ตอนที่ 1034
คนไม่ดีเท่าสุนัข
ขณะกลับตามเส้นทางเดิม
หลิวเย่เสียดายเวลาช่วงนี้เป็นพิเศษ เพราะการเดินทางล่าสมบัติจะจบลงในไม่ช้า
ระหว่างนางกับเขาจะกลับสู่สถานะเหมือนก่อนในไม่ช้า
และนางไม่สามารถเดินให้เขาจูงมือเหมือนอย่างที่ทำในตอนนี้ได้
การล่าสมบัติในคราวนี้จะประทับอยู่ในใจนางเป็นความทรงจำที่น่าจดจำที่สุดในชีวิตนาง...นางไม่อยากให้จบลงเร็วนัก แต่นางไม่ต้องการให้เขาตกอยู่ในอันตราย
ก่อนหน้านี้หลิวเย่ไม่เคยเห็นเย่ว์หยางหนีเมื่อเขาพบเจอกับความยากลำบาก เขาไม่ใช่คนที่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ!
แต่ตอนนี้เขายอมยกเลิกไม่ล่าสมบัติอีกต่อไป
ทำไมถึงเป็นเช่นนี้ เพราะเขากลัวจุดอ่อนของมนุษย์
ในทางตรงกันข้าม
เขาคงกังวลเกี่ยวกับตนเอง
กลัวว่าขาจะไม่สามารถทนการทดสอบจุดอ่อนของมนุษย์และตกไปในกับดักในขุมทรัพย์โบราณ แล้วถูกขับออกมา!
ขณะที่ทั้งสองคนกลับไปตามทางคดโค้งบิดงอ
พวกเขาผ่านเส้นทางมืดสลับสว่างกลับมาถึงจุดที่มืด เย่ว์หยางหยุดนิ่งเล็กน้อย
รอให้หลิวเย่ถามคำถามและพานางเดินหน้าต่อ
“มีบางอย่างผิดปกติหรือ?” หลิวเย่เป็นคนที่ใส่ใจคน
นางรับรู้ความแตกต่างได้
“ข้าไม่รู้
แต่มีความรู้สึกอย่างหนึ่งอยู่ในใจ” เย่ว์หยางไม่แน่ใจ
“ข้าจะระมัดระวัง!”
หลิวเย่รู้ว่าเย่ว์หยางมีลางสังหรณ์ที่แม่นยำ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งลางสังหรณ์ในการต่อสู้ของเขานั้นน่าทึ่ง แม้ว่าจะไม่มากเท่ากับทักษะหกรับรู้ขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน
แต่ก็แทบไม่มีการผิดพลาด
เขารู้สึกผิดปกติต้องมีอะไรบางอย่าง
หรือว่าอยู่ที่นอกทางเข้าโบราณ
หรือว่าคนของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์มาถึง ? หรือมีนักสู้อื่นอีก?
นี่มิใช่เป็นไปไม่ได้!
วงเวทขนาดยักษ์ปรากฏอยู่ในท้องฟ้ามาสามวันแล้ว
ถ้าตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์วางหมากคอยลอบทำร้ายอยู่ใกล้เมืองไป๋เหอ
ก็คงจะพบเจอนานแล้วและคงรายงานข่าวการปรากฏของวงเวทขนาดมหึมา
อาจจะเป็นนักสู้ผู้ปลีกสันโดษ
แต่เห็นวงเวทรูนขนาดยักษ์
พวกเขามาที่นี่และไม่ทราบสถานการณ์และเฝ้าจับตาอยู่ที่ทางเข้าโบราณ
เพื่อผลประโยชน์ที่เป็นไปได้
เย่ว์หยางพยักหน้าและปลอบโยนหลิวเย่ “ไม่ต้องห่วง ข้าจะพาเจ้าเทเลพอร์ตออกไปในระยะทางที่ไกล
เจ้าแค่สงบจิตใจให้ความร่วมมือกับข้า”
มีเข็มทิศสามภพ
เขาไม่กังวลว่าจะมีคนรายล้อมขัดขวางทั้งวัน
ตราบเท่าที่เขาสามารถเทเลพอร์ตได้ จะไม่มีใครจับเขาได้
“ฮือ”
หลิวเย่ยังคงเรียกกวางทะลุมิติออกมาช่วยเมื่อเขาต้องการมันมากที่สุด ถ้าเมื่อใช้แข็มทิศสามภพและศัตรูมีสมบัติที่ตรึงหรือสร้างผลกระทบต่อการเทเลพอร์ต
อย่างนั้นนางสามารถพาเย่ว์หยางออกไปจากระยะที่ของวิเศษของศัตรูส่งผลต่อเขา เกี่ยวกับสถานการณ์พร้อมต่อสู้นี้ นางได้ฝึกฝนมาไม่น้อยกว่าหมื่นครั้ง
เพื่อที่ว่าอาจจะต้องพร้อมใช้วันนี้
“ไปกันเถอะ!” เย่ว์หยางพาหลิวเย่ไปที่ปากทางเข้าโบราณ
เขาปล่อยพลังงานสร้างสนามพลังสร้างโลกปกป้องทั้งสองคน
จากนั้นเทเลพอร์ตออกไปในระยะไกลทันที
พวกเขาออกไปจากที่นั้นไปในสภาพน่าอึดอัดเล็กน้อย
การเทเลพอร์ตทางไกลทำได้สำเร็จ
ไม่มีใครขัดขวางหรือถ่วงตรึงไว้
เย่ว์หยางและหลิวเย่เทเลพอร์ตออกไปอย่างราบรื่น
จากพื้นที่ทางเข้าโบราณออกไปบริเวณที่เต็มไปด้วยเนินทรายเหลืองทันที
เมื่อย่างเท้าลงบนเนินทรายเหลือง
สีหน้าของเย่ว์หยางเปลี่ยนไป...
ไม่ใช่แต่เพียงเขาเท่านั้น
แต่นางก็ยังรู้สึกผิดปกติ
แม้แต่หลิวเย่ก็ตระหนักรู้ได้ว่าสถานการณ์ไม่ดี เมืองไป๋เหอรายล้อมไปด้วยน้ำ เนินทรายมาจากไหน? ดูแล้วไม่ใช่เนินทรายธรรมดา
แต่เป็นเนินทรายทอดยาวเป็นพันไมล์ ไม่มีสีเขียวปะปน ทั้งหมดที่เห็นเป็นโลกทรายเหลือง
การเทเลพอร์ตระยะไกลของเย่ว์หยางตั้งใจเทเลพอร์ตไปไกลสิบกิโลเมตร
ต่อให้ผิดพลาดในการเทเลพอร์ต เทเลพอร์ตไปไกลถึงร้อยกิโลเมตร
ก็ควรยังอยู่ในพื้นที่เมืองไป๋เหอ?
แต่เนินทรายนี้ ไม่ได้อยู่ในภูมิภาคสวนสวรรค์
“เราหลบเข้าไปในโลกคัมภีร์ของศัตรูหรือเปล่า?”
หลิวเย่คิดว่าอาจเป็นศัตรูวางกับดักล่วงหน้าจับเขากับนางด้วยกัน
มีแต่วิธีนี้เท่านั้นพื้นที่ของเมืองไป๋เหอซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าทะเลถึงเต็มไปด้วยทรายกว้างขวางไม่มีที่สิ้นสุด
“ไม่, ที่นี่ไม่ใช่โลกคัมภีร์” เย่ว์หยางส่ายหน้า ไม่ว่าเขาจะโง่เขลาขนาดไหน
ในโลกคัมภีร์ของศัตรู นอกจากเขาจะมีตาทิพย์แล้ว
ต่อให้เป็นจ้าวสุริยาก็ยังหลอกเขาไม่ได้
ใครจะมีความแม่นยำกว่าเย่ว์หยางชักนำเขาเข้าไปในพื้นที่คัมภีร์อัญเชิญของผู้อื่น? หากจะมีคนอื่นในโลกที่สามารถหลอกล่อเย่ว์หยางให้เข้าไปในโลกคัมภีร์อัญเชิญของผู้นั้นได้ ถ้าไม่ใช่เจ้าตำหนักสูงสุด ก็คงเป็นเทพโบราณที่แท้จริง
“เราจะทำยังไงกัน?” หลิวเย่พบว่านางกับเย่ว์หยางยังคงเปลือยกายอยู่
แต่เป็นไปไม่ได้ที่จะสวมชุดรบจันทรา
“เรายังอยู่กับการทดสอบโบราณ...
แม้ว่าเส้นทางกลับยังคงเป็นเส้นทางเดิม
แต่เรายังไม่ได้ออกมาข้างนอก”
หนึ่งในข้อกังวลที่เลวร้ายที่สุดเกิดขึ้นกับเย่ว์หยาง เขามีความรู้สึกอยู่ก่อนว่าการทดสอบจะไม่สิ้นสุดอย่างง่ายดาย และยังไม่ได้ยอมแพ้อย่างแท้จริง
“เมื่อเป็นอย่างนี้ เราไปกันต่อเถอะ!” หลิวเย่ได้ยินแล้ว
ในใจนางมีความสุข
ได้ร่วมเสี่ยงกับเขาอีกครั้ง
ไม่มีอะไรดีไปกว่านี้แล้ว
จะได้รับสมบัติลับหรือไม่ นางไม่สนใจตราบเท่าที่ได้อยู่ข้างเขา
เย่ว์หยางจะไม่เข้าใจความคิดสาวน้อยได้อย่างไร เขาฝืนยิ้ม มีสาวน้อยบริสุทธิ์อยู่ข้างกาย
เขาจะผ่านด่านทดสอบของมนุษยชาติยุคโบราณได้หรือ!
โลกทะเลทรายยาวเหยียดสุดหูสุดตา
หลังจากเทเลพอร์ตและบินอยู่ครึ่งชั่วโมง เย่ว์หยางพาหลิวเย่เข้าไปในป้อมปราการทราย
ที่นี่เป็นหุบเขาขนาดใหญ่
มีเนินทรายเหลืองมากมายนับไม่ถ้วน
สิ่งที่หายากที่สุดคือมีแม่น้ำไหลผ่านเมือง
ในโลกทรายเหลืองที่เย่ว์หยางและหลิวเย่เข้ามานี้
พวกเขาเพิ่งได้พบเห็นแหล่งน้ำภายในระยะทางหลายแสนกิโลเมตร แสดงให้เห็นว่าแม่น้ำสายเล็กๆ
นี้มีคุณค่ามากขนาดไหน ที่ริมน้ำมีบุรุษสตรีเปลือยนับไม่ถ้วนมัวแต่วุ่นอยู่กับแม่น้ำ
เมื่อมองอย่างใกล้ชิดทำให้หลิวเย่รู้สึกตกใจอย่างยิ่งก็คือบุรุษผู้แข็งแกร่งที่สุดที่นี่ไม่ได้มีสถานะสูงสุดในที่นี่
ตรงกันข้ามบุรุษที่แข็งแกร่งที่สุดและมีกำลังมากที่สุดกลับต่ำต้อยที่สุด
พวกเขาต้องรับผิดชอบงานทุกอย่างในชีวิต
ไม่ว่าจะเป็นพรวนดิน เพาะปลูก รวบรวม เก็บเกี่ยว ขัดสี ทำเกษตร ทำร้าย ฆ่า ตกปลา
ปิ้ง ย่าง ฯลฯ พวกเขาต้องรับผิดชอบงานทุกอย่าง
แต่สถานะต่ำต้อย
พอสตรีเหล่านั้นไม่พอใจก็จะเฆี่ยนตีโดยพลการ พวกเขาต้องทำงานหนักเหมือนทาสไม่กล้าแม้แต่จะส่งเสียงคร่ำครวญ
บุรุษพวกนี้นอนคว่ำหน้าอยู่บนพื้น
ร่างกายเต็มไปด้วยแผลเป็น พวกเขาช่วยสร้างป้อมปราการทรายแห่งนี้
สิ่งที่ทำให้หลิวเย่รู้สึกเหลือเชื่อที่สุดก็คือสตรีที่เฆี่ยนตีพวกเขาไม่ได้มีสถานะสูงสุด
ในป้อมปราการทรายผู้ที่มีสถานะสูงสุดคือสุนัขตัวหนึ่ง!
สุนัขที่นี่ทุกตัวนอนอยู่บนบัลลังก์ที่ทำจากหนัง
กระดูกและเส้นผมของมนุษย์แสนสบายนอนอาบแดดอย่างเกียจคร้าน สุนัขทุกตัวมีลูกอย่างน้อยสิบตัว
เชือกที่ถักจากหนังมนุษย์ใช้ผูกลากบัลลังก์กระดูกมนุษย์ไปอย่างช้าๆ ถ้าช้าลงเล็กน้อยสุนัขจะตบและกัดทึ้งเด็กมนุษย์จนเลือดอาบ... สุนัขนั้นจะเห่าด้วยความหยิ่งยโส ส่วนสตรียืนหัวเราะและดุลูกๆ
ที่เลียเลือดมนุษย์ ว่าเป็นกระดูกราคาถูกทำให้สุนัขอันเป็นรักต้องหงุดหงิดรำคาญ
หลิวเย่น้อยครั้งที่จะโกรธ นางเป็นสตรีใจดีอ่อนโยน ต่อให้นางถูกคนอื่นคุกคามอย่างไม่เป็นธรรม
นางก็ยังสุภาพกับคนอื่นได้ ทั้งไม่สนใจกับผู้นั้น
แต่นั่นไม่ได้หมายความว่านางจะไม่โกรธ
คนใจดีอย่างหลิวเย่โกรธเป็นเรื่องที่น่ากลัวมาก....
เมื่อเห็นสตรีประพฤติตัวไร้ยางอายและลำเอียง
หลิวเย่โกรธจนปอดแทบระเบิด
เพราะตลอดชีวิตของนาง นางไม่เคยโกรธจัดมาก่อน
เป็นไปได้อย่างไรที่คนอย่างนั้นจะเห็นว่าสุนัขมีค่ามากกว่าชีวิตมนุษย์? สิ่งที่นางยอมรับไม่ได้อย่างที่สุดก็คือ
สตรีเหล่านั้นมองเด็กๆ เหมือนหมูเหมือนหมา
แต่ปฏิบัติต่อพวกไฮยีนาเหมือนกับลูกชาย
ต้องมีจิตใจวิปริตขนาดไหนจึงจะทำเช่นนี้ได้
“ลูก อย่าเลียเลือดคนพวกนั้น อย่าทำอย่างนั้น เลือดไม่ดีอย่างนั้นจะทำให้เจ้าป่วยได้! นี่ลูกจ๋า มาให้แม่กอดเร้ว!”
สตรีคนหนึ่งเห็นสุนัขกัดเด็กมนุษย์ที่นอนจมกองเลือด แทนที่นางจะเห็นใจ นางกลับห่วงสุนัข
เกรงว่าจะป่วยเพราะเลียกินเลือด
“อ๊า.....”
เด็กมนุษย์เจ็บปวดส่งเสียงร้องอย่างช่วยไม่ได้
“เผียะ เผียะ เผียะ เผียะ!”
เมื่อสตรีนั้นได้ยินเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด
นางหวดแส้ที่ทำด้วยหนังและผมของมนุษย์ไปที่เด็กมนุษย์ที่ร้องครวญครางทันที ขณะที่ปากก็สบถด่า
“สวะอย่างเจ้าไม่คู่ควรใช้ชีวิตอยู่ในโลกนี้ต่อไป
ทำไมเจ้าไม่ตายไปเลย?
โลกนี้ไม่ต้องการสวะราคาถูก
ตราบใดที่สุนัขของข้าบอกว่าพอ เมื่อพวกเจ้าหิว พวกเจ้าไม่มีทางเลือกกินได้ ทรัพยากรที่นี่ไม่เพียงพอ
มันจะทำให้สุนัขของข้าได้กินดีๆ ได้ไม่กี่วันในหนึ่งเดือน”
หลังจากเด็กมนุษย์ถูกหวดปางตายจนสลบ เด็กอีกคนที่เป็นสหายถูกเฆี่ยนตีพร้อมกัน
เด็กคนนั้นได้แต่ก้มหน้ามองทราย
ไม่กล้าส่งเสียงร้อง
เขากลัวว่าจะโดนเฆี่ยนตีหนักมากขึ้น
ถ้าสตรีร้ายกาจเหล่านี้โกรธ
มีความเป็นไปได้ว่าเขาจะถูกเฆี่ยนจนตายกลายเป็นอาหารสุนัข
เส้นผมของเขาจะถูกนำไปทำแส้
หลิวเย่โมโหจนแทบสิ้นสติ
นางพบเห็นสตรีชั่วร้ายมามากมาย แต่ไม่เคยเห็นสตรีชั่วร้ายอย่างนี้มาก่อน
สตรีชั่วร้ายที่นางพบมาก่อนหน้านั้นเมื่อเทียบกับกลุ่มสตรีที่อยู่ข้างหน้านาง
อาจกล่าวได้ว่ากลายเป็นคนดีหรือคนใจดีไปโดยปริยาย
“ฆ่าพวกนางซะ สวะเหล่านี้ไม่สมควรมีชีวิตต่อไป!”
เป็นครั้งแรกในชีวิตของหลิวเย่ที่บังเกิดความคิดฆ่าฟันรุนแรงยิ่งกว่าแมงมุมน้ำที่นางฆ่า สตรีชั่วร้ายที่อยู่ต่อหน้านางอำมหิตนัก
หลิวเย่เห็นแล้วยังรู้สึกว่าแมงมุมน้ำยังน่าให้อภัยมากกว่า
แต่จะไม่ยอมยกโทษให้สตรีกลุ่มนี้เด็ดขาด ไม่,
สตรีชั่วร้ายกลุ่มนี้ที่ปฏิบัติต่อทาสเด็กและสุนัขอย่างไม่เท่าเทียมกัน ไม่สมควรเรียกว่ามนุษย์!
“.......” เย่ว์หยางไม่โกรธเท่าใดนัก ลักษณะของสตรีที่อยู่ข้างหน้าเขา
ในหอทงเทียนไม่มีแน่
ในแดนสวรรค์ก็หาได้ยาก
แต่ในจักรวรรดินิยมมีอยู่แน่
ก่อนที่เขาข้ามมิติมาที่นี่ เขามักพบเห็นข่าวมีคนขวางทางรถบ้าง ขวางสุนัข มีสตรีฐานะสูงส่งเห็นสุนัขดีกว่าคน
ในชีวิตจริงหลายครอบครัวเห็นสุนัขเหมือนเป็นลูกของพวกเขา ถึงแม้ในตระกูลสูงส่งที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน
สุนัขในอ้อมแขนสตรีฐานะสูงยังมีสถานะที่ดีกว่าคนทำงานทั่วไปอย่างเช่นคนขายไข่
ขายนม ขัดรองเท้า!
เพราะคนพวกนั้นมองสุนัขว่าเป็นเหมือนชีวิตส่วนตัวพวกเขา
ไม่มองสุนัขว่าเป็นผู้พิทักษ์ หรือคู่หูที่น่าเชื่อถือของมนุษย์ แต่กลับมองเหมือนกับเป็นลูกหรือสามี
สุภาพสตรีที่ชอบอุ้มสุนัขโอ้อวดว่าเป็นของรักของหวง
แต่กลับแสดงความโหดร้ายรุนแรงต่อสิ่งมีชีวิตอื่นรวมทั้งมนุษย์ด้วยกัน
มองว่าคนด้อยกว่าสุนัข
กลับมีให้เห็นในพวกจักรวรรดินิยม
แน่นอนว่าในต่างประเทศ
นั่นเป็นการประชดประชันถึงความผิดเพี้ยนทางทัศนคติอารมณ์ของมนุษย์ “เจ้าขยะนั่นดูเหมือนจะตายแล้ว เป็นสายพันธุ์ที่อายุสั้นจริงๆ! มานี่, ถลกหนังของมันเก็บไว้
แส้ของข้าเก่าแล้วไม่มีหนังมาเปลี่ยนตั้งนานแล้ว อีกอย่างอย่าลืมเอาเนื้อของมันไปปรุงสุขให้ดีเล่า ลูกชายข้ากินเนื้อดิบไม่ได้ ถ้าลูกข้าท้องเสีย เจ้าต้องชดใช้ชีวิต” สตรีที่อุ้มสุนัขตามทำให้หลิวเย่โกรธ
“เขากล้าเอาเนื้อคนไปเป็นอาหารสุนัขหรือ?” หลิวเย่โกรธจัด ความคิดฆ่าฟันเต็มอยู่ในความคิดนาง “มันน่าฆ่าทาสสุนัขที่โหดเหี้ยมอำมหิตนัก!”
“เจ้าไม่ต้องลงมือ ให้ข้าเอง!”
เย่ว์หยางห้ามนาง
สิ่งที่ใช้ทดสอบในโลกทะเลทรายนี้
เย่ว์หยางเข้าใจแล้วว่าคืออะไร
นั่นก็คือ..ความโกรธ!
เมื่อเผชิญหน้ากับสิ่งที่น่าเกลียดและอยุติธรรม พลังใจของเย่ว์หยางมีมากพอ
และพลังปณิธานปราณราชันย์ยังทำให้เขาดูสงบ
แต่หลิวเย่ทำไม่ได้ จิตใจนางบริสุทธิ์ นางไม่สามารถอดทนต่อความชั่วร้ายได้ ไม่ต้องพูดถึงคำพูดที่ชั่วร้ายข้างหน้านาง...
ถ้านางควบคุมตนเองไม่ได้
อย่างนั้นนางจะไม่ผ่านการทดสอบ
นางต้องทำด้วยตนเอง
ไม่มีความโกรธในใจ แล้วจะฆ่าคนได้หรือ?
…………
3 ความคิดเห็น:
....ง่ะ...แค่หมั่นใส้..ก็ฆ่าได้แล้ว..ไม่ต้องโกรธหรอก
ใจจ้า
ผมนี่สอบตกทุกการทดสอบเลย555
แสดงความคิดเห็น