วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 1359 ผสานร่างเทพและมนุษย์?

 

ตอนที่  1359  ผสานร่างเทพและมนุษย์?

“กลับไปเรียนรู้ให้ดี” จื้อจุนหายตัวมาอยู่ด้านหลังเย่ว์หยาง เมื่อเขาหันกลับมาด้วยความประหลาดใจปลายนิ้วของนางก็แตะที่ระหว่างคิ้วเบาๆทันที

 

นั่นคือกลุ่มรัศมีลึกลับไม่มีที่สิ้นสุด

เหมือนดาวตกทะลุลงมาจากท้องฟ้า

มีแสงสว่างวาบขึ้นในใจของเย่ว์หยาง

ภายในนั้นมีภูมิปัญญาการรู้แจ้งของจื้อจุนที่ไม่เหมือนใคร ได้ถูกส่งผ่านมาถึงเขาอย่างลึกลับ เหมือนกับดอกไม้ไฟที่เบ่งบานสะพรั่งไปทั่วทะเลใจของเย่ว์หยางในทันที  ความไม่เข้าใจก่อนหน้านี้ของเย่ว์หยางและการคาดเดาเกี่ยวกับบัลลังก์เทพ ในขณะนั้นเองเขาถึงได้ตระหนักรู้อย่างเต็มที่  อย่างไรก็ตาม จื้อจุนไม่ได้จำกัดความเข้าใจของเย่ว์หยางให้อยู่ในขอบเขตของนาง  ในทางตรงกันข้ามด้วยสติปัญญาของนางเอง นางแนะนำให้เย่ว์หยางก้าวไปสู่ระดับที่สูงขึ้นๆ ต่อไป...  เย่ว์หยางตื่นเต้นมากจนเขาแทบอยากจะกอดนางไว้ในอ้อมแขนทันที  แต่ก่อนที่เขาจะได้ขยับมือ นางตระหนักรู้ได้ทันที นางหยุดชะงักและถอยออกมาหนึ่งก้าว

“การต่อสู้ครั้งนี้จะต้องใช้เวลาหลายวันหลายคืนกว่าจะปรากฏผลแพ้ชนะ  เจ้าอยู่ที่นี่ในขณะนี้มีแต่จะเพิ่มความโกลาหลวุ่นวาย  กลับไปพยายามอย่างหนักในสิ่งที่เจ้าต้องทำ แล้วค่อยออกมาก่อนที่ศัตรูจะได้ชัยชนะในการต่อสู้”  จื้อจุนหวังว่าเย่ว์หยางจะกลับไปยังโลกคัมภีร์ และใช้โอกาสทำความเข้าใจบัลลังก์เทพและระดับพลังใหม่

“ข้าควรจะทำอย่างไร?”  เย่ว์หยางไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรจึงจะยกระดับได้ดีที่สุด

“เพ่งดูที่ใจของเจ้า ละทิ้งความคิดที่ฟุ้งซ่าน บางทีเจ้าจะได้รับคำตอบ” จื้อจุนไม่เคยคิดว่าการรับรู้ของเจ้าเด็กนี่อาจเป็นปัญหาได้

แท้จริงแล้วมีข้อบกพร่องหลายประการในร่างของเด็กหนุ่มข้ามโลก

แต่ความโง่ไม่ใช่หนึ่งในเรื่องนั้นแน่นอน

ตราบใดที่เจ้าเด็กนี่จริงจัง ไม่ว่าเขาจะทำอะไรยากแค่ไหน หรือท้าทายเพียงใด ก็จะทำได้ราวกับไม่มีอะไร!  สิ่งเดียวที่จำกัดความก้าวหน้าของเจ้าเด็กนี่ก็คืออารมณ์ที่เบื่อหน่ายและความเกียจคร้านของเขาก่อนที่จะถึงช่วงเวลาที่วิกฤตที่สุด คิดจะทำให้เจ้าเด็กนี่มุ่งมั่นนั่นเป็นเรื่องยาก  แน่นอนว่าเรื่องนี้ขึ้นอยู่กับคนด้วยเช่นกัน จื้อจุนในตอนนี้เป็นดาวข่มของตัวเขา เขาจะเชื่อฟังและว่าง่ายทันทีที่นางพูด

เย่ว์หยางกลับไปยังโลกคัมภีร์  ยังคงพบสาวใช้ลูกครึ่งเอลฟ์ที่ไม่มีส่วนร่วมในการต่อสู้ข้างนอก นางทำตาโต

กลับมาได้อย่างไร?

และสีหน้าที่เศร้าแบบนี้คืออะไร

เมื่อนางถาม เย่ว์หยางเล่าถึงเรื่องความลำบากราวกับน้ำไหล  ในที่สุดแพนดอราที่อยู่ร่วมร่างกับสาวใช้น้อยคือความหวังที่จะให้ความเห็นเขา  “เมื่อก่อนเจ้าก็เป็นเทพระดับบนๆ ไม่ใช่หรือ?  เจ้าน่าจะมีบัลลังก์เทพด้วย บอกข้าที ต้องทำอย่างไรจึงจะได้บัลลังก์ที่ดีที่สุด!  ไม่ละ ข้าไม่ต้องการอะไรมากมายในตอนนี้ แค่ขอให้มีบัลลังก์เทพได้ก็พอ”

เย่ว์หยางยังคงต้องการรับมือกับจื้อจุนเพื่อบัลลังก์เทพ  แต่นี่ไม่ใช่อะไรอื่น แม้ว่าเขาต้องการจะสร้าง แต่ก็ไม่สามารถสร้างได้

สาวใช้ลูกครึ่งเอลฟ์ไม่มีความรู้เรื่องบัลลังก์เทพ และแพนดอร่าก็ยังเอ๋ออยู่ “บัลลังก์เทพคืออะไร?  อร่อยไหม?”

คำตอบนี้ทำให้เย่ว์หยางทรุดกับพื้นทันที

เฮ้อ ถามผิดคนเสียแล้ว!

แทนที่จะถามแพนดอร่าซึ่งสับสนลืมเลือนเรื่องเก่าๆ ในอดีต เขาหาทางเองดีกว่า... เมื่อเห็นท่าทางผิดหวังของเย่ว์หยาง แพนดอราเอามือปิดปาก นางชอบเห็นเย่ว์หยางผิดหวังและทำเขิน คิดจะแกล้งหัวเราะ แต่สาวใช้ลูกครึ่งเอลฟ์ผู้ใจและใจอ่อน หวังว่าแพนดอร่าจะช่วยเจ้านายได้

ภายใต้การร้องขอของสาวใช้ลูกครึ่งเอลฟ์ แพนดอร่าตัดสินใจลองดู เผื่อจะนึกอะไรออก

ในที่สุดก็ได้ผลอย่างเห็นได้ชัด

หลังจากเย่ว์หยางกินอาหารอร่อยๆ เสร็จ เขาพบว่าแพนดอร่าใช้ร่างสาวใช้ลูกครึ่งเอลฟ์ที่หลับไปแล้ว และท่าหลับของนางดึงดูดใจมาก

การพากเพียรอย่างหนักเป็นเรื่องที่ยาก แต่งานบ้านหนักของเขาถูกละเลยมันคุ้มกันหรือไม่?  เด็กหนุ่มข้ามโลกเหมือนกับมนุษย์หมาป่าเห็นพระจันทร์เต็มกลายร่างเป็นหมาป่า คุณชายสามเริ่มทำหน้าที่หัวหน้าครอบครัวอย่างเคร่งครัด  แต่เทพธิดาในร่างสาวเอลฟ์ดูเหมือนจะยั่วยวนใจทำให้หัวหน้าครอบครัวยั้งใจไม่ได้

หลังจากโรมรันพันตูกันอย่างดุเดือด เด็กหนุ่มข้ามโลกพบว่าเทพธิดาไม่เพียงแต่มีบัลลังก์เทพเท่านั้น แต่ยังมีระดับสูงส่งน่าตกใจ

อย่างน้อยสูงกว่าความรู้ที่เขาเข้าใจในตอนนี้เสียอีก

แต่บัลลังก์เทพวิบัตินี้ถูกผนึกไว้ลึกล้ำ  แม้แต่จิตสำนึกของแพนดอร่าก็เหมือนกับลืมโดยเจตนา ไม่มีพลังสะท้อนที่สอดคล้องกันเลย ถ้าไม่ใช่เพราะความคิดของเย่ว์หยางสอดคล้องทั้งกายและใจ ผนึกของนางมีความผันผวนเล็กน้อย อย่างนั้นเย่ว์หยางคงไม่สามารถตรวจพบเจอความคงอยู่ได้อีกเลย

“ข้ามีบัลลังก์เทพด้วยหรือ?  บัลลังก์เทพของข้าอยู่ที่ไหน? ข้าสามารถนั่งบนบัลลังก์ได้ไหม?”  คำพูดของแพนดอร่าทำให้เย่ว์หยางอ่อนใจทำอะไรไม่ถูก  ดูเหมือนจะหมดหวังที่จะทำให้แม่สาวคนนี้สร้างบัลลังก์เทพให้เขา  ปรากฏว่าเขาเองคงต้องใช้ความพยายามต่อไป  ช่วยปลดผนึกบัลลังก์เทพให้นางเป็นไปไม่ได้จริงๆ  นอกจากนี้บัลลังก์เทพวิบัตินี้ไม่ใช่คนอื่นที่ผนึกเอาไว้ แต่เป็นแพนดอร่าผนึกไว้เอง นางไม่ต้องการให้ตนเองแปดเปื้อนพลังวิบัติ จึงสาปส่งบัลลังก์เทพวิบัติ

การรู้แจ้งของจื้อจุน ความรู้ที่บันไดสวรรค์ขั้นที่ล้าน ข้อมูลความรู้ส่วนตัวเรื่องบัลลังก์เทพของจักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อ และบัลลังก์เทพของแพนดอราที่ถูกผนึกไว้อย่างลึกล้ำ ทั้งหมดอยู่ในใจของเย่ว์หยาง

เขาพบว่าตนเองได้เรียนรู้มากมาย

อย่างไรก็ตามเป็นไปไม่ได้ที่จะใช้พลังเทพสร้างบัลลังก์เทพด้วยตนเอง

ข้อกำหนดแรกที่สำคัญที่สุดคือไม่มีตราสัญลักษณ์เทพ หากไม่มีสิ่งนี้จะไม่ได้รับการยอมรับ ในขณะเดียวกันหากไม่มีสิ่งนี้ เขาควรจะควบสร้างไปในทิศทางใด?  สิ่งที่จื้อจุนควบสร้างคือ บัลลังก์เทพควบคุมความเป็นและความตาย โดยใช้ความรู้แจ้งและความเข้าใจจากประตูเป็นตาย  สิ่งที่แพนดอราควบสร้างก็เป็นธรรมชาติของนาง ทักษะแฝงเร้นของนางคือสาปแช่งทุกอย่างในโลก นี่คือบัลลังก์เทพวิบัติของนาง และเขาล่ะจะทำอย่างไร?  เขาต้องการบัลลังก์พิเศษผิดธรรมดา?  บัลลังก์ของเด็กหนุ่มข้ามโลก

หลังจากหงุดหงิดกังวลอยู่นาน เย่ว์หยางตัดสินใจขอความช่วยเหลือจากเทพธิดากระบี่ฟ้า นางคงจะรู้

คุณชายสามตระกูลเย่ว์หลับอย่างสบายภายใต้การปรนนิบัติเอาใจของสาวใช้ลูกครึ่งเอลฟ์

น่าเสียดาย

เทพธิดากระบี่ฟ้าไม่อยู่บ้าน

ไม่เพียงแต่นางไม่อยู่ แม้แต่สาวน้อยปราณกระบี่ก็ไม่อยู่ที่นั่น ดินแดนแห่งความฝันว่างเปล่า ทำให้คุณชายที่คาดหวังอดผิดหวังมิได้

เมื่อเย่ว์หยางตื่นขึ้นก็พบว่าสาวใช้ลูกครึ่งเอลฟ์มีท่าทีสงสัย นางหมุนพลิกดูของที่เปล่งประกายแสงอยู่ในมือของนาง  ในมุมมองของเย่ว์หยาง เขาเห็นประกายดาวอยู่ในมือที่ขาวดุจกล้วยไม้  นางยิ้มส่งให้เขาทันที  “เมื่อตอนท่านหลับ มีแสงสีรุ้งบินออกมาจากคัมภีร์เทพที่ท่านฝึกฝน แพนดอราบอกว่ามันอาจมาเพื่อท่าน”

“คัมภีร์เทพแดนฝึกฝนบินออกมาหรือ?”  เย่ว์หยางตกใจเมื่อได้ยินคำนั้น

เป็นของที่แยกออกมาจากคัมภีร์เทพหรือ?  บินออกมาไม่เร็วไม่ช้า กลับบินออกมาตอนนี้ จงใจหรือเปล่า?

ลองคิดดูอีกที คงต้องเป็นผลเงานของสามสาวเทวทูต ผู้สร้าง ผู้ทำลาย ผู้นิรันดร์แน่  ดูเหมือนพวกนางก็หายไปเช่นกัน แปลกจริงๆ ตามหาคนทุกๆ ที่  ถึงเวลาช่วงสำคัญที่ต้องร่วมมือกัน แต่พวกนางกลับหายไปหมดได้ยังไง?

หลังจากรับดวงสว่างนั้นเย่ว์หยางพบว่ามีกระแสพลังเทพบริสุทธิ์อยู่ในนั้น

ระดับความบริสุทธิ์ของพลังเทพนี้ทำให้เย่ว์หยางตกใจ

ทำได้อย่างไร?

พลังเทพเป็นพลังบริสุทธิ์และนิรันดรเหมือนกับเพลิงอมฤตได้หรือ? เหลือเชื่อ แต่ก็เป็นความจริง เย่ว์หยางถือดาวสว่างและควบคุมอย่างระมัดระวัง  เขามีความรู้สึกว่าพลังเทพนี้ ควรเป็นรากฐานของบัลลังก์เทพในตำนาน  มันจะใช้ได้ไหมหากไม่มีในตอนนี้  เย่ว์หยางยังสับสน สัญลักษณ์เทพที่บริสุทธิ์มาก เขาต้องการได้รับพลังเทพสนับสนุนเป็นแบบไหน?  หากทั้งหมดเป็นพลังเทพที่บริสุทธิ์เพื่อให้ได้บรรลุบัลลังเทพเพื่อให้บริสุทธิ์   จากนั้นก็จะจบ และพลังเทพนั้นบริสุทธิ์ สามารถเพิ่มกำลัง มีพลังเทพอยู่กี่อย่างที่เขาจำเป็นต้องใช้เพื่อทำบัลลังก์เทพ?

เย่ว์หยางนึกถึงจื้อจุนและจำได้ว่าดูเหมือนนางจะดูดซับพลังบัลลังก์เทพจากปีศาจเฒ่าสองหมื่นปี และเพิ่มสีดำในบัลลังก์เทพขาวดำของนาง  พลังเทพอันยิ่งใหญ่หลังจากยกระดับแล้วดูเหมือนจะเหลือเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

โธ่เว้ย!

เขาไม่มีวิธีแบบที่จื้อจุนใช้ควบคุมพลังบัลลังก์ของคนอื่นมายกระดับพลังบัลลังก์เทพของตนเอง  ขึ้นอยู่กับตนเอง

“เจ้าพบกับเรื่องลำบากใจมากนักหรือ?”  เทวีเสรีภาพผ่านมาและพบว่าเจ้าเด็กผู้นี้ดูเหมือนจะมีเรื่องลำบากใจมาก นางอดถามไม่ได้

“ใครเล่าไม่มีเรื่องกังวลใจ  ข้าดูเหมือนคนไม่มีจิตใจ เอาแต่หัวเราะอย่างโง่งมทั้งวันหรือเปล่า?”  เย่ว์หยางไม่เห็นด้วยอย่างมาก

“เจ้าเป็นอยู่แล้ว!  ใบหน้าสูงส่งศักดิ์สิทธิ์ของเทวีเสรีภาพหัวเราะและฉายประกาย

“ตอนนี้อย่าเพิ่งกวนใจข้าเลย”  เย่ว์หยางหดหู่ใจมาก เมื่อรู้ว่าคุณชายผู้นี้อารมณ์ไม่ดี น่าอายจริงๆ ที่นางไม่เข้ามาจูบเพื่อปลอบใจ แต่กลับจงใจเข้ามาหยอกล้อ เขาหดหู่ที่ใจไม่สามารถเอาชนะใจเทวีเสรีภาพได้ เพราะสาวน้อยนางนี้เพียงร่างครึ่งตัว  ครั้งสุดท้ายเขาตั้งใจช่วยนางประสานร่างอีกครึ่งตัว แต่เวลาลากยาวมาถึงปัจจุบันก็ยังไม่ได้ลงมือ

“งั้นลาก่อน” เทวีเสรีภาพโบกมือเบาๆ  ใบหน้านางยังยิ้ม  หาได้ยากนักที่นางจะอารมณ์ดี วันนี้นางอารมณ์ดีได้อย่างไร?

“รอเดี๋ยว!  เย่ว์หยางไล่ตาม

“เจ้าต้องการให้ข้าช่วยปัดเป่าข้อสงสัยหรือ? ขอโทษด้วย ข้าไม่ได้เป็นนักสู้ระดับเทพ!  เทวีเสรีภาพรู้เรื่องลำบากใจของเย่ว์หยาง แต่นางไม่สามารถทำอะไรได้ บัลลังก์เทพหรือเรื่องทำนองนี้ไกลเกินกว่าความรับรู้ของนาง

“ใครพูดเรื่องนี้กันเล่า  ข้ากำลังพูดเรื่องช่วยท่านฟื้นฟูร่างกาย”  เย่ว์หยางตอนนี้เป็นเหมือนหมาป่าที่เข้าใกล้ลูกแกะน้อย

“อ่า..ข้ายังไม่พร้อม”  เทวีเสรีภาพรู้ว่าอันตรายกำลังใกล้เข้า

“ข้าพร้อมแล้ว อย่าปฏิเสธ เพราะปฏิเสธไปก็ไม่มีประโยชน์ ไม่ต้องพูดเรื่องไร้สาระ เราคุณชายพยายามชำระร่างเจ้ามานานแล้ว!  เย่ว์หยางอุ้มร่างเทวีเสรีภาพโดยไม่สนใจการต่อต้านของนางรีบพานางไปที่ห้องนอน  สาวน้อยลูกครึ่งเอลฟ์ที่เพิ่งเตรียมน้ำร้อนเสร็จ นางให้ความสนใจมาก แต่แพนดอรายิ้มและพูดขึ้น  “โอว, ทุกคนไม่เห็นอะไรเลย!

เด็กหนุ่มจากโลกอื่นหนังหน้าหนาพอจะทำเป็นไม่ได้ยิน

เทวีเสรีภาพไม่สามารถทำได้  นางอายจนหน้าแดงแทบอยากจะเป็นลมทันที

นางซ่อนหน้าอย่างเขินอาย ใช้วิธีหลบภัยแบบนกกระจอกเทศ แม้ว่านางรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป แต่นางไม่กล้าเผชิญหน้าโดยตรง

เสื้อผ้าเครื่องประดับเทวีเสรีภาพถูกเปลื้อง แม้นางจะมีร่างเพียงครึ่งตัวไม่สมบูรณ์ แต่ก็งดงามจนแทบหายใจไม่ออก ร่างกายที่ขาวผ่อง สัดส่วนที่สมบูรณ์งดงามอย่างน่าตกใจ... เทวีเสรีภาพไม่ได้ตระหนักความเป็นสตรีของตนเองจนถึงตอนนี้ นางรู้สึกประหม่าเอียงอายในหัวใจ

เด็กหนุ่มข้ามโลกปกติจะค่อนข้างเจ้าชู้ แต่เขายังมีสติในสิ่งที่เขากระทำ

เขามีสมาธิอย่างมาก

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเขาวางร่างเทพครึ่งหนึ่งไว้ใต้ตัวเทวีเสรีภาพอย่างแผ่วเบา พอนางกังวลประหม่าก็หลั่งเหงื่อออกมาอย่างเห็นได้ชัด

นี่ไม่ใช่การเชื่อมหรือต่อร่างกันแบบง่ายๆ แต่เป็นการฟื้นฟูชีวิตรูปแบบหนึ่ง ร่างของนักสู้ระดับเทพหลอมรวมกับร่างของมนุษย์  สิ่งที่ยากที่สุดคือเทวีเสรีเองก็มีพลังเทพที่บริสุทธิ์สะอาดสืบสายมาจากเจ้าตำหนักน้ำคนก่อน พลังเทพที่ตกทอดจากรุ่นสู่รุ่น และพลังจากร่างเทพมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันจะต้องถูกหลอมรวมเข้าด้วยกัน เปลี่ยนคุณสมบัติและเจตจำนงของนางเข้าด้วยกัน ความยากแบบนี้ยากยิ่งกว่าแบกภูเขาสูง!  ถ้าเย่ว์หยางไม่มีเพลิงอมฤตและเลือดตัวของเขาเอง เขาไม่กล้าฝันให้มีปาฏิหาริย์เช่นนี้

ร่างเทพร่างมนุษย์รวมกันอย่างกลมเกลียวในร่างเดียวกัน

นี่จะเป็นสิ่งมีชีวิตที่ไม่เหมือนใครในโลก

“เริ่มกันเถอะ!  เย่ว์หยางหลั่งเหงื่อ เขาไม่ต้องการเช็ดออกไป ใจของเขากำลังอยู่ในสภาพเป็นสมาธิเชื่อมโยงถึงกัน ความแตกต่างหนึ่งในพันล้านอาจทำให้พลังเทพทั้งสองสายเกิดความขัดแย้งกันและทำลายล้างกัน  ด้วยพลังขนาดทำลายโลกและสวรรค์ได้อย่างนี้เทวีเสรีภาพจะต้องตายอย่างแน่นอน

“ฮืม....  เทวีเสรีภาพรู้ว่านางจำเป็นต้องมีความคิดเป็นของตนเอง แม้ว่านางจะเขินอาย แต่นางไม่สามารถให้ความพยายามของเขาสูญเปล่า ยิ่งไม่ต้องพูดถึงมองดูเขาตกอยู่ในอันตราย

นิ้วที่ปิดใบหน้าของนางเปิดออกเล็กน้อย

เป็นครั้งแรกในชีวิตของนาง

ที่กล้ามองดูเขาตรงๆ

**** **** ****

6 ความคิดเห็น:

BJ กล่าวว่า...

เสร็จไปอีก1

Pcha กล่าวว่า...

เสร็จแล้วก็เยๆๆๆ

CHANTANA กล่าวว่า...

จบไป1คน

Badly กล่าวว่า...

ปลุกปล้ำสาวๆเพื่อเอาพลัง มีเค้าแค่คนเดียวเท่านั้นที่ทำจริงๆ 55 ไอ้สามเอ้ยย

Apirak Panyakam กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

l3ell_Zaa กล่าวว่า...

หลังจากป้อมานาน

แสดงความคิดเห็น