วันพฤหัสบดีที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 1036 สตรีฉลาดกลับกลายเป็นโง่ได้อย่างไร?



ตอนที่  1036  สตรีฉลาดกลับกลายเป็นโง่ได้อย่างไร?

เมืองไป๋เหอไม่มีอะไรผิดปกติ


ภาพวงเวทรูนขนาดใหญ่ ผู้คนได้พบเห็นแน่นอน  แต่สถานการณ์ในเมืองนั้นไม่มั่นคงและความกลัวกองทัพโบราณ มนุษย์เงือกกลายพันธุ์ในเมืองไป๋เหอดูเหมือนไม่มีการกระทำที่ผิดปกติ  แน่นอนว่านี่ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะไม่เปิดเผยความลับ  เย่ว์หยางไม่เคยรู้สึกว่ามนุษย์เงือกกลายพันธุ์เหล่านี้สามารถเชื่อถือได้ นอกจากนี้มนุษย์เงือกกลายพันธุ์ในเมืองไป๋เหอ มีกี่คนที่สอดแนมให้กับตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ หรืออาจเป็นคนอื่นที่ไม่รู้จักก็ได้

อย่างไรก็ตามเย่ว์หยางได้หลอมรวมกับแกนพลังงานของวงเวทรูนยักษ์ทั้งได้เรียนรู้ความหมายที่แท้จริงของชีวิตจากมิติขุมทรัพย์โบราณและรู้สึกพึงพอใจ

นอกจากนี้หลิวเย่ได้รับสมบัติชั้นเทพคุณภาพสูง สร้อยคอจันทร์เสี้ยว

ครั้งนี้ผลเก็บเกี่ยวก็คือวงเวทรูนยักษ์บนท้องฟ้าหายไป และทางเข้าโบราณก็หายไปได้  ต่อให้นักรบของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์เข้ามาที่นี่ น่ากลัวว่าคงยากจะหาเบาะแสร่องรอยใดๆ ได้ พวกเขาถูกกำหนดแล้วว่าจะต้องกลับไปด้วยความผิดหวัง

 “ฮ่าฮ่า ดู มาช้ากว่าเราก้าวหนึ่ง  เราก้าวไปก่อนแล้ว”  เย่ว์หยางนึกถึงภาพซึมเศร้าผิดผวังของผู้ที่เข้ามาล่าขุมทรัพย์ในอนาคต และเขารู้สึกอารมณ์ดีทันที

เขาไม่ได้พักอยู่ที่นี่นานนัก

เพียงแต่เข้ามาทักทายมารสัมฤทธิ์ฟ้าและกลับไปยังเมืองลู่หลิว บึงหยุดลม

หลังจากกลับมาอยู่พร้อมกับราชันย์ปีศาจใต้และนางเซียนหงส์ฟ้าในยามค่ำคืน  เย่ว์หยางตัดสินใจกลับหอทงเทียนเพื่อพบกับจักรพรรดิหัวซิ่วรี่ จักรพรรดินีราตรีและแม่สี่  เพราะภูมิภาคสวนสวรรค์มีเรื่องราวหลายอย่างมากเกินไปจึงมีผลกระทบต่อการเข้ามิติดินแดนฝึกฝนเพื่อผ่านด่านต่อไป  แม้จะรู้ว่าจีอู๋ลี่คงไม่อาจผ่านด่านได้ง่ายๆ   แต่เขาจะไม่มองดูอยู่เฉยๆ แต่ก่อนอื่นนั้น เย่ว์หยางหาเวลาเข้าไปยังผนึกมิติหลุมดำเพื่อบอกเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเร็วๆ นี้แก่นางพญาเฟ่ยเหวินหลี

เมื่อนางพญาเฟ่ยเหวินหลีได้ยินว่าอัญมณีสร้างโลกของเย่ว์หยางเลื่อนระดับเป็นมุกสร้างโลกระดับเทพ  คัมภีร์อัญเชิญกลายเป็นคัมภีร์ชั้นศักดิ์สิทธิ์และยังผสานเข้ากับแกนพลังของอักขระรูนโบราณ นางอดยินดีกับวาสนาของเย่ว์หยางมิได้

พอเย่ว์หยางเรียกคัมภีร์ชั้นศักดิ์สิทธิ์ออกมาดู  นางพญาเฟ่ยเหวินหลีถึงกับตะลึง

 “คัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าประหลาด แตกต่างจากของข้าจริงๆ  นี่คือคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์จริงๆ หรือ? ข้ารู้สึกว่าเหมือนกับเป็นคัมภีร์เทพมากกว่าได้ยังไง?”  นางพญาเฟ่ยเหวินหลีหยอกเย่ว์หยาง  ความจริงคัมภีร์อัญเชิญของเย่ว์หยางแตกต่างจากคัมภีร์อัญเชิญของคนทั่วไปอยู่แล้ว  หลังจากเลื่อนชั้นเป็นคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์  ย่อมดีกว่าคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ทั่วไปมาก

 “ไม่มีทางเป็นคัมภีร์เทพแน่!  เย่ว์หยางหลั่งเหงื่อเยียบเย็น  เขารู้ว่าคัมภีร์เทพมีพลังที่ร้ายกาจมากมายเพียงไหน เป็นไปไม่ได้ที่จะเลื่อนชั้นเป็นคัมภีร์เทพ

 “ถ้าไม่ใช่เพราะคัมภีร์เทพถูกสร้างโดยเทพโบราณ และไม่อาจสร้างโดยการยกระดับได้ ข้าสงสัยจริงๆ ว่านี่คงเป็นคัมภีร์เทพ  เอาล่ะ, ข้าไม่หยอกเย้าเจ้าหนุ่มน้อยผู้โชคดีอีกแล้ว คัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าก็คือคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์แน่นอน  แต่ในคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ร้อยเล่มไม่ใช่ว่าจะทรงฤทธานุภาพเท่ากัน  ข้าว่าคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ของเจ้า อย่างน้อยคงอยู่ในห้าอันดับแรก หรือสามอันดับแรกของยอดคัมภีร์ ถึงแม้ไม่อาจพูดได้เต็มปากนัก  แต่ข้ายังไม่เคยพบเจอคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ของผู้ใดดีกว่าของเจ้า.. ศักยภาพของมันยังไม่ถูกผลักดันเต็มที่  ถ้าพลังของมันถูกใช้เต็มที่ อย่างนั้นนี่ก็เหมือนคัมภีร์เทพเล่มหนึ่งได้”  นางพญาเฟ่ยเหวินหลีหยุดเล็กน้อยและยิ้มพลางกล่าวเสริม  “คัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดต่อทักษะแฝงเร้นและความสามารถของเจ้าของแต่ละคน  และทักษะแฝงเร้นกับพลังของเจ้าเป็นส่วนหนึ่งที่เปลี่ยนให้คัมภีร์อัญเชิญของเจ้ากลายเป็นคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์  ดังนั้นนี่จึงไม่ใช่เรื่องน่าประหลาดใจที่คัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าจะทรงพลังเป็นพิเศษ เพราะเจ้าผิดคนธรรมดาอยู่บ้าง”

 “นี่ก็ชมเกินไป!  เย่ว์หยางหลั่งเหงื่อเยียบเย็น

นางพญาเฟ่ยเหวินหลีมองดูมุกเทพสร้างโลกของเย่ว์อดถอนหายใจไม่ได้  “ถ้าข้ามีของวิเศษชั้นเทพอย่างนี้ ข้ายังจะกลัวว่าสร้างโลกล้มเหลวอีกหรือ?  สวรรค์ช่างอยุติธรรมจริงๆ?”

เย่ว์หยางอยากจะช่วยนางพญาเฟ่ยเหวินหลี  แต่มุกเทพสร้างโลกมีแต่เขาใช้ได้คนเดียว  ไม่มีทางให้นางยืมใช้ได้

นอกจากนี้ด้วยพลังปัจจุบันของเขา  เขายังไม่กล้าก่อกวนมุกเทพสร้างโลกของพลังงานปั่นป่วนนี้

เพื่อเป็นการปลอบประโลมนาง  เย่ว์หยางหยิบขวดบรรจุเลือดเทพออกมาอย่างไม่เห็นแก่ตัวบอกว่าเขาจะให้สิ่งนี้กับนาง  นางพญาเฟ่ยเหวินหลีกอดเย่ว์หยางและจูบเขาอย่างมีความสุขแต่ไม่รับของขวัญจากเย่ว์หยาง  “ใจข้านั้นยอมรับว่าเลือดเทพโบราณเป็นสมบัติที่ดีเลิศจริงๆ แล้วช่วยข้าได้มาก  แต่ข้าคือนางพญาผู้พิชิตที่มีความหยิ่งภูมิใจ  หากเจ้าพึ่งพาพลังภายนอกเพื่อพิชิตแดนสวรรค์  นั่นจะไม่สมศักดิ์ศรีกับการพิชิตแดนสวรรค์  ข้าจะใช้กำลังของข้าเพื่อให้ทุกคนสยบอยู่ต่อหน้าข้า!

เย่ว์หยางรู้สึกว่าถ้าเขาส่งเลือดเทพโบราณให้กับจื้อจุน คาดว่านางคงพูดอย่างเดียวกัน

ทำไมสตรีถึงได้หยิ่งภูมิใจตนเองนัก?

พวกนางจะยอมให้บุรุษที่ตามตื๊อนางได้เลี้ยงของขบเคี้ยวบ้างไม่ได้เชียวหรือ?

แน่นอนว่าเขามิอาจพูดคำเหล่านี้ออกมาได้ มิฉะนั้นนางพญาเฟ่ยเหวินหลีจะต้องหัวเราะเยาะว่าเป็นบุรุษที่โตแต่กล้าม  จะคุยกับนางพญาผู้พิชิตโดยไม่มีหลักการเลย นั่นคงเป็นเรื่องที่แปลก

 “เลือดเทพโบราณถือว่าเป็นสมบัติชั้นดี  แต่เราไม่จำเป็นต้องใช้ในตอนนี้  บางทีเราอาจจะได้ใช้สักวัน  แต่ตอนนี้อย่าเพิ่งเอามาใช้ง่ายๆ”  นางพญาเฟ่ยเหวินหลีมองโลกในแง่ดี ทั้งยังบอกให้เย่ว์หยางเก็บเลือดเทพไว้  “โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เรายังมีเจ้าที่ยังมีศักยภาพไม่ถึงขีดจำกัด และเจ้ายังพัฒนาก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ทำไมเจ้ายังจะต้องใช้เลือดเทพโบราณด้วย  เมื่อเราถึงขีดจำกัดแล้วไม่มีทางรุดหน้าไปได้อีก  ถึงตอนนั้นเราค่อยใช้เลือดเทพโบราณก็ได้  และแน่นอน ข้าคิดว่าด้วยความสามารถและศักยภาพของเราโดยผ่านการฝึกฝนอย่างหนัก การรู้แจ้งเองในระดับเทพอาจสร้างประกายเทพได้เองอย่างมิต้องสงสัย  อนาคตของเจ้าไม่มีขีดจำกัดโดยมิต้องสงสัย  ดังนั้นอนาคตของเราขึ้นอยู่กับเจ้า  เลือดเทพโบราณเป็นแหล่งทรัพยากรที่เตรียมไว้ก่อนเป็นดีที่สุด!

 “ก็ได้!  เย่ว์หยางยังคงรู้สึกว่าสิ่งที่เขาสร้างเองย่อมดีที่สุด  การใช้ปัจจัยภายนอกเพื่อสร้างพัฒนาก้าวหน้า ยังด้อยกว่าความพยายามบรรลุผลสำเร็จด้วยตัวเขาเอง

 “ด้วยพลังความแข็งแกร่งของเจ้า ด่านที่หก หุบเขาปีศาจไม่น่าจะยากเกินไป แต่เจ้าต้องระวังจอมปีศาจไคเทียนในด่านที่หกเอาไว้”  นางพญาเฟ่ยเหวินหลีทราบรายละเอียดจากเย่ว์หยางนานแล้ว เมื่อเย่ว์หหยางกำลังจะออกไป นางคล้ายนึกอะไรขึ้นได้จึงรีบเตือนเขา

 “จอมปีศาจไคเทียน...” เย่ว์หยางได้ยินแล้วเขาอดระมัดระวังตัวไม่ได้  แต่เขารู้สึกว่าเขามีพลังปราณราชันย์ระดับห้า แต่ก็ต้องระมัดระวังตัว

ต้องมีพลังระดับไหนจึงจะผนึกจอมปีศาจไคเทียนไว้ในวิหารปีศาจฟ้าได้?

คนที่หยิ่งในศักดิ์ศรีอย่างนางพญาเฟ่ยเหวินหลียังเตือนเย่ว์หยางเป็นพิเศษ แสดงว่าจอมปีศาจผู้นี้ก็ทำให้นางตื่นตัวได้เช่นกัน

ปีศาจเฒ่าที่ถูกผนึกมาเป็นเวลาเกินหมื่นปี ไม่ว่าจะเป็นจ้าวปีศาจโบราณ หรือจักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อ จอมปีศาจไคเทียน ยากที่ใครจะเอาชนะได้  ถ้าเขาไม่ต้องเอาชนะไคเทียน เขาก็ยังเข้าไปสำรวจวิหารปีศาจฟ้า สำรวจหาสมบัติ  เย่ว์หยางไม่ต้องการตอแยศัตรูผู้แข็งแกร่งนั้น

เมื่อกลับไปที่หอทงเทียน

เย่ว์หยางกลับไปที่ปราสาทตระกูลเย่ว์ก่อนเข้าพบกับจุนอู๋โหย่ว, อาจารย์จิ้งจอกและผู้เฒ่าเย่ว์ไห่เพื่อบอกเล่าเรื่องราวในแดนสวรรค์ และอธิบายเรื่องที่เขาเตรียจะเข้ามิติฝึกฝีมือเพื่อผ่านด่าน  หลังจากผ่านไปหนึ่งเดือนของการขนส่งสิ่งของและผู้คน ไม่ว่าจะเป็นเมืองอู๋เย่แคว้นมรกต เมืองลู่หลิวริมบึงหยุดลม หรือหอทงเทียน ทั้งสามประสานช่วยให้เกิดความเจริญรุ่งเรืองทั้งสามแห่ง  เหตุการณ์วุ่นวายในภูมิภาคสวนสวรรค์ได้รับการคลี่คลาย ไม่จำเป็นที่เย่ว์หยางต้องอยู่เป็นแรงงานช่วยรับขนส่งคนและสิ่งของอีกต่อไป

จุนอู๋โหย่วเห็นว่าการที่เย่ว์หยางต้องเสียเวลาไปไม่ใช่เรื่องดี  ที่สำคัญความเติบโตก้าวหน้าของเจ้าเด็กน้อยนี้สำคัญที่สุด

ที่สถานการณ์ของหอทงเทียนดีขึ้นได้เนื่องมาจากความเติบโตก้าวหน้าของเย่ว์หยางเป็นหลัก

ยิ่งเย่ว์หยางเติบโตก้าวหน้าระดับสูง สถานะของหอทงเทียนก็ยิ่งมั่นคงสูงขึ้น นี่คือเรื่องแน่นอน

 “เรื่องงานแต่งงานยังไม่ต้องพูดถึงก่อน  แต่เจ้าต้องพาเชี่ยนเชี่ยนร่วมทางไปด้วยเพื่อแบ่งเบาความกังวลของเจ้า”  จุนอู๋โหย่วเน้นที่จุดนี้

 “ในมิติฝึกปรือ ระดับความยากในการผ่านด่าน จะยากขึ้นมาอีกสองสามระดับ  โดยเฉพาะอย่างยิ่งวิธีนี้พาพวกนางหลายๆ คนไปด้วย  แม้ว่าพวกนางจะไม่สามารถช่วยได้ทั้งหมด แต่ในบางจุดก็อาจช่วยเจ้าได้บ้าง!  อาจารย์จิ้งจอกเฒ่ากังวลห่วงใยเย่ว์หยางมากที่สุด  เขาไม่เคยไปมิติฝึกฝีมือ  แต่สามารถนึกออกได้ว่า เบื้องหลังความยากลำบาก ถ้าไม่มีความช่วยเหลือที่ยิ่งใหญ่โดยรอบ เย่ว์หยางอาจพ่ายแพ้ต่อจีอู๋ลี่ผู้มีร่างระดับกึ่งเทพได้แน่นอน

 “ถ้าไม่ใช่เพราะคำพูดเราน้ำหนักเบาเกินไป  เราอยากบอกให้จื้อจุน จักรพรรดินีราตรีและหัวซิ่วรี่ช่วยให้เจ้าพาเจ้าผ่านด่านทดสอบไปให้ได้!  จุนอู๋โหย่วเข้ามาใกล้เย่ว์หยางในพริบตา

 “อะแฮ่ม..!  ผู้เฒ่าเย่ว์ไห่รีบแกล้งกระแอมเพื่อเปิดหัวข้อสนทนา

หากวังเทียนหลัวรู้ว่าจุนอู๋โหย่วไม่ใช่คนที่ฝึกฝนให้กับเย่ว์หยาง คาดว่าเขาคงบุกวังต้าเซี่ยด้วยความกริ้วโกรธ แม้จุนอู๋โหย่วจะไปซ่อนตัวที่ขอบโลกก็ไร้ประโยชน์

แม้ว่าไม่มีใครบอกเย่ว์หยาง  แต่ญาติผู้ใหญ่ของเขาก็พักอยู่ในมิติกระจกวังเทียนหลัว  หลังจากขึ้นครองบัลลังก์ก็แทบไม่มีใครได้พบเจอกับจักรพรรดิ  สถานะจักรพรรดิคืออะไร แต่เย่ว์หยางรู้ว่าสถานะของจักรพรรดิเทียนหลัวไม่ง่ายขนาดนั้น  ถ้าจุนอู๋โหย่วถูกดุด่า ฟงขวง อาจารย์จิ้งจอกเฒ่าและเย่ว์ไห่คนในประเทศนี้ก็คงโกรธเหมือนกัน  แต่คงไม่ถึงกับเหมือนสือจินโหวที่แสดงอาการไม่เคารพจักรพรรดิหัวซิ่วรี่ตอแยจนจักรพรรดินีราตรีโกรธและลงมือสั่งสอนสือจินโหวด้วยตนเอง ถ้าไม่ใช่เพราะจักรพรรดิหัวซิ่วรี่ยังให้ความเมตตาเขา  ที่ไหนเลยสือจินโหวจะเก็บชีวิตเหลือพอต่อสู้กับเย่ว์หยางได้?

สือจินโหวต้านรับจักรพรรดินีราตรีได้สองท่าเท่านั้นหรือ?

เขาต้านรับได้ถึงสองท่าจริงๆ หรือ

น่าขัน

ต่อให้สือจินโหวฝึกฝนเป็นพันปี เขาก็ไม่มีทางต้านจักรพรรดินีราตรีได้ถึงสองกระบวนท่าเป็นแน่  จักรพรรดินีราตรีลงโทษเขาสองครั้งติดต่อกันจนสือจินโหวบาดเจ็บสาหัส แสดงให้เห็นว่านางโกรธแค่ไหน นั่นเป็นผลจากการไม่ให้เกียรตินับถือนาง.. ทั้งโลกเห็นจะมีอยู่เพียงคนเดียวที่กล้าจะไม่แสดงความเคารพจักรพรรดิเทียนหลัว นั่นคือเย่ว์หยาง

เขาจะถือวิสาสะลอบเข้าวังตอนเที่ยงคืน ก็คงจะเป็นการเสียมารยาทไปบ้าง

หลังจากพบเจอผู้เฒ่าหลายคน

เย่ว์หยางเข้าใจว่าพวกท่านหมายถึงอะไร  แต่ก็ยากจะคิดอย่างนั้น  จักรพรรดินีราตรียังไม่เท่าไหร่ ทั้งแนะนำให้เขาไปฝึกต่อเพื่อเอาชนะด้วยตนเอง  จื้อจุนยิ่งยากกว่าถ้าเขาไม่มีปัญญาขึ้นบันไดสวรรค์ล้านขั้น นางคงไม่ไปร่วมฝ่าด่านกับเขา  น้ำเสียงอย่างนี้ไม่จำเป็นต้องพูดตรงๆ ก็ได้

เขากลับไปวังเทียนหลัวพบแม่สี่และพูดบอกเล่านางในทุกเรื่อง

เย่ว์หยางลอบจับตาดูนางหวังว่านางจะช่วยขจัดความสงสัย แม่สี่หัวเราะบอกว่าไม่มีอะไรและกลับไปเตรียมอาหารค่ำให้เย่ว์หยาง

ช่างเถอะหรือจะไปกวนใจฝ่าบาท  กลยุทธ์ก่อกวนไม่จำเป็นต้องใช้ เย่ว์หยางอุ้มหนูน้อยเย่ว์ซวงที่ไม่ยินยอมปล่อยอ้อมแขนเธอ  เย่ว์หยางไปขอเข้าเฝ้าจักรพรรดิ  หญิงสาวเจ้าหน้าที่เฝ้าตำหนักตาเบิกกว้างนึกว่าฝันร้าย พาเด็กมาเข้าเฝ้าฝ่าบาท นี่แผนการอะไรของเขา?  คิดว่าใช้เด็กน้อยแล้วจะเบิกทางผ่านประตูไปได้สำเร็จหรือ?

 “ฝ่าบาทพักผ่อนแล้ว!  หญิงสาวเจ้าหน้าที่รีบห้ามเย่ว์หยาง

 “หา, ฝ่าบาทของเจ้าทรงงานหนักข้าไม่ตื๊อก็ได้  ข้าแค่พาน้องสาวมาทักทาย  ถ้าฝ่าบาทกำลังพักผ่อนอยู่ เราสัญญาว่าจะออกไปจากประตูก็ได้!  ถ้าเย่ว์หยางเรียบร้อย เขาคงไม่ใช่เด็กที่มาจากมิติอื่น

 “เจ้าสุภาพเรียบร้อยในเวลากลางค่ำกลางคืนอย่างนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ เข้ามาก่อกวนในเวลากลางคืนอย่างนี้สมกับเป็นเจ้าแล้ว!  เสียงของจักรพรรดินีราตรีดังมาจากข้างใน  และดูเหมือนนางพยายามจะทำหน้าดุ  พยายามจะไม่ยิ้มแต่ทำไม่สำเร็จ  จักรพรรดินีราตรีไม่รอให้เย่ว์หยางพูด นางหัวเราะเสียงดังไพเราะ  “คุณชายสาม ทำไมเจ้าถึงมาวันนี้เล่า?  ไม่มีทางที่ไม่มีเหตุผลเพียงพอ  ให้ข้าเดาถ้าไม่ใช่เพราะได้สมบัติลับโบราณก็คงเป็นเรื่องบรรลุระดับพลังใหม่  เมื่อเห็นคุณชายสามอารมณ์ดีสดชื่นอย่างนี้แล้ว คาดว่าคงจะเป็นทั้งสองอย่าง  ขอแสดงความยินดีด้วย!

 “......”  เย่ว์หยางคิดทันทีว่า บางครั้งสตรีฉลาดเกินไปย่อมไม่ใช่เรื่องดี

น่าเสียดาย ซูอิงสาวนักร้องผู้ฉลาดเป็นเลิศ แต่กลับกลายเป็นคนโง่ไปได้หลังจากแต่งงานแล้ว?????

 

++++ บางทีผู้แต่งก็ยกอ้างดารา, หรือคนจากในนิยายหรือละครเรื่องอื่นขึ้นมาอ้างอิง บางทีผมไม่ได้ค้นตรงนี้เพิ่ม เพราะฉะนั้นผมไม่หาเพิ่มเติมแล้วนะครับ+++

…………

3 ความคิดเห็น:

krisda กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

l3ell_Zaa กล่าวว่า...

แต้งงครับ

manit กล่าวว่า...

ใจจ้า

แสดงความคิดเห็น