วันพุธที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2562

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 889 เส้นทางฝึกฝนของคุณชาย


ตอนที่  889  เส้นทางฝึกฝนของคุณชาย
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเสวี่ยอู๋เสียเป็นสองสตรีผู้โชคดี

ที่สำคัญทั้งสองนางได้พบเห็นผู้อาวุโสยุคก่อนพวกนางเตรียมใจพร้อมก่อนจะออกมา
อย่างไรก็ตามภูตไหมฟ้าซึ่งถูกกักขังหลายหมื่นปีไม่รู้จักโลกภายนอกมาเป็นเวลานาน เมื่อเห็นสมบัติเทพในมือของสองสาว นางตกใจอีกครั้ง  “เจ้า พวกเจ้าได้รับการยอมรับจากดาบเทพด้วยหรือ?  เป็นไปไม่ได้ ดาบเทพไม่เคยยอมรับสตรีเป็นเจ้าของเลย!  ยังมีคทาเทพที่หายไปก่อนนั้นด้วยหรือ?  น่าเสียดายที่หัวของคทาเทพหายไป... ไม่มีมุกศักดิ์สิทธิ์หัวมังกร พลังของคทาเทพจะอ่อนกว่าแต่ก่อนมาก!
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเสวี่ยอู๋เสีย เย่ว์หยางมองหน้ากันอย่างท้อใจ คทาเทพจักรพรรดิอวี้ที่ได้มานี้ หัวมังกรและมุกศักดิ์สิทธิ์หายไปไหน?
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนได้รับการยอมรับจากดาบเทพ เรื่องนี้พอจะอธิบายได้
เพราะจริงๆ แล้วดาบเทพยอมรับเย่ว์หยางนั่นเอง
แต่เพราะมรดกและความกรุณาของจักรพรรดิอวี้ช่วยให้ทายาทรุ่นหลังได้มีพลังทำสัญญา ดังนั้นจึงก่อความผิดพลาดที่น่าปวดหัว ไม่ใช่ว่าดาบไม่ยอมรับเย่ว์หยาง แต่กลับเป็นว่าคนที่ถือดาบศักดิ์สิทธิ์ต้องมีสายเลือดของจักรพรรดิอวี้ในฐานะทายาทรุ่นหลัง จึงกลายเป็นผู้ใช้รุ่นหลังได้
เย่ว์หยางไม่กังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้  แต่สมบัติเทพเองก็มีวิวัฒนาการเปลี่ยนแปลงได้
เจ้าของในแต่ละรุ่น
อาจมีพลังใช้งานที่แตกต่าง
อย่างนั้นก็พิสูจน์ได้ว่าส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับลักษณะเด่นของเจ้าของและความเชี่ยวชาญในการใช้พลัง  ถ้าเจ้าของใช้งานได้ดี ก็อาจเข้าถึงขอบเขตของบัณฑิตฝังดาบเจ้าของดาบคนเดิมก็ได้
ยิ่งกว่านั้น..ถ้าเป็นเช่นนั้นจริง มีเจ้าของสมบัติเทพถึงสามคน ยังไม่ต้องมองหาพวกตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ กลุ่มคนที่จะต้องกลับไปคิดบัญชีนี้ ยังไม่ได้ชิงเอาเกราะเทพกลับคืนมา นั่นยังน้อยเกินไปสำหรับพวกโจรตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์!
ความจริงของวิเศษทั้งหกอย่างจะใช่ของบัณฑิตฝังดาบหรือไม่ก็ตาม นั่นไม่ใช่เรื่องที่เย่ว์หยางกังวลที่สุด  เย่ว์หยางต้องการพิสูจน์ว่าจักรพรรดิอวี้สามารถใช้สมบัติวิเศษทั้งหกได้  กล่าวอีกนัยหนึ่งจักรพรรดิอวี้กลายเป็นเจ้าของสมบัติเทพและเขาสามารถทำได้ดีกว่าแน่นอน  ถ้าสมบัติเทพมีมากกว่าสามชิ้น การรวมกระจกวิเศษ เกราะวิเศษและนาฬิกาวิเศษก็มีโอกาสทำได้
เมื่อคิดดูแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่มีดาบเทพแต่ไม่มีเกราะเทพ
กลับกลายเป็นว่าจีอู๋ลี่และเทียนอี้อาจารย์ของเขาชิงเอาไป ขณะที่คนที่ชิงกระจกเทพไป กลับไม่มีข้อมูลชั่วคราว
 “พวกเจ้าทุกคนเป็นเด็กประเสริฐ ดูเหมือนว่าหอทงเทียนรุ่งเรืองขึ้นจริงๆ เดิมทีข้าเห็นหนุ่มน้อยเย่ว์ไตตัน ข้ายังไม่อยากจะเชื่อ”  ภูตไหมฟ้ากอดหญิงสาวทั้งสองด้วยความรักเอ็นดูแล้วจูบที่ผมของพวกนาง  “ถ้าทายาทของข้าได้คนอย่างพวกเจ้าก็คงจะดีมาก  แม้ว่าข้าจะชอบพวกเจ้ามาก  แต่เพราะพวกเจ้าทุกคนอยู่ในโลกนาฬิกาทรายนี้ ข้าจึงไม่สามารถมอบทุกอย่างให้พวกเจ้าได้ บางทีพวกเจ้าหลังจากออกไปแล้ว พวกเจ้าสามารถรับได้  แต่ที่นี่พวกเจ้าอย่าได้ท้าทายอำนาจของเทพโบราณเด็ดขาด เด็กๆ ทั้งหลาย! ข้ามีความสุขที่ได้พบเจอพวกเจ้า  หลังจากพบพวกเจ้าแล้ว ข้าจะเข้าสู่ห้วงนิทรา ข้าคงจะได้อยู่กับสามีข้าในฝันอย่างสงบสุข”
 “สมบัติวิเศษอย่างน้อยอยู่ในมือของพวกเจ้าผู้เยาว์ถึงสามชิ้น,  เย่ว์ไตตัน, บางทีเจ้าอาจจะเหนือกว่าเขาในปีนั้นก็ได้!  ขณะที่พวกเจ้าทั้งสอง พวกเจ้าจะมีประโยชน์มากกว่าเมื่อเทียบกับข้าในอดีต พวกเจ้าย่อมจะช่วยคนรักของพวกเจ้าได้  เด็กน้อย ข้าขออวยพรพวกเจ้า พวกเจ้าต้องพยายามให้หนัก ฝึกฝนให้มาก และขอให้มีความสุข อนาคตของหอทงเทียนขึ้นอยู่กับพวกเจ้าแล้ว!
 “ขอบคุณ”  องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเสวี่ยอู๋เสียปลาบปลื้มกับคำอวยพรของผู้อาวุโสท่านนี้
แม้กระดูกจะถูกฝังไปแล้วแต่ความรักยังตราตรึงใจ
พวกนางรู้ว่าอะไรมีค่ามากที่สุดในโลก .... เหมือนกับภูตไหมฟ้า แม้จะพรากจากคนรักเป็นหมื่นปี แต่ความรักนางยังไม่เสื่อมคลาย นางอวยพรให้กับผู้เยาว์รุ่นหลัง ทั้งที่นางเองก็ยังไม่มีความสุข นางในฐานะเป็นผู้อาวุโสคนหนึ่งอวยพรให้ผู้เยาว์รุ่นหลังทำให้นางรู้สึกเป็นสุขเสมอ
ภูตไหมฟ้ากอดหญิงสาวทั้งสองและอวยพรจากใจนาง
ในที่สุดนางหันไปหาและมองเย่ว์หยาง  “หนุ่มน้อยผู้โชคดี เรื่องที่สองที่เจ้าอยากพูดคือเรื่องอะไร?”
เย่ว์หยางพยายามข่มใจไม่ถามข่าวเกี่ยวกับแสงห้าสีเพิ่มขึ้น  ประการแรกคาดว่าภูตไหมฟ้าคงไม่ทราบอย่างชัดเจน  เพราะนางถูกผนึกภายหลัง  ประการที่สอง เวลาผ่านไปหมื่นปีแล้ว มีเรื่องเกิดขึ้นมากเกินไป ทวีปมังกรทะยานเปลี่ยนแปลงไปมากเรื่องก็เกิดมานานแล้ว  ทำไมแสงเขียวหนึ่งในแสงห้าสีถึงไปอยู่ในวิหารสิบสองนักษัตรแห่งหอทงเทียน?
แสงศักดิ์สิทธิ์อีกสี่แสงอยู่ที่ไหน?
จิ่วเซียว มีแสงศักดิ์สิทธิ์ห้าสีหรือไม่?  มิฉะนั้นเขาได้แสงดำปลอมได้ยังไง?
ข้อสงสัยทุกอย่างที่นอนนิ่งอยู่ในก้นบึ้งหัวใจของเย่ว์หยาง เขาไม่มีโอกาสได้ถาม  แต่เขามีความรู้สึกว่าภูตไหมฟ้าไม่รู้ความจริงถ้าตัวเขาถามเองเกรงว่าจะผิดหวัง
เขาปรับความคิดและฟื้นฟูแนวคิดของนักสู้ปราณราชันย์  เขาพยักหน้าให้ภูตไหมฟ้าและให้ของขวัญเล็กน้อย  “ในกรณีนี้ข้าหวังว่าจะใช้ทางผ่านที่นี่ได้ พลังธาตุน้ำที่นี่และพลังจ้าวอัคคีปีศาจ  หากเป็นเช่นนี้โลกวารีที่ผู้อาวุโสอยู่อาจมีการเปลี่ยนแปลงพลิกฟ้าคว่ำดิน  ดังนั้นผู้เยาว์อยากจะถามเงื่อนไขกับท่าน”
เย่ว์หยางพูดเช่นนี้ภูตไหมฟ้าเข้าใจ
เด็กหนุ่มผู้กล้าหาญและมีปัญญามากต้องการใช้น้ำจากโลกวารีเทใส่ทะเลเพลิงของจ้าวอัคคีปีศาจ  ปัญหาก็คือแม้ถ้าตกลงกันว่านางเห็นด้วย เขายินดีจะเปลี่ยนโลกวารีทั้งหมด แต่เขาเกรงว่าจะไม่สามารถดับเพลิงได้ทั้งหมด
ประการแรกปริมาณของเพลิงในทะเลเพลิงมีมากจนจิตนาการไม่ออก  เมื่อถูกน้ำจะระเหยเป็นไอและลอยขึ้นไปในอากาศซึ่งไม่มีผลเพียงพอต่อทะเลเพลิง  ประการที่สอง มีจ้าวอัคคีปีศาจอยู่ที่นั่น ตัวเขาไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ภายใต้การจับตาเฝ้าดู  พวกเขาเพียงสามคนเกรงว่ายากจะเดินทางผ่านไปได้ มีปัญหาข้อที่สาม และเป็นปัญหาใหญ่ที่สุดก็คือ  ถ้าไม่มีการแปลงพลังมากพอ พลังน้ำนี้ค่อยๆ ถูกจ้าวอัคคีปีศาจเปลี่ยนไปเป็นพลังอัคคีหรืออาจผลักดันกลับมายังโลกวารีที่นางอยู่
หรือจะพูดอีกอย่างหนึ่ง ความคิดของเด็กหนุ่มนี้ดี แต่ยากจะนำไปใช้
ภูตไหมฟ้ามองดูเย่ว์หยางไม่ได้ปฏิเสธโดยตรง  นางแค่ยิ้มและถาม “เท่าที่ดู เจ้ามีความมั่นใจมาก บอกข้าได้ไหมว่าเจ้ามีแผนอะไร?”
 “ผู้อาวุโส, เขามีสนามพลังสร้างโลก เพียงแต่ขอบเขตใช้งานแคบ  ถ้าผสานกับสนามพลังสำนึกศักดิ์สิทธิ์ของผู้เยาว์ควบคู่กับดาบเทพของเชี่ยนเชี่ยน เราแน่ใจว่าสามารถถ่ายเทน้ำเข้าไปในด้านที่เป็นโลกอัคคีสิบกิโลเมตร   ขณะที่ปัญหาของการแปลงพลัง แม้ว่าจะไม่มีสนามพลังสร้างโลก ไม่มีสังข์เรียกฝนของอสูรที่เสี่ยวเหวินหลีมี และยังไม่มีขุนพลเทพธิดาวายุของข้าด้วย”  เสวี่ยอู๋เสียชูข้อมือซึ่งมีกำไลแปลงพลังงาน นั่นคือรางวัลที่เย่ว์หยางยึดมาจากจ้าวคางคก เมื่อเย่ว์หยางใช้ร่วมกับสนามพลังสำนึกศักดิ์สิทธิ์ของเสวี่ยอู๋เสียนั่นจะกลายเป็นฝันร้ายของศัตรู
กำไลข้อมือนี้เรียกว่ากำไลแปลงพลังงาน ใช้แปลงพลังธาตุของศัตรูให้กลายเป็นพลังงานอีกธาตุหนึ่ง
ด้วยพลังจิตของคนธรรมดา เป็นไปไม่ได้ที่จะแปลงพลังงานได้มากมาย และแทบเป็นไปไม่ได้ที่จะใช้จัดการกับอสูร  แต่ด้วยพลังจิตของเย่ว์หยางและเสวี่ยอู๋เสีย ทันทีที่สร้างสนามพลังขึ้นและใช้กำไลแปลงพลังงานนี้ เชื่อได้ว่าต่อให้ศัตรูอยากร้องไห้ก็คงร้องไม่ออก...  ก่อนนั้นเย่ว์หยางยังไม่รู้วิธีใช้ในทะเลเพลิง เพราะยังไม่มีความเข้าใจเต็มที่
ที่สำคัญจ้าวอัคคีปีศาจเป็นคู่ต่อสู้ที่เจ้าเล่ห์
แม้ว่าจ้าวอัคคีปีศาจจะตายมาหลายหมื่นปีแล้ว แต่วิญญาณและพลังอัคคีของเขามีพลังแค่เป็นรองจอมภพแดนสวรรค์เท่านั้น
ถ้าไม่มีความมั่นใจถึง 80-90% เย่ว์หยางไม่ต้องการเผชิญหน้ากับผู้นี้ ตอนนี้เขาพบโลกวารีและได้พูดคุยกับภูตไหมฟ้า  เขาใจข้อมูลความลับสมบัติวิเศษและแสงห้าสีมากมายจากภูตไหมฟ้า  เย่ว์หยางมีความมั่นใจและความมุ่งมั่นมาก เขาจะไม่นำฮุยไท่หลางออกไปจากโลกอัคคีเงียบๆ ต่อไป แต่จะสู้กับจ้าวอัคคีปีศาจผู้โลภแทน
ถ้าโค่นล้มจ้าวอัคคีปีศาจได้ในพื้นที่ซึ่งเขาได้เปรียบได้  อย่างนั้นเย่ว์หยางจะมีความก้าวหน้าอย่างมากมายแน่นอน และจากนั้นเขาจะสามารถเผชิญหน้ากับจอมภพแดนสวรรค์หรือจีอู๋ลี่และเจ้าตำหนักอื่นๆ เป็นไปได้ว่าอาจเกิดการต่อสู้กันแน่นอน
 “ข้าจะเข้านอนแล้ว เกี่ยวกับการรวบรวมมรดกของสามีข้า ข้าไม่สนใจว่าโลกวารีนี้จะเหมือนอะไร  เด็กๆ!  พวกเจ้าทำสิ่งที่เห็นควรได้เลย ไม่ต้องใส่ใจถึงข้า คนอาภัพอย่างข้าควรตายไปนานแล้ว แต่พวกเขาไม่ยอมให้ข้าตาย  การลงทัณฑ์ของเทพโบราณเป็นเช่นนี้เอง  เด็กเอย! ไม่ว่ายังไง โปรดอย่าเข้ามาในโลกนาฬิกาทรายนี้อีก ข้ากังวลจริงๆ ว่าผลกระทบจากพลังของมหาเทพโบราณจะมีต่อพวกเจ้าในอนาคต  พวกเจ้าต้องรู้ว่าบางที่เป็นสถานที่ต้องห้าม พวกเจ้าต้องอยู่ให้ห่าง และให้ความเคารพ ดีแล้ว, เด็กๆ ลาก่อน  ได้พบเจอพวกเจ้าทำให้ในใจข้าหมดห่วง ไม่มีความเสียใจอีกแล้ว...”
ภูตไหมฟ้าในรูปคนที่เกิดจากน้ำค่อยๆ จมลงในโลกวารี
ความจริง นี่เป็นเพียงร่างมนุษย์ที่นางสร้างขึ้นจากน้ำ  ทว่านางไม่ได้มีรูปอยู่จริง แม้แต่จิตสำนึกของนางก็ไม่เหมือนกับจ้าวอัคคีปีศาจ นางยินดีหลับอยู่ในผนึก
เสวี่ยอู๋เสียรับร่มชี่หลัวในมือของเย่ว์หยางมาดูค่อยๆ กางทีละน้อย พอกางได้ถึงครึ่งก็หุบ
นางมองดูองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและพยักหน้า
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนกอดเย่ว์หยางทันทีและกระซิบที่หูเขา และนางพูดคำที่เย่ว์หยางไม่เคยได้ยินมาก่อน “ร่มนี้ให้พี่หวี่ได้ไหม? ข้าคิดว่าพี่หวี่อ่อนโยนมาก เป็นคนที่เหมาะสมที่สุดกับการรับมรดกฝีมือของภูตไหมฟ้าแน่นอน!  ข้ารู้ว่าโล่วฮัวและอี้หนานก็ใช่  แต่พี่หวี่น่าจะเป็นทายาทรับมอบมรดกวิชาที่เหมาะสมกว่าโล่วฮัวและอี้หนาน จริงไหม?”
เย่ว์หยางติดอยู่กับเปลือกนอกของแม่เสือสาว แต่อดคิดในใจไม่ได้ “แม่เสือสาวเจ้าจู่ๆ ก็มีความคิดดีกับพี่หวี่ได้ยังไง?”
 “นี่เป็นความลับระหว่างสาวๆ เรา!” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนปฏิเสธจะตอบ
 “จริงหรือ?”  เย่ว์หยางคาดเดาว่าแม่เสือสาวคงทำเรื่องบางอย่างที่น่ากังวลกับเย่ว์หวี่  ตอนนี้เขาต้องการจะสานความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองฝ่าย  มิฉะนั้นเขาจะไม่บอกตัวเองอย่างนี้ แม้ว่าเย่ว์หวี่จะขอร่มชี่หลัวนี้กับเขาก็ตาม  แต่เขาจะไม่ใช้น้ำเสียงที่ประจบอย่างนั้น
อย่างไรก็ตามสิ่งที่แม่เสือสาวทำให้เย่ว์หวี่จะค่อยๆ ช่วยกระตุ้นนางเหมือนสายน้ำหรือ?
เรื่องธรรมดา เป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้เย่ว์หวี่โกรธ
แม่เสือสาวจะทำอะไร?
เย่ว์หยางสงสัยบ้าง แต่เขารู้ว่าตอนนี้เขาต้องปล่อยให้แม่เสือสาวนี้เป็นฝ่ายพูดก่อน เขากลัวว่าจะยากยิ่งกว่าขึ้นสวรรค์!
เขารู้สึกได้เลือนรางถึงความรู้สึกแปลกประหลาด เขารู้สึกเหมือนกับได้ปลดปล่อยตนเอง  ดังนั้นเขาไม่กล้าถามโดยตรง
 “ข้าไม่สามารถกางร่มได้  ข้าไม่มีความสามารถพอ!  แม้ว่าองค์เชี่ยนเชี่ยนจะบอกจากปากนางเอง แต่นางรับร่มจากมือของเสวี่ยอู๋เสียและเก็บไว้ในแหวนเก็บของของนาง  นางจูบแก้มเย่ว์หยางอย่างรวดเร็ว “ขอบคุณคุณชายสาม!
 “อู๋เสีย...”  เย่ว์หยางโน้มตัวลงจูบนาง
 “เมื่อเจ้าจัดการกับจ้าวอัคคีปีศาจแล้ว  ถ้าเจ้ามีพลังแข็งแกร่ง เจ้าจะทำอะไรตามที่เจ้าอยากจะทำก็ได้”  เสวี่ยอู๋เสียสาวน้อยหิมะผู้นี้ไม่ง่ายจะจัดการได้  แม้ว่าปากจะไม่ปฏิเสธ แต่หลังจากรอให้จ้าวอัคคีถูกกำจัด เย่ว์หยางคาดว่าคงแทบไม่เหลือพลังแล้ว นี่มิใช่เท่ากับสูญเปล่าหรือ?  แน่นอนว่ามีหวังยังดีกว่าไม่มีหวังมากนัก มีสาวงามรอ ต่อให้มีความยากลำบากขวางหน้า ก็กล้าเข้าเผชิญไม่ใช่หรือ?  และสาวอู๋เสียกับแม่เสือสาวก็ไม่ผิดสัญญาบ่อยนัก
เย่ว์หยางรู้สึกว่ามีพลังเพิ่มขึ้นหลายเท่า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องท้าทายตนเอง หรือเรื่องรุกเร้าสาวๆ ของเขาเอง  ยังไงก็ตามเขาก็จะกำจัดจ้าวอัคคีปีศาจให้ได้
เส้นทางการฝึกฝนของคุณชายอย่างเขา ใครเล่าจะทำได้

7 ความคิดเห็น:

Unknown กล่าวว่า...

ขออีก

manit กล่าวว่า...

ใจจ้า

Unknown กล่าวว่า...

จัดไปอย่าให้เสียพี่เยว์..55+

Boybravo กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

ulomzx กล่าวว่า...

เส้นทางการฝึกฝนของคุณชายคือพิฆาตเสวี่ยอู๋เสียสาวน้อยหิมะ

Pingku กล่าวว่า...

ขอบคุณคับ

sarinnan กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

แสดงความคิดเห็น