วันศุกร์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 1360 บัลลังก์เทพเสรีภาพ

 

ตอนที่  1360  บัลลังก์เทพเสรีภาพ

“นี่คือบัลลังก์เทพลับ! แต่เดิมนั่นเอง”

 

เย่ว์หยางอยู่ช่วงออกแบบกระบวนการเชื่อมร่างให้เทวีเสรีภาพ พบว่าร่างเทพครึ่งหนึ่งมีบัลลังก์เทพซึ่งไม่มีสำนึกเทพควบคุมหลับใหลอยู่

ตอนแรกพลังของมันอ่อนแอมาก จนเย่ว์หยางสำคัญผิดว่านึกไปเอง  แต่เมื่อจิตสำนึกโดยสัญชาตญาณและกฎพลังเทพของเทวีเสรีภาพภายใต้การกำกับดูแลของเย่ว์หยางค่อยๆ หลอมรวมเข้าด้วยกัน  บัลลังก์เทพจึงเริ่มตื่นขึ้นในทันทีและป้อนข้อมูลต่างๆ กลับคืนเข้ามาในใจของเย่ว์หยางอย่างต่อเนื่อง  เช่นความลับและข้อกำหนดเบื้องต้นในการบรรลุบัลลังก์เทพเป็นต้น   สิ่งนี้ทำให้คุณชายสามตระกูลเย่ว์รู้สึกประหลาดใจและตกอยู่ในความสับสน  พลังของบัลลังก์เทพได้สูญสลายไปมากและส่วนใหญ่ยังไม่สมบูรณ์ แต่สิ่งที่ทำให้เขาเบาใจขึ้นมากก็คือรากฐานยังสมบูรณ์ ทำให้เด็กหนุ่มข้ามโลกที่ยังไม่รู้จักวิธีการยกระดับโล่งอกขึ้นมาก

นอกจากสัญลักษณ์เทพแล้ว การควบสร้างบัลลังก์เทพยังมีรากฐานที่ขาดไม่ได้ก็คือ พลังเทพศักดิ์สิทธิ์เพื่อเติมเต็มอีกด้วย

พลังเทพศักดิ์สิทธิ์นี้

สามารถขัดเกลาเปลี่ยนแปลงโดยพลังเทพของเจ้าของร่าง

นอกจากนี้ยังสามารถเปลี่ยนแปลงด้วยจิตใจที่กล้าแข็งของผู้เป็นนาย หรือความศรัทธาของบริวาร แม้กระทั่งประสบการณ์ชีวิตของผู้เป็นนาย อิทธิพลและเหตุการณ์สำคัญที่เจ้านายประสบมาในชีวิต

ตัวอย่างเช่นเทวีเสรีภาพ

ร่างหลักของนางไม่มีพลังเทพใดๆ มีแต่พลังเทพทางกรรมพันธุ์ที่ถ่ายทอดมาตามรุ่นซึ่งยังคงเหลืออยู่ในร่างกายครึ่งหนึ่ง

หลังจากเย่ว์หยางชำระพลังเทพทางพันธุกรรมทั้งหมดในร่างของนาง และพลังเทพอีกครึ่งหนึ่งของร่างเทพครึ่งหนึ่ง เขาประหลาดใจที่พบว่ารังสีเทพของนางสูงถึง 215 เมตร  แม้ว่าจะเป็นไปไม่ได้ที่จะมีบัลลังก์เทพชั้นสูงซึ่งมีข้อกำหนดว่าต้องมีรังสีเทพสูงเกิน 300 เมตร แต่ดูเหมือนว่ายังเป็นเรื่องง่ายที่จะได้รับบัลลังก์เทพที่เหมาะสมที่สูงกว่า 100 เมตร แต่ไม่เกิน 300 เมตร  แต่เมื่อเย่ว์หยางรอที่จะใช้พลังเทพปลุกบัลลังก์เทพที่หลังใหลของเทวีเสรีภาพและผสานเข้ากับพลังใหม่  เขาพบว่า ความเข้าใจของตนเองนี้เป็นความเข้าใจที่ผิดถนัด ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของความน่ากลัว...

เย่ว์หยางได้รู้จากปากชาวประมงเฒ่าว่า หากเขาต้องการบัลลังก์เทพและเลื่อนระดับเป็นเทพชั้นบน เขาต้องใช้พลังเทพเพื่อปลดปล่อยตนเองก่อน

จากนั้นนำพลังที่เหลือมาสร้างบัลลังก์เทพให้สำเร็จ

บัลลังก์เทพที่เสร็จสมบูรณ์แสดงถึงความสูงส่งของระดับขอบเขตพลังของบัลลังก์เทพ... เงื่อนไขที่หนักแน่นนี้ทำให้เย่ว์หยางพูดไม่ออก  แต่จะต้องเป็นเช่นนี้แน่นอน ไม่มีทางเลือกที่สอง มีแต่วิธีนี้เท่านั้นที่ทำให้ก้าวข้ามร่างมนุษย์และได้รับเลื่อนเป็นเทพอย่างแท้จริง

“ลำบากมากนักหรือ?”  เทวีเสรีภาพมองเย่ว์หยางในเชิงขอโทษ

“ไม่เป็นไร แต่การกลายเป็นเทพแท้ๆ นั้นลำบากมากเหลือเกิน!  เย่ว์หยางไม่รู้จนกระทั่งตอนนี้ กลายเป็นว่าการเลื่อนระดับไปสู่ระดับเทพที่แท้จริง ไม่ได้เกี่ยวกับระยะเวลาที่ฝึกฝน การเก็บพลังเทพไว้มากมาย หรือการใช้สมบัติเทพ อสูรเทพ หรือความสำเร็จของคัมภีร์อัญเชิญ  ไม่ใช่เช่นนั้น  แม้ว่าจะมีการให้การสนับสนุน แต่นั่นก็ทำให้เกิดความขัดแย้งในตัวเองได้เช่นกัน

ต้องการกลายเป็นเทพ ต้องสละออกไปก่อน

ก่อนอื่นจงใช้พลังเทพที่บริสุทธิ์เพื่อตอบแทนทุกสิ่งในโลก

รอจนเสร็จสิ้นเรื่องนี้  ตัวบุคคลจะไม่มีขีดจำกัดอีกเลย ไม่มีอุปสรรคขวางกั้น  นั่นคือการปลดปล่อยและสามารถกลายเป็นเทพได้

เทวีเสรีภาพเป็นคนที่มีเมตตา นางไม่ฆ่าคน ไม่แม้แต่จะฆ่ามดตัวน้อย นางจะไม่เหยียบย่ำมันตาย ความจำเป็นในการชดใช้กรรมมีน้อย แต่นางมีประสบการณ์ในชีวิตมากมาย  ทุกคนต้องถูกขัดเกลาด้วยพลังเทพบริสุทธิ์ และชะตากรรมที่นางแบกรับก็คือปมแห่งความตายที่พัวพันกันในอดีต  นอกจากนี้นางยังต้องชดใช้พลังจากสวรรค์ออกไปเพื่อแก้ไขคลื่นแห่งความเกลียดชังนี้ รวมถึงประชาชนผู้มีศรัทธาผู้หิวโหยเหล่านั้นก็มีมากยิ่งนัก ต้องใช้พลังจากเทพช่วยสนองตอบคำอธิษฐานของพวกเขา  ขอเพียงเทวีเสรีภาพยินดีเข้าควบคุมภูมิภาคสวนสวรรค์และคนเหล่านี้  มิฉะนั้นนางจะต้องเปลี่ยนพลังเทพของนางเองให้เป็นพลังเทพแห่งความเมตตาในคราวเดียวเพื่อปลดปล่อยตนเองอย่างแท้จริง รวมทั้งชะกรรมที่นางแบกรับ

ทั้งหมดนี้ต้องชำระคืนในครั้งเดียว

พลังรังสีเทพอาจหายไปเกือบสามสิบเมตร ซึ่งก็เพียงพอสำหรับเทวีเสรีภาพที่จะปลดปล่อยตนเองได้เป็นส่วนใหญ่ นั่นเป็นเพราะชะตาของนาง

สิ่งที่เย่ว์หยางคาดไม่ถึงก็คือร่างกายครึ่งหนึ่งนั้นจำเป็นต้องชำระคืน

ยิ่งกว่านั้นพลังเทพที่ชดใช้คืนนั้นมากจนยากจะคาดคิด

“โธ่เว้ย รังสีเทพสูงสองร้อยเมตรแทบหมดลงในคราวเดียว” เย่ว์หยางพบว่ารังสีเทพหายไปในทันที ถ้าไม่มีโผล่มาให้เห็นสักสองสามเซนติเมตร เย่ว์หยางแทบจะคิดว่าเทวีเสรีภาพอาจต้องทำลายประกายเทพของนางถ้าการใช้คืนไม่เพียงพอ

โชคดี เพราะโชคชะตาได้รับการปลดปล่อย และได้รับการเลื่อนระดับเป็นเทพ  เพราะเทวีเสรีภาพได้ทำแต่สิ่งที่ดีงามรำลึกถึงสิ่งที่เป็นกุศล และความคิดที่ดีขณะสวดอ้อนวอนรวมทั้งผู้มีศรัทธานับถือนาง ฯลฯ ซึ่งเป็นมาตั้งแต่ยุคบรรพบุรุษของนาง

ผลแห่งกุศลของนางให้ผลตอบแทนกลับมา

มากมายเหลือคณานับ

สิ่งเหล่านี้เปลี่ยนไปเป็นพรและพลังเทพ รังสีเทพที่บริสุทธิ์ของนางฉายอีกครั้ง และบริสุทธิ์มาก

เย่ว์หยางใช้เพลิงอมฤตชำระต่อเนื่อง รังสีฉายขึ้นไปอีกหกสิบเมตร

อย่าคิดว่าบัลลังก์เทพเดิมที่สำเร็จแล้วเป็นความสำเร็จ นั่นเป็นเพียงการได้บัลลังก์เทพระดับหนึ่ง เป็นการพิสูจน์ว่ามีคุณสมบัติเพียงพอ  ความหวังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในใจของเย่ว์หยางก็คือการสามารถรวมพลังเทพที่เหลืออยู่ในบัลลังก์เทพที่หลับใหล เพื่อเข้าไปให้ถึง บัลลังก์เทพชั้นหนึ่งที่มีความสูงเกือบร้อยเมตรที่มีพลังไม่มีที่สิ้นสุด ได้บัลลังก์เทพขั้นต้นก็อย่าเพิ่งย่ามใจ  เย่ว์หยางค่อยๆ ผสานพลังเทพบริสุทธิ์ขนาดหกสิบเมตรนี้ เข้ากับบัลลังก์เทพที่ยังหลับใหล เขากังวลว่าเมื่อพลังถึงขีดจำกัดพลังทั้งสองจะเกิดการผลักดันขับไล่กันสร้างเป็นแรงระเบิดทำลายล้างในช่วงเวลาสั้นๆ!  เหงื่อของเขาหยดลงร่างเปลือยที่ขาวผ่องปานหิมะของเทวีเสรีภาพที่การเปลี่ยนแปลงเพิ่งเสร็จสิ้นลง

และในช่วงเวลาที่ตึงเครียดที่สุด เย่ว์หยางรู้สึกว่าได้เห็นร่างที่งดงามข้างหน้า จิตใจของเขาผ่อนคลาย

แต่เขาก็กลัวมากว่าความผิดพลาดเล็กน้อยแม้ปลายเส้นผมอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้

โชคดีที่เป็นสัญญาณเตือนที่ผิดพลาด

เขาตัดสินใจใช้พลังจิตนำพลังเทพบริสุทธิ์เข้าไปในทุกวิถีทางเพื่อหลอมรวมกับบัลลังก์เทพที่หลับใหลอยู่

เมื่อบรรจุพลังเต็มแล้วเย่ว์หยางพบว่าบัลลังก์เทพยังมีพลังไม่เพียงพอและดูเหมือนว่ายังมีศักยภาพเพียงพอที่จะรองรับพลังเทพได้มากขึ้น  เพียงแต่พลังเทพภายนอกหมดลงอย่างสิ้นเชิง  ในช่วงเวลาที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกนี้ ทันใดนั้นเด็กข้ามโลกผู้โชคดีได้หยิบยืมพลังเหนือธรรมชาติของยักษ์ชะตาที่เขาไม่สามารถใช้ได้ชั่วคราวเขาดึงออกมาจากคัมภีร์อัญเชิญชั้นศักดิ์สิทธิ์มาเสริมเข้าไป

แสงประหลาด

บัลลังก์เทพที่อยู่ในความหลับใหลฉายแสงเจิดจ้าทะลุเข้ามาในโลกคัมภีร์ทันที...

ชะตาของทั้งสองเชื่อมกันอย่างใกล้ชิดแยกกันไม่ออกในขณะนี้

บัลลังก์เทพของเทวีเสรีภาพเข้าสู่สภาวะสมบูรณ์แบบในทันทีและนางได้รับการเลื่อนระดับเป็นเทพในทันทีและร่างของนางบังเกิดใหม่เป็นร่างเทพอมตะตามเจตจำนงและความทรงจำดั้งเดิมของร่างนาง นางได้ถือกำเนิดเป็นเทพธิดาเสรีภาพในร่างใหม่ เบื้องหลังร่างที่เป็นอมตะของนางคือบัลลังก์เทพเสรีภาพเปล่งรัศมีเจิดจ้ายอดเยี่ยมและค่อยๆ เพิ่มกำลังมากขึ้น

เมื่อได้เห็นพลังเทพและเทพธิดาเสรีภาพผู้ศักดิ์สิทธิ์ แม้ว่าเย่ว์หยางจะมีวิวัฒนาการ แต่ในใจของเขาอดกริ่งเกรงมิได้ ไม่กล้าดูแคลนนาง

เทพที่ถือกำเนิดใหม่มีความโดดเด่นมาก

งามสง่ามาก

เทวีเสรีภาพผู้มีเจตจำนงเสรีและไม่มีวันถูกหลอกและผูกมัดได้ถือกำเนิดอย่างเป็นทางการ

“นี่!  เทวีเสรีภาพ ไม่, เทพธิดาเสรีภาพอิงหลัวลูบเครื่องหมายเทพที่กลางหน้าผากเบาๆ นั่นเป็นสัญลักษณ์พิเศษที่แสดงความเป็นภรรยาเทพ เมื่อเย่ว์หยางใช้พลังเทพชะตาและพลังเหนือธรรมชาติบรรจุไว้ในร่างนางและบัลลังก์เทพ เมื่อตอนเริ่มต้นจุดเล็กๆ นี้ปรากฏบนระหว่างคิ้วของนางและจะเป็นสัญลักษณ์ที่คงอยู่ตลอดไป

“ข้าไม่รู้เลยว่าผลจะออกมาเป็นแบบนี้...”  เย่ว์หยางหลั่งเหงื่อเล็กน้อย  ถ้าเขาทำอย่างนี้ได้หลังจากมีสัมพันธ์รักกับเจ้าแม่จันทราก็ยังพอจะพูดได้  แต่กับเทพธิดาเสรีภาพ เขายังไม่ได้เริ่มมีอะไรกันเลย

อันที่จริงเขาไม่รู้ว่าสัญลักษณ์นี้เกิดขึ้นเรียบร้อยแล้ว

รวมทั้งพวกเย่ว์หวี่และหลิวเย่

เพียงแต่ว่าไม่ชัดเจนเท่าตอนนี้ เหมือนอย่างเครื่องประดับที่ปรากฏใต้พฤกษาโลก มันสามารถหายไปได้ตามประสงค์ของเจ้านาย

“เนื่องจากชะตาชีวิตของเราเชื่อมโยงถึงกัน กายและใจย่อมเนื่องถึงกันด้วย”  เทพธิดาเสรีภาพคุกเข่าประสานมือทั้งสองแสดงความคารวะเย่ว์หยางแสดงความขอบคุณ ดวงตาของนางฉายประกายอ่อนโยนศักดิ์สิทธิ์ แม้ว่าจะขาดความมั่นใจไปเล็กน้อย แต่อิงหลัวจะพยายามอย่างหนักแน่นอนในอนาคตที่ไม่มีที่สุด อิงหลัวจะขอทำหน้าที่ภรรยาและทำให้ผู้เป็นสามีข้ามีชีวิตที่เป็นสุขและอิสระ”

“จริงหรือ? ข้าหมายถึงว่าดีจริงๆ บัลลังก์เทพก็สำเร็จ งดงามมากจริงๆ!  เย่ว์หยางเห็นร่างเทพธิดาเปลือยต่อหน้า ถ้าบอกว่าไม่มีความคิดอกุศลนั่นคงเป็นเรื่องโกหก  เมื่อเขาได้ยินอิงหลัวพูดเช่นนั้นเขายิ่งมีความสุขมากขึ้น แต่เขาเหมือนเคยกับวิ่งชนกำแพงหลังจากเคยคิดกับจื้อจุนมาแล้ว นางระวังมาก เขายังควบคุมจิตใจได้ไม่เต็มที่จึงไม่สามารถทำตัวเป็นพยัคฆ์โดดตะครุบลูกหมูได้

“โปรดอย่าใช้คำพูดที่ขัดกับเจตนาแบบนี้  เจ้ารู้ไหมว่าหัวใจของอิงหลัวเชื่อมโยงกับเจ้าอย่างสมบูรณ์แล้ว” เทวีเสรีภาพอดหัวเราะไม่ได้

“อ่า...เรามาดูบัลลังก์เทพกันก่อนเถอะ!  เย่ว์หยางรู้สึกอาย  ความขัดแย้งของบุคลิกของเด็กหนุ่มข้ามโลกโดยปกติแล้วจะไม่ค่อยมีใครมองทะลุเขา รวมถึงสาวหิมะ แม่เสือสาว แม้กระทั่งเย่ว์หวี่ ทุกคนรู้ว่าเขาเป็นคนแบบไหน แต่ทุกคนช่วยรักษาหน้าให้เขาเล็กน้อย  แต่เป็นไปไม่ได้กับเทพธิดาเสรีภาพอิงหลัว นางคุ้นเคยกับคำพูดที่จริงใจ ตรงไปตรงมา นางเคยนิ่งเฉยต่อศัตรูและไม่เคยโกหกเมื่อเห็นความขัดแย้งของความคิดและคำพูดของเย่ว์หยาง  แม้จะเป็นความคิดของจอมลามกนางก็อดบอกเขาตรงๆ ไม่ได้  เย่ว์หยางไม่กล้ามองสบตาอิงหลัวตรงๆ  เพราะกลัวว่าจะเห็นภาพสะท้อนของหมาป่าในดวงตาที่เป็นประกายราวกับภาพสะท้อนในทะเลสาบ เขารีบเปลี่ยนเรื่องทันที

“นี่เป็นเพียงบัลลังก์เทพขั้นเริ่มต้นเท่านั้น”  เทพธิดาเสรีภาพพูดขณะยิ้ม  ตอนนี้นางเข้าใจการกระทำขององค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนในฐานะภรรยา  โดยเฉพาะภรรยาที่ดีนางต้องเรียนรู้ที่จะอดกลั้นจริงๆ

นางแสดงบัลลังก์เทพของนางทันที ทันใดนั้นโลกคัมภีร์พลันสว่างไสวด้วยแสงเทพขาวบริสุทธิ์ทันที

ระดับบัลลังก์เทพของเทพธิดาเสรีภาพเป็นบัลลังก์เทพระดับต่ำที่สุด  แต่เย่ว์หยางสังเกตเห็นจุดหนึ่ง คือบัลลังก์เทพเสรีภาพนั้นแตกต่างจากบัลลังก์เทพที่เคยหลับใหลมาก่อน  บัลลังก์เทพเสรีภาพให้ความรู้สึกกับเย่ว์หยางได้อย่างสมบูรณ์แบบ! และสมบูรณ์แบบสุดจะพรรณนา!   บัลลังก์เทพเสรีภาพนี้ดูเหมือนจะมีช่องว่างให้พัฒนาก้าวหน้าอีกมาก และดูเหมือนยังมีศักยภาพยกระดับได้อีกครึ่งหนึ่ง

บัลลังก์เทพที่เคยหลับใหลก่อนหน้านี้ ไม่มีความรู้สึกเช่นนี้

เขาทำสิ่งนี้เองจริงๆ หรือ?

ทั้งหมดนี่หรือ?

ทันใดนั้นเอง

เย่ว์หยางสงสัยมือของเขาเอง

แม้จะรู้ว่าเขาลงมือทำให้สำเร็จด้วยตัวเอง แต่เขายังไม่กล้าเชื่อ  เขารู้สึกอยู่เสมอว่าเมื่อเขาใช้พลังชะตาผสานเข้าจะมีพลังลึกลับบางอย่างที่มองไม่เห็นทำให้สำเร็จได้อย่างเงียบๆ อยู่เบื้องหลัง  ไม่ใช่ว่าเขาทำได้ทั้งหมด  สิ่งที่เขาทำลงไปอาจเป็นแรงผลักดันเพียงผิวเผิน

เทพธิดากระบี่ฟ้า!  ต้องเป็นนางแน่นอน นางแน่นอนที่คอยอยู่เบื้องหลังคอยกำจัดอุปสรรคและคลี่คลายปัญหาบัลลังก์เทพเสรีภาพให้เขา

มิฉะนั้น บัลลังก์เทพเสรีภาพนี้เป็นไปไม่ได้ที่จะสำเร็จสมบูรณ์!

เป็นไปไม่ได้มากที่ศักยภาพจะเพิ่มขึ้นถึง  50%

พรานเบ็ดเฒ่าบอกเขาว่าหลังจากบัลลังก์เทพสำเร็จแล้ว จะไม่สามารถก้าวหน้าได้ครั้งใหญ่อีก  ความสำเร็จแทบมาถึงจุดสิ้นสุด แม้ถ้ามีวิธีการพัฒนาก็ยังจะช้าอยู่ดี  แต่บัลลังก์เทพเสรีภาพ อยู่เหนือคำเตือนนี้  เพราะอะไร?

“บางทีอาจเป็นเช่นนั้น อิงหลัวพอจะคาดเดาได้ชัดเจน” เทพธิดาเสรีภาพและเย่ว์หยางเชื่อมใจเข้าด้วยกัน นางไม่สามารถตรวจพบการมีอยู่ของเทพธิดากระบี่ฟ้า  นางรู้แต่เพียงคลุมเครือว่า มีผู้พิทักษ์ลึกลับเบื้องหลัง ความเป็นเทพของนางนั้นมีพลังน่ากลัว  แต่ความแปรปรวนในจิตใจของเย่ว์หยางเวลานี้นางสามารถรับรู้ได้อย่างชัดเจน เมื่อเห็นว่าเย่ว์หยางยังอยู่ในความสับสน นางรีบปลอบโยนทันที  “เป็นไปได้ว่าบัลลังก์เทพมีวิญญาณศักดิ์สิทธิ์คอยปกป้อง และช่วยให้เจ้าได้ช่วยให้อิงหลัวได้วิวัฒนาการก้าวหน้า เพราะเจ้ายังไม่มีบัลลังก์ พลังยังไม่อยู่ในระดับสูงสุดอย่างเป็นทางการ ดังนั้นอิงหลัวจึงมีระดับพลังต่ำกว่าที่เจ้าควรจะไปได้ถึงครึ่งหนึ่ง  หลังจากเจ้าเลื่อนระดับอย่างสมบูรณ์แล้วข้าจึงค่อยยกระดับพลังพร้อมกัน”

“ถ้าว่ากันตามแนวความคิดนี้ก็คงจะจริง” เย่ว์หยางนึกถึงจื้อจุน นางคงเตรียมตนเองให้ได้บัลลังก์เทพขนาดเล็ก นั่นยังดีกว่าบัลลังก์เทพของเทพธิดาเสรีภาพ บัลลังเทพของเทพธิดาเสรีภาพตอนนี้เมื่อเอาไปเทียมกับของจื้อจุนนับว่าเป็นเด็กไปเลย  บางทีจื้อจุนคงได้รับการรู้แจ้งหรือความลับบางอย่าง นางเผยความลับนี้เหมือนอย่างที่นางเคยพูดมาก่อน

“จื้อจุนช่วยให้เจ้าได้บัลลังก์เทพ เป็นไปได้ว่าจะมีบัลลังก์เทพมากกว่าหนึ่งหรือสองก็เป็นได้”  เทพธิดาเสรีภาพคาดเดาอย่างกล้าหาญ

“บัลลังก์เทพมีส่วนเกี่ยวข้องกับคัมภีร์อัญเชิญหรือไม่?”  เย่ว์หยางคิดถึงความเป็นไปได้บางอย่าง

“มีความเป็นไปได้หรือไม่ที่คัมภีร์อัญเชิญจะสามารถสร้างบัลลังก์เทพได้...”  เทพธิดาเสรีภาพมองดูเย่ว์หยางด้วยนัยน์ตาเป็นประกาย  ถ้าเป็นเช่นนี้จริง เย่ว์หยางก็สามารถกลั่นสร้างบัลลังก์เทพได้ อย่างน้อยก็มีสาม

“สำหรับจื้อจุนนางพยายามสร้างจากบัลลังก์เทพผู้ควบคุมความเป็นและความตาย ถ้าข้าสามารถสร้างบัลลังก์เทพของตนเองจะเป็นแบบใดกันแน่?  ถ้ามีบัลลังก์เทพหลายหลัง บัลลังก์เทพแรกควรจะมีคุณลักษณะอย่างไร?”    เย่ว์หยางจมอยู่ในความคิดลึกล้ำ หลังจากเขาผ่านประสบการณ์และเติบโตก้าวหน้ามาพร้อมกับคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์  ผ่านการฝึกฝนในคัมภีร์เทพจนผ่านทั้งสิบด่าน แม้ว่าจะยังอัญเชิญคัมภีร์เทพได้สำเร็จ แต่บัลลังก์เทพของเขาเองก็ควรมีลักษณะสัมพันธ์อย่างใกล้ชิด

ทิศทางในการพัฒนาความก้าวหน้าให้สำเร็จควรมีคัมภีร์เหล่านี้เป็นจุดพื้นฐานด้วย

แรกเลยคือคัมภีร์ศักดิ์สิทธิ์

หรือจะลองฝึกจากคัมภีร์ดูก่อน?

ทุกคนปลอดภัยดี ช่วยเตือนเขาอีกสักนิด!  เย่ว์หยางกังวลใจเป็นพิเศษ  เขารู้สึกว่าเขาทลายผ่านอุปสรรคได้อย่างรวดเร็ว เขามีแรงบันดาลใจอยู่แค่เอื้อม แต่กลับไม่สามารถคว้ามาถือไว้ในมือ  เรื่องนี้มันน่าขันเกินไป ไม่มีใครบอกเขาได้ตรงๆ ว่าจะต้องทำอย่างไร?

ต้องเดากันทั้งหมด

ชะตาของตนเองต้องอธิบายด้วยปริศนาและความก้าวหน้าเดียวกันเพื่อบรรลุความรู้บางอย่างหรือไม่  เขาสามารถบรรลุผลการฝึกได้หรือไม่?

เทพธิดากระบี่ฟ้าไม่ได้บอกไว้  มารดาเขาไม่ได้บอก ที่สำคัญสตรีอันดับหนึ่งอย่างนางพญาเฟ่ยเหวินหลีก็ไม่บอก แม่สี่ก็ไม่พูดอะไร พวกเขาไม่บอกอะไรเลยทั้งนั้น

ก็ดี

ในกรณีนี้ ต้องมีเหตุผลแน่นอน

บางทีหลังจากไขปริศนานี้ออกในรอบนี้ ชะตากรรมและการต่อสู้ทั้งหมดจะคลี่คลายได้โดยง่าย เขาจะไม่ผิดหวัง แค่ต้องรอ การรู้แจ้งบัลลังก์เทพเป็นแค่เพียงจุดเริ่มต้น  และจะมีมากขึ้นเรื่อยๆ ในอนาคต เขาจะต้องหาคำอธิบายให้ได้และกลายเป็นเทพจอมราชันย์ ต้องเป็นเช่นนั้นแน่นอน!

เทพธิดาเสรีภาพกอดเขาจากด้าน นางกอดเขาเหมือนเป็นการสนับสนุนเขา

นางไม่รู้ว่านางควรจะทำอย่างไร

จึงจะช่วยเขาได้

แต่นางหวังว่าทำเช่นนี้นางจะสามารถแบ่งเบาความกังวลร่วมกับเขา ปลอบประโลมให้เขาสบายใจขึ้น

เย่ว์หยางตื่นจากภวังค์ เขาพบว่านางอยู่เคียงข้างเขาตลอดโดยที่เขาไม่รู้สึกตัว นางอดทนและอ่อนโยนทั้งยิ้มหวานเปลี่ยนจากเทวีเสรีภาพที่สงบเยือกเย็นและใช้ชีวิตเรียบง่ายเมื่อก่อน ตอนนี้นางมีร่างเต็มทั้งยังเลื่อนระดับเป็นชั้นเทพ กลับยิ่งเพิ่มเสน่ห์ความอ่อนโยนของสตรี  เด็กหนุ่มข้ามโลกมองดูแล้วไม่สามารถยับยั้งชั่งใจได้ กรงเล็บหมาป่าเลื่อนไต่ไปตามเรือนร่างขาวดุจหยก “ขอเรียนรู้เพิ่มเติมความลับบัลลังก์เทพในตัวเจ้าก่อน!

ทำความเข้าใจอย่างลึกซึ้งนั่นเป็นเรื่องแน่ แต่เป้าหมายจะแค่บัลลังก์เทพเท่านั้นหรือ?

เรื่องนี้น่าเคลือบแคลง

เทวีเสรีภาพไม่ทันได้คัดค้าน เพราะริมฝีปากของนางถูกปากของเด็กหนุ่มข้ามโลกปิดไว้และหยุดคำพูดของนางไปโดยปริยาย..

8 ความคิดเห็น:

CHANTANA กล่าวว่า...

จัดเต็ม

blakaros กล่าวว่า...

โอเค เรียบร้อยอีกราย

หวังปี้เจ้า กล่าวว่า...

good

Deils(of)darK กล่าวว่า...

ปิดจ๊อบไปอีก 1

BJ กล่าวว่า...

เสร็จไปอีก1

Failz กล่าวว่า...

ขอบคุณ​คับ

Apirak Panyakam กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

น่าสังสัยจัง

แสดงความคิดเห็น