะเพื่อให้ครอบคลุมป้องร่างเจ้านายไม่ให้จ้าวอัคคีปีศาจโจมตีเย่ว์หยาง
 “ปัง!
ในทะเลเพลิงมีฝ่ามือยักษ์ตบใส่ฮุยไท่หลางจนปลิวโดยไม่มีคำเตือน
ลงมือครั้งแรกก็ประสบผลสำเร็จ ฝ่ามือยักษ์ที่กดลงเหมือนกับว่าต้องการฆ่าเย่ว์หยางไปด้วย
เทียบกับฝ่ามือของจ้าวอัคคีปีศาจแล้ว เย่ว์หยางเล็กยิ่งกว่ามดเสียอีก
เหมือนกับซุนหงอคงมองไม่เห็นฝ่ามือของพระยูไล
ฝ่ามือกดใกล้เข้ามา
ต้องการฆ่าให้ได้ในครั้งเดียว
เปลวไฟเพิ่มอุณหภูมิรุนแรงมากกว่าทะเลเพลิง สามารถหลอมละลายทองจนระเหยเป็นไอได้
ฮุยไท่หลางที่ถูกตบกระเด็นเตรียมจะบินกลับมาสู้  วาฬภูเขาไฟพอตกลงไปในทะเลเพลิงก็ได้พลังรบกลับมาทันที มันใช้หางฟาดใส่ฮุยไท่หลางกระเด็นหายพุ่งขึ้นไปในอากาศเหมือนดาวตก  จ้าวอัคคีปีศาจโผล่ออกมาจากทะเลเพลิง แต่ไม่ได้ดีใจที่ฆ่าศัตรูได้
เขามีสีหน้าประหลาดใจ
มือขวาของเขามีพลังแปลกประหลาดก่อตัวขึ้น
เขาประหลาดใจเมื่อพบว่ากำปั้นของศัตรูเป็นน้ำแข็งอย่างไม่น่าเชื่อ ปรากฏว่านิ้วและฝ่ามือที่มีเปลวไฟความร้อนสูงค่อยๆ ถูกแช่แข็งทีละน้อยเป็นรูปเหมือนเปลวไฟ เริ่มจากภายในค่อยๆ แพร่กระจายออกมาภายนอก ในที่สุดมือขวาทั้งหมดก็แข็งเป็นน้ำแข็ง  จ้าวอัคคีปีศาจมีแววโกรธและอับอายอยู่ในดวงตา และเขาไม่เคยคิดเลยว่าศัตรูจะสามารถแช่แข็งฝ่ามือของเขาได้ เว้นแต่คนที่ตายไปแล้วในอดีต
ไม่, แม้แต่ศัตรูที่ตายไปแล้วในอดีตก็ไม่สามารถทำเช่นนี้ได้
ก่อนนี้ยังไม่มีการขยายขนาดของทะเลเพลิงและร่างพลังงานธาตุไฟ
คนผู้ควบคุมเปลวไฟได้สมบูรณ์แบบปล่อยให้ศัตรูแช่แข็งมือได้ นี่เป็นเรื่องน่าขายหน้าไม่ใช่หรือ?
จ้าวอัคคีปีศาจระเบิดพลังและหมัดที่แข็งตัวเป็นน้ำถูกกระแทกเศษน้ำแข็งกระเด็นลอยไปในอากาศและสลายไปด้วยเพลิงพิโรธ
มีแต่เย่ว์หยางที่เขาคิดว่าถูกฆ่ายังคงยืนอยู่กับที่โดยไม่ได้รับอันตราย
มุมปากของเขายังยิ้มเหมือนเดิม  เหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น
 “เจ้าเป็นใคร?” จ้าวอัคคีปีศาจไม่รู้จักสถานะของเย่ว์หยาง  แต่คาดเดาได้ว่าเด็กหนุ่มประหลาดผู้นี้น่าจะรู้จักกับฮุยไท่หลาง  มิฉะนั้นคงไม่เสี่ยงเข้ามาช่วยมันแน่  และฮุยไท่หลางก็รู้สึกตัวดีขึ้นเมื่อเห็นเขา ทำให้มันหลุดพ้นจากพลังจิตที่ใช้กักมันได้
 “ข้าเป็นใครไม่สำคัญ สิ่งที่สำคัญคือ เจ้าเป็นใคร? เจ้าไม่รู้หรือว่าฮุยไท่หลางคือหมาเลี้ยงไว้เฝ้าบ้านของข้า? จะเล่นงานหมาควรเห็นแก่หน้าเจ้าของบ้าง เจ้าต้องการจะจับหมาของข้าก็เท่ากับหาเรื่องทะเลาะอย่างเห็นได้ชัด!” เย่ว์หยางทำเป็นตีเสมอ  “ข้าเป็นนักเลงพอและอยากจะขอให้เจ้าเกรงใจกันบ้าง”  แต่จ้าวอัคคีปีศาจหงุดหงิดเพราะถูกสบประมาท
 “หมาเฝ้าบ้านของเจ้า?  เหลวไหล เจ้าไม่ได้ทำสัญญากับมันชัดๆ!  จ้าวอัคคีปีศาจเริ่มมีโทสะ  หลังจากผ่านไปหมื่นปีหอทงเทียนมีสุดยอดฝีมืออย่างบัณฑิตฝังดาบด้วยหรือ?  เจ้าเด็กนี่ถ้าไม่ใช่บรรพบุรุษรุ่นถัดไป ด้วยวัยเยาว์ขนาดนี้เป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีพลังขนาดนี้  ดูลักษณะภายนอกของเจ้าเด็กนี่ไม่จำเป็นต้องโกหก  ถ้าเขากล้าใช้อสูรเทพเป็นสุนัขเฝ้าบ้าน อย่างนั้นเจ้านายมิมีพลังระดับบัณฑิตฝังดาบหรือ?  หอทงเทียนได้ผลิตยอดฝีมือเป็นจำนวนมาก  หมื่นปีต่อมามียอดฝีมือคนหนึ่งไม่ใช่เรื่องแปลก  ตอนแรกเขาต้องการกำจัดเย่ว์หยางภายในวินาที จ้าวอัคคีปีศาจกลัวว่าจะไปกระตุ้นศัตรูที่มิอาจตอแยได้  เขาข่มความโกรธเล็กน้อยและถามต่อ  “เจ้าเป็นใคร? เห็นเราผู้เป็นเทพ นักสู้รุ่นอาวุโสกลับไม่มีสัมมาคารวะ ตระกูลเจ้าไม่รู้จักสั่งสอนหรือไง เจ้าถึงได้เป็นแบบนี้?”
 “ตระกูลของข้าอบรมสั่งสอนมาเป็นอย่างดี พวกเขาสั่งสอนให้ข้าต้องระวังเมื่อพบเจอคนชั่ว ข้ารู้จักอารยธรรมพอและแสดงมารยาทกับสุภาพชนได้  สำหรับรุ่นอาวุโสที่ลอบกัด ไม่คิดหรือว่าสายเกินกว่าจะค้นหาสถานะได้  ไม่ว่าเจ้าจะเป็นจ้าวหรือเจ้าโรคจิต ข้าก็ไม่รู้  แล้วเจ้าล่ะเป็นใคร?”  เย่ว์หยางถามอย่างเยือกเย็น
 “งั้นรอให้เราผู้เป็นเทพจับเจ้าก่อน แล้วจะบอกเจ้า!  จ้าวอัคคีปีศาจขยายอาณาเขตทะเลเพลิงออกไปไม่มีสิ้นสุด
ในที่สุด เขาก็พบว่าในทะเลเพลิงไม่มีศัตรูอื่นนอกจากเย่ว์หยาง
เจ้าเด็กน้อยนี่เพิ่งออกจากบ้านคิดว่านี่เป็นบ้านตัวเองหรือไง ในเมื่อไม่มีผู้ใหญ่คอยดู อย่างนั้นเขาไม่จำเป็นต้องเกรงใจอะไรมาก
บางทีการฆ่าเจ้าเด็กนี่อาจน่ากังวลเล็กน้อยแน่ แต่จำเป็นต้องจับกุมแล้วค่อยๆ ซักถามเรื่องราวภายนอกให้ชัดเจนก่อน นั่นเป็นเรื่องจำเป็นมาก พลังน้ำแข็งของเจ้าเด็กนี่ทรงพลังมาก  หากเป็นทายาทของศัตรูของเขา ก็ยิ่งไม่อาจปล่อยไปได้
อย่างไรก็ตามศัตรูที่ตายไปแล้วอยู่กับเขามาหลายปี และไม่มีทายาทรุ่นหลังเหลือไว้
บางทีอาจเป็นรุ่นหลานก็ได้
คนผู้มีพรสวรรค์ในหอทงเทียนมีเป็นจำนวนมาก ทุกยุคทุกรุ่น จะต้องมีสุดยอดนักสู้ปรากฏขึ้นหลายคน นี่เป็นเรื่องธรรมดามาก ไม่จำเป็นต้องแปลกใจเลย!
จ้าวอัคคีปีศาจทั้งขู่เข็นทั้งตื่นเต้น ถ้าไม่มีศัตรูที่ทรงกำลังมากกว่าในรุ่นต่อไป ก็หมายความว่าทั้งหอทงเทียนจะตกเป็นของเขาเองหรือ?  วันนี้จะต้องจับเจ้าเด็กนี่มาสอบสวนถึงสถานการณ์ปัจจุบันของหอทงเทียน  ถ้าหอทงเทียนไม่ได้แข็งแกร่งกว่าตัวเขาเอง ก็ถึงเวลาที่เขาจะต้องครอบครองหอทงเทียนทั้งหมด
 “เด็กน้อย, เราผู้เป็นเทพจะสั่งสอนเจ้าแทนตระกูลของเจ้า ให้รู้บ้างว่ามารยาทคืออะไร!  จ้าวอัคคีปีศาจหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง บางทีการฝึกที่สุดยอดนักสู้ใช้ฝึกเจ้าเด็กนี่อาจรุนแรงไปบ้าง แต่เมื่อมีผู้หนุนหลังเจ้าเด็กนี่คนเดียว เขาไม่กลัว!

14 ความคิดเห็น:

ulomzx กล่าวว่า...

คำพูดเทพเขาคุยกัน"จะเล่นงานหมาควรเห็นแก่หน้าเจ้าของบ้าง เจ้าต้องการจะจับหมาของข้าก็เท่ากับหาเรื่องทะเลาะอย่างเห็นได้ชัด" 55555

manit กล่าวว่า...

ใจจ้า

ไม่ระบุชื่อ กล่าวว่า...

เรื่องหมาๆนี่ ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ

krisda กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขออีก555

Unknown กล่าวว่า...

จ้าวอัคคีปีศาจนี้รุ่นไหนเหรอครับ รุ่นหลายพันปีก่อนหรือหลายหมื่นปีก่อน

Boybravo กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Popcorn กล่าวว่า...

รอ....

ulomzx กล่าวว่า...

รอด้วยครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

sarinnan กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

akekapoj-tee กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับ

บักซาดซัว กล่าวว่า...

ทำเป็นสอนมารยาท ป๊าดโธ่ะ

chay กล่าวว่า...

เดี๋ยวรู้ใครสอนใคร

แสดงความคิดเห็น