ตอนที่ 1035 ตำหนักเทพวารี? สร้อยพระจันทร์เสี้ยว!
ทั้งสองคนไม่รู้ว่าผ่านมิติต่างๆ และโลกยุคต่างๆ ไปมากเพียงไหน เย่ว์หยางและหลิวเย่เก็บเกี่ยวผลสำเร็จทางจิตใจมาตลอดทาง
แม้ว่าจะไม่ได้รับสมบัติวิเศษก็ตาม
แต่ความรู้แจ้งทางวิญญาณคือสิ่งที่มีค่า แม้แต่ของวิเศษชั้นเทพมิอาจทดแทนได้ ทุกบททุกตอนทดสอบหมายถึงการเลื่อนขอบเขตระดับใหม่ของตนเอง มองอย่างผิวเผินไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงมากนัก แต่ในโลกจิตวิญญาณมีความเปลี่ยนแปลงระดับพลิกฟ้าคว่ำดินครอบคลุมอย่างสมบูรณ์ เย่ว์หยางกับหลิวเย่ไม่ทราบว่าสมบัติที่แท้จริงคืออะไร แต่พวกเขามีความรู้สึกว่าได้รับสมบัติที่ดีที่สุดมาแล้ว
แม้จะต้องกลับมือเปล่าในท้ายที่สุด ก็ไม่มีอะไรต้องเสียใจ!
เมื่อพวกเขาผ่านมาถึงทางเข้าโบราณอีกครั้ง ทั้งสองคนพบว่าพวกเขาหายตัวเข้ามาปรากฏอยู่ในโลกที่มีแสงสะอาดบริสุทธิ์
โลกนี้แปลกประหลาดมาก มีแต่เพียงท้องฟ้ากับผืนน้ำ
ท้องฟ้าเบื้องบนเป็นสีน้ำเงินชัดเจน
ภายใต้เท้าของเย่ว์หยางและหลิวเย่เห็นว่าเป็นพื้นผิวน้ำไม่มีที่สิ้นสุด ราบเรียบราวกับกระจก
กลับมายังผิวน้ำเมืองไป๋เหอหรือเปล่า? แต่นั่นดูไม่เหมือนที่นี่ อย่าว่าแต่วงเวทขนาดใหญ่หายไปไหน?
ขณะที่กำลังสับสนงงงวย พื้นผิวน้ำที่สงบนิ่งก็เกิดระลอกคลื่นที่สวยงาม และดูเหมือนมีบางอย่างแหวกน้ำออกมา เย่ว์หยางรีบขึ้นมาข้างหน้าเพื่อปกป้องหลิวเย่ เผื่อว่าอาจเป็นศัตรูที่แข็งแกร่งลอบเข้ามา อย่างไรก็ตามเมื่อระลอกน้ำแผ่กระจายออกไป เย่ว์หยางพบว่า แม้แต่สิ่งที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าของเขาดูเหมือนว่าจะแหวกผุดออกมาจากน้ำ
สายเกินกว่าจะฉุดดึงหลิวเย่ให้บินหลบขึ้นไปในอากาศ เย่ว์หยางพบว่ามีมือยักษ์ที่ก่อตัวจากน้ำบริสุทธิ์ค่อยๆ พยุงตัวเขาและเท้าหลิวเย่ได้อย่างง่ายดาย
นั่นคือพลังของกฎสวรรค์
อย่าว่าแต่หลิวเย่เลย
แม้แต่เย่ว์หยางก็ต่อต้านอะไรไม่ได้
มียักษ์น้ำตัวขนาดเกือบหนึ่งกิโลเมตรค่อยๆ ลุกขึ้นจากน้ำเหมือนกับว่านอนหลับและเพิ่งตื่น มือยักษ์ของนางประคองเย่ว์หยางและหลิวเย่ นางยังคงประคองพวกเขาต่อไปจนกระทั่งเห็นพวกเขา เทียบกับยักษ์น้ำนี้ เย่ว์หยางและหลิวเย่ร่างเล็กเกินไป แม้แต่สาวน้อยไตตันเสี่ยวเสี่ยวเอินก็ยังมีความสูงเทียบกับยักษ์น้ำนี้ไม่ได้ อย่างไรก็ตามแม้ว่าร่างกายจะมีขนาดใหญ่โตมากก็ตาม แต่เย่ว์หยางและหลิวเย่รู้สึกได้ว่ายักษ์น้ำนี้งดงามและอ่อนโยน
ถ้าไม่ใช่เกิดขึ้นจากน้ำบริสุทธิ์ แต่เป็นมนุษย์จริงๆ อย่างนั้นลักษณะความงามของนางไม่ด้อยกว่าหญิงงามใดๆ ในโลก
ใครก็ตามที่จ้องตานางยักษีนี้ ต่อให้มีความโกรธในใจ ก็จะหายได้ทันที
ใครก็ตามที่มองหน้าสาวยักษ์ผู้นี้
จะรู้สึกชื่นชอบจากก้นบึ้งหัวใจ
ไม่มีความแค้นเกลียดชัง
ไม่รู้สึกเจ็บปวด
การได้อยู่ใกล้ยักษ์สาวตนนี้ทำให้เกิดความรู้สึกที่ดียอดเยี่ยมจากก้นบึ้งหัวใจ
เย่ว์หยางเข้าใจผิดอย่างหนึ่ง เขารู้สึกว่าแม่สี่และสาวยักษ์ผู้นี้มีความคล้ายกันบางอย่าง พวกนางอ่อนโยนนุ่มนวลเหมือนน้ำ พวกนางมีความรักและเมตตา
“ข้านึกว่าใครเสียอีกที่บุกรุกเข้ามารบกวนความฝันของข้า กลับกลายเป็นแค่มนุษย์น้อยสองคน!” ยักษ์น้ำหัวเราะ แทนที่จะพูดโดยตรง นางกลับใช้การสื่อสารทางจิตกับเย่ว์หยางและหลิวเย่
“ขออภัยจริงๆ เราไม่ได้ตั้งใจรบกวนการนอนของท่าน” หลิวเย่กล่าวขอโทษ
“อา.. ไม่เป็นไร ข้ามีอาคันตุกะมาเยี่ยมถึงที่นี่ พวกเจ้าไม่เพียงแต่มีสติปัญญาเท่านั้น แต่ยังมีคนที่มีโชคชะตาที่หาได้ยากมาก” ยักษ์น้ำยิ้มเล็กน้อยและพูดต่อ “หญิงสาวที่มีจิตใจดีและน่ารักอย่างเจ้า ข้าไม่รังเกียจที่เจ้ามาถึงที่นี่ได้! สำหรับสหายน้อยอีกคนหนึ่ง ดูเหมือนจะน่าสนใจทีเดียว ก็ได้ ข้าไม่หยอกล้อเจ้าแล้ว เจ้าจะเข้ามาหาสมบัติ หรือเข้ามาหาคำตอบที่น่าพอใจแล้วค่อยออกไปเล่า?”
“เราได้ผลเก็บเกี่ยวที่ดีที่สุด ก็พร้อมจะออกไป เพียงแต่ไม่รู้ว่าทางออกอยู่ที่ใด!” หลิวเย่รีบคำนับอีกฝ่ายหนึ่งแล้วขอให้ชี้บอกเส้นทาง
“แม้ว่าข้าจะนอนหลับฝันมาหลายปี และพลังก็ลดลงมากกว่าแต่ก่อน แต่ก็ยังพอส่งพวกเจ้าออกไปได้ แต่ก่อนข้าจะส่งพวกเจ้าออกไป ข้ามีความสนใจเล็กน้อย อยากจะได้ยินเรื่องราวของโลกภายนอก พวกเจ้าเล่าอะไรให้ข้าฟังบ้างได้ไหม?” ยักษ์น้ำถามเกี่ยวกับเรื่องราวในแดนสวรรค์
“ท่านต้องการรู้เรื่องแดนสวรรค์หรือเปล่า? เราไม่ค่อยคุ้นเคย เราเป็นชาวหอทงเทียนที่เดินทางมายังแดนสวรรค์” หลิวเย่เป็นเด็กดีที่ไม่รู้จักโกหก
เปลี่ยนเป็นเย่ว์หยางคงไม่ยอมพูดเรื่องน่ากลัวอย่างนั้น!
แม้ว่าเขาจะพูดความจริง เย่ว์หยางจะเลือกพูดเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ ในภูมิภาคสวนสวรรค์หรือแดนสวรรค์ตะวันตก จะไม่บอกแนวโน้มสถานการณ์ทั้งหมดในแดนสวรรค์และจะไม่แสดงตนว่าเป็นคนมาจากหอทงเทียน คงไม่ใช่เรื่องดีถ้ายักษ์น้ำนี้มีอคติต่อหอทงเทียน หลิวเย่ไม่ได้คิดอะไรให้ซับซ้อน ในความรู้สึกของนางคือยักษ์น้ำผู้นี้ใจดี และยักษ์ใจดีนี้จะไม่ทำร้ายนาง
ทั้งสองสนทนาถามและตอบกัน
เย่ว์หยางฟังเฉยๆ
ไม่สนับสนุน ไม่คัดค้านวางความเห็นเป็นกลาง
เมื่อหลิวเย่บอกเล่าเรื่องต่างๆ ที่นางรู้ สาวยักษ์น้ำถอนหายใจเบาๆ “ข้าไม่เคยคิดมาก่อนว่านักรบของหอทงเทียนที่แข็งแกร่งรุ่งเรืองขึ้นมาเป็นจำนวนมาก แต่ครั้งหนึ่งกลับดิ่งจมสู่ความตกต่ำ ขณะที่แดนสวรรค์ไม่เคยหมดสิ้นเรื่องราวความวุ่นวาย สงคราม การเสียสละชีวิต วุ่นวายและไร้สาระจริงๆ!”
เย่ว์หยางแย้งอย่างรวดเร็ว “คลื่นลูกใหญ่ย่อมกวาดล้างทรายและสิ่งที่จะเหลืออยู่ได้ก็คือทองคำสุกปลั่ง เมื่อเกิดมาก็ต้องพบกับช่วงเวลาเจ็บปวด เรื่องนี้ไม่มีอะไรมาก!”
สาวยักษ์น้ำพอได้ยินดวงตานางเป็นประกาย “ถูกแล้ว โอว นึกไม่ถึงเลยว่าคนเยาว์วัยอย่างเจ้าจะตระหนักรู้ถึงเรื่องนี้ได้”
เย่ว์หยางไม่พูดว่าสัจธรรมเหล่านี้เป็นปราชญ์ผู้รู้ยุคก่อนพูดไว้
เขาไม่อธิบาย
แต่กลับรับคำชมเชยด้วยความภาคภูมิใจ
หลิวเย่ยินดีกับเย่ว์หยาง ที่สำคัญนั่นเป็นเรื่องยากที่จะมีใครสรรเสริญชื่นชมเขา นอกจากนี้ผู้ชมเชยเขายังเป็นเทพเจ้าที่เขาไม่รู้ว่าอยู่ยุคใด
สาวยักษ์น้ำไม่มีร่างเทพ ไม่มีพลังเทพ นางใช้น้ำบริสุทธิ์สร้างร่างกายขึ้น แต่เย่ว์หยางและหลิวเย่สงสัยว่านางคงไม่ใช่เทพเจ้า สาวยักษ์น้ำนี้ไม่น่าใช่เทพธรรมดาทั่วไป บางทีอาจเป็นมหาเทพโบราณ พลังของนางแม้ไม่ทรงพลังเท่าเทพเจ้าในตำนาน แต่ก็ไม่ได้ทำให้ใครดูหมิ่นและมีแต่จะนับถือนาง เย่ว์หยางและหลิวเย่ไม่มีความคิดจะต่อต้านนาง
อยู่ต่อหน้านาง แม้แต่คนอย่างเย่ว์หยางยังไม่กล้าคิดฟุ้งซ่าน
นี่คือพลังแท้จริง
นี่คืออำนาจแท้จริง
นักสู้ระดับกึ่งเทพอย่างชี่เทียนเหอ จ้าวสุริยาและจีอู๋ลี่เมื่ออยู่ต่อหน้าสาวยักษ์น้ำที่ไม่มีร่างเทพ เขาเกรงว่าแม้จะเอาไปเปรียบเทียบเป็นมดก็คงไม่พอ
ถ้ามีคนพูดว่าสาวยักษ์น้ำนี้ไม่ใช่เทพโบราณ เย่ว์หยางแน่ใจว่าเจ้าผู้นั้นเป็นคนตาบอด
สิ่งเดียวที่เย่ว์หยางไม่แน่ใจก็คือ สถานะของสาวยักษ์น้ำนี้
นางอาจเป็นเจ้าตำหนักน้ำคนก่อนที่ตายไปแล้วก็ได้
บางทีอาจเป็นเทพเจ้าอื่น
หรืออาจจะเป็นมหาเทพโบราณที่หลับใหลอยู่ที่นี่
ด้วยพลังในปัจจุบันและจักษุญาณทิพย์ของเย่ว์หยางเป็นไปไม่ได้ที่จะมองเห็นระดับพลังที่แท้จริงของสาวยักษ์น้ำนี้
“จากการสนทนากับพวกเจ้าทั้งคู่ ข้ารู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นข้างนอก บางครั้งข้าหวังว่าทุกอย่างจะดีขึ้น แต่เจ้าก็ควรเข้าใจว่าบางเรื่องเป็นโอกาสทางธรรมชาติที่จะได้พบกับสภาพแวดล้อมที่เจ็บปวดและดีที่สุดเพื่อให้เกิดความก้าวหน้าพัฒนา ก็เหมือนกับที่เด็กหนุ่มเจ้าพูดนั่นเอง ทุกอย่างเหมือนคลื่นใหญ่ที่กวาดเอาทรายออกไปหมด ขึ้นอยู่กับว่าผู้ใดคือทองแท้ เรื่องภายนอกอาจมีหลายคนที่มาเยี่ยมเยือนและจัดการกับเรื่องต่างๆ ข้าไม่ต้องการมีส่วนร่วมในเรื่องเหล่านั้น เมื่อข้าเคลื่อนไหวเป็นเรื่องง่ายที่ทำให้เกิดอิทธิพลบางอย่าง.. แต่เมื่อเจ้าทั้งสองมีโอกาสเข้ามาเยือน เพื่อให้เกิดแรงบันดาลใจเล็กน้อย เหมือนกับว่าข้าเห็นแก่ตัวบ้าง แต่ก็ไม่เป็นไร” สาวยักษ์น้ำยิ้มและพยักหน้า
มือของยักษ์น้ำสร้างจากพลังน้ำที่ปั่นป่วนที่สุด
เผยให้เห็นพลังงานที่ปกติมองไม่เห็นและช่วยชำระร่างของเย่ว์หยางและหลิวเย่ เพิ่มทั้งพลังกายและพลังใจของทั้งสอง
ดูเหมือนว่ามีหลายอย่างที่พวกเขารู้แจ้งได้ในทันที แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เย่ว์หยางและหลิวเย่อยู่ในสภาวะรับรู้ที่ยอดเยี่ยม
สาวยักษ์น้ำค่อยๆ ลุกขึ้นยืนจากผืนน้ำ นางค่อยๆ ชูเย่ว์หยางและหลิวเย่สูงขึ้นไปในท้องฟ้า
ท้องฟ้าพลันสว่างสดใสทันที
และเหมือนกับเปิดประตูแสงออก
ก่อนจะส่งเย่ว์หยางและหลิวเย่เข้าประตูแสง สาวยักษ์น้ำยิ้ม “เจ้าเข้ามาตามหาสมบัติ ข้าไม่มีสมบัติของวิเศษให้เจ้า สาวน้อย! ความมั่นใจของเจ้ายังไม่เพียงพอ ช่องว่างยังห่างจากหนุ่มน้อยนี้ไม่น้อย เพื่อเป็นการให้กำลังใจเจ้า ข้าจะถ่ายโอนสมบัติของสหายผู้ที่ตายมานานแล้ว ข้าอยากจะบอกกับเจ้าว่าข้าดีใจมากที่เห็นเจ้าเติบโต หวังว่าเจ้าจะฝึกฝนอย่างหนักต่อไป เอาชนะตนเองให้ได้ไปให้ถึงระดับสูง โลกที่ดีกว่ากำลังรอเจ้า”
ความคิดนี้ยังคงสะท้อนอยู่ในใจเย่ว์หยางและหลิวเย่ ทั้งสองข้ามผ่านประตูแสงสว่าง
กลับมายังทางเข้าโบราณ
ในวินาทีต่อมาทางเข้าโบราณก็หายไป
เย่ว์หยางและหลิวเย่ถูกเทเลพอร์ตไปที่น้ำของเมืองไป๋เหอ วงเวทรูนยักษ์ในท้องฟ้าค่อยๆ เลือนรางหายไป
“โอว, ของนี้มาอยู่บนคอของข้าได้อย่างไร?” หลิวเย่ลูบที่คอนางและพบว่าที่คอของนางไม่รู้ว่ามีสร้อยคอใสเป็นประกายสวมไว้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ที่ปลายสร้อยมีจี้รูปพระจันทร์
นี่คือจี้ห้อยคอรูปพระจันทร์เสี้ยวที่งดงามยอดเยี่ยม
ปรากฏว่านั่นคือของวิเศษชั้นเทพ!
สิ่งที่ทำให้หลิวเย่ไม่อยากเชื่อที่สุดก็คือจี้พระจันทร์เสี้ยวที่นางได้มา นางคาดไม่ถึงว่าจะเป็นสมบัติชั้นเทพ
แม้ว่านางไม่สามารถแสดงพลังได้ถึงหนึ่งในร้อย แต่มันยอมรับนางเป็นเจ้านาย...โชคดีที่องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนไม่รู้ มิฉะนั้นนางคงร้องกรี๊ด องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนตั้งใจหลอมรวมกับดาบเทพจักรพรรดิอวี้เต็มที่ ไม่ทราบว่านางต้องใช้ความสามารถไปมากมายเท่าใด ตอนนี้นางยังหลอมรวมกับดาบเทพได้ไม่เต็มที่ หลิวเย่สับสนมากว่านางจะหลอมรวมกับสร้อยจันทร์เสี้ยวได้อย่างไร แม้แต่วิธีใช้นางก็ยังไม่รู้
เย่ว์หยางยิ้ม นั่นต้องเป็นของขวัญจากเทพธิดาโบราณที่ไม่รู้จักผู้นั้น
มิฉะนั้นมันจะยอมรับนางเป็นเจ้านายได้อย่างไร?
สำหรับสร้อยจันทร์เสี้ยว ถ้าไม่ใช่เป็นของเทพธิดาโบราณนั้น เป็นไปได้ว่าน่าจะเป็นของเจ้าตำหนักน้ำในตำนานผู้ล่วงลับ นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญ แค่รู้ว่านี่คือของวิเศษชั้นเทพก็พอแล้ว เจ้านายเก่าเป็นใครไม่สำคัญแม้แต่น้อย
“มหาเทพโบราณ? นางเป็นใคร?” หลิวเย่อดถามคำถามนี้ไม่ได้
“ข้าไม่รู้” เย่ว์หยางส่ายหน้า เทพเจ้าย่อมทราบอายุของเทพเจ้าโบราณ และนั่นอาจเป็นเจ้าตำหนักน้ำที่มีสร้อยจันทร์เสี้ยว นี่เป็นของวิเศษชั้นเทพระดับสูง คนผู้นั้นจะเป็นคนธรรมดาไปได้หรือ? แม้แต่เจ้าตำหนักน้ำที่ตายไป ก็คาดกันว่าเป็นเทพตนหนึ่ง มิฉะนั้นพลังเทพที่ตกทอดต่อๆ กันให้ลูกหลานคงไม่แสดงความมหัศจรรย์ในภูมิภาคสวนสวรรค์เป็นแน่ จนถึงป่านนี้แล้ว มีไม่รู้ต่อกี่รุ่น แม้แต่คนรุ่นหลังอย่างเทวีเสรีภาพก็ยังมีความสามารถนั้นอยู่บ้างเล็กน้อย
“ว้าย! เสื้อผ้า!” หลิวเย่กลับไปที่เมืองไป๋เหอนาน กระทั่งนางตกใจกับสร้อยคอวิเศษ นางอายและตกใจที่ตนเองไม่ได้สวมเสื้อผ้าแม้แต่ชิ้นเดียว จะสวมชุดชั้นในก็สายไปแล้ว นางรีบสวมชุดรบจันทราและหลบหน้าเย่ว์หยางไม่กล้ามองหน้าเขาอีก
“....” เย่ว์หยางพูดไม่ออก ความจริงเขาไม่ควรมอง แต่ได้เห็นนับว่าเป็นเรื่องดี
แน่นอนว่าคำพูดแบบนี้พูดออกมาไม่ได้
มิฉะนั้นหลิวเย่ที่หน้าบาง คงอับอายจนตาย
เมื่อเย่ว์หยางเปลี่ยนเสื้อผ้า เขายื่นมือออกเหมือนจะติดเป็นนิสัยในช่วงสองสามวัน หลิวเย่เหนียมอายเล็กน้อยจึงค่อยยื่นมือให้เขาจับ เมื่อใช้เข็มทิศสามพิภพเทเลพอร์ตกลับไปเมืองไป๋เหอที่ซึ่งพวกเขาหายไปเป็นเวลานาน... ถึงตอนนี้สมบัติลับ ขุมทรัพย์โบราณจบลงอย่างสมบูรณ์
ต่อไปเย่ว์หยางก็สามารถเข้ามิติฝึกฝนด้วยใจที่สงบได้เพื่อไล่ล่าศัตรูอื่นและตรวจสอบระดับพลังของตน
5 ความคิดเห็น:
เห็นไปถึงไหนต่อไหนละ ไม่ต้องปิด! แต่ใส่ก็ดีไหนๆก็ออกมาละ
หลิวเย่ได้สิ่งของเป็นรางวัลคนเดียวอ่ะ..ส่วนเย่ว์หยางได้รางวัลทางสายตาสิ..คุ้มไหมนะ
คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม (ร่างเปรือยเชียวนะ
ใจจ้า
ดูแต่ตามืออย่าต้อง ไม่คุ้ม
แสดงความคิดเห็น