วันพฤหัสบดีที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2563

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 988 เพื่อเสี่ยวซาน ข้าจะฆ่าเจ้า!



ตอนที่  988  เพื่อเสี่ยวซาน ข้าจะฆ่าเจ้า!
ที่ป้อมประตูทางเข้าอีกด้านหนึ่งของอุทยานหลวง
 
เย่ว์หวี่ อาหง อาหมัน ภูตฟ้าปั่นป่วน ภูตน้อยตั๊กแตนมัจจุราชพบเจอศัตรูอีกคนหนึ่งเช่นกัน
ถ้าองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนอยู่ที่นี่นางคงประหลาดใจกับรูปลักษณ์ของคนผู้นี้  เพราะสตรีผู้ยืนขวางหน้าเย่ว์หวี่ดูคล้ายกับอูหลานแห่งเผ่ากาทองสามขาที่ป้อมประตูตะวันตก
ต่างกันอย่างเดียวก็คือเผ่าพันธุ์ของศัตรูผู้นี้
นางไม่ใช่เผ่ากาทองสามขา  แต่เป็นเผ่าคางคกทองสามขา  ทั้งสองเป็นเผ่าพันธุ์ภูตบูรพาแดนสวรรค์  อย่างไรก็ตาม ทักษะแฝงเร้นและรูปแบบการสู้ของพวกนางแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง”
 “ข้าไม่มีความอดกลั้นเหมือนอูหลาน  พวกเจ้าเข้ามาพร้อมกันเถอะ ข้าขี้เกียจเล่นเกมแมวจับหนู!  หญิงงามจากเผ่าคางคกทองไม่ว่าจะเป็นลักษณะหรือการแต่งตัวล้วนแต่คล้ายกับอูหลาน นอกจากแนวคิดที่แตกต่างกัน แม้แต่เสียงพูดก็ยากจะบอกได้ว่าใครจริงใครเท็จ  นางสะบัดแขนเสื้อยาวและชี้ไปทางเย่ว์หวี่อย่างไม่ใส่ใจ  “เจ้าเป็นคนแรกจะต้องตายด้วยน้ำมือของข้า”
 “เพื่อเสี่ยวซาน  ข้าจะฆ่าเจ้าภายใต้ป้อมประตูเมืองแห่งนี้”  เย่ว์หวี่เป็นคนที่จิตใจมีเมตตา  แม้แต่มดตัวเล็กๆ นางก็ไม่ต้องการฆ่า  แต่เพื่อน้องชายนาง นางตัดสินใจฆ่าศัตรูที่เบื้องหน้า
ดวงตาของนางแสดงถึงความมุ่งมั่นอย่างไม่เคยมีมาก่อน
นางกัดริมฝีปากล่างโดยไม่รู้ตัวเพื่อคลายความเครียด
เย่ว์หยางให้ดาบนางฟ้าซึ่งพอกางขยายออกเป็นเหมือนปีกเงิน ขณะเดียวกันนางเรียกคัมภีร์อัญเชิญปรากฏขึ้นมาอย่างเงียบๆ  อสูรพิทักษ์ปีศาจสึนามิเป็นแสงสีทองบินออกมา นางเหยียดแขนและรวมร่างกับเย่ว์หวี่เตรียมพร้อมสู้ร่วมกับเจ้านายของนาง นอกจากนี้ร่มชี่หลัวของวิเศษระดับกึ่งเทพที่ได้รับตกทอดมาจากภูตไหมฟ้าหมุนควงอย่างรวดเร็วและลอยเข้ามาอยู่ในมือของเย่ว์หวี่
เดิมทีร่มวิเศษนี้เย่ว์หวี่ต้องการมอบให้อี้หนาน แต่นางบอกว่านางมีกระจกวิญญาณอยู่แล้ว และนางไม่ต้องการรับร่ม  เจ้าเมืองโล่วฮัวคิดว่านางมีพลังแสงอุษาและทานตะวันอมฤตอยู่แล้ว เย่ว์หวี่ต้องการให้นางเซียนหงส์ฟ้า  แต่เทียนฟากำลังฝึกฝนอยู่ที่บันสวรรค์และเย่ว์หวี่ไม่มีเวลาส่งมอบให้
ตอนนี้ร่มชี่หลัวสมบัติวิเศษระดับกึ่งเทพยอมรับเย่ว์หวี่มากขึ้น
ในการต่อสู้ มันไม่รอให้เย่ว์หวี่เรียกมันออกมา
แต่กลับบินออกมาช่วยเองโดยอัตโนมัติ
 “บ้าจริงๆ!  อาหงพอได้ฟังว่าศัตรูเป็นเผ่าคางคกทองสามขา รู้สึกใจหายวูบ นี่มันบ้าไปหน่อยแล้ว เราจะทำอะไรได้?
 “ฮึ่ม!  อาหมันคือขุนพลเทพธาตุดินต่างจากอาหง นางไม่ชอบใช้ปาก แต่ลุยก่อนแล้วค่อยเจรจา!
ภูตน้อยตั๊กแตนมัจจุราชเพิ่งจะผ่านประตูหวนกำเนิดกลายเป็นอสูรร่างมนุษย์ ทั้งยังได้รับผลปัญญาศักดิ์สิทธิ์ทำให้มีสติปัญญามากขึ้นเป็นทวีคูณ ทำให้นางมีความเฉลียวฉลาดสูงเป็นพิเศษ  นางเห็นว่าอาหมัน อาหงล้อมคุ้มกันเย่ว์หวี่ นางจึงขยับถอยไปข้างหลังเงียบๆ ภูตฟ้าปั่นป่วนที่เตรียมจะบุกจู่โจมตีพร้อมกัน แต่ภูตฟ้าปั่นป่วนถูกสั่งให้บินไปที่ประตูเล็ก นางพร้อมจะข้ามแนวป้องกันของศัตรูและลอบเข้ามา  ภูตฟ้าปั่นป่วนไม่ค่อยเต็มใจทำ  นางชอบต่อสู้โดยตรง  แต่ภูตฟ้าปั่นป่วนมักจะถูกเย่ว์หยางดุบ่อยที่สุด เขากำหนดเงื่อนไขไว้กับนาง  “ไม่ว่าจะนานเพียงไหน อาหง เจี้ยงอิงยังอยู่ใกล้ นางจะต้องฟังความเห็นของคนอื่น เว้นแต่ไม่มีใครอยู่ด้วย นางจึงตัดสินใจเองได้”
หญิงงามเผ่าคางคกทองดูเหมือนเห็นการอ้อมไปของภูตตั๊กแตนมัจจุราชและภูตฟ้าปั่นป่วน นางแค่นเสียงเย็นชา  “หนูสองตัวอยากถูกทำลายนักใช่ไหม? ก็ดีเหมือนกัน”
นางสะบัดแขนเสื้อยาว
ที่ป้อมประตูมีคางคกทองปรากฏสามตัว
คางคกทองตัวกลางใหญ่ที่สุดสูงเกินร้อยเมตรขณะอ้าปากเหมือนกับมันจะกลืนโลกได้ทั้งใบ
คางคกทองข้างๆ ตัวที่อยู่ใกล้ประตูเล็ก แม้ว่าตัวหนึ่งจะเล็กกว่าแต่มีขนาดห้าสิบเมตรเกือบหกสิบเมตร  เมื่อภูตน้อยตั๊กแตนมัจจุราชเห็นเข้าก็ตกใจ  “ตัวใหญ่มาก”  ภูตฟ้าปั่นป่วนสงสัยอย่างเห็นได้ชัด  ก็เห็นอยู่ว่าคางคกมีสี่ขา แต่เรียกว่าคางคกสามขาได้อย่างไร?
ด้วยสติปัญญาของนางคิดว่าปัญหาเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายอีกต่อไป นางต้องค้นหาคำตอบ และรู้ว่าต้องใช้พลังบังคับ
 “ไปตายซะเถิด!  ขณะนั้นมีเสียงคำรามด้วยความโกรธของอาหงดังมาจากท้องฟ้า  นางผนึกพลังกับอาหมันร่วมกันโจมตีโดยไม่ลังเล
นางร่อนลงมาด้วยความเร็วสูงและมือข้างหนึ่งกดลงที่หน้าอกของหญิงงามเผ่าคางคกทอง
พลังศักดิ์สิทธิ์สั่นสะเทือน
หญิงงามเผ่าคางคกทองสีหน้าเปลี่ยนไปทันที เพราะตอนนี้นางพบว่าสตรีที่โจมตีตัวนางอาจเป็นเทวทูต?  นางรู้สึกเจ็บปวดที่กระดูกหน้าอก  แต่พลังป้องกันของเผ่าคางคกทองและทักษะแฝงเร้นที่สุดยอดสลายพลังโจมตีส่วนใหญ่ของอาหง
ฝ่ามือที่สองของอาหงกดลงมาอีกครั้ง  หญิงงามเผ่าคางคกทองกระโดดขึ้นไปในอากาศด้วยพลังที่น่าทึ่ง
อาหมันบุกพุ่งเข้าหาเหมือนหัวรถจักร
ที่ไม่มีอะไรหยุดได้
นางกระแทกเข้ากับร่างของหญิงงามเผ่าคางคกทอง  เวลานั้นหญิงงามเผ่าคางคกทองถึงกับกรีดร้อง ศีรษะนางกระแทกกับหน้าของฝ่ายตรงข้ามที่จมูกโดยตรง
นางกระเด็นออกไปเหมือนกับกระสุนปืนใหญ่ปะทะเข้ากับกำแพง  กำแพงที่ไม่มีวันพังสั่นสะเทือนเป็นรอยแตกร้าวเพราะพลังของอาหมัน นางมีทั้งพลังหัวใจธรณีสารและพลังเสาห้าธาตุที่ทำให้อาหมันมีพลังเทพ?  ว่ากันด้วยเรื่องทักษะรบต่อสู้ อาหมันไม่ใช่อสูรอันดับหนึ่ง แต่ว่ากันที่พลังเถื่อน  ถ้าบอกว่านางอยู่อันดับสอง รับรองไม่มีใครกล้ารับว่าเป็นอันดับหนึ่ง!
หญิงงามเผ่าคางคกทองจมเข้าไปในกำแพงเมืองจนไม่สามารถขยับได้
อาหมันวิ่งเข้าหาอีกครั้ง
ขณะนั้นพลังเทพแห่งขุนพลเทพห้าธาตุสามารถมองเห็นได้  ไม่อาจปกปิดอีกต่อไป พลังที่ไร้เทียมทานกระแทกใส่คางคกทองขนาดร้อยเมตร และตัวห้าสิบเมตรจนลอยไปกระแทกกักบหญิงงามเผ่าคางคกทองอีกครั้ง
บึ้ม บึ้ม บึ้ม
ลิ้นของหญิงสาวเผ่ากบทองห้อยออกมายาวถึงครึ่งฟุต ตาของนางแทบถลนจากเบ้า
กระดูกหน้าอกนางยุบแทบจะถูกอาหมันฆ่าในทันที
ถ้านางไม่ใช่คนจากเผ่าคางคกทองซึ่งเป็นเผ่าพันธุ์พิเศษ เผ่าพันธุ์นางคงถูกเผ่าพันธุ์อื่นแทนที่ไปแล้ว  อาหมันคงจะได้รับความนิยมแทนที่อย่างมิต้องสงสัย!
 “มันเจ็บนะ!  เจ้าบังอาจนัก บังอาจทำร้ายบรรพบุรุษของพวกเจ้าได้ยังไง!  ดีล่ะ ถ้าเป็นอย่างนี้ข้าจะไม่เห็นแก่รูปลักษณ์ที่สวยงามอีกแล้ว  ข้าจะให้พวกมันกินเจ้า!  หญิงงามจากเผ่ากบทองค่อยๆ ลุกออกมาจากรอยแตกของกำแพง  นางตวาดเสียงดัง ท้องของนางขยายอย่างรวดเร็วจนมองเห็นได้ชัด ใบหน้าของนางน่าเกลียดอย่างรวดเร็ว น่าเกลียดยิ่งกว่าเดิมที่ถูกอาหมันเอาหัวกระแทกจมูกยุบถึงร้อยเท่า มีปุ่มปมสีแดงขึ้นอยู่ตามผิวหนังแขนขา ผิวหนังหยาบกร้าน  ชั้นผิวหนังเปลี่ยนแปลงเหมือนกับมีหนูนับแสนรัวว่ายน้ำมารวมตัวกันอย่างบ้าคลั่ง
การเปลี่ยนแปลงที่ใหญ่ที่สุดก็คือ ขณะที่ท้องของนางใช้เวลาไม่ถึงครึ่งนาทีกลายสภาพเป็นท้องของมนุษย์คางคก
เพราะท้องของนางใหญ่โตมาก แขนขาใหญ่แทบไม่สามารถรับน้ำหนักยืนได้
ทำได้เพียงคุกเข่าอยู่กับพื้น
ขณะที่กรามล่างของนางสูดอากาศ กระดูกหน้าอกที่ถูกพลังเทพของอาหมันทำร้ายแตกหักก็กลับคืนสู่สภาพเดิมทันที
อาหงเห็นศัตรูเปลี่ยนร่างไปในสภาพที่ไม่ธรรมดา นางรีบบินกลับมาอย่างรวดเร็ว คอยลอบคุ้มกันเย่ว์หวี่ที่เร่งระดับพลังรออยู่แล้ว   อาหมันไม่ตระหนักรู้ถึงเรื่องนั้น  นางถอยกลับมาสองสามก้าว และบุกโจมตีต่อ
คางคกทองตัวที่ใหญ่ที่สุดเข้ามาต้านรับการบุกของอาหมัน
คางคกทองอีกตัวหนึ่งอ้าปากใหญ่มหึมาและพ่นควันสีน้ำเงิน
อาหมันกระแทกหมัดใส่คางคกทองที่น่าเกลียด  และนางพบว่าพลังของนางดูเหมือนจะใช้ไม่ได้กับศัตรูผู้นี้
 “อาหมัน, ข้ามาแล้ว!  เย่ว์หวี่รู้ได้ทันทีว่าศัตรูนี้ไม่อาจเอาชนะได้ด้วยพลังแกร่งกร้าว  หากต้องการฆ่าศัตรูนี้ต้องมีความแข็งแกร่งถึงที่สุด  แม้ว่านางจะเป็นคนใจดีมีเมตตา  แต่นางกังวลห่วงใยความปลอดภัยของน้องชายนาง  นางจะไม่มีทางหยุดมือ
 “ข้าจะกินเจ้า!
หญิงเผ่ากบทองพบว่าเย่ว์หวี่เป็นคนที่อ่อนแอที่สุดในกลุ่มสตรี
แทนที่จะสู้กับขุนพลเทพผู้ดุร้าย นางคิดว่าฆ่าสตรีมนุษย์ผู้อ่อนแอเปราะบางนี้ก่อนดีกว่า
ร่างของนางขยายใหญ่ขึ้น  ยิ่งร่างขยายปากนางก็ขยายใหญ่ขึ้น นางอ้าปากและยิงลิ้นฉกไปที่ร่างเย่ว์หวี่หมายจะตวัดลิ้นรัดนางกลับมากลืนลงท้อง  ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้เมื่อเข้าไปอยู่ในท้องกบทอง อย่าหมายว่าจะรอดชีวิตออกไปได้  นี่คือความสามารถที่น่าสะพรึงกลัวที่สุดของเผ่ากบทอง
ดาบนางฟ้าของเย่ว์หวี่ฟันสวนกลับไปทันที โลกสั่นสะเทือน
ลิ้นยาวขาดเป็นสองท่อน
ร่วงลงพื้น
ขณะที่หญิงเผ่ากบทองไม่อยากเชื่อว่าลิ้นที่แข็งทนทานที่สุดของพวกเขาจะถูกตัดได้ เย่ว์หวี่บินออกไปราวกับสายฟ้า
นางหมุนปั่นร่มชี่หลัวป้องกันควันพิษที่กบทองพ่นออกมาอย่างบ้าคลั่ง  ปลายแหลมของร่มชี่หลัวปักเข้าไปในหัวของศัตรู จากนั้นนางกวาดร่มกระแทกใส่หญิงเผ่ากบทองกรีดร้องอยู่ในอากาศ
อาหงบินอยู่ในอากาศรออยู่แล้ว ใช้พลังคลื่นเสียงหวีดสั่นสะท้านโลกทันที
หญิงเผ่ากบทองแก้วหูแตกระเบิดทันที
เลือดกระเซ็นออกมาเป็นสายนับไม่ถ้วนราวกับอสรพิษสีขาว
แม้ว่าคลื่นเสียงหวีดของอาหงจะไม่รุนแรงถึงตาย  แต่ตาของสาวเผ่ากบทองถึงกับเหลือกขาว และลิ้นที่ขาดยังห้อยออกมานอกปาก
อาหมันต่อยคางคกยักษ์ใหญ่จนปลิวขึ้นไปในอากาศ จากนั้นนางโดดขึ้นไปในอากาศคว้าคางคกทองที่ค่อยๆ ล้มลงกับพื้น  คางคกอีกหนึ่งพยายามไล่งับเย่ว์หวี่  เย่ว์หวี่กางร่มชี่หลัวหมุนหนึ่งรอบ คางคกทองกระเด็นห่างออกไปร้อยเมตร
 “กลับสู่ดิน”  อาหมันระเบิดพลังเทพห้าธาตุโจมตีใส่คางคกทองที่ถูกเย่ว์หวี่ใช้ร่มชี่หลัวแทงก่อนนั้น
 “อ๊า...”  สาวเผ่าคางคกทองอัปลักษณ์ไม่อาจต้านทานพลังหมัดนี้ได้ แม้จะนางจะมีผิวหนาก็ตาม
ศีรษะแตก สมองกระจาย
อาหมันทุบจนศีรษะบี้แบน
คางคกทองยักษ์รีบเข้ามาช่วยเหลือ
มันกระโดดลอยตัวในอากาศ อ้าปากขนาดยักษ์และตวัดยิงลิ้นคิดจะจับเย่ว์หวี่และอาหมันกิน
อาหมันจ้องมองด้วยความโกรธ ตาของนางเปลี่ยนเป็นสีแดงเพลิง เปลวเพลิงลุกพรึ่บอย่างรวดเร็วในร่างอาหมันและพุ่งเข้าไปในตาของคางคกทองยักษ์  ราวกับว่ามันตายในทันที ดวงตาของมันเปลี่ยนสีในทันใด ร่างมหึมาล้มลงอย่างอ่อนแรงต่อหน้าอาหมัน ลิ้นยักษ์ยาวเหยียดของมันไม่สามารถยืดออกมาอยู่ห่างอาหมันไม่ถึงครึ่งเมตร
หญิงเผ่าคางคกทองกำลังจะตาย
นางกรีดร้องอย่างน่าสมเพช
ศีรษะของนางแตกและเลือดทะลักออกตามแผล
ดวงตาทั้งสองเหลือกถลน หัวใจหยุดเต้นทันที  เนตรประหารของอาหมันไม่ได้ใช้ออกมานานแล้ว วันนี้นางใช้กระทั่งเนตรประหารสองชั้นรวดเดียวโดยไม่คาดคิด  ต้องบอกว่าสาวเผ่าคางคกทองนี้เคราะห์ร้ายจริงๆ
ภูตน้อยตั๊กแตนมัจจุราชและภูตฟ้าปั่นป่วนไม่สามารถหาคางคกทองตัวเล็กในทิศเหนือเจอ  และคางคกทองอีกตัวหนึ่งปล่อยเย่ว์หวี่ถอยออกไปพร้อมกับร่มชี่หลัว
ขณะเดียวกันมันกรีดร้องอย่างน่าสมเพชล้มลงกับพื้น
คัมภีร์อัญเชิญชั้นทองระเบิดออกมาจากร่างของหญิงเผ่าคางคกทอง และสลัวลงทันที
ขณะนี้จ้าวสุริยากำลังบุกโจมตีเย่ว์หยางในตำหนักทองม่วง  จู่ๆ ก็หยุดทันทีและคำรามด้วยความโมโห  “เย่ว์ไตตัน!  เจ้า..เจ้าเล่ห์นัก  จื้อจุนอยู่ข้างตัวเจ้าตลอด นางฆ่าราชินีของข้า นี่มันพลังอะไรกัน? นั่นคือพลังของจือจุนหรือ? พลังศักดิ์สิทธิ์และละเอียด...”
เย่ว์หยางปาดเลือดที่มุมปากเบาๆ และยิ้ม “ถ้าจื้อจุนอยู่ที่นี่เจ้าแพ้ไปแล้ว  เจ้านึกว่าข้อมูลที่เสี่ยวโฉ่วได้มาเมื่อปีที่แล้ว ยังจะมีประโยชน์อยู่อีกหรือ? เราไม่เหมือนปีที่แล้ว!
จ้าวสุริยาก้าวเท้าขึ้นมาข้างหน้าแล้วตะปบเจ้าเด็กผู้นี้ด้วยความโมโห
 “ทันใดนั้น เขาพบว่าใต้เท้าเย่ว์หยางมีวงเวทอักขระรูนขนาดใหญ่เป็นรูปวงจักรหมุนอย่างช้าๆ  “นี่คือวงจักรนิรันดรหรือ?”
 “เจ้าไม่คิดซ่อนไม้เด็ดของเจ้าไว้แล้วหรือ?  ข้าจะทำให้เจ้าทุกข์ทรมาน  เจ้าจะได้ลิ้มรสพลังหมัดของข้า  เย่ว์หยางผายมือกางแขนออก วงจักรนิรันดรยืดขยายออกไปห้าสิบเมตร  เจ้าสุริยาพบว่าพลังกฎสวรรค์ที่เขากระตุ้นใช้ไม่มีประโยชน์ เขาถูกตรึงอยู่กับพื้น  ไม่สามารถเคลื่อนไหวได้

6 ความคิดเห็น:

oldmonkey กล่าวว่า...

เย่ว์หวี่สุดจัด

ulomzx กล่าวว่า...

ตายๆๆๆ ตอนหน้าเจ้าสุริยะตายแน่นอน

Boybravo กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Nasee กล่าวว่า...

ขอบคุณคับ

Deils(of)darK กล่าวว่า...

กลายเป็นพี่หวี่ดุกว่าแม่เสือสาวอีกนะเนี้ย

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

แสดงความคิดเห็น