วันเสาร์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2562

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 899 ผลประโยชน์เก็บเกี่ยว


ตอนที่  899  ผลประโยชน์เก็บเกี่ยว
หุบเขาเพลิงดำ
เปลวไฟลุกท่วมและมีอุณภูมิสูง
 
ดินแดนแห้งแล้งกันดารนี้เป็นพื้นที่ต้องห้ามสำหรับสิ่งมีชีวิตอื่น  แต่สำหรับจุ้ยมาวอี้ในตอนนี้นางสวมกำไลแปลงพลังธาตุ จึงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
ถ้าไม่คำนึงถึงขอบเขตพลังการควบคุมธาตุของนาง ไม่ต้องมีเย่ว์หยางคอยดูแล และแม้จะไม่มีกำไลแปลงพลังธาตุ ซึ่งเป็นสมบัติที่รู้กันว่าคือหายนะของพลังธาตุ  ยังมีการเชื่อมโยงพลังราชสีห์เพลิงทองซิมบาที่นางได้ทำสัญญาไว้ นางสามารถเดินอยู่ในสถานที่อย่างหุบเขาเพลิงดำได้อย่างสบาย
แพนด้าน้อยหนิวหนิวไม่ได้ติดตามมาด้วย
แต่ครอบครัวซิมบาอยู่กับนาง
ตอนนี้ราชสีห์เพลิงทองซิมบามีการยกระดับพลังเป็นอสูรปราณฟ้าระดับสาม มันมีความแข็งแกร่งที่เฉพาะตัวไม่เหมือนใคร ถ้าไม่ใช่เพราะเย่ว์หยางระมัดระวังตัวมากและยืนยันว่าจะค่อยๆ ทำการสำรวจ  จุ้ยมาวอี้คงรีบบุกเข้าไปภายใต้การปกป้องของซิมบาและนางสิงโตเมียของมัน  เย่ว์หยางระมัดระวังไม่ใช่ว่าไม่มีเหตุผล  ในสถานที่อย่างแดนสวรรค์ ความประมาทเท่ากับเข้าไปหาความตาย ในแดนสวรรค์มีสิ่งมีชีวิตที่ไม่ธรรมดาและสภาพแวดล้อมที่น่ากลัวอยู่ทุกหนแห่ง นักสู้ที่ประมาทแม้เพียงเล็กน้อยก็อาจพบกับจุดจบได้
ในฐานะที่ผ่านสถานที่ซึ่งอาจมีศัตรูโจมตีทุกรูปแบบ  เขาจะยอมสูญเสียความระมัดระวังไปได้อย่างไร?
ยิ่งกว่านั้นมนุษย์กระดูกราเชลและมนุษย์แวมไพร์เซี่ยหยาทั้งสองเหมือนกับเป็นกองหน้าบุกเข้าไปเผชิญหน้ากับศัตรูน่ากลัวโดยตรง.. ถ้าเป็นอย่างนี้จะไม่เป็นการแจ้งเตือนหรือ เจ้าพวกนี้ไม่สมควรบอกว่าโง่  ต้องบอกว่าไม่มีสมองต่างหาก!
 “เฮ้..ระวังหน่อย” เย่ว์หยางเสียดายอยู่บ้าง เขารีบร้อนเกินไปหน่อยลืมพาฮุยไท่หลางหรือภูตฟ้าปั่นป่วนมาด้วย  ถ้ามีฮุยไท่หลางอยู่ในภูมิภาคนี้ ค่อยส่งมันไปสำรวจเส้นทางข้างหน้าก็ได้
 “ซิมบา” จุ้ยมาวอี้รู้สึกว่าต้องมีส่วนร่วมนางให้ซิมบาสำรวจเส้นทางข้างหน้า
ในฐานะที่เป็นอสูรที่มีปัญญา ขณะนั้นเองมันต้องทำงานบางอย่างเพื่อเอาใจเจ้านาย
ซิมบาพาเมียของมันหมอบซุ่มและสำรวจทางข้างหน้า
เหมือนกับอสูรนักฆ่า
ทั้งสองซ่อนตัวอยู่ในเปลวไฟ และเริ่มเข้าใกล้สามคนที่กำลังต่อสู้กันไม่หยุดยั้ง
มนุษย์กระดูกราเชลและแวมไพร์เซี่ยหยาทั้งสองร่วมกันโจมตียักษ์ที่ร่างเต็มไปด้วยเพลิง  ทุกครั้งที่ยักษ์ใหญ่หายใจเพลิงดำในร่างจะพุ่งขึ้นสูงถึงร้อยเมตร
พลังของมันเหนือกว่าราเชลและเซี่ยหยามากมาย
แต่เหมือนกับว่าเขาไม่ต้องการสู้กับราเชลและเซี่ยหยา ลักษณะของเขาเห็นอยู่ว่าใจร้อน  “ราเชล เจ้ากระดูกงี่เง่า เมื่อครู่นี้เราจอมมารปล่อยเจ้าให้หนีไปแล้ว  ทำไมเจ้ายังถึงดื้อดึงตอแยข้าอยู่อีก?  ไสหัวไปให้พ้นได้แล้ว  เรื่องขัดแย้งเล็กน้อยในอดีต เจ้ายังจดจำอีกหรือ  ข้าไม่ได้ใส่ใจแล้ว ไม่เหมือนกับหนอนน่าสมเพชอย่างเจ้า ข้าผู้นี้ตั้งใจจะขึ้นไปแดนสวรรค์บนให้ได้ เผ่ากระดูกโสโครกอย่างพวกเจ้า ข้าคร้านจะสืบสาวเอาความ  สำหรับเจ้าแวมไพร์เซี่ยหยา  เจ้าก็ช่างน่ารำคาญจริงๆ ข้ากับเผ่าดูดเลือดของเจ้าไม่มีความแค้นต่อกัน รีบไสหัวไปได้แล้ว ไม่อย่างนั้นข้าจะไม่ละเว้นพวกเจ้าแน่ เจ้าคิดว่าด้วยพลังปราณฟ้าระดับสามของพวกเจ้า  ถ้าไม่ใช่เพราะข้าผ่อนผันยั้งมือให้  มีหรือพวกเจ้าจะไม่ตายในทันที?”
 “พูดได้ดี  ใครบ้างไม่รู้ว่าเจ้าเป็นตัวร้ายที่ทางการต้องการตัว!  ราเชลแค่นเสียง
 “เจ้ามีพลังปราณฟ้าระดับห้า ในช่วงเวลาปกติเจ้าสามารถฆ่าข้าที่มีพลังปราณฟ้าระดับสามได้แน่นอน  90% ของพลังไฟของเจ้าได้มาจากผลึกเพลิงดำ  เจ้าไม่มีอะไร มีแต่เปลือกว่างเปล่า ช่วยตัวเองยังไม่ได้ นี่ยังคิดจะขู่ข้าให้กลัวอีกหรือ?”  แวมไพร์เซี่ยหยาแม้ว่าจะไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ แต่พลังยังห่างไกลจากเจ้ายักษ์เพลิงอยู่มาก แต่เขายังกล้าสบประมาทฝ่ายตรงข้าม
 “เจ้าคิดว่าทำอย่างนี้จะขัดขวางข้าไม่ให้เลื่อนพลังเป็นปราณฟ้าระดับหกได้หรือ?”  ยักษ์เพลิงหัวเราะและมองดูพวกเขาเหมือนว่าจับผิดได้
 “ก็ต้องลองดู...”  มนุษย์กระดูกราเชลฟันดาบปล่อยคลื่นโจมตีแต่ระมัดระวังอยู่ในระยะร้อยเมตรห่างจากศัตรู  เพราะเขาพบว่ามีรูขนาดต่างๆ หลายสิบรูในพื้นที่ประมาณร้อยเมตรรอบศัตรู
จุ้ยมาวอี้เห็นไม่ชัดเนื่องจากอยู่ไกลมาก
นางแตะเย่ว์หยางและถามด้วยความสงสัย
เย่ว์หยางใช้จักษุทิพย์สำรวจเต็มพิกัด จนกระทั่งปรากฏความจริงในใจของเขา  เขาถึงกับโพล่งออกมา  “กลับกลายเป็น กุ่ยหยินไฟ”
จุ้ยมาวอี้คุ้นๆ ว่าเคยได้ยินชื่อนี้มาบ้าง เหมือนกับว่านางเคยได้ยินชื่อกุ่ยหยินไฟ
แต่ในขณะนั้น
นางยังนึกไม่ออก
เย่ว์หยางรู้ว่านอกจาก ที่นี่ที่มีกุ่ยหยินไฟแล้ว ที่อื่นก็มี
นั่นคือแดนล่มสลายแห่งทวยเทพ...ตามความรู้ที่ได้รับตกทอดจากพี่สาวแม่สี่ เย่ว์หยางรู้ว่ามีทะเลเพลิงอยู่ในดินแดนล่มสลายแห่งทวยเทพ ทั้งหมดถูกสร้างขึ้นจากกุ่ยหยินไฟ  กุ่ยหยินไฟแบบนี้แปลกมากที่มันยังคงอยู่ได้
มันดูเหมือนทะเลสาบที่ไม่มีพลังจากภายนอกจะทำลายมันได้ มันอยู่อย่างสงบเป็นเวลาหลายพันปี การแผดเผาที่ผิดปกตินี้เรียกว่า แผดเผาเงียบ จากนักรบโบราณ    การแผดเผาเงียบของกุ่ยหยินไฟมีข้อดีคือ หากใครบางคนสามารถทำได้โดยไม่รบกวนมันก็สามารถฝึกฝนกับมันได้ มันไม่เพียงแต่สร้างพลังไฟเผาผลาญเท่านั้นแต่ยังส่งผลให้ร่างของมันดับลง แน่นอนว่าจะทำให้ถึงระดับนี้เป็นเรื่องยากมาก  แม้ว่าจะเป็นนักรบยุคโบราณก็ตาม มีน้อยคนมากที่ใช้กุ้ยหยินไฟในการฝึกฝน อย่างมากพวกมันใช้มันสร้างสมบัติวิเศษ
สร้างอาวุธวิเศษค่อนข้างง่ายกว่า
ถ้าแค่สร้างอาวุธวิเศษจำเป็นต้องดับและวางลงในกุ่ยหยินไฟที่กำลังคุกรุ่นอย่างระมัดระวังโดยไม่ไปรบกวนการปะทุของกุ่ยหยินไฟ
แน่นอนว่าดูเหมือนง่าย แต่เป็นเรื่องยากมาก  เพราะเมื่อความสงบของกุ่ยหยินไฟถูกรบกวน มันจะระเบิดพลังความร้อนออกมาอย่างบ้าคลั่งสูงกว่าอุณหภูมิปกติถึงพันเท่า พลังระเบิดขนาดนั้นเพียงพอจะทำลายสมบัติวิเศษที่ยังขึ้นรูปไม่เสร็จ
 “อะไร?”  จุ้ยมาวอี้ตะลึงหลั่งเหงื่อเยียบเย็นหลังจากฟังเย่ว์หยางกระซิบบอก
 “มันยังคงสงบและไม่ถูกรบกวน  มิฉะนั้นอย่าว่าแต่นักสู้ปราณฟ้าระดับห้าเลย ต่อให้เป็นปราณฟ้าระดับหกหรือระดับเจ็ดก็ยังทนรับไม่ไหว มารเพลิงดำคงกำลังรอ เวลาระเบิดอาจจะยังมาไม่ถึง หรืออาจจะต้องมีเงื่อนไขที่จำเป็นบางอย่าง  อย่างไรก็ตาม ข้าแน่ใจว่าพื้นที่นี้ยังห่างจากกุ่ยหยินไฟซึ่งฝังลึกลงไปในใต้ดิน  มิฉะนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะหลงอยู่ในช่องเล็กช่องใหญ่”  เย่ว์หยางตัดสินใจอย่างกล้าหาญ
 “ตอนนี้จะเอายังไง?”  จุ้ยมาวอี้ถาม
 “แน่นอนว่าให้มองหาโพรงใหญ่และเข้าไปตามโพรงที่ระเบิด”  เย่ว์หยางตอบอย่างมั่นใจ
 “เจ้าบ้าหรือเปล่า!  จุ้ยมาวอี้ได้ยินเข้าถึงกับหลั่งเหงื่อเยียบเย็น  นางไม่เข้าใจจริงๆ ว่าเจ้าเด็กนี่เป็นคนแบบไหน?  จะบอกว่าเขาเป็นคนกลัวตาย? แต่เขาระมัดระวังตัวมาก ไม่ว่าเขาจะทำอะไร  เขาจะคิดถึงสองเท่าก่อนจะลงมือทำ  จะบอกว่าเขาบ้าบิ่น แต่เขาก็มีความกล้าพอเมื่อรู้ว่าโพรงถ้ำเหล่านั้นเป็นที่อยู่ของกุ่ยหยินไฟที่อาจระเบิดพลังไฟออกมาได้ แต่เขาก็ยังพยายามมุดเข้าไปดู  ถ้าการต่อสู้จากข้างนอกเป็นต้นเหตุให้มีพลังระเบิดออกมา คนที่ขวางอยู่ในเส้นทางจะมิกลายเป็นหมูย่างหรอกหรือ!
เย่ว์หยางไม่ได้ถามความเห็นของนาง
ในเวลาปกติ เขาจะมีความเป็นประชาธิปไตยมาก ไม่ว่าอะไรที่เขาจะทำ เขาจะให้เสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนแสดงความเห็นและให้คำแนะนำเสียก่อน
แม้ว่าเขาจะได้รับการสนับสนุน แต่บ่อยครั้งที่เขาจะไปถามแม่สี่หรือผู้อาวุโสบางคนขอคำแนะนำอย่างสุภาพ  บ่อยครั้งที่เขาหวังจะใช้สติปัญญาของทุกคนมาช่วยประยุกต์ลงมือทำให้ดีที่สุด
อย่างไรก็ตามในการแก้ไขเรื่องสำคัญมากบางเรื่อง เขาจะกลายเป็นเผด็จการและตัดสินเรื่องนั้นทันที  เมื่อเขาตัดสินใจ จะต้องไม่มีความสงสัยลังเล ต่อให้มีแผนเดียวทุกคนก็ต้องให้ความร่วมมือเต็มที่
สำหรับเย่ว์หยางซึ่งมีบุคลิกขัดแย้งกับจุ้ยมาวอี้เสมอ นั่นเป็นเรื่องที่คุ้นเคยกันนานแล้ว
เมื่อใดก็ตามที่เขาต้องทำการตัดสินใจเรื่องสำคัญ  นางจะสนับสนุนเขาแน่นอน
นี่เป็นเรื่องที่นางเรียนรู้จากเสวี่ยอู๋เสีย....
ในบรรดาสตรีของเขา เสวี่ยอู๋เสียจะเป็นคนแรกที่ยืนยันสนับสนุนและเข้ากันได้กับเย่ว์หยางอย่างดีที่สุด  แม้แต่องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนก็เป็นเช่นนี้
ซิมบากับนางสิงโตคอยรั้งอยู่ระวังหลัง
หน้าที่ของพวกมันก็คือถ้ามารเพลิงดำเอาชนะราเชลและเซี่ยหยาได้  ถ้าเย่ว์หยางและจุ้ยมาวอี้ยังไม่ออกมา ก็ต้องถ่วงเวลาเอาไว้... เย่ว์หยางเพียงแต่คาดเดาว่ามารเพลิงดำคงมีแร่หยดเพลิง และเขาไม่คิดว่าจะมีเรื่องที่น่าทึ่งอย่างกุ่ยหยินไฟ  ถ้าเขาไม่สามารถได้มันมา  เขาจะไปสำรวจแดนล่มสลายแห่งทวยเทพตามหาด้วยตนเองและค้นหากุ่ยหยินไฟต่อไปในอนาคต
 เจ้าทำใจให้ว่างไว้”  เย่ว์หยางตั้งท่าและวาดวงเวทรูนในอากาศว่างเปล่า
ในพริบตาเขาแบกจุ้ยมาวอี้ขึ้นหลังใช้ปมเชื่อมใจกับนาง ในพริบตาก็เทเลพอร์ตผ่านมารเพลิงดำเข้าไปในโพรงที่ใหญ่ที่สุด
การเทเลพอร์ตผ่านพื้นที่เหมือนกับข้ามทะเล ขณะที่มีพลังกดดันของกุ่ยหยินไฟกระจายออกมาจากโพรง ทำให้จุ้ยมาวอี้สั่นสะท้านเล็กน้อย
นางกังวล แต่เย่ว์หยางนำนางผ่านเข้าไปตามทางได้ในไม่ช้า
บนศีรษะของมารเพลิงดำยิงหอกเพลิงใส่ราเชลและเซี่ยหยาด้วยความโกรธ
พวกเขาไถลลงไปไกลถึงสองกิโลเมตร จุ้ยมาวอี้รู้สึกว่าเส้นทางทำให้นางสั่น และถ้ากุ่ยหยินไฟระเบิดพลังออกมา  ก็คงไม่ปลอดภัยต่อชีวิตนางและของเขา  กำไลแปลงพลังธาตุไม่สามารถต้านทานได้เป็นแน่  ความรู้สึกนี้มากยิ่งกว่าย่างเท้าเข้าไปในปากปล่องภูเขาไฟระเบิด รู้สึกทรมาน  ถ้าไม่ใช่เพราะเย่ว์หยางแต่เปลี่ยนเป็นคนอื่น ต่อให้ฆ่านาง นางคงไม่ยินดีเข้าไปในเส้นทางระเบิดพลังของกุ่ยหยินไฟแน่
นี่เหมือนกับมองหาที่ตาย!
เส้นทางคดเคี้ยวและลาดลงไปอีกพันเมตร ทันใดนั้นร่างของนางรู้สึกว่างเปล่า
จุ้ยมาวอี้พบว่านางอยู่ในพื้นที่กว้างขวางทางด้านตะวันออกเฉียงใต้ อย่างน้อยสองสามกิโลเมตร มองลงมามีความสูงมากกว่าสี่ร้อยเมตร
สิ่งที่ที่สะดุดตานางคือเพลิงสีดำไม่ใหญ่นัก ค่อนข้างกลมลอยตัวสงบนิ่ง
เส้นผ่าศูนย์กลางไม่ถึงห้าสิบเมตร
อย่างไรก็ตาม นั่นทำให้นางรู้สึกกลัว
ถ้าตกลงไปในเปลวเพลิงดำที่เงียบสงบนี้ จะเกิดการระเบิดและแม้แต่กระดูกก็คงไม่เหลืออย่างแน่นอน.. เพลิงสีดำเงียบสงบ พลังแฝงเร้นทั้งหมด ถ้าระเบิดออกทั้งหมดสามารถทำลายหุบเขาเพลิงดำได้ทั้งหมดแน่นอน  น่าเสียดายที่มันยังสงบมาก ไม่ว่าแม็กมาที่อยู่แนวขอบจะเดือดขนาดไหนก็ตาม แต่เพลิงสีดำยังคงสงบไม่มีความเคลื่อนไหว
 “เจ้าจะเอากลับไปด้วยหรือไม่?”  จุ้ยมาวอี้ไม่ต้องเดา เย่ว์หยางคงจะต้องลงมือต่อไปแน่  เจ้าเด็กนี่ไม่เคยมีสมบัติขาดมือคงจะต้องนำกุ่ยหยินไฟกลับไปด้วย  นางไม่คิดว่าจะห้ามเขา  แต่ถ้ามันถูกรบกวนและพ่นพลังระเบิดออกมา นางได้แต่ติดตามเขาและยอมรับชะตากรรม ตายเป็นตาย อย่างไรก็ตามสิ่งที่นางทำได้ในตอนนี้ก็คือสนับสนุนเขา!
 “นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว  แต่ผลเก็บเกี่ยวที่แท้จริงของเราไม่ใช่แค่กุ่ยหยินไฟเท่านั้น”  เย่ว์หยางพยายามข่มเสียงไม่ให้ตื่นเต้นและกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก  “เราก้าวหน้าไปกว่านั้นอีก, เหมียวเหมียว  ดูที่เหนือศีรษะของเจ้า!
 “เหนือศีรษะของข้า?”  จุ้ยมาวอี้เงยหน้ามองและพบว่าด้านบนเป็นโดมขนาดไม่ถึงสิบสองเมตรเต็มไปด้วยแร่สีดำแถบสีม่วงน้ำเงินเข้ม  บางก้อนมีขนาดใหญ่ บางก้อนก็เป็นหินย้อยยาวมีสีม่วงน้ำเงินเข้ม
นี่คือแร่หยดเพลิง?
แร่หยดเพลิงขนาดเท่านิ้วก็มีการประมูลกันได้หลายสิบล้านแล้ว ผลึกแร่หยดเพลิงนี้จะต้องใช้สายแร่หยดทองมากมายขนาดไหน
จุ้ยมาวอี้มีความรู้สึกเหมือนตกลงไปในภูเขาทอง  ไม่.. นี่ยิ่งกว่าภูเขาทองคำสิบลูก  ดูเหมือนว่าครั้งนี้ได้ผลรับที่ก้าวหน้าจริงๆ!
นางรู้สึกตัวและระงับความตื่นเต้นทันที  และมองเย่ว์หยางอย่างกระตือรือร้น  “ว่ามา, จะให้ข้าร่วมมือยังไง?  แม้ว่าข้าจะไม่ค่อยถนัดงานทำเหมือง แต่นี่เป็นแร่คุณภาพสูงอย่างแน่นอน  ข้าคิดว่าไม่น่ามีปัญหา!
เย่ว์หยางส่ายหน้าและโบกมือบอกให้นางข่มความตื่นเต้นก่อน
เขาชี้ไปที่ตำแหน่งหนึ่ง  “ดู, เหมืองแร่หยดเพลิงอะไรกันเล่า  นั่นไอ้ที่ลอยอยู่  นั่นคือหญ้าวิญญาณเทพอัคคีเป็นผลเก็บเกี่ยวที่ใหญ่ที่สุดของการเดินทางของเรา!  หลังจากกุ่ยหยินไฟมีอายุหลายหมื่นปี สมุนไพรชั้นเทพนี้คือวิญญาณของเทพหลังจากตายแล้ว มันโตเป็นต้นเต็มวัย  ถ้ามีเจ้าสิ่งนี้จะไม่ด้อยไปกว่าได้สมบัติเทพ... ข้าคิดไม่ถึงจริงๆ หุบเขาเพลิงดำจะมีต้นอ่อนสมบัติเทพนี้  มิน่าเล่ามารเพลิงดำแม้จะมีคนมาโจมตีที่หน้าประตูบ้านก็ยังไม่กล้าไล่ตามออกไปนอกหุบเขาแม้แต่ครึ่งก้าว  เขาคอยปกป้องหญ้าวิญญาณเทพอัคคีนี่เอง”
จุ้ยมาวอี้ตาโต  “ระดับเทพเชียวหรือ?”

8 ความคิดเห็น:

ulomzx กล่าวว่า...

โธ่..ใครวา่เย่วหยางมีความเป็นประชาธิปไตย...เจ้านี่เผด็จการที่สุดแล้ว...เหมือน....555555

zen zen กล่าวว่า...

เก็บให้หมดเลย555

manit กล่าวว่า...

ใจจ้า

Boybravo กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

sarinnan กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

akekapoj-tee กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับ

Puisiwa กล่าวว่า...

เหมือนจอมพล.ป?

แสดงความคิดเห็น