วันเสาร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2562

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 892 ข้ามีลางสังหรณ์


ตอนที่  892  ข้ามีลางสังหรณ์
วันต่อมา
 
เนื่องจากศีรษะของจ้าวอัคคีปีศาจถูกผ่าเปิดออก ผลึกปีศาจของจ้าวอัคคีปีศาจถูกดึงออกมา ผลึกปีศาจนั้นไม่มีสำนึกควบคุมเมื่อตกลงยังผิวทะเลสาบถูกแช่อยู่นานถึงหนึ่งวันจึงค่อยๆ แข็งตัวกลายเป็นหิน
เย่ว์หยางไม่จำเป็นต้องเข้าร่วมในศึกสุดท้ายเพื่อขับไล่พวกอสูรต่างๆ เพราะเขาจำเป็นต้องสร้างสนามพลัง  กำไลแปลงพลังงานและพลังกระบี่ซวงหัวช่วยแปลงพลังเพลิงของผลึกปีศาจจ้าวอัคคีปีศาจ ถ้าไม่ใช่เพราะจ้าวอัคคีปีศาจอยู่ในภูมิประเทศที่ด้อยกว่าและประเมินพลังโจมตีของเย่ว์หยางต่ำเกินไป  จ้าวอัคคีปีศาจคงไม่ตายง่ายๆ อย่างนั้น  ที่สำคัญที่สุดจ้าวอัคคีปีศาจมีพลัง  แต่ไม่มีร่างมนุษย์ การประสานพลังเข้ากับปณิธานปราณราชันย์จึงเป็นเรื่องยากที่จะเข้าถึงสำนึกที่แท้จริง... หรือถ้าจ้าวอัคคีปีศาจสู้อยู่ในทะเลเพลิงที่เขาได้เปรียบ เขาคงยันตนเองให้อยู่ในตำแหน่งที่ไม่พ่ายแพ้ได้
ภายใต้พลังกฎสวรรค์น้อยของเย่ว์หยาง รวมกับพลังกดดันของกฎสวรรค์ที่มากเป็นสองเท่า จ้าวอัคคีปีศาจจึงได้พ่ายแพ้
ไม่เหมือนกับเป็นนักสู้คนหนึ่ง
แน่นอนว่าใครก็ตามที่เพิกเฉยหรือดูถูกพลังโจมตีของเพลิงอมฤต พลังของวงจักรนิรันดร และวงจักรล้างโลก จะต้องถูกลงโทษ
เช่นเดียวกับเพลิงอมฤตและวงจักรล้างโลก ด้วยพลังของเย่ว์หยาง ยิ่งเขามีความก้าวหน้าพัฒนาพลังมากขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง  ก็ยิ่งใกล้จะแสดงผลได้เต็มร้อย
ด้วยพลังของเย่ว์หยางในปัจจุบันนี้  แม้ว่าพลังทั้งสามจะไม่ได้ใช้ออก แต่เขาก็แทบอยู่ในระดับเทพที่ไม่มีผู้ใดต่อต้านได้แล้ว
วู้วววว....
วิญญาณที่ทรงพลังถูกขับไล่ออกจากแก่นผลึกปีศาจ และมันไม่เต็มใจและต่อต้านอย่างเต็มที่
แม้ด้วยพลังของเย่ว์หยางก็ไม่สามารถกำจัดได้
และด้วยกฎสวรรค์ประจำโลกนาฬิกาทรายก็ไม่ยอมให้จ้าวอัคคีปีศาจและภูตไหมฟ้าหนีไปได้ ไม่ว่าจะในรูปแบบใดก็ตาม
อย่างน้อยก่อนที่ปณิธานของเย่ว์หยางจะแข็งแกร่งมากกว่าปณิธานของเทพโบราณ  เป็นไปไม่ได้ที่จะขับไล่จ้าวอัคคีปีศาจออกไป ก็เหมือนกับที่เย่ว์หยางแม้จะทำทุกอย่างที่เป็นไปได้เพื่อนำนางพญาเฟ่ยเหวินหลีอออกมาจากผนึกมิติหลุมดำ  แน่นอนผนึกมิติหลุมดำยากยิ่งกว่า ทั้งยังหาทางไม่ได้ เพราะไม่มีช่องโหว่ให้ทำอย่างนั้น
เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่าจ้าวอัคคีปีศาจจะไม่สามารถฟื้นคืนชีพได้อีกต่อไป  เย่ว์หยางกักวิญญาณจ้าวอัคคีปีศาจไว้ในท้องของอสูรหุ่น จากนั้นทิ้งอสูรหุ่นไว้ในทะเลสาบลึกผนึกไว้ในน้ำแข็งหมื่นปี  แม้ว่าในอนาคตจะมีพลังใดก็ตามที่สามารถทำลายน้ำแข็งและปลดปล่อยจ้าวอัคคีปีศาจซึ่งถูกกักไว้ในร่างอสูรหุ่น  ในฐานะผู้สร้างและผู้ผนึก เย่ว์หยางย่อมสามารถรู้ได้เป็นคนแรก บางทีต่อไปในอนาคต เมื่อเย่ว์หยางเป็นนักสู้ระดับเทพ อาจไม่จำเป็นต้องใช้ผนึกนี้อีกต่อไปก็ได้  แต่ตอนนี้นี่เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดของเย่ว์หยาง
ร่างยักษ์ของจ้าวอัคคีปีศาจสร้างขึ้นจากแม็กมาภูเขาไฟได้เย็นลงกลายเป็นหิน และนอนอย่างสงบอยู่ก้นทะเลสาบลึกลงไปหมื่นเมตร
ในใจกลางทะเลสาบเย่ว์หยางเขียนวงเวทอักษรรูนยักษ์ซึ่งคล้ายกับอักษรรูนเพลิง แต่ทำให้ใช้พลังงานน้ำแทนที่จะใช้พลังไฟ
 “งานเสร็จแล้วหรือ?”  เมื่อเย่ว์หยางผนึกจ้าวอัคคีปีศาจและกลับมายังผิวน้ำ  แม่เสือสาวดูเหมือนทำได้ไม่เลว และนางส่งผ้าเช็ดตัวให้เย่ว์หยางเช็ดตัวที่เปียกโชก  หลังจากมองเห็นท่าทีงุ่มง่ามของเย่ว์หยางเวลาจับผ้าเช็ดตัว  นางทำตัวเหมือนกับภรรยาผู้ขยันขันแข็ง นางยิ้มให้เขา “ไม่มีพี่หวี่อยู่ด้วย ก็ไม่มีใครดูแลเจ้า  แม้จะกล่าวว่าเป็นยอดอัจฉริยะอันดับหนึ่งของหอทงเทียน  แต่ก็ยังเป็นตัวโง่งม...”
 “ข้าให้โอกาสเจ้าฝึกฝนปรนนิบัติหรอกน่า”  เย่ว์หยางหัวเราะ
 “ใครจะสนเล่า!  แม่เสือสาวมองเขาอย่างเจ้าเล่ห์ แต่ยังไม่หยุดมือ
 “ผลเป็นยังไงบ้าง?”  เย่ว์หยางยินดีที่องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเหมือนกับกำลังบริการเจ้านายใหญ่  นางขยับเก้าอี้ให้เขาเอนตัวลง
 “ข้าได้แค่ฆ่าค้างคาวไฟปีศาจ  ส่วนเหยี่ยวเพลิงบินเร็วเกินไป พอจ้าวอัคคีปีศาจพลาดท่ามันทรยศและหนีไปทันที  ข้าไม่สามารถไล่ตามได้ทัน  ฮุยไท่หลางยังยุ่งอยู่กับการกลืนเลเวียธาน เสี่ยวเหวินหลีไล่ตามไปด้วยตนเอง”  องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนช่วยเช็ดผมให้เย่ว์หยาง ถอดชุดและจัดชุดใหม่ให้เขา ปกติเมื่อมีคนอื่นอยู่ใกล้ๆ นางจะไม่ใส่ใจเย่ว์หยาง เมื่ออยู่กันสองต่อสองตอนนี้ ทั้งสองกลายเป็นคู่รักกัน อย่างน้อยนางไม่แสดงความดุร้าย แต่ทำตัวเป็นภรรยาที่นุ่มนวลเอาใจ
 “แล้วปลาไหลมังกรไฟเล่า?”  เย่ว์หยางกังวลถึงอสูรสองตัว หนึ่งเป็นเหยี่ยวเพลิงศักดิ์สิทธิ์มีปัญญาฉลาดและมีศักยภาพที่ไม่เลว  ถ้าเย่ว์หยางไม่ต้องการปล่อยมันไป เขาคงฆ่ามันไปตั้งแต่แรกแล้ว
ยังมีปลาไหลมังกรไฟ พลังของปลาไหลมังกรไฟนี้ยังแข็งแกร่งมากกว่าเหยี่ยวเพลิง
ปลาไหลมังกรไฟเป็นอสูรธาตุไฟบริสุทธิ์ที่มีขนาดมหึมา  มันไม่สามารถลงไปในน้ำได้ และมันไม่สามารถลอยตัวอยู่ในนานนัก การใช้งานมันจริงๆ จะมีข้อจำกัดมากมายโดยเฉพาะในเรื่องของภูมิประเทศ  แตกต่างจากเหยี่ยวเพลิง ยกเว้นลงไปในน้ำ ไม่มีที่ใดที่มันสู้ไม่ได้ ในแง่ของคุณค่าการฝึกฝนอสูรขนาดใหญ่เกินไปยังด้อยกว่าอสูรตัวเล็กกว่าเพราะว่ามันสามารถแปลงเป็นเซียนได้ในเวลาภายภาคหน้า
 “ร่วงไปแล้ว เมื่อขุนพลเทพธิดาวายุจับหางของมันได้ มันก็ร่ว่งทันที”  องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนก้มตัวลงช่วยเช็ดตัวให้เย่ว์หยางต่อ
 “ความภักดีของมันไม่มากนัก  เมื่ออสูรอื่นโจมตีเรามีแต่มันเท่านั้นที่รั้งอยู่หลังเพื่อน คาดว่ามันไม่ใช่อสูรของจ้าวอัคคีปีศาจ  แต่ถูกผนึกไว้ด้วยกันกับจ้าวอัคคีปีศาจในทะเลเพลิงจึงต้องจำใจทำ
เย่ว์หยางมีความสุขมากที่เหยี่ยวเพลิงไม่ได้ถูกล่าสังหาร มันเป็นอสูรที่ไม่เลว อย่างน้อยก็นับว่าไม่สูญเปล่า  นอกจากร่มชี่หลัวสมบัติวิเศษแล้ว ได้ปลาไหลมังกรไฟซึ่งนับว่าเป็นอสูรที่นับว่าไม่เลว
เมื่อองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนช่วยเปลี่ยนกางเกงให้เย่ว์หยาง นางพบว่าบางส่วนของร่างกายเขาตั้งตรงราวกับหอกพร้อมทำการรบได้ทุกเมื่อ
นางอดหน้าแดงมิได้
นางหน้าแดงจนกลายเป็นแง่งอนขุ่นเคือง “เจ้าต้องการอะไร? ในหัวของเจ้าคิดแต่เรื่องอะไรอยู่ทั้งวัน?”
นางยื่นมือออกมาตีเบาๆ แต่พอสัมผัสเหมือนกับว่าเจ้าสิ่งนั้นจะร้อนและหดตัวลงอย่างรวดเร็ว  เย่ว์หยางหัวเราะ “นี่เป็นปฏิกิริยาธรรมชาติ  ถ้ามีหญิงงามช่วยบริการเอาใจ ไม่มีทางที่จะไม่ลุกขึ้นสู้ เพราะว่าชีวิตนี้มีความหวัง!
เขาคว้ามือนางอย่างอุกอาจ และปล่อยให้นางสัมผัส
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนดิ้นรนขัดขืนเล็กน้อยในตอนแรก และนางพบว่าสัมผัสสิ่งนั้นของเขาอย่างรวดเร็ว และรีบหดมือกลับราวกับว่ากลัวถูกงูกัด หน้าของนางแดงจนถึงต้นคอ นางหันหน้าไปทางอื่นและพบว่าเสวี่ยอู๋เสียยังไม่กลับมา นางรีบหันกลับมาและบอกกับเขา “ไม่มีใครอยู่ ไม่มีใครเห็นแล้ว มา..มาจูบกัน!
นางตั้งใจจะไม่ให้ความลับแตก
เย่ว์หยางตะลึง
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนรู้ว่าตัวนางเองพลั้งปากพูดก็อายจึงรีบกระตุ้นอย่างแง่งอน “นั่นเป็นการพนันกับแม่สาวหิมะ นางบอกว่าข้าไม่กล้าจูบ ข้าไม่ยอมแพ้อยู่แล้ว”
 “ข้าไม่รู้ตัวได้ยังไงกันนี่?”  เย่ว์หยางเสียใจที่เขาพลาดช่วงเวลาพิเศษไปได้อย่างไร
 “เจ้ายังไม่รู้ตัวในเวลานั้น...” องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนรู้ว่าเขาเสียดายนางอดมีความรักที่อ่อนโยนมิได้ นางกอดเขาและจูบปากเขาอย่างนุ่มนวล  “ความจริงข้าก็รู้สึกผิดที่หาเรื่องทะเลาะเจ้าอยู่เสมอ แต่ใครให้เจ้ายั่วโมโหเล่า!  หลังจากจูบกับเจ้าครั้งนี้แล้วข้าจะไม่โกรธเจ้าแล้ว และเจ้าต้องไม่ยั่วโมโหข้าด้วย!
 “งั้นจูบอีกครั้ง”  เย่ว์หยางไม่มีทางพอใจแค่สถานะปัจจุบัน
 “ไม่ได้, สาวหิมะกำลังกลับมา”  องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนปฏิเสธและมองดูรอบๆ อย่างกังวล นางรีบจัดเสื้อผ้าให้เย่ว์หยางเพราะกลัวเสวี่ยอู๋เสียจะเห็นนางรับใช้เย่ว์หยาง
 “นางยังไม่กลับมาในเวลาเร็วๆ...นี้ ข้ามีความรู้สึกว่านางยังต่อสู้ในที่ห่างไกลออกไป!  เอ๋, นางกำลังไล่จับวาฬภูเขาไฟหรือนี่?” เย่ว์หยางรีบกอดตัวนุ่มนิ่มของแม่เสือสาวและจูบปากนางอย่างดูดดื่ม มือที่ซุกซนของเขาสอดเข้าไปในชุดของนาง  ถึงตอนนั้นแม่เสือสาวจับมือของเขาหอบหายใจ  “ไม่, นางจะกลับมาในอีกไม่ช้า ถ้าข้าปล่อยมือเจ้า เจ้าอย่ามาถอดชุดของข้า... ตัวร้าย.. ข้ายอมให้เจ้ากอดนอนตอนกลางคืนได้  แต่กลางวันในที่อย่างนี้ ถ้าสาวหิมะเห็นเข้า ข้าจะไม่มีหน้ามองผู้คนอีก  นุ่งผ้าเร็วเข้า นางจะกลับมาแล้ว โอวพระเจ้า นางกลับมาเร็วยิ่งนัก....
ในท้องฟ้าไกล มีประกายดวงดาวดวงหนึ่ง
ในชั่วกระพริบตา
ดาวดวงนั้นพุ่งลงข้างหน้าเย่ว์หยางและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน เป็นเสวี่ยอู๋เสียกำลังยืนถือคัมภีร์แห่งสัจจะ
นางยิ้มขณะมองดูเย่ว์หยางกับองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน  คำว่าหน้าหนาไม่ต้องเอามาใช้กับเย่ว์หยาง เพราะเขาไม่มีความรู้สึกผิดเสียใจอะไร  แต่ยังคงเป็นองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนที่หน้าแดงและรู้สึกเขินอาย นางพูดด้วยความรู้สึกผิดเล็กน้อย  “กลับมาแล้วหรือ, พ่อหนุ่มนี่เหมือนกับไก่แจ้ ทำเอาข้าแทบรอไม่ไหว  สาวหิมะ!  เจ้ามาก็ดีแล้ว!
เสวี่ยอู๋เสียเดินเข้ามาหา จู่ๆ นางก็ดึงมือขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและสูดดมกลิ่น
นางไม่พูด แค่ยิ้มให้องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน
แต่องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนหน้าแดง
นางพูดอย่างถือดี  “ก็เขามาเองนี่.....”
เย่ว์หยางยกมือทันที  “ใช่แล้ว, ข้าลงมือเอง, เดี๋ยวข้าพิสูจน์ให้ดูก็ได้!
องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนอายจนกลายเป็นโทสะ นางย่ำเท้าของเย่ว์หยางและจับมือเขาส่งให้เสวี่ยอู๋เสีย “ข้าไม่ชอบให้ทำอย่างนี้สักหน่อย เอ้า..เจ้าไปแต๊ะอั๋งสาวหิมะเองก็แล้วกัน!
นางนึกว่าเสวี่ยอู๋เสียจะกลัวแล้วร้องกรี๊ดวิ่งหนีไป  ใครจะคิดกันเล่าว่า เสวี่ยอู๋เสียไม่มีสีหน้าที่ตื่นเต้นแต่อย่างใด นางกลับยิ้มมากขึ้นและดึงมือเย่ว์หยางมาวางไว้ที่เนินอกของนาง และกดลงเบาๆ  องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเมื่อเห็นเช่นนั้น นางตกตะลึง นางไม่คิดว่าสาวหิมะจะกล้าขนาดนั้น
เย่ว์หยางมีความสุข แต่เขาไม่กล้าแสดงความสุขมากเกินไป
เขาก็แทบจะไม่เชื่อว่านี่เป็นความจริง
 “ความจริง สองคนจะแอบทำอะไรกัน ข้าไม่เห็นว่าต้องเป็นความลับอะไร  ข้าไม่อิจฉาอยู่แล้ว”  เสวี่ยอู๋เสียหยอกองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเสร็จ นางถอนหายใจทันที  “ข้าไม่เคยคิดมาก่อน  อย่างไรก็ตามหลังจากเผชิญหน้ากับจ้าวอัคคีปีศาจ ข้ารู้สึกว่าขามีพลังระดับปราณราชันย์แล้ว  เป็นพลังปราณราชันย์แท้จริง มิน่าเล่าทั้งอสูรศักดิ์สิทธิ์ และอสูรเทพต่างเปลี่ยนร่างไปเป็นมนุษย์ได้ในที่สุด กลับกลายเป็นว่าร่างมนุษย์เป็นสิ่งที่สำคัญยิ่งนัก”
 “ความจริงร่างกายมนุษย์ดูเหมือนจะอ่อนแอที่สุด ไม่มีเขา ไม่มีเขี้ยว ไม่มีกรงเล็บ ไม่มีเกล็ดไม่มีขนนก มีแต่แค่ปัญญา  อย่างไรก็ตามเพราะปัญญานี้ทำให้สิ่งมีชีวิตที่อ่อนแอที่สุดในแรกเริ่ม เติบโตก้าวหน้าจนได้รับพลังที่แข็งแกร่งที่แท้จริงในที่สุด  การสูญเสียร่างมนุษย์ แต่ให้ท่านมีสุดยอดพลังที่แข็งแกร่ง ท่านก็ไม่มีทางใช้ออกมาได้เต็มร้อย... จ้าวอัคคีปีศาจ เพราะช่วงเวลาหมื่นปีเขาไม่ตระหนักทักษะวิชาต่อสู้ที่เขาใช้มาตลอดชีวิต วิธีสู้รบในรูปแบบต่างๆ ถูกใช้ออกมาในร่างมนุษย์ ได้สูญหายไปอย่างสิ้นเชิง”  เย่ว์หยางสรุปให้ และเสวี่ยอู๋เสียถาม “เจ้าคิดอย่างนี้ได้ยังไง?”
 “ข้าจำได้ว่าวาฬภูเขาไฟที่เพิ่งถูกเรียกมานี้ มันมีขนาดและพลังที่ไม่ด้อยไปกว่าขุนพลเทพธิดาวายุของข้า  แต่มันพ่ายแพ้อย่างน่าสังเวชและไม่มีพลังโจมตีตอบโต้  แม้ว่า วายุ จะเอาชนะได้แต่ก็ต้องใช้เวลาอีกสองสามวันถึงจะเอาชนะมันได้เด็ดขาด  แต่วาฬภูเขาไฟไม่มีโอกาสกลับตัวได้  ในเงื้อมมือของเจ้ามันไม่มีโอกาสเช่นเดียวกับจ้าวอัคคีปีศาจ  ถ้าวาฬภูเขาไฟและจ้าวอัคคีปีศาจมีร่างมนุษย์ในการต่อสู้ครั้งนี้  ข้าเกรงว่าคงจะไม่ง่ายขนาดนั้น”  เสวี่ยอู๋เสียสวมชุดนอกให้เย่ว์หยางและจัดคอเสื้อให้เขา  “ศัตรูมีแต่จะแข็งแกร่งขึ้นในอนาคต หากเราไม่สามารถเร่งกระบวนการฝึกฝนของเราจนเข้าสู่ระดับปราณราชันย์  ข้าเกรงว่าข้าเองอาจจะช่วยไม่ได้”
 “ข้าคงคงจะย่างเข้าระดับปราณราชันย์แน่นอน  ข้ามีลางสังหรณ์...”  ทักษะหกรับรู้ขององค์หญิงเชี่ยนชี่ยนมีสัมผัสที่หกรวมอยู่ด้วย  นางรู้สึกว่านางและเสวี่ยอู๋เสียจะเข้าสู่ระดับปราณราชันย์ในไม่ช้า เพียงแต่ไม่แน่ใจว่าใครก่อน

18 ความคิดเห็น:

ulomzx กล่าวว่า...

โธ่เย่ว์หยางได้แค่จูบองค์หญิงเชี่ยนชี่ยนเท่านั้นเอง..ส่วนเสวี่ยอู๋เสียหิมะได้จับโมนนนนด้วยยยย

Gg กล่าวว่า...

บอกระดับพลังในเรื่องที่ครับ เริ่มงงเเล้ว

manit กล่าวว่า...

ใจจ้า

Krisda กล่าวว่า...

ขอยคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

เย่ว์หยางปราณราชันฟ้าระดับสาม ก่อนสู่กับเจ้าปีศาจอะนะ

Unknown กล่าวว่า...

งงกันไหมครับว่าทำไหมปราณของเย่หยางถึงมีพลังแค่นี้

Unknown กล่าวว่า...

รู้แบบปราณจะมีสามลักษณ์ครับ คือพื้นที่เก็บปราณ กับอัดแน่นของปราณ ส่วนสุดท้ายคือปราณราชันครับ

Unknown กล่าวว่า...

เย่ว์หยางอัดพลังจากระดับสิบให้เหลือระดับห้าแล้วตอนสำเร็จปราณราชันทำใหเยว์หยางทะลวงเข้าปราณฟ้าระดับหนึ่ง (ปราณราชันคือการเข้าใจในสัจจธรรมหรือรู้แบบของตัวเอง)

Unknown กล่าวว่า...

เยว์หยางทะลวงระดับสองหลังเข้าปราสาทเพราะพลังใกล้ทะลวงส่วนหลังจากได้รับพลังต้นไม้โลกพลังเยว์หยางทะลวงข้ามมาอีกหนึ่งระดับเต็มคือสามปลายๆ

Unknown กล่าวว่า...

รู้แค่นี้ครับ ส่วนเทียบระดับพลังกับฟ้าขั้นแปดก็ต้องบอกว่ายังห่างชั้นอยผู้ก้าวใหญ่ครับ เพราะตั้งแต่ฟ้าหกไปมันขึ้นอยากมาก(ส่วนปราณราชันก็ยังมีระดับของตะวเองด้วย)

Unknown กล่าวว่า...

+

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณที่กรุณาอธิบายครับ แต่ก็ยังงงอยู่ดีครับผม 55

Boybravo กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

zen zen กล่าวว่า...

ระดับพลังในเรื้อนี้จริงๆมีหลายระดับคับเริ่มแรกคือระดับเริ่มต้นคือ1-10คับจากนั้นเป็นปราณก่อกำเนิดหรือปราณดินคับจากนั้นก็เป็นปราณฟ้ามีอีกชื่อหรือปล่าวอันนี้ไม่แน่ใจคับจากนั้นจะเป็นปราณราชันที่ยกระดับจากปราฟ้าคับส่วนปรานราชันนั้นคืออะไรก้อ่านเอาจากคอมเม้นที่9ได้คับผมไม่รู้ว่าจะมีปราณจักรพัดิหรือปล่าวก่อนจะไประดับเทพแต่ที่แน่ๆคือมันมีระดับเทพโผล่มาแล้ว (คือจีอู๋ลี่นั่นแหละ)​ขอเสริมทุกๆขั้นของปราณจะมีระดับตั้งแต่ 1-10 คับก่อนจะไประดับปราณให่

zen zen กล่าวว่า...

ระดับพลังในเรื้อนี้จริงๆมีหลายระดับคับเริ่มแรกคือระดับเริ่มต้นคือ1-10คับจากนั้นเป็นปราณก่อกำเนิดหรือปราณดินคับจากนั้นก็เป็นปราณฟ้ามีอีกชื่อหรือปล่าวอันนี้ไม่แน่ใจคับจากนั้นจะเป็นปราณราชันที่ยกระดับจากปราฟ้าคับส่วนปรานราชันนั้นคืออะไรก้อ่านเอาจากคอมเม้นที่9ได้คับผมไม่รู้ว่าจะมีปราณจักรพัดิหรือปล่าวก่อนจะไประดับเทพแต่ที่แน่ๆคือมันมีระดับเทพโผล่มาแล้ว (คือจีอู๋ลี่นั่นแหละ)​ขอเสริมทุกๆขั้นของปราณจะมีระดับตั้งแต่ 1-10 คับก่อนจะไประดับปราณใหม่

ตอบ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

sarinnan กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

akekapoj-tee กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับ

แสดงความคิดเห็น