วันพุธที่ 20 พฤษภาคม พ.ศ. 2563

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 1049 ข้าต้องฆ่าเจ้าให้ได้!



ตอนที่  1049  ข้าต้องฆ่าเจ้าให้ได้!

 “ข้าต้องฆ่าเจ้าให้ได้!” นี่คือคำสบถในนาทีแรกที่จอมปีศาจไคเทียนพูดหลังจากโกรธที่เย่ว์หยางเหยียบหลังของเขา”


 “ข้าต้องฆ่าเจ้าให้ได้!  นี่คือคำพูดที่จอมปีศาจไคเทียนพูดหลังจากโจมตีต่อเนื่องผ่านไปหนึ่งชั่วโมง  แต่เย่ว์หยางยังคงยืนหยัดอยู่ได้

 “ข้าต้องฆ่าเจ้าให้ได้!  นี่คือคำพูดของจอมปีศาจไคเทียนหลังจากเวลาผ่านไปหนึ่งวันเต็ม

จอมปีศาจไคเทียนไม่เคยคิดมาก่อน

การต่อสู้กับเย่ว์หยางไม่ใช่การต่อสู้แบบครั้งเดียวก็ฆ่าได้เหมือนที่เขาทำได้ก่อนนั้น หรือเป็นการหยอกศัตรูแบบแมวหยอกหนู  เพื่อล้างอายระบายความโกรธ เขาต้องการทำลายฝ่ายตรงข้าม  แม้ว่าจะไม่ระดมโจมตีฝ่ายตรงข้ามอย่างต่อเนื่องเพื่อให้อีกฝ่ายหมดแรง  แต่อีกฝ่ายก็ยังยืนหยัดสู้อยู่ได้แม้ปะทะฝีมือผ่านไปเป็นพันกระบวนท่า

นี่คือการต่อสู้ที่ยืดเยื้อซึ่งเขาไม่สามารถคาดการณ์ได้ แม้ว่าเขาจะมีทักษะแฝงเร้นมองการณ์ไกล

ปัจจุบันนี้เขามองการณ์ไกลได้เต็มที่คือหนึ่งวันเต็ม

แต่ฝ่ายตรงข้ามยังคงยืนนิ่งได้ ไม่รู้ว่าจะยืนหยัดได้อีกนานถึงเท่าใด

ในใจของจอมปีศาจไคเทียนไม่มีความคิดอย่างอื่น  มีอยู่เพียงความคิดเดียวนั่นคือฆ่าเจ้าเด็กผู้โค่นล้มขีดจำกัดการประเมินซ้ำแล้วซ้ำเล่า  น่าเสียดายความแข็งแกร่งของเขาสามารถเอาชนะฝ่ายตรงข้ามได้  แต่ผ่านไปหนึ่งวันเขาก็ยังล้มเหลวไม่ประสบความสำเร็จ

มีอยู่หลายครั้งที่จอมปีศาจไคเทียนคิดว่าเจ้าเด็กนี่จะล้มลงและไม่ลุกขึ้นมาอีกเลย

ใจของเขามีความหวังมากเช่นนั้น

อย่างไรก็ตามเจ้าเด็กนี่แม้จะถูกความตายคุกคาม แต่สีหน้าไม่เปลี่ยน สร้างความผิดหวังให้กับเขา

เจ้าเด็กนี่ลุกขึ้นยืนหยัดครั้งแล้วครั้งเล่า และเริ่มร่วงลงกับพื้นบ้าง  จอมปีศาจไคเทียนพอเริ่มจะมีเวลาเยาะเย้ยเขา  แต่เขากลับลุกขึ้นยืนทันที

จอมปีศาจไคเทียนบางครั้งก็รู้สึกจนปัญญา  ทำไมถึงเป็นอย่างนี้?

เขาไม่ต้องการเข้าใจ

เจ้าเด็กนี่เขาไม่สามารถฆ่าให้ตายได้  เจ้านี่เป็นสิ่งมีชีวิตแบบไหนกัน  ทำไมถึงฆ่าไม่ตายสักที และทำไมถึงต้านรับพลังโจมตีของเขาได้

ทุกอย่างเป็นความลับ  สิ่งเดียวที่สามารถยืนยันได้แน่นอนก็คือหลังจากเจ้าเด็กนั่นร่วงลงกับพื้น ดวงตาของเขายังกระจ่างเยือกเย็น  จ้องมองไม่หยุดทั้งที่เลือดไหลผ่านระหว่างคิ้วของเขา  เขายังคงจ้องมองเขม็งเหมือนกับดวงดาวที่ไม่เคยตกจากฟากฟ้า เหมือนกับจะสะท้อนชีวิตนิรันดรของอีกฝ่าย

การโจมตีต่อเนื่องผ่านไปอีกหนึ่งวัน  เขาโจมตีทุกวิธี พลังโจมตีหนักหน่วงเริ่มหมื่นครั้ง

ต่อให้เป็นเทพเจ้า เชื่อได้ว่าคงตายไปแล้ว

อย่างไรก็ตาม

ฝ่ายตรงข้ามยังคงยืนอยู่ได้เสมอ

เขาจะฆ่าเจ้าเด็กนี่ได้อย่างไร?  บางครั้งจอมปีศาจไคเทียนสงสัยว่า เจ้าเด็กนี้เป็นเทพเจ้าโบราณสร้างขึ้นมาหรือไม่  และร่างของเขาเป็นร่างอมตะที่ไม่มีวันตาย มิฉะนั้นจะทนรับพลังโจมตีของเขาได้เป็นล้านครั้งได้อย่างไร? สิ่งที่จอมปีศาจไคเทียนกลัวที่สุดก็คือวิธีที่เขาใช้โจมตี  เจ้าเด็กนี่ไม่ได้เรียกอสูรศึก ไม่ได้ใช้คัมภีร์อัญเชิญ  ไม่ได้ใช้วิทยายุทธ์อย่างอื่น... สิ่งเดียวที่เขาใช้ก็คือวิชาต่อสู้ต่างๆ ที่เขาได้เรียนรู้ชั่วคราว

ในการต่อสู้  เด็กหนุ่มผู้นี้ได้ซึมซับกลยุทธ์วิธีการต่างๆ ในการต่อสู้เหมือนฟองน้ำที่ซับน้ำ

ทุกครั้งที่ถูกซัดลงไปกับพื้น เขาจะเรียนรู้ได้เพิ่มอีกเล็กน้อย

ถ้าเขาไม่ฆ่าเจ้าเด็กนี่ปล่อยให้หนีไปได้อย่างลอยนวลและรับประโยชน์จากการต่อสู้ทั้งหมด  จอมปีศาจไคเทียนนึกไม่ออกเลยว่าเจ้าเด็กนี่จะเติบโตได้มากขนาดไหนในอนาคต...

ซ้อมมือ!

บางครั้งจอมปีศาจไคเทียนก็รู้สึกเหมือนเป็นการซ้อมมือและทุกอย่างที่เขาทำก็คือมอบประสบการณ์ให้เจ้าเด็กนี่ได้เติบโตขึ้น

ครืน.. ครืน... ครืน...ทันใดนั้นโดมหลังคาทรุดตัวลงมาอีกครั้ง  ท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาวปรากฏให้เห็นทันที ซากปรักหักพังของถ้ำใต้ดินอันมืดมิดที่ซ่อนลึกลงไปในพื้นเป็นระยะทางเกือบร้อยกิโลเมตร  โดมและผนังหินพังทะลุจนถึงท้องฟ้า  เมื่อจอมปีศาจไคเทียนมองเห็นท้องฟ้า  เขาแค่นเสียงสูดหายใจลึกข่มความโกรธและอารมณ์ด้านลบในใจของเขา

เขาตัดสินใจไม่โกรธ

เพราะโกรธไปก็ไร้ประโยชน์  เป็นไปไม่ได้ที่จะใช้ความโกรธของเขาฆ่าเจ้าเด็กข้างหน้า

คิดจะฆ่าฝ่ายตรงข้าม มิอาจใช้อารมณ์ด้านลบได้ มีทางเดียวเท่านั้นคือสู้เพื่อกิน

เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอนที่จะฆ่าเจ้าเด็กนี่ในทันที  แม้ว่าเขาจะใช้พลังที่แข็งแกร่งที่สุดเพียงปราณราชันย์ระดับห้า แต่พื้นฐานของฝ่ายตรงข้ามแข็งแกร่งเหมือนกำแพงเมือง การข่มปราบด้วยพลังปณิธานหรือขอบเขตพลังใดๆ ล้วนไร้ผล  หากจะเปรียบเทียบ จอมปีศาจไคเทียนคิดว่าเขาเหมือนกับกองทัพอัศวินเกราะเหล็กขี่ม้านับแสนตัว  ทุกที่ๆ ผ่านไปจะถูกทำลายหมด  มีแต่เจ้าเด็กนี่ที่เหมือนปราสาทมั่นคงที่มีทหารมือดีคอยปกป้อง แต่ยากจะจินตนาการว่าจะเข้าตีได้อย่างไร

หากต้องการเอาชนะกัน จะต้องทำลายกันไปข้างหนึ่ง

เป็นไปไม่ได้เลยที่จะโจมตีบดขยี้อย่างรุนแรงได้สำเร็จ

ขอเพียงตัดกำลังไปเรื่อยๆ  ด้วยพลังแข็งแกร่งที่สุด และหลังจากพลังชีวิตเหลือเพียงเล็กน้อยหรือแทบหมดไป อีกฝ่ายจะทรุดลงแทบเท้าเขาเอง

 “เจ้าคือคู่ต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของข้า”  จอมปีศาจไคเทียนไม่ต้องการยอมรับ  แต่นั่นเป็นเรื่องจริง ไม่จำเป็นต้องพูดถึงคนที่ผนึกเขา นั่นเป็นคนที่ไม่อาจจินตนาการได้ถึง และจอมปีศาจไคเทียนมิอาจท้าทาย  คนที่สามารถเป็นคู่ต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ไม่ใช่อดีตคู่ต่อสู้เมื่อก่อนนี้  แต่เป็นผู้เยาว์ที่ไม่รู้จักตายข้างหน้านี้ 

 “เจ้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตข้า....”  เย่ว์หยางไม่คิดเช่นนั้น  จอมปีศาจไคเทียนมีพลังมากพอแน่  แต่เย่ว์หยางคิดว่าเบื้องหลังจอมปีศาจไคเทียนยังมีผู้มีพลังน่ากลัวมากกว่านี้  อย่างเช่นผู้ทรงพลังที่สุดของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์  คนผู้นั้นน่ากลัวที่สุด  เมื่อเทียบเจ้าตำหนักสูงสุด จอมปีศาจไคเทียนและจีอู๋ลี่ อย่างมากที่สุดก็เป็นหัวหน้าระดับรอง  ไม่ใช่หัวหน้าสูงสุด   เย่ว์หยางกล่าวเช่นนั้นไม่ได้หมายความว่าลดระดับตนเอง  เขาหยุดมือและพยักหน้าจริงจัง  “ถ้าสำนึกเทพของเจ้าไม่ถูกผนึกไว้ที่วิหารปีศาจฟ้า และอยู่ในสภาพมีพลังสูงสุดเหมือนหมื่นปีก่อน  เจ้าอาจเป็นคู่ต่อสู้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของข้า  น่าเสียดายที่เจ้าได้รับความเสียหายจากการถูกผนึก  และเจ้าก็ยังไม่รู้ตัว”

 “แม้ว่าข้าไม่ได้อยู่ในสภาพพลังสูงสุด  แต่ข้าจะโค่นเจ้าให้ได้”  จอมปีศาจไคเทียนสาบานว่าไม่ว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหนเขาต้องฆ่าเด็กหนุ่มนี่ให้ได้

จะปล่อยให้เจ้าเด็กนี่เติบโตขึ้นไม่ได้เด็ดขาด

เมื่อเจ้าเด็กนี่เติบโตขึ้น  เขาเกรงว่า เขาจะเหนือกว่าคนรุ่นก่อนทั้งหมดและกลายเป็นคนที่ไม่มีใครไล่ตามได้ทัน

ไม่ต้องพูดถึงเรื่องอื่น  เอาแค่ในสนามรบนี้   เพียงแค่การเรียนรู้และพัฒนาอย่างไม่รู้จบก็น่ากลัวพอแล้ว  จอมปีศาจไคเทียนไม่เคยเห็นคนที่เรียนรู้และก้าวหน้าในขณะนั้นเลย

 “เจ้าไล่ตีข้ามาทั้งวันแล้ว  คราวนี้ถึงคราวข้าเอาคืนบ้าง!  เย่ว์หยางปล่อยให้อีกฝ่ายโจมตีเป็นบ้าเป็นหลังมาทั้งวัน แทบไม่มีความสามารถตอบโต้คืน  นั่นไม่ใช่ว่าเขาไม่ต้องการตอบโต้คืน  เพียงแต่เขาทำไม่ได้  พลังของจอมปีศาจไคเทียนสามารถบดขยี้โค่นนักสู้ที่มีระดับต่ำกว่าปราณชันย์ระดับเก้าได้ทั้งหมด  และเพื่อตอบโต้กับศัตรูดังกล่าว เย่ว์หยางรู้สึกว่ายากยิ่งกว่าการกินเต้าหู้

แม้แต่จ้าวสุริยา เขาก็สู้อาบเลือดมาแล้ว เฉียดตายก็หลายครั้ง

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้สู้กับจอมปีศาจไคเทียน ก็มีอันตรายถึงตายได้ทุกเมื่อทุกที่  พลังโจมตีทุกอย่างรุนแรง  โดยเฉพาะอย่างยิ่งพลังระเบิดของจอมปีศาจไคเทียน มีทักษะการฆ่าโบราณแตกต่างกันเป็นพันๆ กลยุทธ์ที่เขาแสดงออกมา  มีความเชี่ยวชาญในการฆ่าทุกอย่างที่ทำให้เย่ว์หยางไม่สามารถป้องกันตัวได้

เปลี่ยนเป็นคนอื่นคงตายไปนานแล้ว

เย่ว์หยางกัดฟันยืนขึ้น

จนกระทั่งวันต่อมา

จอมปีศาจไคเทียนหยุดโจมตี เย่ว์หยางรอเวลาตอบโต้

 “เจ้ายังต้องการตอบโต้กลับอีกหรือ?”  จอมปีศาจไคเทียนได้ยินแล้ว รู้สึกเหลือเชื่ออยู่ในใจ  เขาต้องการเยาะเย้ยอีกฝ่าย  แต่ตอนนี้ทำไม่ได้  เขาคิดว่าฝ่ายตรงข้ามอาจมีพลังตอบโต้ได้จริงๆ และไม่ใช่พลังที่เล็กน้อย

 “แน่นอน ข้าจะต้องซัดเจ้าจนแม่เจ้าจำหน้าเจ้าไม่ได้!  เย่ว์หยางไม่ใช่เป็นคนช่างเจรจา เขาจะไม่ปล่อยโอกาสให้ไคเทียนลงมือ  แม้ว่าเขาโชคดียั่วโมโหไคเทียนได้  แต่เขาไม่ได้ดีใจแม้แต่น้อย  ถ้าโจมตีคืนไม่ได้ถึงสิบครั้ง นั่นยังจะเป็นเขาได้หรือ?  เย่ว์หยางถอดเกราะที่แตกหักทุกชิ้นออกจากร่างและเปลือยกาย เขาใช้เพลิงอมฤตควบแน่นสร้างเป็นเกราะอมฤต มือซ้ายถือตราผนึกเทพจักรพรรดิอวี้ มือขวาถือคทาเทพจักรพรรดิอวี้ที่ยังไม่ได้ใส่หัวมังกร 

คัมภีร์อัญเชิญชั้นศักดิ์สิทธิ์ปรากฏออกมาครั้งแรกในการต่อสู้ครั้งนี้

สว่างเจิดจ้า

ลำแสงรัศมีฉายขึ้นไปบนสวรรค์เก้าชั้นฟ้า

ภายในร้อยเมตรของโลกที่แตกสลายเกิดดวงดาวนับไม่ถ้วนภายในสนามพลังสร้างโลกของเย่ว์หยางเลียนแบบสนามพลังดารารายของจักรพรรดินีราตรี มีดวงดาวนับไม่ถ้วนรวมตัวกันเป็นกลุ่มดาวซึ่งมีพลังไม่สิ้นสุด

ปรากฏร่างยักษ์ทองยืนขึ้น แต่ไม่ใช่ยักษ์เทพชะตาที่ปรากฏตอนที่เย่ว์หยางหมดสติหรือที่ปรากฏตอนที่เย่ว์หยางใช้พลังเกินขีดกำหนด แต่เป็นยักษ์ทำลายล้างที่เย่ว์หยางสร้างขึ้นผ่านสนามพลังสร้างโลกและพลังดวงดาวที่ไม่มีสิ้นสุด รวมทั้งพลังเทพวิบัติและพลังศักดิ์สิทธิ์  แน่นอนว่าพลังของยักษ์ทำลายล้างไม่อาจเทียบได้กับพลังของยักษ์เทพชะตาที่ควบคุมพลังแห่งโชคชะตา  ต้องทราบกันว่าพลังยักษ์เทพชะตาไม่ใช่พลังที่ดีที่สุดของเขา  แต่ช่วยให้ได้เปรียบจ้าวสุริยาในการสู้รบอาบเลือดกับเย่ว์หยางอยู่หลายชั่วโมง  ก่อนที่เขาจะบาดเจ็บสาหัสและตายไป  อย่างไรก็ตามยักษ์ทำลายล้างที่เย่ว์หยางใช้ความสามารถของตนเองสร้างขึ้น ไม่ใช่พลังระดับเดียวกัน  แต่ศัตรูใดประมาท อาจต้องตายภายใต้พลังหมัดของมัน

จอมปีศาจไคเทียนผู้หยิ่งยโสเมื่อเห็นยักษ์ทำลายล้างปรากฏตัว หน้าของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย

พลังกฎสวรรค์  เขารู้สึกได้ว่าฝ่ายตรงข้ามใช้พลังกฎสวรรค์

ใช้พลังวิญญาณสร้างร่างมนุษย์ยักษ์ได้โดยตรง!

แม้ว่าพลังกฎสวรรค์นี้ยังถือว่าน้อยมากอยู่  ไม่ถึงกับเรียกว่าพลังกฎสวรรค์ได้  แต่ก็เพียงพอต่อการทำเช่นนี้ได้  อย่างน้อยเริ่นเทียนเกอ และพระยายมซิวอิ่งยอดนักสู้ปราณราชันย์ระดับแปด และคนอื่นๆ ก็ยังใช้พลังกฎสวรรค์น้อยไม่ได้ อย่าว่าแต่ถึงขั้นเชี่ยวชาญเลย

 “เสริมพลัง!

เย่ว์หยางตวาดลั่นประหนึ่งทหารนับล้านโห่ร้องคำราม เหมือนสายฟ้าฟาดอัสบาตทั่วทั้งโลกสั่นสะเทือน

เขาโบกคทาเทพจักรพรรดิอวี้เบาๆ ภายใต้การสั่งการของเขา คัมภีร์อัญเชิญของเขาพลิกเปิดไปทีละหน้าไปที่หน้าเงายักษ์พิเศษ มันออกมาจากคัมภีร์อย่างรวดเร็ว กระโดดไปรวมกับร่างยักษ์ล้างโลกทันที  ยักษ์ล้างโลกมีพลังเพิ่มขึ้นถึงสิบเท่า จนเกือบจะร้อยเท่า....

จอมปีศาจไคเทียนไม่เคยคาดคิดเลยว่าอสูรพิทักษ์ของเจ้าเด็กนี่จะมีพลังวิเศษมากมายถึงเพียงนั้น ทำให้เขาสีหน้าเปลี่ยนทันที

เสริมพลังขึ้นร้อยเท่าเชียวหรือ?

นี่มากเกินไปหรือเปล่า?

โดยเฉพาะอย่างยิ่งพลังของยักษ์ล้างโลกขยายมากขึ้น และสามารถเพิ่มขึ้นเป็นร้อยเท่า ทักษะแบบนี้ขี้โกงชัดๆ!

 “ผ่าภูผามหานที!” เย่ว์หยางชูตราผนึกเทพจักรพรรดิอวี้และยักษ์ล้างโลกก็ทำอย่างเดียวกัน แต่มันไม่ได้ใช้ตราผนึกเทพจักรพรรดิอวี้ แต่ใช้พลังเทพวิบัติสร้างเป็นดาบ  ดาบโค้งพลังเทพวิบัติ!

 “ฮึ่ม!  จอมปีศาจไคเทียนต้องการจะรับพลังดาบนั้น  แต่เมื่อเขาเห็นพลังทำลายล้าง เขากลับเลือกตั้งสติและฉากหลบ

ยากจะรับพลังโจมตีนี้หรือ?

นั่นมันโง่เกินไป  ข้าไม่อาจจะทำแบบนั้นได้

จอมปีศาจไคเทียนหลบพลังฟันที่น่ากลัว  ทันใดนั้น เขารู้สึกว่าเขาถูกตรึงโดยสำนึกเทพของฝ่ายตรงข้า  เขารู้สึกถึงแรงฟันที่เท้า ไม่รู้ว่ากระบี่เทพสีดำฟันใส่ขาเขาตั้งแต่เมื่อใด  เขาไม่รู้ว่านี่คือกระบี่ดำกุยจ้างของเย่ว์หยาง  แต่เขารู้ว่ามันร้ายกาจรุนแรงสะท้านหัวใจเขาจนต้องรีบหายตัวไปในอากาศทันที

 “ฉัวะ!

เย่ว์หยางใช้กระบี่ดำกุยจ้าง เป็นไปไม่ได้ที่จะหลบหนีพ้น อย่าว่าแต่จอมปีศาจไคเทียนลังเลที่จะหลบท่าดาบของยักษ์ล้างโลก ดาบผ่าปฐพี จึงพลาดโอกาสสนองตอบที่ดีที่สุดไป

กระบวนท่าแรกสำเร็จ

เย่ว์หยางไม่ผ่อนคลาย ใช้กระบี่ขาวซวงหัว กระบี่แดงชี่เสี่ยวเหลียนตามติดต่อเนื่อง

จอมปีศาจไคเทียนทั้งตกใจทั้งโกรธ  ถ้าไม่ใช่เพราะเขามีพลังแข็งแกร่งมากมาย บางทีเขาอาจถูกเจ้าเด็กนี่ฆ่าตายไปแล้ว ...  เขาเช็ดเลือดที่มุมปากและสูดหายใจลึกและข่มความโกรธจนจิตใจเขาสงบลง   “หนุ่มน้อย, เจ้าทำได้ดีกว่าที่ข้าคาดเอาไว้มาก  หากสามารถฆ่าเด็กหนุ่มอย่างเจ้าได้  นี่คงเป็นความทรงจำที่ไม่รู้จบของข้า  หรือจะบอกว่าการได้ทำลายเด็กรุ่นใหม่เช่นเจ้าก็เท่ากับพิชิตโลกได้ทั้งโลก  ข้าขอสาบาน ไม่ว่าต้องใช้เวลาหนึ่งวัน สองวัน สิบวัน ยี่สิบวัน หนึ่งเดือน หรือหนึ่งปี ข้าไม่สนใจทั้งนั้น  ตราบเท่าที่ข้าสามารถฆ่าเจ้าได้ ต่อให้ใช้เวลาร้อยปี พันปีก็ช่าง! 

 “ข้าต้องฆ่าเจ้า!  นี่คือคำสาบานของจอมปีศาจไคเทียน เป็นการตัดสินใจอย่างเด็ดขาดนับแต่ถูกเย่ว์หยางตอบโต้

 “ฝันไปเถอะ!  นี่คือคำตอบของเย่ว์หยาง

8 ความคิดเห็น:

dvdkeeper กล่าวว่า...
ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
dvdkeeper กล่าวว่า...

level พุ่งเลยสินะหลังจบเนี่ย ของเก่าเขียนผิด

ulomzx กล่าวว่า...

เดี๋ยวเจอของแข็งของเย่าว์หยางแล้วจะร้องไม่ออก

zen zen กล่าวว่า...

ถ้าเจอวงจักรล้างโลกของไอ่หยางจอมปีศาจไคเทียนมันจะร้องยังไงนะ

zen zen กล่าวว่า...

ผมว่าคงไม่พุ่งหรอกการต่อสู้มันไม่ได้ดุเดือดขนาดนั้นแต่ถ้าสู้กันเป็นเดือนๆนี่ก็ว่าไปอย่างนะเหมือนตอนเจ้าสุริยาไงถ้าแบบว่าสู้กันจนโลกสั่นไรเงี้ย

โอ้ววววร่าโอ้ววววร่าโอ้ววววร่าโอ้ววววร่าโอ้ววววร่าโอ้ววววร่า กล่าวว่า...

อึดทนนานยิ่งกว่าโด็ปม้ากระทืบโลงก็พี่เย่นี่แหละไม่เชื่อถามเอฟสาวน้อยได้เลย

เดือนดับ กล่าวว่า...

ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

manit กล่าวว่า...

ใจจ้า

แสดงความคิดเห็น