วันอังคารที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 1048 ทุกอย่างมีครั้งแรก....



ตอนที่  1048  ทุกอย่างมีครั้งแรก....

เย่ว์หยางไม่ตอบ


แต่จอมปีศาจไคเทียนเดาคำตอบได้ก่อนหน้านี้ และอารมณ์ของเขายิ่งไม่ดีมากขึ้น

เขามักใช้ทักษะแฝงเร้นมองการณ์ไกลในการคำนวณผู้อื่นเสมอ  เขาเคยปล่อยให้คนอื่นคำนวณตัวของเขาได้อย่างไร? สิ่งที่น่ารันทดที่สุดก็คือเห็นได้ชัดว่าเขาวางแผนให้เจ้าเด็กนี่ช่วยปลดผนึกปล่อยกระบี่วิเศษปีศาจฟ้า ตอนนี้หลังจากได้พบเห็น กลับกลายเป็นว่าเจ้าเด็กนี่ช่วยปลดปล่อยกระบี่วิเศษปีศาจฟ้าโดยไม่คาดคิด  เจ้าเด็กนี่ต้องการทำอะไร  มีการสมรู้ร่วมคิดอื่นแฝงอีกหรือไม่?

อย่างไรก็ตามการปลดผนึกปล่อยกระบี่วิเศษปีศาจฟ้า ไม่ว่าจะมองอย่างไร ก็ไม่ดีต่อตัวเขาเอง  เจ้าเด็กนี่จะประสานงานร่วมมือได้อย่างไร?

ทักษะแฝงเร้นมองการณ์ไกลแทบจะไร้เทียมทาน

สามารถคาดความจริงส่วนใหญ่ในอนาคตได้  แม้ว่าเขาจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้โดยการใช้กำลัง  แต่เขาสามารถลดอันตรายหรือทำให้เกิดประโยชน์สูงสุดหลังจากที่รู้ความจริง  ความสามารถในการมองการณ์ไกล ไม่เคยล้มเหลว ความจริงมันไม่มีผลกับเทพเจ้าเท่านั้น  เป็นไปไม่ได้ที่จะทำนายอนาคตของเจ้าเด็กที่อยู่ต่อหน้าเขา  ในตอนนี้เห็นได้ชัดว่าเจ้าเด็กนี่ไม่ใช่เทพ  สิ่งที่แปลกยิ่งกว่าก็คือทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับเจ้าเด็กนี่ดูสับสนไปหมด

ไอ้ทักษะแฝงเร้นบ้าๆ ของเจ้าเด็กนี่เป็นเงาหรือหมอกหรือเปล่า?

 “ไม่ว่าเจ้าจะทำอย่างไรก็ตาม ผลก็คือเจ้าต้องตายในที่สุด”  จอมปีศาจไคเทียนคิด แต่ปากของเขาบอกโจมตีเย่ว์หยางอย่างเย็นชา

แน่นอน ในแง่ของพลัง เขามีความได้เปรียบอย่างชัดเจน

เย่ว์หยางยังคงไม่ตอบ

เขายกตราผนึกเทพจักรพรรดิอวี้ในมือและปลดปล่อยพลังงาน

ในใจของจอมปีศาจไคเทียนตกตะลึงเล็กน้อย เจ้าเด็กนี่มีตราผนึกระดับเทพ  ไม่ใช่เป็นคนธรรมดาเรียบง่าย   น่าเสียดายที่เขาอายุน้อยเกินไปและขาดความแข็งแกร่ง  ไม่เช่นนั้นเขาจะเป็นศัตรูที่แข็งแกร่งจริงๆ  ในเวลาเดียวกันเขาเองก็ต้องระวังตราผนึกเทพจักรพรรดิอวี้  เพราะพลังและอำนาจผนึกจากของวิเศษนี้ทำให้เขารู้สึกถึงอันตรายอยู่ในใจ

ต่อให้เจ้าเด็กนี่สามารถใช้ประโยชน์จากของวิเศษนี้ได้  อย่างนั้นเป็นไปไม่ได้ที่จะใช้พลังนี้ตรึงมัดเขา

จอมปีศาจไคเทียนมีความคิดอย่างหนึ่งผุดขึ้นในใจ เขายิ้มอย่างหยิ่งยโสและเยือกเย็น  “เจ้าไม่เลว  แต่ยังอายุน้อยเกินไป เด็กหนุ่มอย่างเจ้ากับข้ามีช่องว่างห่างกันมากเกินไป!

เขาควงกระบี่ปีศาจฟ้า

แล้วฟันเบาๆ

ฟ้ากับดินเกิดรอยแยกมิติกว้างสิบเมตรและยาวหนึ่งกิโลเมตร

พลังทำลายล้างครั้งนี้ไวกว่าสายฟ้าและพุ่งตรงไปที่เย่ว์หยางที่หายตัวไปปรากฏห่างออกไปสิบกิโลเมตร  แต่ขณะเดียวกันจอมปีศาจไคเทียนปรากฏตัวที่ด้านหลังของเขา มือซ้ายที่ไม่ได้ถือกระบี่ประทับลงที่หลังของเย่ว์หยางโดยตรง

บึ้ม บึ้ม บึ้ม!

เย่ว์หยางถูกพลังฝ่ามือจอมปีศาจไคเทียนกดใส่ ไม่สามารถใช้ทักษะหลบหลีกได้ ทั้งเย่ว์หยางถูกจับเป้าด้วยปณิธานราชันย์ของอีกฝ่ายปล่อยให้จอมปีศาจไคเทียนกดกระแทกร่างเขาลงกับพื้น  พลังที่น่าสะพรึงกลัวทำลายซากหักพังทั้งหมดบนพื้น  น่ากลัวยิ่งกว่าแผ่นไหวระดับสิบ  ก้อนหินแตกเป็นชิ้นๆ เย่ว์หยางร่วงลงพื้นราวกับลูกธนู  แรงระเบิดนี้ยังไม่ได้หมายความว่าจบแล้ว ตรงกันข้าม นี่เป็นแค่การเริ่มต้นโจมตีของจอมปีศาจไคเทียน พลังปีศาจฟ้า

เย่ว์หยางร่วงตกลงไปในพื้นยุบลึกลงไป ทันใดนั้นเขารู้สึกว่าพื้นมีพลังสะท้อน

จากแรงต้านทานในร่างแต่เดิมยังคงปล่อยให้ฝ่ายตรงข้ามดึงกลับไป

โดยไม่ได้ตั้งใจ

แรงผลัก กลายเป็นแรงดึงกลับ

 “บึ้ม!  ก่อนที่เย่ว์หยางจะมีเวลาตอบสนอง ร่างของเขาก็พุ่งไปที่ซากโดมหักพังของถ้ำที่ว่างเปล่ามืดมิด และพุ่งชนกับผนังหินโดยตรง

เขากระแทกกับพื้นหินข้างล่างอีกครั้ง  จอมปีศาจไคเทียนเก็บกระบี่ไว้ด้านหลังเขา  ใช้มือเดียวบังคับร่างเย่ว์หยางให้กระแทกกับหินและให้ร่วงจากด้านลงพื้นข้างล่าง

 “เห็นหรือยัง นี่คือความห่างชั้นระหว่างเจ้ากับข้า”  จอมปีศาจไคเทียนพูดยโสโดยไม่มองเย่ว์หยางว่าเจ็บปวดหรือเปล่า  “ข้าไม่รู้ว่าทำไมเจ้าถึงทำ  แต่การเปิดผนึกกระบี่ปีศาจฟ้าเป็นการตัดสินใจที่ผิดของเจ้า  เพราะข้าคือผู้ถือครองกระบี่ปีศาจฟ้า ไม่ใช่แค่เจ้าเท่านั้น  ต่อให้เริ่นเทียนเกอ หรือพระยายมซิวอิ่งที่แข็งแกร่งมากกว่าเจ้า ก็ยังหยุดข้าไม่ได้  ถ้าไม่ใช่เพราะสำนึกเทพข้าถูกผนึกไว้ในวิหารปีศาจฟ้า  ข้ายังจะแข็งแกร่งยิ่งกว่าเทพเจ้าที่เจ้าเคยได้ยินมาเสียอีก  ข้าคิดว่าเจ้าเข้าใจชัดแล้ว  มดแมลงอย่างเจ้ายังคิดจะสู้กับข้าอีกหรือเปล่า?”

 “.....”  เย่ว์หยางไม่ตอบ  เขากัดฟันทนเจ็บปวดลุกขึ้นยืน

 “แค่ลูกเล่นที่ใช้ไปกับเจ้า  ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้ามีของวิเศษในตัว เจ้าตายไปแล้ว”  จอมปีศาจไคเทียนมองดูตราผนึกเทพจักรพรรดิอวี้ในมือของเย่ว์หยาง

เย่ว์หยางเดินเข้าหาจอมปีศาจไคเทียนเงียบๆ ดวงตาของเขายังมั่นคง  ถ้าเขาสามารถทำลายปณิธานราชันย์ของจอมปีศาจไคเทียนได้  จอมปีศาจไคเทียนเองยังไม่ยอมเชื่อ  ที่สำคัญนักดาบทุกคนที่มีพลังสุดยอดก็เป็นเช่นนี้

อย่างไรก็ตามเย่ว์หยางก็เหมือนกัน

เห็นได้ชัดว่าเขาไม่สามารถเอาชนะด้วยความกลัวได้  ความกล้าแบบนี้ไม่ใช่ความโง่หรือความรั้น  จอมปีศาจไคเทียนมีสติปัญญาที่หาได้ยาก

จอมปีศาจไคเทียนไม่ได้ใช้กระบี่โจมตีเย่ว์หยาง  แต่ใช้ฟันใส่อากาศว่างเบาๆ และจากนั้นตรงกลางอากาศว่างจะเกิดรอยแตกตามแรงฟันของกระบี่ จากนั้นเมืองร้างใต้ดินถล่มทลายอย่างน่ากลัว

จอมปีศาจไคเทียนยังคงใช้ลูกเล่นเดิม ปรากฏตัวที่ด้านหลังเย่ว์หยางที่เพิ่งหลบเลี่ยงได้

ใช้มือซ้ายกดที่หลังศีรษะเย่ว์หยาง

ในบรรดาท่าปีศาจฟ้าทั้งหก เขาใช้ท่าขับเคลื่อนจันทราอีก  เย่ว์หยางกระแทกฝังลงไปในพื้น  หลังจากจมลึกสุดแล้ว จอมปีศาจไคเทียนก็ยกร่างเขาผลักทะลุโดมไปกระแทกเพดานหิน  รอจนพลังถึงขีดจำกัดแล้ว จอมปีศาจไคเทียนปล่อยมือที่ว่างเปล่า เย่ว์หยางร่วงกระแทกแทบเท้าของเขา เจ็บปวดไปทั้งกาย

 “เจ้ายังไม่เข้าใจอีกหรือ?  พลังของข้าแข็งแกร่งกว่าเทพบางพวกเสียอีก  ถ้าไม่ใช่เพราะสำนึกเทพของข้าถูกผนึกอยู่ที่วิหารปีศาจฟ้า  ข้าสามารถฆ่าเจ้าและเริ่นเทียนเกอได้ในกระบี่เดียว”

 “ฮ่าฮ่าฮ่า  ถ้าข้าอยู่ในพลังระดับสูงสุด ทั่วทั้งหุบเขาปีศาจ ข้าใช้เวลาสามวันก็ทำลายจนปั่นป่วนได้แล้ว”

 “ดิ้นรนไปก็เปล่าประโยชน์  เพราะไม่ว่าเจ้าพยายามหนักแค่ไหน ก็เป็นแค่พาหนะให้ข้า”

 “ร้องเข้าไป เจ้าแมลงน้อย!

จอมปีศาจไคเทียนโจมตีเย่ว์หยางซ้ำๆ ด้วยความหยิ่งภูมิใจ  ถือว่าเป็นการทรมานเพื่อทำลายเจตจำนงฝ่ายตรงข้าม  ท่าขับเคลื่อนจันทราในหกกระบวนท่าปีศาจฟ้าถูกใช้ซ้ำๆ ไม่เร่งร้อนฆ่าเย่ว์หยาง

ครั้งที่สาม..สี่...ห้า...หก...เจ็ด...แปด.... เขาใช้ท่าเดิมซ้ำกัน  เย่ว์หยางไม่รู้จะทำอย่างไร  จอมปีศาจไคเทียนโจมตีเย่ว์หยางด้วยท่าเดิมซ้ำแล้วซ้ำเล่า  ไม่ใช่ว่าไม่มีผลต่อการเคลื่อนไหวโจมตี  ตรงกันข้ามเขากลับใช้ท่าเดิมโจมตีนับครั้งไม่ถ้วน  เขาต้องการใช้วิธีนี้เพื่อบอกเด็กหนุ่มด้วยวิธีต่อสู้นี้  ในการเผชิญหน้ากับคนแข็งแกร่ง  ความพยายามใดๆ ล้วนไร้ผล

เย่ว์หยางสีหน้าไม่เปลี่ยน

หน้าของเขายังคงสงบ ไม่โกรธ ตาของเขาเมื่อเวลาผ่านไปเริ่มใสกระจ่างมากขึ้น

ราวกับว่าคนโดนโจมตีลงไปกองกับพื้นเป็นคนอื่น ไม่ใช่ตัวเขา

จอมปีศาจไคเทียนเกลียดสีหน้าแบบนี้ของเย่ว์หยาง  แม้ว่าเขาจะเป็นโจมตีเล่นงานอยู่ฝ่ายเดียว  แต่เขารู้สึกอึดอัดใจทุกทีที่โจมตีเย่ว์หยางในสภาพที่ทำสีหน้าแบบนั้น  สิ่งที่ทำให้เขาไม่พอใจมากที่สุดก็คือเจตจำนงของเด็กหนุ่มข้างหน้า เขาไม่สามารถจินตนาการได้  ภายใต้การโจมตีหนักอย่างนั้นเขาไม่หวั่นไหวเลยแม้แต่น้อย

หรือว่าร่างเจ้าเด็กนี่ทำด้วยเหล็ก?

ครั้งที่เก้า

จอมปีศาจไคเทียนยังคงใช้ท่าขับเคลื่อนจันทรา

ครั้งนี้เขาใช้แรงมากกว่าเดิมถึงสิบเท่า  แม้จะมีของวิเศษอยู่กับตัว จอมปีศาจไคเทียนคาดว่าฝ่ายตรงข้ามอย่างน้อยก็ต้องขาหัก แขนหักรวมทั้งกระดูกสันหลัง

เป็นไปไม่ได้ที่ของวิเศษนั้นจะใช้ปกป้องไม่ให้ตายได้  และสิ่งนี้ไม่สอดคล้องกับความปรารถนาของจอมปีศาจไคเทียน

เขาต้องการทรมานฝ่ายตรงข้ามให้หนัก ไม่ปล่อยให้ตายง่ายๆ

เกิดรอยกระบี่ในอากาศว่างเปล่า

จอมปีศาจไคเทียนมาอยู่ด้านหลังเย่ว์หยางเหมือนอย่างเคยใช้มือซ้ายกดที่หลังศีรษะของเย่ว์หยาง ไม่ว่าจะเร็วแค่ไหน หรือมีพลังมากแค่ไหนก็ไม่มีทางต้านทานได้  พลังโจมตีอย่างนี้แทบจะใกล้เคียงกับกฎสวรรค์ที่ไม่มีอะไรหยุดได้  แต่แตกต่างจากแปดครั้งก่อนเล็กน้อย  ครั้งที่เก้านี้ ท่าขับเคลื่อนจันทราเพิ่มพลังขึ้นถึงสิบเท่า  แต่เขากลับกดใส่อากาศที่ว่างเปล่า ร่างเย่ว์หยางที่ตกลงพื้นถึงแปดครั้งก่อนนี้กลายเป็นเงาจางหายไป

เขาปรากฏตัวด้านหลังจอมปีศาจไคเทียนและ ผนึกเทพจักรพรรดิอวี้ที่ไม่เคยเปิดใช้งานนอกจากใช้ทุบถั่วเปลือกแข็งให้เย่ว์ซวง ทุบเข้าที่ด้านหลังจอมปีศาจไคเทียน  หน้าของจอมปีศาจไคเทียนเปลี่ยนไปเล็กน้อย ดูเหมือนผิดปกติ  ร่างของเขาอัดกระแทกกับพื้น เกิดรอยร้าวรูปใยแมงมุมบนพื้นแข็ง.... จอมปีศาจไคเทียนไม่ได้จมลงไปในพื้นเหมือนเย่ว์หยาง  แต่ใช้มือข้างหนึ่งค้ำยันไว้  และขณะเดียวกันเขากวาดฟันกระบี่ปีศาจฟ้าใส่ขาของเย่ว์หยาง

เย่ว์หยางโดดหลบสูงขึ้นอีกหนึ่งฟุต

จากนั้นเตะใส่จอมปีศาจไคเทียนปลิวเหมือนกับเตะฟุตบอล

 “บึ้ม!

จอมปีศาจไคเทียนพุ่งชนแท่งหินที่อยู่ห่างออกไปหมื่นเมตรเหมือนกับดาวตกแตกกระจายทันที

อย่างไรก็ตามขณะที่ร่างของเขาพุ่งชนเสาหิน เขาหันกลับพุ่งเข้ามาด้วยความโกรธ เตรียมใช้กระบี่ฟันเย่ว์หยาง

เย่ว์หยางยืนอยู่ใต้ตัวเขาในทันใด พยายามเลียนแบบท่าที่จอมปีศาจไคเทียนเคยทำก่อนนั้น และดึงร่างจอมปีศาจไคเทียนด้วยพลังแยบยล  หน้าของเขาตกใจและร่วงลงไปข้างหน้า

จอมปีศาจไคเทียนกระดอนห่างออกไปร้อยเมตร

ขณะนี้สีหน้าของเขาโกรธจัดถึงขีดสุด  “ขับเคลื่อนจันทรา  เจ้าใช้ท่าขับเคลื่อนจันทราโจมตีข้าได้ยังไง  บังอาจ!

 “ถูกแล้ว ต่อให้ข้าไม่ใช่เซนต์เซย่า  เจ้าเอาแต่ใช้ท่าเดิมๆ โจมตี มันโคตรน่าเบื่อ!  เย่ว์หยางถอนหายใจทันที  “เจ้าไม่มีท่าอะไรใหม่ๆ เลยหรือ?”

 “เจ้า!  จอมปีศาจไคเทียนหน้าบิดเบี้ยว  “เอาอย่างนั้นก็ได้เจ้าเด็กน้อย  อย่างนั้นข้าจะทำตามที่เจ้าต้องการ

พูดยังไม่ทันขาดคำ

เขามาถึงข้างหน้าเย่ว์หยาง

กระบี่วิเศษปีศาจฟ้าแทงออกและเก็บคมไว้ด้านหลัง

เขาตวัดมือฟันขวางใส่คอของเย่ว์หยางเกิดรอยนิ้วห้ารอย และเลือดกระเซ็นออกทันที

 คว้าดวงดาว เป็นหนึ่งในหกท่าปีศาจฟ้า  ถ้าไม่ใช่เพราะเย่ว์หยางมีอาการสนองตอบได้รวดเร็วทันเวลา จอมปีศาจไคเทียนคงไม่เพียงสร้างแผลห้าสาย แต่เป็นกระดูกคอของเย่ว์หยาง  เย่ว์หยางเตรียมสู้ตอบโต้  แต่จอมปีศาจไคเทียนแค่นเสียงและพูด  “ช้าเกินไป”  เขายกมือซ้ายหลังจากใช้ท่าคว้าดาราเคลื่อนคล้อย  จากนั้นเปลี่ยนมาเป็นท่าทลายเรือนจำ

เขายกเท้าสูงและเหยียบเย่ว์หยางไว้

กระบี่เขาไม่ได้ใช้ออกมือข้างหนึ่งอยู่ด้านหลังเขา

เขาชูมือซ้าย

 “แยกสุริยา หนึ่งในหกท่าปีศาจฟ้าเตรียมใช้

จอมปีศาจไคเทียนมองดูเย่ว์หยางที่อยู่ใต้เท้า  “เด็กน้อย, เตรียมสั่งเสียได้เลย”

 “ปัง”

ขณะที่จอมปีศาจไคเทียนเตรียมโจมตีเย่ว์หยางที่อยู่ใต้เท้าของเขา  หลังศีรษะของเขาถูกกระแทกอย่างแรง  เย่ว์หยางอีกร่างหนึ่งปรากฏ และมือขวาของเขายังถือตราผนึกเทพจักรพรรดิอวี้และทุบเข้าที่หลังศีรษะของจอมปีศาจไคเทียน ขณะที่จอมปีศาจไคเทียนเสียหลัก เย่ว์หยางหมุนตัวใช้ท่าคว้าดวงดาวจับศีรษะฝ่ายตรงข้ามด้วยมือซ้ายและฟาดลงกับพื้นอย่างแรง  ครั้งนี้จอมปีศาจไคเทียนต้องใช้แขนข้างหนึ่งค้ำพื้นไว้ไม่สามารถใช้กระบี่ตอบโต้ได้  เย่ว์หยางยกเท้าสูงเลียนแบบท่าของจอมปีศาจไคเทียน ท่าทลายเรือนจำ  ฟาดเท้าลงบนหลังของจอมปีศาจไคเทียน

เพราะใช้พลังรุนแรงเกินไป รองเท้าบูทแพลตตินัมของเย่ว์หยางถูกย่ำกระแทกขาดเป็นชิ้น

แขนของจอมปีศาจไคเทียนจมลึกลงไปในพื้น

อย่างไรก็ตาม เขาไม่รอให้เย่ว์หยางเลียนแบบท่าผ่าสุริยา เขาตวาดลั่นเสียงดังกว่าทหารม้านับหมื่น ดังกว่าสายฟ้าฟาด  และพลังงานราวกับภูเขาไฟปะทุ และยันเย่ว์หยางกระเด็นไปหนึ่งกิโลเมตร

 “บังอาจมาก  ไม่มีใครกล้าเหยียบหลังข้ามาก่อน!  จอมปีศาจไคเทียนโกรธที่สุดในชีวิตของเขา

 “ทุกอย่างมีครั้งแรก....”  เย่ว์หยางพูดเหมือนกับว่าคุ้นเคยกัน

4 ความคิดเห็น:

ulomzx กล่าวว่า...

สินสงครามครั้งนี้เป็นกระบี่วิเศษปีศาจฟ้าเชียวนะ..เย่าว์หยางพยายามหน่อย

zen zen กล่าวว่า...

รองเท้าไอ่หยางแตก555

nutzido กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

manit กล่าวว่า...

ใจจ้า

แสดงความคิดเห็น