วันเสาร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2563

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 997 น้องสาวข้า อย่าน่ารักเกินไป


ตอนที่  997  น้องสาวข้า อย่าน่ารักเกินไป
ออกจากมิติเก็บคัมภีร์อัญเชิญชั้นเทพ  เย่ว์หยางใช้เข็มทิศสามภพกลับไปยังบันไดสวรรค์ชั้นห้า

ขณะย่างเข้ามาถึงแท่นบูชายัญ  เย่ว์หยางแทบยังไม่ทันจะยืน ลำแสงทองฉายออกจากร่างพุ่งขึ้นไปในท้องฟ้า  องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน จุ้ยมาวอี้และเย่ว์หวี่ที่พักผ่อนอยู่ในโลกคัมภีร์ลอยออกมาทีละคนและลอยอยู่ในกลางอากาศอาบอยู่ในสนามพลังแห่งสวรรค์
ปรากฏว่าไม่ใช่พวกเขาไม่ได้รับการเลื่อนระดับหลังจากต่อสู้  แต่ในเขตคัมภีร์เทพพลังถูกจำกัดโดยกฎสวรรค์ของคัมภีร์เทพ  พวกเขาจึงไม่ได้รับการเลื่อนระดับพลังทันที
ตอนนี้ออกมาจากเขตคัมภีร์เทพแล้ว
นอกจากสาวใช้ลูกครึ่งเอลฟ์ซึ่งไม่ได้มีส่วนร่วมในการต่อสู้  ทุกคนได้รับประโยชน์จากการต่อสู้ที่ยากลำบากครั้งนี้
สิ่งที่ทำให้องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนปลาบปลื้มที่สุดก็คือหลังจากร่วมทำศึกต่อสู้กับจ้าวสุริยา  ในที่สุดนางได้บรรลุถึงขอบเขตที่นางรอคอยมานาน จากระดับปราณก่อกำเนิด เลื่อนระดับเป็นปราณราชันย์ มีพลังปราณราชันย์ที่สามารถสร้างพลังปณิธานอมตะได้
ดาบเทพจักรพรรดิอวี้ยิ่งหลอมรวมมากขึ้นกว่าเดิมเมื่อองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนยกระดับพลัง
แม้ว่าจะยังไม่หลอมรวมได้อย่างสมบูรณ์  ยังมีส่วนที่เหลืออีกเล็กน้อย  องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเริ่มเห็นจุดเริ่มต้นแห่งการหลอมรวมของสมบัติระดับเทพนี้อย่างเป็นทางการเพื่อให้เป็นสมบัติเทพที่มีลักษณะเฉพาะที่เข้ากับบุคลิกของนาง!
 “แม่เสือสาว ข้าจะช่วยเจ้า”  เย่ว์หยางแสดงความยินดีกับนางและพร้อมช่วยนางทุกอย่าง
 “ข้าขอคิดดูก่อน ว่าจะให้โอกาสนี้กับเจ้าหรือไม่”  องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนหยิ่งแต่เพียงผิวเผิน  แต่ในความเป็นจริงนางรู้ว่าหากปราศจากความช่วยเหลือจากเย่ว์หยาง นางจะไม่มีทางหลอมรวมกับดาบเทพจักรพรรดิอวี้ได้อย่างสมบูรณ์  มีแต่เขาเท่านั้นที่ยอมสละกรรมสิทธิ์อย่างสมบูรณ์   ด้วยวิธีนี้ดาบเทพจักรพรรดิอวี้จะกลายเป็นดาบวิเศษของนาง  องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนไม่ได้ร้ายต่อเย่ว์หยาง  เพียงแต่ต่อหน้าทุกคนนางต้องรักษาบุคลิกแม่เสือสาวที่นางภูมิใจ
 “ในที่สุดก็กลับมาถึงบ้าน”  แม่สี่พาเจ้าเมืองโล่วฮัว อี้หนาน เย่ว์ปิง เย่ว์ซวงและสาวๆ ออกมาต้อนรับเขาถึงริมแท่นบูชายัญ  เมื่อพวกนางเห็นเย่ว์หยางพาทุกคนกลับมาได้ และมองเห็นทุกคนเลื่อนระดับ นางอดผ่อนคลายมิได้
 “พี่เสี่ยวซาน”  หนูน้อยเย่ว์ซวงโผเข้ากอดพี่ชายเป็นคนแรก  ไวกว่าเย่ว์ปิงที่บินเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว
 “เกลียดนักเชียว ไม่พาผู้อื่นไปสู้กับจ้าวสุริยาด้วย”  น้ำเสียงของนางเซียนหงส์ฟ้าแฝงอารมณ์แง่งอน  นางรู้ว่าเย่ว์หยางห่วงใยความปลอดภัยของทุกคน  แต่เมื่อนางเห็นองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนมีความสุข นางอดจะอิจฉาไม่ได้  เขาดีต่อตัวนาง  แต่สำหรับแม่เสือสาวนั้นดูดีที่สุด
 “เอาเถอะน่า...”  ราชันย์ปีศาจใต้ค้อนนางเซียนหงส์ฟ้า
นางหมายความว่าแม่สาวมารกฎฟ้าเป็นคนของเย่ว์หยาง  ใครเล่าไม่รู้จักคนที่มีความสามารถบนเตียงที่พอจะรับมือเย่ว์หยางได้!  ยังไงก็มีสามีที่ดีอยู่แล้ว
ดูอย่างสุ่ยอู๋เหินสิ เป็นยังไง?
ใครๆ ก็เรียกนางว่าใจกว้าง
นางเซียนหงส์ฟ้าปิดปากยิ้ม นางส่งสายตาให้ราชันย์ปีศาจใต้ท้าทายให้ทำศึกรักลงโทษเขาคืนนี้
ราชันย์ปีศาจใต้ไม่เข้าใจความหมายนี้ของมารกฎฟ้า  อย่างไรก็ตามนางหน้าแดงเล็กน้อย แม้ว่านางจะตั้งใจแต่ก็อดส่ายหน้ามิได้  ตามความคิดของนาง ครั้งแรกของนาง ถ้าอยู่กับเขาคนเดียวจะดีกว่า อย่างไรก็ตามบิดาของนางได้พูดคุยกับแม่สี่ ผู้เฒ่าเย่ว์ไห่ สุ่ยตงหลิว จุนอู๋โหย่ว แม่เฒ่าอู่เถิง และผู้อาวุโสก็เห็นพ้องด้วย  ผู้เฒ่าหนานกงจะเป็นหลักคอยจัดงานแต่งงานใหญ่ให้ต่อไป  ตัวนางยังอยากจะสวมชุดเจ้าสาวแต่งงานอย่างเปิดเผย ไม่จำเป็นต้องมีพฤติกรรมลับๆ เหมือนอย่างไป่ลู่และลี่เยี่ยนไม่ยอมเปิดเผยต่อสาธารณะ
นางเซียนหงส์ฟ้าจูงมือเข้าพิธีวิวาห์หรือเปล่า? นางไม่ใส่ใจพิธีกรรมที่คร่ำครึ!
ไม่มีพิธีหรือ? ทันทีที่เขาพานางออกมาจากตำหนักซัคคิวบัส ก็ถือว่าเขามีประจักษ์พยานทุกคนแล้ว  นอกจากนี้ไม่ว่าจะรู้ทั่วไปหรือไม่  วังมารและตระกูลเย่ว์ถือได้ว่าเป็นการแต่งงานการเมือง  และถูกจารึกไว้ในแผนภูมิตระกูลเย่ว์และอาณาจักรต้าเซี่ย ทวีปมังกรทะยาน ใครเล่าไม่รู้ว่านางเซียนหงส์ฟ้าเป็นภรรยาของเขา!
 “ช่างเถอะ!  ข้าไม่พูดอะไรกับเจ้าใหชัดอีกแล้ว”  ราชันย์ปีศาจใต้ถอนหายใจ  แม่สาวเทียนฟา (กฎฟ้า) นางไม่ใส่ใจอยู่แล้ว  ยังไงนางก็มีความสุขกับตัวร้ายนั่น ทุกอย่างเป็นความจริง  แต่นางแตกต่างออกไป  ปกตินางไม่ค่อยมีเวลาพูดคุยกับเขา
 “ได้สมบัติอะไรมาบ้าง, พี่เขย?  ข้าขอชิ้นนี้  นี่ด้วย แล้วก็นั่นด้วย....” นี่คือมารเคราะห์ฟ้า
 “ข้าอยากได้ใบไม้ปัญญา  ข้าก็ชอบด้วย ให้ข้าอีกชิ้น เทียนจาย (เคราะห์ฟ้า) เจ้าได้ไปสามชิ้นแล้ว อย่าแย่งข้า”  เป่าเอ๋อกล่าว
 “อ๊า..ไม่ต้องให้ข้าก็ได้  น้องเป่าเอ๋อเอาไปเถอะ!  หลิวเย่เสียงอ่อน
 “ฮึ..ของหลอกเด็ก  ข้าไม่ต้องการ!  เซี่ยอีพูดขึ้นบ้าง
เมื่อเห็นภาพเช่นนี้นางเซียนหงส์ฟ้ายิ้มและหมุนตัวเดินกลับไปที่ทางเข้าสู่โลกพฤกษา พลางถอนหายใจอย่างคนมากประสบการณ์  “เฮ้อ..ข้าคงต้องปรนนิบัติคุณชายจริงๆ!  ราชันย์ฟ้าทักษิณเหลือกตา  หวังว่านางคงไม่ทำตัวเป็นผู้ใหญ่มากไปกว่าพวกนาง  หากที่นี่มีคนไม่มากนัก คงไม่แปลกอะไรที่เย่ว์หยางจะเปลื้องผ้าเข้าทำศึกรักกับสาวๆ
ขณะที่ทุกคนรอแบ่งสมบัติมีค่า สมบัติชิ้นเล็กชิ้นน้อยอย่างน้ำพุเยาว์วัยและใบปัญญาที่เย่ว์หยางได้มามารเคราะห์ฟ้ากับเป่าเอ๋อแบ่งกันเองเรียบร้อยแล้ว
ส่วนหีบมังกรฟ้าทุกคนไม่ต้องการ และสิ่งนี้คือวัตถุดิบคุณภาพดีที่สุดสำหรับสร้างกำไลอสูร
แน่นอนว่าสมบัติสำคัญพวกนางไม่กล้าแตะต้อง
ตัวอย่างเช่นเลือดเทพโบราณ  นอกจากไม่กี่คนที่มองด้วยความอิจฉาแกมดีใจ ไม่มีใครกล้าและเล็ม  จากนั้นก็เป็นกระบวนการซักถามเหตุการณ์ต่อสู้กับจ้าวสุริยาและสำรวจคัมภีร์เทพ  เย่ว์หยางกับจุ้ยมาวอี้ทำหน้าที่อธิบาย  องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและเย่ว์หวี่คอยเสริมอธิบายเพิ่มเติมเป็นครั้งคราว  นอกจากนี้ เขาไม่เพียงแต่จะได้ยินเย่ว์ปิง เป่าเอ๋อและเด็กๆ ร้องตกใจเท่านั้น แม้แต่โล่วฮัวและราชันย์ปีศาจใต้ได้ยินแล้วยังถึงกับตาโต  เพราะการต่อสู้ครั้งนี้รุนแรงเกินคาด
แม่สี่ฟังอย่างสงบ ใบหน้านางมีรอยยิ้ม
เมื่อนางได้ยินว่าเย่ว์หยางอารมณ์เสียขณะเล่าเรื่องไปถึงพบยักษ์ที่ทางเข้าโลกคัมภีร์เทพที่น่าคลั่งใจนัก นางอดยิ้มให้ไม่ได้
เย่ว์หวี่สังเกตได้และกระซิบถาม  “คัมภีร์เทพทั้งหมดมีผู้เฝ้าพิทักษ์คัมภีร์หรือ?  หรือว่าเป็นเพียงคัมภีร์เดียวที่เราพบ?”
แม่สี่โบกมือ  “ข้าไม่รู้”
แม้ว่านางจะปฏิเสธเช่นนี้  แต่เย่ว์หวี่รู้สึกว่าแม่สี่ต้องรู้ความลับบางอย่าง  เพียงแต่ไม่พูดออกมา  บางทียังไม่ถึงเวลา  เย่ว์หวี่ไม่คิดลึกมากเกินไป  ยังไงแม่สี่คงไม่ทำร้ายเสี่ยวซาน  นางเป็นผู้ที่รักเสี่ยวซานกว่าใครๆ มากที่สุด
หลังจากกลับมารวมตัวกันแล้ว  ราชันย์ปีศาจใต้ยังคงฝึกฝนในโลกพฤกษาต่อไป
แม่สี่พาเย่ว์หยาง เย่ว์ปิง และหนูน้อยเย่ว์ซวงกลับบ้าน  องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนปฏิเสธจะไปพร้อมกับเย่ว์หยาง นางต้องฝึกฝนเพื่อรวบรวมพลังปราณราชันย์ของนางไว้ให้ดี  จุ้ยมาวอี้บอกว่านางก็ควรฝึกฝนไว้ให้ดี  แต่เย่ว์หวี่ภายใต้การชักชวนของโล่วฮัวและอี้หนานและ นางตัดสินใจกลับบ้านพักผ่อน  นอกจากนี้ยังเป็นการพักผ่อนหลังต่อสู้ครั้งใหญ่อีกด้วย  เย่ว์หวี่คิดว่าเย่ว์หยางจะต้องค้นคว้าและพัฒนากำไลอสูรเพิ่มเติม  หากนางเองกับองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนไปฝึกฝนที่บันไดสวรรค์จะไม่มีใครช่วยจัดระเบียบให้เขาแน่นอน
โล่วฮัว อี้หนานและเย่ว์หวี่กลับไปที่มิติกระจกในวังเทียนหลัวรอเย่ว์หยางอยู่ที่นั่น
แม่สี่พาเย่ว์หยางและปิงเอ๋อ ซวงเอ๋อกลับไปที่ปราสาทตระกูลเย่ว์เพื่อรายงานความปลอดภัยของสมาชิกครอบครัว เพราะนางรู้ว่าผู้เฒ่าเย่ว์ไห่ อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าและจุนอู๋โหย่วกำลังรอคอยข่าวการกลับมาของเย่ว์หยาง
 “จ้าวสุริยาตาย?”  จุนอู๋โหย่วและอาจารย์จิ้งจอกเฒ่าได้ทราบข่าวนี้พากันดีใจตื่นเต้น
 “ดี ดีมาก”  ผู้เฒ่าเย่ว์ไห่แหงนหน้าพูดซ้ำๆ คำเดิม
การเติบโตก้าวหน้าของเย่ว์หยางเกินกว่าที่พวกท่านจินตนาการ อย่างไรก็ตามแม้ท่านจะรู้ว่าเย่ว์หยางเป็นอัจฉริยะไม่เคยเกิดมีมาก่อน  แต่ไม่คิดว่าเขาจะสามารถฆ่าจ้าวสุริยาแห่งตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ได้  นั่นคือบุคคลที่แทบจะทัดเทียมกับเทพเจ้า ไม่ใช่ผู้ที่สุดยอดฝีมือฝ่ายมนุษย์จะฆ่าได้... ตอนนี้เมื่อเขาได้ยินว่าเย่ว์หยางฆ่าจ้าวสุริยาสำเร็จ  ข่าวดีเช่นดีเกินสิ่งที่ดีที่สุดที่พวกเขาคาดหวังไปมาก แล้วจะไม่ให้พวกเขาตื่นเต้นได้อย่างไร!
จุนอู๋โหย่วและอาจารย์จิ้งจอกเชิญผู้เฒ่าหนานกงมาพูดคุยปรึกษา และขอให้ระงับข่าวนี้ไม่ให้แพร่กระจายออกไปชั่วคราวก่อน เพื่อหลีกเลี่ยงสายลับของแดนสวรรค์
ในกรณีที่สายลับแดนสวรรค์บางคนประสบความสำเร็จผ่านรอยแยกห้วงมิติและเวลาที่ไม่มีใครรู้จัก ส่งข่าวไปถึงตำหนักกลางแดนสวรรค์  สำหรับเย่ว์หยางที่มีชะตาต้องทำสงครามกับตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ในอนาคต อาจจะกลายเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่น
เย่ว์หยางต้องใช้เวลา  และหอทงเทียนก็ต้องการเวลา
สำหรับเวลานี้ ยังคงทำตัวไม่โดดเด่นไว้ชั่วคราวก่อน
ข่าวดีในการศึกก็คือสามารถฆ่าแปดขุนพลบริวารภายใต้บัญชาการของจ้าวสุริยาได้    อย่างไรก็ตามสำหรับยอดฝีมือธรรมดา  นักสู้ปราณฟ้าจากแดนสวรรค์ทุกคน ล้วนแต่ทรงพลังเหลือเชื่อ
 “เจ้าอ้วนไห่และพวกเล่า?”  เย่ว์หยางพบว่าเจ้าอ้วนไห่ และเย่คงกับคนอื่นไม่ปรากฏตัวจึงถามด้วยความประหลาดใจ
 “พวกเขาไล่ล่าศัตรูอย่างไม่เลิกรา ทำให้ได้รับบาดเจ็บสาหัส  ยังมีจ้าวปีศาจจากแดนนรก นักสู้จากเผ่าภูตบูรพาก็คล้ายกัน  มีแต่พวกวังมารที่อาการดีกว่าเล็กน้อย  หากไม่ใช่เพราะได้มารกฎฟ้าคอยนั่งบัญชาการ แปดขุนพลบริวารคงหนีรอดไปได้  บัณฑิตซือเหรินและคนเกียจคร้านยอมจำนนอย่างมีเงื่อนไข  พวกเขายอมตกลงกับโล่วฮัวและอี้หนาน  ส่วนยักษ์โนมถูกจับ  คนโฉดกับจอมหักหลังตายในการต่อสู้  ผู้เฒ่าเครายาวหนีไปได้หนึ่งวัน แต่ถูกมารกฎฟ้ากับมารเคราะห์ฟ้าไล่ตามทันและผนึกกำลังฆ่าพวกเขา  ส่วนคนอ้วนถูกผู้อาวุโสสองคนตามทัน และปฏิเสธที่จะยอม เขาซื่อสัตย์ภักดีมาก  ในที่สุดเขาถูกล้อม โจมตีโดยสมาชิกวังมาร ปีศาจแดนนรก เผ่าภูตบูรพา และเสวี่ยทันหลาง  แม้ว่าพวกเขาจะรุมล้อมต่อสู้ แต่ก็ต้องใช้เวลาหนึ่งวันหนึ่งคืน คนอ้วนมีพลังที่แข็งแกร่งมาก  โชคดีที่บัณฑิตซือเหรินและคนเกียจคร้านผู้แข็งแกร่งยอมแพ้อย่างมีเงื่อนไขไปก่อน  มิฉะนั้นคนของเราคงยากจะหลีกเลี่ยงความเสียหาย”  อาจารย์จิ้งจอกเฒ่ายังกังวลกับการต่อสู้
 “เย่คงกับพวกไปป่าชาวเอลฟ์เพื่อรักษาตัว  ที่นั่นมีน้ำพุเอลฟ์ซึ่งดีต่อการรักษาอาการบาดเจ็บของพวกเขา”  จุนอู๋โหย่วกล่าวว่าเขาไม่ต้องกังวล
 “พูดอีกอย่างหนึ่งพลังของพวกเขายังอ่อนอยู่”  เย่ว์หยางไม่มีวิธีที่ดีกว่านี้  นั่นต้องใช้เวลาในการเติบโต
 “ฮ่าฮ่าฮ่า  อย่าว่าแต่เจ้าเลย แค่การแสดงออกของพวกเขาก็เกินคาดหมายไปมาก  ถ้าเจ้าพูดอย่างนี้  จะให้เราตาแก่เอาหน้าไปไว้ที่ไหน? เจ้าไปพักผ่อนให้ดี  เรื่องสู้เรื่องรบตอนนี้ เราเหล่าผู้เฒ่าทำได้ไม่ดีอีกแล้ว เรื่องที่เหลือรองลงมาเราจะจัดการให้เอง!  อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าตบไหล่เย่ว์หยาง
จุนอู๋โหย่ว อาจาย์จิ้งจอกเฒ่า และผู้เฒ่าเย่ว์ไห่ไม่เหนี่ยวรั้งเขาไว้ ปล่อยให้เย่ว์หยางกลับไปยังวังเทียนหลัว
ยังไม่ทันกลับไปพบกับครอบครัว เย่ว์หยางรีบไปพบกับจักรพรรดิเทียนหลัวก่อน
ดูเหมือนจักรพรรดิหัวซิ่วรี่จะทราบข่าวดีแล้ว อารมณ์ของเขาไม่แย่นัก   เขาชื่นชมเย่ว์หยางเพียงเล็กน้อย  แต่ปฏิเสธจะพบเขา ไม่เปิดประตูรับเขาเข้ามาดื่มฉลอง
แม่สี่เข้าครัวปรุงอาหารเอง จัดเตรียมอาหารไว้เต็มโต๊ะ  เด็กหญิงขโมยหยิบอาหารโปรดกินสองสามครั้ง แต่ลืมเช็ดน้ำมันที่ปาก และเธอคิดว่าไม่มีใครรู้ และทำเป็นนั่งเฉยในที่นั่งของตน
โล่วฮัวและอี้หนานมีความตั้งใจ  แสดงฝีมือปรุงอาหารอย่างละจาน
มีแต่เพียงเย่ว์ปิงที่ยังคงเคร่งครัดฝึกตามตารางฝึกฝนประจำวันที่พี่ชายนางกำหนดให้ ก่อนเขาจะกลับมา
 “ในแดนล่มสลายแห่งทวยเทพจะมีผู้พิทักษ์ขุมทรัพย์ที่ห้าวหาญดุร้ายบ้างไหม?”  เย่ว์หยางกำลังกินอาหาร แต่จู่ๆ เขาลืมไปว่าแม่สี่เคยปฏิเสธคำถามนี้เมื่อก่อนหน้านี้แล้ว แต่เขากับถามโดยตรง
 “อืมม..”  แม่สี่มองดูเย่ว์หยางที่อยู่ข้างหน้า จากนั้นถอนหายใจ “ใช่แล้ว แม้ว่าข้าจะไม่เคยเข้าแดนล่มสลายแห่งทวยเทพ  แต่บางเรื่องก็พอจะอนุมานได้จากสามัญสำนึก  ทำไมเทพโบราณถึงได้ตั้งผู้พิทักษ์เฝ้าทางเข้าสถานที่เก็บคัมภีร์เทพ?   ถ้าคัมภีร์เทพอยู่อย่างปลอดภัยแน่นอน ดูเหมือนว่าไม่มีความจำเป็น  หรือกฎสวรรค์ของเทพดั้งเดิมนี้ไม่ต้องการให้ผู้คนได้ทำสัญญา ก็แค่ผนึกเอาไว้โดยตรง ทำไมต้องจัดให้มีผู้พิทักษ์คุ้มกันด้วย? ไม่ว่าเจ้าจะคิดยังไง การจัดให้มีผู้พิทักษ์คัมภีร์เทพ ความจริงก็คือการทำสัญญากับผู้พิทักษ์อย่างง่ายไม่ใช่หรือ”  และผู้พิทักษ์ที่รับหน้าที่นั้นยังต้องทำหน้าที่หาผู้ทำสัญญากับคัมภีร์ที่ดีที่สุดไม่ใช่หรื?  ข้าคิดว่าคัมภีร์อัญเชิญระดับเทพใช่ว่าจะเหมือนกันทั้งหมด บางที่ก็เข้มงวดมาก แล้วเหตุใดถึงมีผู้พิทักษ์คัมภีร์เฝ้าปากทางเข้าสถานที่เก็บคัมภีร์เล่า?  เจ้าลองคิดแบบนี้ ผู้เสียสละชีวิตปกป้องทางผ่านนั่นคือผู้ยิ่งใหญ่มิใช่หรือ?  แล้วถ้าจะเปิดทางให้กับคนรุ่นหลังเป็นการจัดการโดยตั้งใจหรือไม่?  ข้างในแดนล่มสลายแห่งทวยเทพนั้น ข้าคิดว่าน่าจะมีเทพหลายตนที่มีบุคลิกแตกต่างไปได้  ดังนั้นวิธีจัดการก็ย่อมต่างกัน”
แม่สี่พูดอย่างคลุมเครือโดยละเลยปัจจัยที่ใกล้ตนเองมากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ และผลักดันความคิดเห็นของนางโดยใช้สามัญสำนึก
อย่างไรก็ตามไม่ว่าจะเป็นเย่ว์หยาง เย่ว์หวี่ โล่วฮัว อี้หนานและเย่ว์ปิง ล้วนเข้าใจกันทุกคน  นอกจากเด็กหญิงที่เอาแต่กิน  ทุกคนเข้าใจความจริงผ่านการแนะนำของแม่สี่
นั่นคือผู้พิทักษ์คัมภีร์เทพเป็นการทำสัญญาอย่างง่ายที่สุด
ทั้งยังเป็นการตามหาเจ้าของใหม่... เย่ว์หยางสุขใจที่ได้ยินเรื่องนี้
อย่างไรก็ตาม โดยผิวเผินแล้วนางยังคงสงบและชี้แนะขั้นตอน นั่นเป็นเรื่องที่ยากมาก ปกตินางจะไม่ฝืนใจพูดถ้านางไม่ยินดีจะพูด  นอกจากนี้ถ้าเขาไม่มีประสบการณ์ด้วยตนเองกับสิ่งที่แม่สี่พูดคำที่ยากจะเข้าใจ  แต่เขามีประสบการณ์ด้วยตนเอง เขาจึงเข้าใจได้จริง และทุกอย่างที่เทพโบราณทำมีความลับเบื้องหลังที่ลึกซึ้ง ยากจะเข้าใจความคิดของพวกเทพนั้นได้
ต้องยืนสูงในระดับเทพหรือในความสูงส่งใกล้เคียงกันกับเทพ จึงจะเข้าใจได้ง่าย
หลังจากอาหารมื้อนั้น ทุกคนผ่อนคลายและรวมตัวกันอีกครั้ง พูดคุยหยอกเย้าเล่นหัวเป็นความสุขสงบที่หาได้ยากในช่วงนี้
เย่ว์หวี่เห็นว่าท้องฟ้าค่อยๆ มืดลงจึงถือโอกาสกลับไปพักผ่อน
ปิงเอ๋อไม่ทราบเหตุผล และคิดว่าพี่ชายสนิทกับนางมากจึงรายงานให้เขาทราบผลของการฝึกต่าง และลังเลที่จะแยกออกมา  แม่สี่จูงมือเย่ว์ซวงที่กำลังนั่งหาวกลับไปที่ห้อง  แม้จะเรียกปิงเอ๋ออยู่หลายครา แต่เย่ว์ปิงกำลังมีความสุขมากไม่แสดงอาการง่วงแต่อย่างใด และคอยรบเร้าพี่ชายให้คุยเรื่องของการฝึกฝน  เจ้าเมืองโล่วฮัวและอี้หนานลอบหัวเราะ แต่ก็รออย่างอดทนและยิ้มให้เย่ว์หยาง และเห็นว่าพี่ชายกับน้องสาวกำลังหมกมุ่นอยู่กับเรื่องฝึกฝนวิทยายุทธ
 “ดึกมากแล้วเหรอ?”  เมื่อเย่ว์ปิงรู้สึกตัว เวลาเกือบเช้าตรู่  นางกังวลว่าจะส่งผลกระทบต่อการพักผ่อนของพี่ชาย
 “ไม่เป็นไร, พี่ไม่ง่วง การฝึกฝนของน้องสำคัญที่สุด” เย่ว์หยางลูบศีรษะปิงเอ๋อ ทำให้ผมนางยุ่งเหยิงเล็กน้อย
 “พี่อี้หนาน พี่โล่วฮัว,  ข้าจะกลับก่อน อย่างไรก็ตาม ท่านแม่บอกไว้ก่อนแล้ว เมื่อสงครามจบ หอทงเทียนไม่ตกอยู่ในห้วงเวลาที่อันตราย นางอยากอุ้มหลานเร็วๆ”  เย่ว์ปิงอำลาอย่างว่าง่าย  แต่จู่ๆ นางนึกอะไรขึ้นมาได้รีบกลับมาหาโล่วฮัวและอี้หนาน  ขณะนี้สองสาวกำลังหน้าแดงด้วยความอาย
ความจริงความเข้าใจของเย่ว์ปิงเป็นเรื่องง่ายๆ
พี่ชายนางและพี่สะใภ้นอนในห้องเดียวกันทั้งคืน แล้วจะมีลูกน้อยได้  ส่วนจะได้ลูกน้อยอย่างไร นางไม่คิดถึงปัญหานั้นในตอนนี้
นางวิ่งกลับไปบอกโล่วฮัวและอี้หนานเตือนพวกนาง  อย่าลืมนอนกับพี่สามนะ  ข้าไม่คิดว่าองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนและพี่อู๋เสียอยู่กับพี่ชายตอนกลางวัน แต่ละคนจะมีเวลาพักตอนกลางคืน
เย่ว์หยางถึงกับเหงื่อตกและอยากจะบอกน้องสาวว่า ไม่ต้องทำตัวน่ารักมากก็ได้
ต้องบอกว่าเย่ว์ปิงมีความคิดที่บริสุทธิ์ ไม่ค่อยมีความคิดว้าวุ่นฟุ้งซ่านใดๆ กับเย่ว์หยาง  เพราะบ่อยครั้งที่เย่ว์หยางชำระปราณให้เย่ว์ปิงผู้ไร้เดียงสา ทั้งผลัดเอ็นเปลี่ยนกระดูก ในช่วงเวลานั้นนางเพิ่งจะเริ่มเป็นวัยรุ่น  ยังไม่เป็นสาวเต็มตัวจึงยังไม่สนใจหรือเข้าใจความต่างของร่างกายชายและหญิงมากนัก
การชำระร่างให้บริสุทธิ์ไม่เพียงแต่ทำให้คงความเยาว์วัยอย่างยั่งยืน แต่ยังช่วยชำระความคิดให้บริสุทธิ์ไปด้วยซึ่งเป็นสาเหตุให้เย่ว์ปิงน้องสาวผู้น่ารัก ก็ยิ่งบริสุทธิ์มากขึ้นไปด้วย
ดีแล้ว นั่นไม่ถึงกับเป็นเรื่องที่เลวร้าย
หลังจากเย่ว์หยางเห็นน้องสาววิ่งกลับไปแล้ว  เขากอดอี้หนานผู้เอียงอายจากด้านหลังและมองดูโล่วฮัว ตอนนี้ได้เวลาเพลิดเพลินกับกระบวนการผลิต... หรืออะไรก็ตามเพื่อให้ได้ผลข้างเคียงเป็นทารกตัวน้อย.. ไม่เห็นต้องคิดมาก  แค่มีความสุขกับวิธีการ  ย่อมจะมีผลตามหลังที่ดีแน่นอน....

6 ความคิดเห็น:

oBABYVOXo กล่าวว่า...

กินตอนเช้าๆเลย 555++

Unknown กล่าวว่า...

ล้างหน้าไก่😅😅😅

Boybravo กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

manit กล่าวว่า...

ใจจ้า

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

akekapoj-tee กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับ

แสดงความคิดเห็น