วันจันทร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 1366 หนี้ที่ต้องชดใช้คืน

 

ตอนที่  1366  หนี้ที่ต้องชดใช้คืน

วงกตมิติเวลา

 

เจ้าอ้วนไห่ เย่คงและพวกหลังจากดิ้นรนต่อสู้อย่างยากลำบาก ด้วยการใช้กลยุทธ์พวกมาก พวกเขาสามารถเอาชนะเทพทวารบาลแห่งตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์จางเว่ยที่มาปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขาได้

“หึหึ ในที่สุดก็โค่นมันลงได้ พวกนี้มีร่างอวตารกี่ตัวกันนี่? โจมตีแล้วโจมตีอีกไม่รู้จักหมดสิ้นเสียที”  เจ้าอ้วนไห่รู้สึกว่าถ้าไม่ใช่เพราะกลยุทธ์คลื่นโจมตีมนุษย์ นอกจากนี้ยังมีดาบอสูรเทาเถี้ย แมงป่องดาวฟ้าและอสูรกลืนฟ้าที่แข็งแกร่งทรงพลังพวกเขาคงไม่สามารถโค่นจางเว่ยเทพทวารบาลแห่งตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ได้  เป็นไปได้ไหมที่นักสู้ระดับเทพทั้งหมดสามารถฟื้นคืนชีพได้โดยอัตโนมัติ?  ถ้าเป็นอย่างนั้นการต่อสู้ครั้งนี้คงจะยุ่งเหยิงและกินแรงมาก

“เจ้ารั้งอยู่ก็ได้” เย่คงตัดสินใจไปต่อ  เขารู้ว่ามีอย่างเดียวที่เขาสามารถช่วยเย่ว์หยางได้ นั่นคือไปข้างหน้าต่อไป

ศัตรูต้องซุ่มโจมตีและวางกับดักเป็นหมื่น

ตอนนี้ อาจเป็นแค่จุดเริ่มต้น

ถ้าเรื่องทั้งหมดนี้ต้องอาศัยเย่ว์หยางเพียงลำพังบุกตะลุยใส่ศัตรูข้างหน้า อย่างนั้นจะมีสหายร่วมกลุ่มไว้มากมายเพื่ออะไร?  เทียบกับเจ้าตำหนักใหญ่ตงฟางซึ่งเป็นคนแรกที่วางแผน เทียบกับราชันย์ไร้ใจผู้มีความหนักแน่นมั่นคง เทียบกับเจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้ซึ่งเป็นผู้ไร้เทียมทานในแดนสวรรค์  คนอย่างจางเว่ยเป็นแค่คนเฝ้าประตูที่ไม่มีอะไรสำคัญเลย!

ถ้าจางเว่ยที่เป็นหัวหน้ายามเฝ้าประตูยังไม่สามารถเอาชนะได้ และพวกเขาจะสู้กับใครได้

นอกจากนี้ นี่ยังเป็นร่างอวตาร

ร่างที่แท้จริงยังคงอยู่ข้างหลังฉาก ยังไม่ได้ลงมือต่อสู้!

นกนางนวลสายลมดูแคลนเจ้าอ้วนไห่ไม่เลิกรา และหลังจากเห็นเขาเข้ามาใกล้มากเกินไปหลังจากเสร็จสิ้นการต่อสู้ นางอดเหลือกตาไม่ได้ “ไปอยู่ห่างๆ ข้าได้ไหม? และไม่ต้องมายิ้มให้ข้า นั่นใช้ไม่ได้ผลกับข้า!

เจ้าอ้วนไห่ไม่ท้อ ตรงกันข้าม เขากลับมั่นใจอย่างไม่มีขีดจำกัด  “ข้าไม่ตำหนิเจ้า, น้องหนู, สักวันเจ้าจะจำได้”

นางนวลสายลมพอได้ยินเจ้าอ้วนไห่พูดว่าน้องหนูนางโวยวายขึ้นทันที  “เจ้าลิงเย่, เจ้าก้อนน้ำแข็ง  ได้ยินเจ้าหมูอ้วนของพวกเจ้าพูดไหม?  เขาพล่ามอีกแล้ว  ข้าจะบ้าจริงๆ  เจ้าไม่ต้องอธิบายแล้ว ไม่ต้องพูดอะไร  แค่ไม่ต้องมาอยู่ให้ข้าเห็นหน้า หายไปอย่าให้เหลือร่องรอย  ดีที่สุดคือหายไปตลอดกาล  ข้าบอกแล้วว่าเป็นไปไม่ได้ ข้าไม่มีทางชอบหัวหมู  ปล่อยให้ข้าได้มั่นใจในความฉลาดและวิสัยทัศน์ของข้าได้ไหม?   ข้าเป็นคน ไม่ใช่นกน้อยที่พวกเขาขังไว้ในกรงอีกต่อไป”

“อืม.. ข้าไม่คิดว่าเป็นการทะเลาะที่ดี  ก็ได้ ต่อยตีเขาได้เลย เตะตีเขา ไม่ต้องห่วงความรู้สึกของเรา” เย่คงพยักหน้ายินดีกับความโชคร้ายของคนอื่น

“ดูเหมือนว่าคุณภาพของคนยังคงน่าอึดอัด” องค์ชายเทียนหลัวคิดว่าเจ้าอ้วนไห่ทำเรื่องแย่มากเกินไป และตอนนี้ได้รับผลตอบแทนแล้ว

“ข้าก็ทำได้ดีไม่ใช่หรือ? บางครั้งข้าก็ต้องการทำอะไรดีๆ แต่ไม่มีโอกาสได้ทำ!” เจ้าอ้วนไห่รู้สึกว่าทุกคนอิจฉาตัวเขา ใครเล่าไม่อยากทำให้ดี ทำให้ดีก็ต้องยกย่อง ซึ่งเขาไม่ชอบ ในฐานะพี่ใหญ่ของคุณชายสามตระกูลเย่ว์ผู้โด่งดังไปทั้งโลก เขาต้องหลีกทางจนตัวเองไม่มีโอกาสได้ทำความดี

ดูเหมือนเขาลืมไปแล้วว่าเขาคือเจ้าอ้วนผู้ร้ายกาจ เขาคือจอมปีศาจอ้วน

นี่น่ะหรือดี?

เสวี่ยทันหลางยืนยันรับรอง  “คุณภาพของเจ้าอ้วนยังมีอยู่”

เจ้าอ้วนไห่ตื้นตันจนหลั่งน้ำตา  “ข้ารู้ หนุ่มน้ำแข็งเข้าใจข้าอย่างแท้จริง!

เกี่ยวกับความเชื่อพื้นฐานของเสวี่ยทันหลาง เจ้าอ้วนไห่รีบเดินเข้ามาหาทันที  “ไม่ต้องเข้ามาใกล้ ข้าหมายความว่าคุณภาพส่วนตัวของเจ้ามี แต่เมื่อเจ้าทำสัญญากับนกนางนวลไปแล้ว มันมีแต่อ่อนแอลง”

เย่คงกลั้นหัวเราะและช่วยเตือนความจำเขาอย่างจริงจัง  “ดูเหมือนว่านี่เป็นเรื่องจริง  เจ้าอ้วนไห่ไม่เคยมีคุณภาพความเป็นคนเลยตั้งแต่นั้น แต่เขาชอบทำเรื่องให้สวรรค์พิโรธหลายอย่าง เช่นทำลายดอกไม้ ต้นไม้....”  พี่น้องตระกูลหลี่เห็นด้วยกับเย่คงว่าเจ้าอ้วนไห่มีคะแนนติดลบ  เขาปรบมือสนับสนุน เจ้าอ้วนไห่มีสามร้อยปากก็ยากจะพูด

เมื่อเขาเห็นนางนวลสายลมรังเกียจเขาไม่ยอมเข้าใกล้ เขาอดเสียใจไม่ได้  “ข้าอยากตายจริงๆ ไม่มีใครห้ามข้าเลย!

“เจ้าแน่ใจหรือ? สาวเจ้ากำลังจะไปหาคนอื่น!  เย่คงล้อเขา

“ไม่, ข้าจะไม่ทำพฤติกรรมของคนขี้ขลาด ข้าต้องเอาชนะข่าวลือ ข้าต้องอดทนจนถึงที่สุด เพื่อยาหยีของข้า  ข้าจะไม่ยอมแพ้!  เจ้าอ้วนไห่เมื่อได้ยินเกิดแรงฮึดสู้ทันที เขาไม่ทันได้เช็ดน้ำตาปลอมก็วิ่งเข้าหานกนางนวลสายลมทันที  “คนพวกนั้นเกลียดข้า เจ้าก็รู้ อัจฉริยะผู้โชคดีอย่างข้า  ว่ากันจากใจจริงตั้งแต่เริ่มต้นข้ามีเพียงแรดหนังเหล็กชั้นบรอนซ์ระดับสอง... ในตอนนั้นเย่ว์หยางมีเพียงฮุยไท่หลาง มันอยู่ชั้นบรอนซ์ระดับสาม  เจ้าว่าพวกเขาไม่อิจฉาข้าหรือ?”

“อย่าเข้ามาใกล้ข้า อ๊า.. เจ้าหาที่ตาย!  นกนางนวลสายลมโมโหเตะเจ้าอ้วนลอยขึ้นสวรรค์เก้าชั้นฟ้า

ขณะรอให้เจ้าอ้วนไห่ร่วงลงมาจากท้องฟ้า

นางเห็นเท้าคู่หนึ่งอยู่ข้างหน้า

ดูเหมือนจะคุ้นเคยมาก ดูเหมือนว่านางอยากจะเห็น

เมื่อนางนวลสายลมเงยหน้ามอง นางเห็นคนที่ไม่น่าเป็นไปได้มายืนอยู่ต่อหน้านาง  นางอ้าปากกว้างค้างแทบจะยัดคางคกได้สองตัว

เย่ว์คงและเสวี่ยทันหลางกับพวกตกใจ เพราะคนที่มาถึงนี้คือเย่ว์หยาง ตามข้อมูลที่ได้รับจากเจ้าแม่จันทราก่อนหน้านี้  คุณชายสามตระกูลเย่ว์ควรจะไปที่ภูเขากวงหมิงในแดนสวรรค์เพื่อหาเรื่องสู้กับเทียนอี้  แต่เขามาปรากฏตัวที่นี่ได้อย่างไร?

เป็นไปได้ไหมว่า.....

“เจ้าเป็นตัวปลอมที่ทำให้เราคุณชายรำคาญที่สุด การปลอมตัวเป็นเหมือนศิษย์น้องข้า เจ้าไม่รู้หรือว่ามันทำให้ข้าโกรธ?”  เจ้าอ้วนไห่ไม่สนใจว่าสามคูณเจ็ดได้ยี่สิบเอ็ดหรือไม่ ใครก็ตามที่หล่อกว่าเขา งามสง่ากว่าเขา ปกติแล้วเขาจะไม่กล้าสู้กับเย่ว์หยาง แต่ตอนนี้ข้างหน้านี้เป็นตัวปลอมเขาง้างหมัดและใช้วิชาหมัดฮิปโปดาวตกทันที

“เฮ้, รอเดี๋ยว!  เย่คงยังมึนงงสับสน  ถามก่อนแล้วค่อยสู้อีกครั้งก็ได้ ทำไมต้องกังวล

นางนวลสายลมยิงพลังกระแสไฟฟ้า  แต่...

เท้าบิน

เตะใส่สะโพกเจ้าอ้วนไห่อย่างแรง

เจ้าอ้วนไห่หัวทิ่มโคลนตามแรงเตะ แทบไม่ต่างอะไรกับสุนัขแทะโคลน

เย่ว์หยางมีความเป็นมิตรเสมอ  เขาไม่ถือสาที่เจ้าอ้วนใช้หมัดต่อยเขา  เขาพยุงเจ้าอ้วนไห่ขึ้น จัดคอเสื้อให้เขาพลางยิ้มกล่าว “นี่ลูกพี่ไห่ไม่ใช่หรือ? วันนี้สุภาพเกินไปหรือเปล่า? ถ้าเจ้าดีใจที่ได้พบข้า ไม่เห็นต้องให้ของขวัญข้าแบบนี้เลย!  ข้ามิกล้ารับ  เจ้าเป็นลูกพี่ ถ้าเจ้าไม่คุ้มกันผู้น้อง อย่างนั้นเจ้าต้อง...”

เย่คงเมื่อได้ยิน

เขารีบผลักเจ้าอ้วนไห่ออกไปห่างๆ

ตราบใดที่เย่ว์หยางเรียกเจ้าอ้วนไห่ว่าลูกพี่ นั่นไม่ใช่เรื่องดีแน่

ถ้าไม่อาจทนเข้าใจผิดจนตาย บางทีการอยู่ห่างๆ จากเจ้าอ้วนไห่ยังปลอดภัยมากกว่า

ผู้ที่แสดงความเห็นอกเห็นใจเขาก็คือเสวี่ยทันหลางและองค์ชายเทียนหลัว  แน่นอนว่าพวกเขาดีใจที่เห็นเย่ว์หยางกลับมาได้ แต่กลับตรงข้ามกับเจ้าอ้วนไห่ที่โชคร้าย

อย่าว่าแต่พวกเขาเลย แม้แต่สาวนางนวลสายลมที่สูญเสียความทรงจำและลืมเรื่องในอดีต ก็ยังรู้สึกได้ถึงอันตรายที่อธิบายไม่ได้

“แน่นอน ในฐานะพี่ใหญ่ ข้าปกป้องเจ้าเสมอ เจ้าไม่ต้องกลัว ถ้าเกิดอะไรขึ้นให้มองหาข้าคุณชายไห่ เรื่องใหญ่แค่ไหนข้าสามารถรับได้!  คนที่สามารถสู้กับเจตจำนงฟ้าในตำนานได้ ก็คือข้า คุณชายผู้นี้  เอาเถอะน่า ข้ารู้ว่าเมื่อข้าเห็นเจ้าพบกับความยากลำบากบางอย่าง ด้วยความแข็งแกร่งของเจ้า เจ้าไม่สามารถแก้ปัญหาด้วยตนเองได้  ดังนั้นเจ้าถึงได้มาหาพี่ใหญ่ผู้ทรงพลังแข็งแกร่งผู้นี้ใช่ไหม?

“ใช่ ใช่แล้ว สมกับเป็นลูกพี่จริงๆ”  เย่ว์หยางชูนิ้วโป้งให้

“ฮ่าฮ่า, เจ้าคิดว่าลูกพี่อย่างข้ามีไว้เพื่ออะไรกัน?  ข้าเป็นลูกพี่ผู้ฉลาดที่สุดในโลก!” เจ้าอ้วนไห่ยิ้มกว้าง

“ข้าเคยรู้จักคนงี่เง่าแบบนี้มาก่อนหรือ?”  สาวนางนวลสายลมสับสนขณะมองดูเย่คงและพวก  นางเองไม่ได้เป็นนกตาบอด นางติดตามเจ้านายผิดคนหรือไม่?  เย่คงรีบปลอบนาง  “ไม่เป็นไร, โรคโง่แบบนี้ไม่มีการแพร่เชื้อ!

พี่น้องตระกูลหลี่พยักหน้ายืนยันข้อพิสูจน์

เสวี่ยทันหลางและองค์ชายเทียนหลัวมองหน้ากันเอง มีปัญหาอะไรที่เย่ว์หยางคลี่คลายไม่ได้หรือ?  จำเป็นต้องให้กลุ่มพวกเขาลงมือด้วยหรือ?

แปลก

คุณชายสามตระกูลเย่ว์นี่เป็นตัวปลอมหรือเปล่า?

ดูท่าทางของเจ้าอ้วนไห่ที่กำลังจะถูกทุบตาย ไม่ได้รู้สึกอะไรเลย เห็นได้ชัดว่านี่คือคุณชายสามตระกูลเย่ว์ที่เตรียมจะมอบภารกิจ  มีงานอะไรที่พวกเขาต้องลงมือเองจริงๆ?   เมื่อทั้งสองคิดเช่นนั้น ต้องบอกว่าความสงสัยฆ่าแมวได้

“ในฐานะที่เป็นลูกพี่ที่ซื่อตรงน่าเกรงขาม ไม่มีเหตุผลใดที่ข้าจะไม่ยืนยันลงมือทำเพื่อเจ้า!  เจ้าอ้วนไห่ไม่ได้พูดว่าต่อเป็นเป็นดงดาบภูเขากระบี่ก็จะทำ

“ความจริงเป็นเรื่องง่าย!  เย่ว์หยางยิ้มสดใสราวกับดวงอาทิตย์

“ดูเหมือนว่าเรื่องนี้คงเหลือทน!  เย่คงเห็นสีหน้าอารมณ์ของเด็กหนุ่มข้ามโลกก็รู้ว่านี่เรื่องเล็ก  ถ้าเขายิ้มง่าย นั่นแสดงว่าเป็นงานหินมากขึ้น  ในทางกลับกันหากเขามีใบหน้าที่จริงจังและดุด่าผู้คนอย่างไม่ไว้หน้าจนพวกเขาแทบแทรกแผ่นดินหนี นั่นอาจจะดีกว่า การยิ้มสดใสดุจพระอาทิตย์อย่างนี้ นั่นเป็นเรื่องหนักหนาสาหัส ถึงขั้นคอขาดบาดตาย

“ว่าไป”  เจ้าอ้วนไห่ตบหน้าอกจนไขมันกระเพื่อม ตอนนี้นับประสาอะไรที่ต้องการให้เขาช่วย แม้กระทั่งคิดจะปล่อยให้เขาไปตาย เขาจะบอกโดยไม่ลังเลเลยว่า ไม่? ล้อเล่นน่า.. เมื่ออยู่ต่อหน้าน้องๆ  ลูกพี่ก็ควรทำตัวให้เป็นลูกพี่ตัวอย่าง!

“นั่นสินะ ในฐานะผู้น้องของเจ้า ข้ากำลังยุ่งมาก และต้องกังวลอีกหลายเรื่อง  เจ้าเป็นลูกพี่ค่อนข้างสบายๆ โดยทั่วไปแล้วข้าใช้แรงตัวเองได้ แต่ในเวลานี้ข้ายุ่งเกินไป ไม่สามารถแบ่งเวลาให้ตัวเองได้”  เย่ว์หยางมีเหตุผลที่จะขอให้ลูกพี่ช่วย เป็นไปไม่ได้ที่จะสร้างปัญหาอย่างไม่มีเหตุผล  เจ้าอ้วนไห่รู้สึกตื้นตันใจมากเมื่อได้ยินเช่นนี้  ในฐานะลูกพี่ที่มีความสุข การไม่ช่วยแบ่งภาระปัญหาผู้เป็นน้อง นี่เขายังจะเป็นลูกพี่ที่ดีอยู่หรือไม่?

เจ้าอ้วนไห่กำลังจะพูด เย่ว์หยางรีบห้าม “ข้ารู้ว่าเจ้าหมายถึงอะไร และข้าก็รู้ว่าเจ้าเป็นลูกพี่ที่ดี ข้าควรทำหน้าที่ที่ข้าพึงทำ ลูกพี่ควรไปตามจีบสาว มีความสุขกับชีวิต ข้าไม่มีเงื่อนไขอะไรแม้แต่น้อย  อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ต้องเป็นลูกพี่ถึงจะทำได้  ถึงข้าอยากจะทำแต่ไม่มีคุณสมบัติเพียงพอ

เย่คงอดหน้ามืดไม่ได้ เจ้าอ้วนไห่อาจตายได้ในครั้งนี้ ยากนักที่คุณชายสามจะเรียกเขาว่าลูกพี่ แต่นี่เขาเรียกเจ้าอ้วนไห่เป็นลูกพี่หลายครั้งแล้ว  เจ้าอ้วนไห่จะรอดชีวิตได้จริงๆ หรือ?

เสวี่ยทันหลางรู้สึกว่าตอนนี้เขาสามารถสร้างสุสานรอเจ้าอ้วนไห่ได้เลย

จะจารึกคำขวัญป้ายหลุมศพว่ายังไงต้องคิดให้ดีเสียก่อน อย่างเช่นว่า โรคโง่ไม่มีการติดเชื้อ

“ต้องการให้ข้าลงมือทำเรื่องอะไรหือ?”  เจ้าอ้วนไห่ตื่นเต้น ช่วงเวลาสำคัญในชีวิตที่เขาจะได้รับบทเด่นมาถึงแล้ว

“ทำลายวงกตมิติเวลา”  เด็กหนุ่มจากโลกอื่นอธิบายด้วยความอดทน เขากางแขนโอบไหล่เจ้าอ้วน และทำตัวอย่างเป็นกันเองมาก  “วงกตมิติเวลานี้ไม่ยากจะทำลาย แต่ข้าผู้น้องต้องทำ เพราะสถานะยังอ่อนด้อยอยู่  เจ้าบ้าเทียนอี้จะต้องรู้ ดังนั้นข้าไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ ข้าจึงต้องอาศัยลูกพี่”

“ฮ่าฮ่า, ตอนนี้เจ้ารู้แล้วใช่ไหมว่าข้าร้ายกาจแค่ไหน!  เจ้าอ้วนไห่ขยิบตาให้เย่คงกับพวกที่ซ่อนตัวอยู่ห่างไกล แต่คนพวกนี้ปฏิเสธจะร่วมมือ ทำให้เขาไม่สบายใจจริงๆ  เมื่อมองกลับไปที่เด็กหนุ่มข้ามโลก  ยิ่งมองก็ยิ่งเพลินตา สมแล้วที่เป็นศิษย์น้องของตัวเขา เขาคงต้องมอบหมายงานสำคัญๆ ให้พี่ใหญ่ได้ภูมิใจแน่นอน แทบจะเหมือนกับภูเขาไฟระเบิด ความภักดีในอก ถ้าไม่ได้ระบายออกมาก็คงอึดอัด  ในที่สุดเขาก็โพล่งคำพูดออกมา “ได้เลย ปล่อยให้เป็นหน้าที่พี่ใหญ่อย่างข้า!

“เป็นอันตกลง!  เย่ว์หยางยกนิ้วหัวแม่มือให้เขาอย่างไม่ลังเล

“ตอนนี้มีเวลาเท่าไหร่?”  เจ้าอ้วนไห่ตื่นเต้นจำได้เลาๆ ว่าเจ้าบ้าตงฟางนับเวลาถอยหลังไว้ในวงกตมิติเวลา

“มีเวลามาก หนึ่งวันเต็ม”  เย่ว์หยางบอกว่าเวลาไม่เป็นปัญหาแม้แต่น้อย ในเวลาหนึ่งวันเต็มย่อมทำอะไรได้หลายอย่างไม่ใช่หรือ? เปลี่ยนเป็นยอดนักรบระดับเทพ ก็ง่ายที่จะทำลายโลกได้

“ไม่เป็นไร เอาตามนั้น”  เจ้าอ้วนไห่รู้สึกว่าเขาสามารถทำอะไรได้หลายอย่างในวันเดียว

“ทำลายวงกตมิติเวลาขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว ข้าต้องรีบไปดูสนามรบอื่นซึ่งมีการต่อสู้อย่างยากลำบาก”  เย่ว์หยางโบกมือลาเจ้าอ้วนไห่

“ไปได้เลย ที่นี่ปล่อยให้เป็นหน้าที่ข้าผู้เป็นพี่ใหญ่ เจ้าไม่ต้องห่วง!  เจ้าอ้วนไห่ตื่นเต้นจนลืมแซ่ตระกูลไปแล้ว เขาโบกมือให้เด็กหนุ่มข้ามโลกเป็นการรับประกัน

“รอเดี๋ยว...” เย่คงรีบห้าม  “ทำลายวงกตมิติเวลา เราต้องทำอะไร?”

“ง่ายมาก, ข้าได้ทำเครื่องหมายไว้ตามเส้นทางเขาวงกตแล้ว  พวกเจ้าจะไม่มีความสับสนอีกต่อไปและจะไม่พบกับภาพลวงตา  ตราบใดที่พวกเจ้าเดินไปจนสุดทางและตะลุยผ่านด่านทดสอบเอาชนะตัวหัวหน้านั้น ภารกิจเป็นอันสำเร็จได้อย่างง่ายดาย”  เย่ว์หยางพูดง่ายๆ ราวกับกินถั่ว

“ถามหน่อยได้ไหม เขาวงกตนี้มีอยู่กี่ด่าน กี่ระดับ?”  องค์ชายเทียนหลัวถามอย่างระมัดระวังมาก

“อ่า..ก็ไม่มาก  แค่ร้อยด่านเอง”  ร้อยด่านของเด็กหนุ่มข้ามโลกเป็นจำนวนเล็กน้อย

“ร้อยด่าน?”  เสวี่ยทันหลางรู้สึกเหมือนฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ

“ผู้พิทักษ์ด่านไม่ใช่นักสู้ระดับเทพจากแดนสวรรค์บนหรือตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ใช่ไหม?”  เย่คงมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี

“ก็ไม่ใช่ระดับเทพทั้งหมด มีพวกอ่อนแอปนเปอยู่บ้าง  นอกจากนี้นักสู้ระดับเทพ ข้าได้ฆ่าแทนพวกเจ้าไปสองสามคนแล้ว ราชันย์ไร้ใจที่ร้ายกาจที่สุดก็ติดอยู่ในดินแดนแห่งความฝัน พวกเจ้าสามารถสู้กับบางคนได้อย่างง่ายดาย”  เย่ว์หยางพูดง่ายๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

“โธ่เอ๊ย..แล้วเราจะเอาชนะได้อย่างไร?”  เย่คงเมื่อได้ยินว่าคู่ต่อสู้คือราชันย์ไร้ใจ เขาอดหลั่งเหงื่อเยียบเย็นไม่ได้  แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าราชันย์ไร้ใจแข็งแกร่งแค่ไหนก็ตาม เขาไม่สามารถซ่อนความกลัวไว้ได้  ใช้แค่นิ้วเดียว ก็สามารถฆ่าพวกเขาทั้งหมดได้ นี่ไม่ใช่ภารกิจเลย  แต่เป็นความตาย

“ไม่เป็นไร, เจ้าไปทำธุระของเจ้า  เราจะจัดการเอง”  ในความคิดของเจ้าอ้วนไห่ มีแต่เขาเท่านั้นที่คู่ควรเป็นพี่ใหญ่  คนอื่นไม่คู่ควร

“จัดการมารดาเจ้าเถอะ  เจ้ามีธุระ เจ้าก็ต้องใช้ความสามารถทำ  เราทำไม่ได้แน่” เย่คงแทบจะเป็นลม

“.......” เสวี่ยทันหลางพูดไม่ออก

มันเจ็บปวดมากเมื่อสู้กับร่างอวตารจางเว่ยครั้งแล้วครั้งเล่า ยังจะมีสามราชันย์อาวุโสของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์  เจ้าจะสู้อย่างไร?   ภารกิจนี้ถ้าไม่ใช่เพราะอีกฝ่ายเป็นพี่เขย  อย่างนั้นเขาต้องคิดว่าฝ่ายตรงข้ามบ้าไปแล้ว

สามราชันย์ตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์สามารถทำให้พวกผู้เยาว์เหล่านี้สั่นกลัวได้หรือไม่?

แม้ว่าราชันย์ไร้ใจผู้แข็งแกร่งที่สุดจะติดอยู่ในความฝัน แต่นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญ ยังมีจ้าวภูผาและราชันย์ไร้พ่ายอีกสองคน!  ต่อให้พวกเขาไม่อยู่ที่นั่น แต่ก็ยังมีคนอื่นอีก!

สำหรับพวกเขายกเว้นเจ้าอ้วนไห่ ทุกคนกำลังจะหาเรื่องคัดค้านเด็กหนุ่มข้ามโลก  มีอยู่คนเดียวที่เห็นใจคือเจ้าอ้วนไห่? แต่พวกเขาไม่มีเวลาที่จะพูดคัดค้านเรื่องนี้ เจ้าอ้วนไห่เป็นลูกพี่ไม่ใช่หรือ?  แน่นอนว่าลูกพี่ย่อมต้องรับงานหนักอยู่แล้ว เพื่อให้ทุกคนสงบอารมณ์ลงเล็กน้อย เย่ว์หยางผู้รอบรู้และใจดี ได้ยื่นข้อเสนอที่ยอดเยี่ยม “หากไม่มีบัลลังก์เทพพวกเจ้าคงจะทำงานลำบาก  ความจริงข้าใช้ประโยชน์จากพลังเทพพวกเจ้าเป็นการส่วนตัว ดูจากความสูงของรัศมีพลังเทพของพวกเจ้าที่พวกเจ้าได้แบกพลังเทพชะตาก่อนนั้น ข้าจะให้พวกเจ้ายืมพลังเทพสักเล็กน้อยเป็นการชั่วคราว

“นั่นจะดีหรือ?” เย่คงและพวกตะลึงเมื่อได้ยิน

“ข้าจะให้ตราเทพกับพวกเจ้าแต่ละคน ซึ่งจะเป็นพื้นฐานของบัลลังก์เทพในอนาคต แน่นอน พวกเจ้าจะยังไม่มีบัลลังก์เทพก่อน  นี่เป็นสิ่งที่ข้าให้ยืมใช้ชั่วคราว พวกเจ้าสามารถใช้ตราเทพซึ่งจะทำให้พวกเจ้ามีพลังเทพอยู่ในมือในการต่อสู้ครั้งนี้” เย่ว์หยางชี้นิ้ว

รังสีเทพนับไม่ถ้วน

พุ่งเข้าหาระหว่างคิ้วของทุกคน

ทันใดนั้นร่างเทพซึ่งเป็นภาพมีลักษณะใกล้เคียงมนุษย์ลอยขึ้นมาจากทางด้านบนศีรษะของเจ้าอ้วนไห่ เย่คง เสวี่ยทันหลางและองค์ชายเทียนหลัวกับพวก

เย่ว์หยางไม่รอให้ทุกคนได้ดีใจหันหายจากไป แต่ไม่ลืมบอกทุกคน “นี่เป็นทุนส่วนตัวที่ข้าให้พวกเจ้ายืม ดอกเบี้ยต้องใช้คืนด้วย  เก้าต่อสิบสาม”

ถ้าไม่ใช่เพราะประโยคนี้ภาพพจน์ของเด็กหนุ่มข้ามโลกคงจะดูสูงส่งทรงพลังมาก

แต่เพราะประโยคนี้เท่านั้น

แม้แต่คนที่เยือกเย็นที่สุดอย่างเสวี่ยทันหลางยังอดสงสัยเขาไม่ได้เลย “ถ้าคนผู้นี้ทำธุรกิจกับใคร น่ากลัวว่าคนที่ทำธุระด้วยคงไม่เหลือแม้แต่กระดูก พี่สาวข้าแต่งงานกับคนแบบนี้ได้ยังไง น่าสงสัย?”

**** **** ****

6 ความคิดเห็น:

blakaros กล่าวว่า...

ขนาดใช้งานคนอื่นยังมีคิดดอกเบี้ย สมเป็นพี่เย่ว์จริงๆ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณค้าบ

BJ กล่าวว่า...

ยังอุตส่าคิดดอก

CHANTANA กล่าวว่า...

ยังฯมีดอกอีก

Pcha กล่าวว่า...

งกเหมือนเดิม

Lazykuma กล่าวว่า...

นี้แหละคือตัวจริง555

แสดงความคิดเห็น