ตอนที่ 889
เส้นทางฝึกฝนของคุณชาย
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเสวี่ยอู๋เสียเป็นสองสตรีผู้โชคดี
ที่สำคัญทั้งสองนางได้พบเห็นผู้อาวุโสยุคก่อนพวกนางเตรียมใจพร้อมก่อนจะออกมา
อย่างไรก็ตามภูตไหมฟ้าซึ่งถูกกักขังหลายหมื่นปีไม่รู้จักโลกภายนอกมาเป็นเวลานาน
เมื่อเห็นสมบัติเทพในมือของสองสาว นางตกใจอีกครั้ง “เจ้า พวกเจ้าได้รับการยอมรับจากดาบเทพด้วยหรือ? เป็นไปไม่ได้
ดาบเทพไม่เคยยอมรับสตรีเป็นเจ้าของเลย! ยังมีคทาเทพที่หายไปก่อนนั้นด้วยหรือ? น่าเสียดายที่หัวของคทาเทพหายไป...
ไม่มีมุกศักดิ์สิทธิ์หัวมังกร พลังของคทาเทพจะอ่อนกว่าแต่ก่อนมาก!”
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเสวี่ยอู๋เสีย
เย่ว์หยางมองหน้ากันอย่างท้อใจ คทาเทพจักรพรรดิอวี้ที่ได้มานี้
หัวมังกรและมุกศักดิ์สิทธิ์หายไปไหน?
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนได้รับการยอมรับจากดาบเทพ
เรื่องนี้พอจะอธิบายได้
เพราะจริงๆ
แล้วดาบเทพยอมรับเย่ว์หยางนั่นเอง
แต่เพราะมรดกและความกรุณาของจักรพรรดิอวี้ช่วยให้ทายาทรุ่นหลังได้มีพลังทำสัญญา
ดังนั้นจึงก่อความผิดพลาดที่น่าปวดหัว ไม่ใช่ว่าดาบไม่ยอมรับเย่ว์หยาง
แต่กลับเป็นว่าคนที่ถือดาบศักดิ์สิทธิ์ต้องมีสายเลือดของจักรพรรดิอวี้ในฐานะทายาทรุ่นหลัง
จึงกลายเป็นผู้ใช้รุ่นหลังได้
เย่ว์หยางไม่กังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่สมบัติเทพเองก็มีวิวัฒนาการเปลี่ยนแปลงได้
เจ้าของในแต่ละรุ่น
อาจมีพลังใช้งานที่แตกต่าง
อย่างนั้นก็พิสูจน์ได้ว่าส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับลักษณะเด่นของเจ้าของและความเชี่ยวชาญในการใช้พลัง ถ้าเจ้าของใช้งานได้ดี
ก็อาจเข้าถึงขอบเขตของบัณฑิตฝังดาบเจ้าของดาบคนเดิมก็ได้
ยิ่งกว่านั้น..ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง
มีเจ้าของสมบัติเทพถึงสามคน ยังไม่ต้องมองหาพวกตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์
กลุ่มคนที่จะต้องกลับไปคิดบัญชีนี้ ยังไม่ได้ชิงเอาเกราะเทพกลับคืนมา นั่นยังน้อยเกินไปสำหรับพวกโจรตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์!
ความจริงของวิเศษทั้งหกอย่างจะใช่ของบัณฑิตฝังดาบหรือไม่ก็ตาม
นั่นไม่ใช่เรื่องที่เย่ว์หยางกังวลที่สุด
เย่ว์หยางต้องการพิสูจน์ว่าจักรพรรดิอวี้สามารถใช้สมบัติวิเศษทั้งหกได้
กล่าวอีกนัยหนึ่งจักรพรรดิอวี้กลายเป็นเจ้าของสมบัติเทพและเขาสามารถทำได้ดีกว่าแน่นอน ถ้าสมบัติเทพมีมากกว่าสามชิ้น การรวมกระจกวิเศษ
เกราะวิเศษและนาฬิกาวิเศษก็มีโอกาสทำได้
เมื่อคิดดูแล้ว
เป็นไปไม่ได้ที่มีดาบเทพแต่ไม่มีเกราะเทพ
กลับกลายเป็นว่าจีอู๋ลี่และเทียนอี้อาจารย์ของเขาชิงเอาไป
ขณะที่คนที่ชิงกระจกเทพไป กลับไม่มีข้อมูลชั่วคราว
“พวกเจ้าทุกคนเป็นเด็กประเสริฐ
ดูเหมือนว่าหอทงเทียนรุ่งเรืองขึ้นจริงๆ เดิมทีข้าเห็นหนุ่มน้อยเย่ว์ไตตัน
ข้ายังไม่อยากจะเชื่อ”
ภูตไหมฟ้ากอดหญิงสาวทั้งสองด้วยความรักเอ็นดูแล้วจูบที่ผมของพวกนาง
“ถ้าทายาทของข้าได้คนอย่างพวกเจ้าก็คงจะดีมาก แม้ว่าข้าจะชอบพวกเจ้ามาก แต่เพราะพวกเจ้าทุกคนอยู่ในโลกนาฬิกาทรายนี้
ข้าจึงไม่สามารถมอบทุกอย่างให้พวกเจ้าได้ บางทีพวกเจ้าหลังจากออกไปแล้ว
พวกเจ้าสามารถรับได้
แต่ที่นี่พวกเจ้าอย่าได้ท้าทายอำนาจของเทพโบราณเด็ดขาด เด็กๆ ทั้งหลาย! ข้ามีความสุขที่ได้พบเจอพวกเจ้า
หลังจากพบพวกเจ้าแล้ว ข้าจะเข้าสู่ห้วงนิทรา
ข้าคงจะได้อยู่กับสามีข้าในฝันอย่างสงบสุข”
“สมบัติวิเศษอย่างน้อยอยู่ในมือของพวกเจ้าผู้เยาว์ถึงสามชิ้น, เย่ว์ไตตัน,
บางทีเจ้าอาจจะเหนือกว่าเขาในปีนั้นก็ได้! ขณะที่พวกเจ้าทั้งสอง
พวกเจ้าจะมีประโยชน์มากกว่าเมื่อเทียบกับข้าในอดีต
พวกเจ้าย่อมจะช่วยคนรักของพวกเจ้าได้
เด็กน้อย ข้าขออวยพรพวกเจ้า พวกเจ้าต้องพยายามให้หนัก ฝึกฝนให้มาก
และขอให้มีความสุข อนาคตของหอทงเทียนขึ้นอยู่กับพวกเจ้าแล้ว!”
“ขอบคุณ”
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเสวี่ยอู๋เสียปลาบปลื้มกับคำอวยพรของผู้อาวุโสท่านนี้
แม้กระดูกจะถูกฝังไปแล้วแต่ความรักยังตราตรึงใจ
พวกนางรู้ว่าอะไรมีค่ามากที่สุดในโลก
.... เหมือนกับภูตไหมฟ้า แม้จะพรากจากคนรักเป็นหมื่นปี
แต่ความรักนางยังไม่เสื่อมคลาย นางอวยพรให้กับผู้เยาว์รุ่นหลัง
ทั้งที่นางเองก็ยังไม่มีความสุข นางในฐานะเป็นผู้อาวุโสคนหนึ่งอวยพรให้ผู้เยาว์รุ่นหลังทำให้นางรู้สึกเป็นสุขเสมอ
ภูตไหมฟ้ากอดหญิงสาวทั้งสองและอวยพรจากใจนาง
ในที่สุดนางหันไปหาและมองเย่ว์หยาง “หนุ่มน้อยผู้โชคดี
เรื่องที่สองที่เจ้าอยากพูดคือเรื่องอะไร?”
เย่ว์หยางพยายามข่มใจไม่ถามข่าวเกี่ยวกับแสงห้าสีเพิ่มขึ้น
ประการแรกคาดว่าภูตไหมฟ้าคงไม่ทราบอย่างชัดเจน เพราะนางถูกผนึกภายหลัง ประการที่สอง เวลาผ่านไปหมื่นปีแล้ว
มีเรื่องเกิดขึ้นมากเกินไป
ทวีปมังกรทะยานเปลี่ยนแปลงไปมากเรื่องก็เกิดมานานแล้ว
ทำไมแสงเขียวหนึ่งในแสงห้าสีถึงไปอยู่ในวิหารสิบสองนักษัตรแห่งหอทงเทียน?
แสงศักดิ์สิทธิ์อีกสี่แสงอยู่ที่ไหน?
จิ่วเซียว
มีแสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีหรือไม่?
มิฉะนั้นเขาได้แสงดำปลอมได้ยังไง?
ข้อสงสัยทุกอย่างที่นอนนิ่งอยู่ในก้นบึ้งหัวใจของเย่ว์หยาง
เขาไม่มีโอกาสได้ถาม
แต่เขามีความรู้สึกว่าภูตไหมฟ้าไม่รู้ความจริงถ้าตัวเขาถามเองเกรงว่าจะผิดหวัง
เขาปรับความคิดและฟื้นฟูแนวคิดของนักสู้ปราณราชันย์ เขาพยักหน้าให้ภูตไหมฟ้าและให้ของขวัญเล็กน้อย “ในกรณีนี้ข้าหวังว่าจะใช้ทางผ่านที่นี่ได้
พลังธาตุน้ำที่นี่และพลังจ้าวอัคคีปีศาจ
หากเป็นเช่นนี้โลกวารีที่ผู้อาวุโสอยู่อาจมีการเปลี่ยนแปลงพลิกฟ้าคว่ำดิน ดังนั้นผู้เยาว์อยากจะถามเงื่อนไขกับท่าน”
เย่ว์หยางพูดเช่นนี้ภูตไหมฟ้าเข้าใจ
เด็กหนุ่มผู้กล้าหาญและมีปัญญามากต้องการใช้น้ำจากโลกวารีเทใส่ทะเลเพลิงของจ้าวอัคคีปีศาจ ปัญหาก็คือแม้ถ้าตกลงกันว่านางเห็นด้วย เขายินดีจะเปลี่ยนโลกวารีทั้งหมด
แต่เขาเกรงว่าจะไม่สามารถดับเพลิงได้ทั้งหมด
ประการแรกปริมาณของเพลิงในทะเลเพลิงมีมากจนจิตนาการไม่ออก
เมื่อถูกน้ำจะระเหยเป็นไอและลอยขึ้นไปในอากาศซึ่งไม่มีผลเพียงพอต่อทะเลเพลิง ประการที่สอง มีจ้าวอัคคีปีศาจอยู่ที่นั่น
ตัวเขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ภายใต้การจับตาเฝ้าดู พวกเขาเพียงสามคนเกรงว่ายากจะเดินทางผ่านไปได้
มีปัญหาข้อที่สาม และเป็นปัญหาใหญ่ที่สุดก็คือ
ถ้าไม่มีการแปลงพลังมากพอ พลังน้ำนี้ค่อยๆ
ถูกจ้าวอัคคีปีศาจเปลี่ยนไปเป็นพลังอัคคีหรืออาจผลักดันกลับมายังโลกวารีที่นางอยู่
หรือจะพูดอีกอย่างหนึ่ง ความคิดของเด็กหนุ่มนี้ดี
แต่ยากจะนำไปใช้
ภูตไหมฟ้ามองดูเย่ว์หยางไม่ได้ปฏิเสธโดยตรง นางแค่ยิ้มและถาม “เท่าที่ดู
เจ้ามีความมั่นใจมาก บอกข้าได้ไหมว่าเจ้ามีแผนอะไร?”
“ผู้อาวุโส, เขามีสนามพลังสร้างโลก
เพียงแต่ขอบเขตใช้งานแคบ
ถ้าผสานกับสนามพลังสำนึกศักดิ์สิทธิ์ของผู้เยาว์ควบคู่กับดาบเทพของเชี่ยนเชี่ยน
เราแน่ใจว่าสามารถถ่ายเทน้ำเข้าไปในด้านที่เป็นโลกอัคคีสิบกิโลเมตร ขณะที่ปัญหาของการแปลงพลัง
แม้ว่าจะไม่มีสนามพลังสร้างโลก ไม่มีสังข์เรียกฝนของอสูรที่เสี่ยวเหวินหลีมี
และยังไม่มีขุนพลเทพธิดาวายุของข้าด้วย”
เสวี่ยอู๋เสียชูข้อมือซึ่งมีกำไลแปลงพลังงาน
นั่นคือรางวัลที่เย่ว์หยางยึดมาจากจ้าวคางคก เมื่อเย่ว์หยางใช้ร่วมกับสนามพลังสำนึกศักดิ์สิทธิ์ของเสวี่ยอู๋เสียนั่นจะกลายเป็นฝันร้ายของศัตรู
กำไลข้อมือนี้เรียกว่ากำไลแปลงพลังงาน
ใช้แปลงพลังธาตุของศัตรูให้กลายเป็นพลังงานอีกธาตุหนึ่ง
ด้วยพลังจิตของคนธรรมดา
เป็นไปไม่ได้ที่จะแปลงพลังงานได้มากมาย และแทบเป็นไปไม่ได้ที่จะใช้จัดการกับอสูร แต่ด้วยพลังจิตของเย่ว์หยางและเสวี่ยอู๋เสีย
ทันทีที่สร้างสนามพลังขึ้นและใช้กำไลแปลงพลังงานนี้
เชื่อได้ว่าต่อให้ศัตรูอยากร้องไห้ก็คงร้องไม่ออก... ก่อนนั้นเย่ว์หยางยังไม่รู้วิธีใช้ในทะเลเพลิง
เพราะยังไม่มีความเข้าใจเต็มที่
ที่สำคัญจ้าวอัคคีปีศาจเป็นคู่ต่อสู้ที่เจ้าเล่ห์
แม้ว่าจ้าวอัคคีปีศาจจะตายมาหลายหมื่นปีแล้ว
แต่วิญญาณและพลังอัคคีของเขามีพลังแค่เป็นรองจอมภพแดนสวรรค์เท่านั้น
ถ้าไม่มีความมั่นใจถึง 80-90% เย่ว์หยางไม่ต้องการเผชิญหน้ากับผู้นี้ ตอนนี้เขาพบโลกวารีและได้พูดคุยกับภูตไหมฟ้า
เขาใจข้อมูลความลับสมบัติวิเศษและแสงห้าสีมากมายจากภูตไหมฟ้า เย่ว์หยางมีความมั่นใจและความมุ่งมั่นมาก
เขาจะไม่นำฮุยไท่หลางออกไปจากโลกอัคคีเงียบๆ ต่อไป แต่จะสู้กับจ้าวอัคคีปีศาจผู้โลภแทน
ถ้าโค่นล้มจ้าวอัคคีปีศาจได้ในพื้นที่ซึ่งเขาได้เปรียบได้
อย่างนั้นเย่ว์หยางจะมีความก้าวหน้าอย่างมากมายแน่นอน
และจากนั้นเขาจะสามารถเผชิญหน้ากับจอมภพแดนสวรรค์หรือจีอู๋ลี่และเจ้าตำหนักอื่นๆ
เป็นไปได้ว่าอาจเกิดการต่อสู้กันแน่นอน
“ข้าจะเข้านอนแล้ว เกี่ยวกับการรวบรวมมรดกของสามีข้า
ข้าไม่สนใจว่าโลกวารีนี้จะเหมือนอะไร
เด็กๆ!
พวกเจ้าทำสิ่งที่เห็นควรได้เลย ไม่ต้องใส่ใจถึงข้า
คนอาภัพอย่างข้าควรตายไปนานแล้ว แต่พวกเขาไม่ยอมให้ข้าตาย การลงทัณฑ์ของเทพโบราณเป็นเช่นนี้เอง เด็กเอย! ไม่ว่ายังไง
โปรดอย่าเข้ามาในโลกนาฬิกาทรายนี้อีก ข้ากังวลจริงๆ
ว่าผลกระทบจากพลังของมหาเทพโบราณจะมีต่อพวกเจ้าในอนาคต พวกเจ้าต้องรู้ว่าบางที่เป็นสถานที่ต้องห้าม
พวกเจ้าต้องอยู่ให้ห่าง และให้ความเคารพ ดีแล้ว, เด็กๆ ลาก่อน ได้พบเจอพวกเจ้าทำให้ในใจข้าหมดห่วง
ไม่มีความเสียใจอีกแล้ว...”
ภูตไหมฟ้าในรูปคนที่เกิดจากน้ำค่อยๆ
จมลงในโลกวารี
ความจริง
นี่เป็นเพียงร่างมนุษย์ที่นางสร้างขึ้นจากน้ำ
ทว่านางไม่ได้มีรูปอยู่จริง
แม้แต่จิตสำนึกของนางก็ไม่เหมือนกับจ้าวอัคคีปีศาจ นางยินดีหลับอยู่ในผนึก
เสวี่ยอู๋เสียรับร่มชี่หลัวในมือของเย่ว์หยางมาดูค่อยๆ
กางทีละน้อย พอกางได้ถึงครึ่งก็หุบ
นางมองดูองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและพยักหน้า
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนกอดเย่ว์หยางทันทีและกระซิบที่หูเขา
และนางพูดคำที่เย่ว์หยางไม่เคยได้ยินมาก่อน “ร่มนี้ให้พี่หวี่ได้ไหม?
ข้าคิดว่าพี่หวี่อ่อนโยนมาก เป็นคนที่เหมาะสมที่สุดกับการรับมรดกฝีมือของภูตไหมฟ้าแน่นอน!
ข้ารู้ว่าโล่วฮัวและอี้หนานก็ใช่
แต่พี่หวี่น่าจะเป็นทายาทรับมอบมรดกวิชาที่เหมาะสมกว่าโล่วฮัวและอี้หนาน
จริงไหม?”
เย่ว์หยางติดอยู่กับเปลือกนอกของแม่เสือสาว
แต่อดคิดในใจไม่ได้ “แม่เสือสาวเจ้าจู่ๆ ก็มีความคิดดีกับพี่หวี่ได้ยังไง?”
“นี่เป็นความลับระหว่างสาวๆ เรา!” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนปฏิเสธจะตอบ
“จริงหรือ?”
เย่ว์หยางคาดเดาว่าแม่เสือสาวคงทำเรื่องบางอย่างที่น่ากังวลกับเย่ว์หวี่
ตอนนี้เขาต้องการจะสานความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองฝ่าย มิฉะนั้นเขาจะไม่บอกตัวเองอย่างนี้
แม้ว่าเย่ว์หวี่จะขอร่มชี่หลัวนี้กับเขาก็ตาม แต่เขาจะไม่ใช้น้ำเสียงที่ประจบอย่างนั้น
อย่างไรก็ตามสิ่งที่แม่เสือสาวทำให้เย่ว์หวี่จะค่อยๆ
ช่วยกระตุ้นนางเหมือนสายน้ำหรือ?
เรื่องธรรมดา เป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้เย่ว์หวี่โกรธ
แม่เสือสาวจะทำอะไร?
เย่ว์หยางสงสัยบ้าง
แต่เขารู้ว่าตอนนี้เขาต้องปล่อยให้แม่เสือสาวนี้เป็นฝ่ายพูดก่อน
เขากลัวว่าจะยากยิ่งกว่าขึ้นสวรรค์!
เขารู้สึกได้เลือนรางถึงความรู้สึกแปลกประหลาด
เขารู้สึกเหมือนกับได้ปลดปล่อยตนเอง
ดังนั้นเขาไม่กล้าถามโดยตรง
“ข้าไม่สามารถกางร่มได้ ข้าไม่มีความสามารถพอ!”
แม้ว่าองค์เชี่ยนเชี่ยนจะบอกจากปากนางเอง
แต่นางรับร่มจากมือของเสวี่ยอู๋เสียและเก็บไว้ในแหวนเก็บของของนาง นางจูบแก้มเย่ว์หยางอย่างรวดเร็ว
“ขอบคุณคุณชายสาม!”
“อู๋เสีย...”
เย่ว์หยางโน้มตัวลงจูบนาง
“เมื่อเจ้าจัดการกับจ้าวอัคคีปีศาจแล้ว ถ้าเจ้ามีพลังแข็งแกร่ง
เจ้าจะทำอะไรตามที่เจ้าอยากจะทำก็ได้”
เสวี่ยอู๋เสียสาวน้อยหิมะผู้นี้ไม่ง่ายจะจัดการได้ แม้ว่าปากจะไม่ปฏิเสธ แต่หลังจากรอให้จ้าวอัคคีถูกกำจัด
เย่ว์หยางคาดว่าคงแทบไม่เหลือพลังแล้ว นี่มิใช่เท่ากับสูญเปล่าหรือ? แน่นอนว่ามีหวังยังดีกว่าไม่มีหวังมากนัก
มีสาวงามรอ ต่อให้มีความยากลำบากขวางหน้า ก็กล้าเข้าเผชิญไม่ใช่หรือ? และสาวอู๋เสียกับแม่เสือสาวก็ไม่ผิดสัญญาบ่อยนัก
เย่ว์หยางรู้สึกว่ามีพลังเพิ่มขึ้นหลายเท่า
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องท้าทายตนเอง หรือเรื่องรุกเร้าสาวๆ ของเขาเอง ยังไงก็ตามเขาก็จะกำจัดจ้าวอัคคีปีศาจให้ได้
เส้นทางการฝึกฝนของคุณชายอย่างเขา
ใครเล่าจะทำได้
7 ความคิดเห็น:
ขออีก
ใจจ้า
จัดไปอย่าให้เสียพี่เยว์..55+
ขอบคุณครับ
เส้นทางการฝึกฝนของคุณชายคือพิฆาตเสวี่ยอู๋เสียสาวน้อยหิมะ
ขอบคุณคับ
ขอบคุณครับ
แสดงความคิดเห็น