วันศุกร์ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2563

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 1389 นั่นคือทางที่ข้าเปิดไม่ใช่หรือ?

 

ตอนที่ 1389    นั่นคือทางที่ข้าเปิดไม่ใช่หรือ?

“ไม่เลว ข้าชอบทางเลือกนี้” เทียนอี้ไม่สนใจทางเลือกสู้ของเสวี่ยอู๋เสีย ไม่สนใจที่พวกนางโจมตีทะเลมรณะ

 

สำหรับเขา

ศัตรูที่เหมือนมดแมลง ไม่ว่าพวกเขาจะทำอะไร ก็ไม่คู่ควรแก่การเอ่ยอ้าง

เช่นเดียวกับตงฟางบุรุษที่ได้ชื่อว่าเป็นนักยุทธศาสตร์อันดับหนึ่งของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ สติปัญญาของเขาฉลาดกว่าคนทั่วไป จากนั้นแล้วยังไง? ต่อหน้านักสู้ระดับเทพยอดฝีมือ ปัญญาสูงส่งจะใช้การอะไรได้?  มดแมลงสามารถคำนวณวางแผนเพื่อเอาชนะเทพได้หรือไม่? พลังความแข็งแกร่งคือหลักประกันที่แท้จริง และเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับทุกอย่าง นี่คือความจริงหนึ่งเดียวในแดนสวรรค์

และความจริงนี้อยู่ในมือของเขาเอง นอกจากนี้เทียนอี้ไม่เคยคิดว่าใครหน้าไหนในโลกนี้จะมีพลังเหนือกว่าเขา

แม้แต่ตงฟางก็ยังเป็นไปไม่ได้

หากตัวเขาเองมีความคิดผ่อนคลายเรื่องการฝึกปรือ เมื่อนั้นบุคคลอันดับหนึ่งจะกลายเป็นตงฟางแห่งตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์หรือไม่

“ปล่อยพวกนางไป และจากนั้นเล่นกับพวกมัน ฆ่าพวกมันได้ตามที่พวกเจ้าต้องการ!” เทียนอี้ตะโกนบอกบริวารนักรบตำหนักกลางให้ปล่อยเย่คงและเจ้าอ้วนไห่กับคนอื่น เขาชี้และยิงพลังไปที่เย่คง เจ้าอ้วนไห่และพวกนักรบจากสามเผ่าพันธุ์ใหญ่ของหอทงเทียนลอยขึ้นไปในท้องฟ้า แต่ละคนเหมือนกับดาวตกพุ่งเข้าไปยังวิหารส่วนต่างๆ

ในที่นั่นเย่คง เจ้าอ้วนไห่ และคนอื่นๆ จะต้องพบกับกฎสวรรค์ที่หนักหน่วงที่สุด และถูกทัณฑ์ทรมานที่เจ็บปวดที่สุด

พลังของพวกเขาจะถูกลดจำกัดลงจนอ่อนแอ

ทุกวินาที

พวกเขาจะถูกทำร้ายอย่างเจ็บปวดและสิ้นหวัง

ในวิหารส่วนต่างๆ บริวารของเทียนอี้จะได้รับพลังสนับสนุนเสริมมีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้น

“ขอท่านประมุขสูงสุดโปรดอนุญาตให้เราได้ตายเพื่อท่านเพื่อแสดงความภักดี ความจงรักภักดีของพวกเรามั่นคงดุจภูเขากวงหมิงตลอดกาล” เทพสังหารถูซื่อ ถูว่านและยอดฝีมือที่ยังรอดชีวิตของแดนสวรรค์และผู้ติดตามตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนี้ หลังจากเปลี่ยนใจอย่างเงียบๆ  ทุกคนคุกเข่าต่อหน้าเจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้ จุมพิตแผ่นดินใกล้เท้าของเขาขอโอกาสรับใช้ว่าที่เทพจอมราชันย์ในอนาคต

“ไปเถิด จงไปทำตามที่พวกเจ้าชอบใจ และเชื่อมั่นในสิ่งที่เจ้าเลือก  ข้าผู้เป็นเทพรับประกันได้ว่าความพยายามของพวกเจ้าจะได้รับผลตอบแทน”  เทียนอี้ไม่ทำแม้แต่จะเหลือบมองพวกเขา

อย่างไรก็ตามเขาไม่ปฏิเสธความจงรักภักดีของมดแมลงเหล่านี้

คนที่เขาให้ความสนใจมีเพียงคนเดียว นั่นคือเย่ว์หยาง ผู้มีคุณสมบัติที่จะได้เป็นเทพจอมราชันย์อีกคนหนึ่ง

เทียนอี้หาวอย่างไม่สนใจอะไร  เขากล่าวเร่งรัดเย่ว์หยาง  “คุณชายสามตระกูลเย่ว์  ถ้ายังมีไม้ตายเล็กน้อยอะไร ก็จงรีบนำออกมาใช้ให้หมด มิฉะนั้นการประลองครั้งนี้จะน่าเบื่อเกินไป!

เย่ว์หยางไม่สนใจโต้คารม และเขารีบรวบรวมพลังเทพส่งไปสนับสนุนนักรบหอทงเทียนที่อยู่ในวิหารต่างๆ  ถ้าเขาไม่ทำ เย่คง เจ้าอ้วนไห่ และคนอื่นๆ จะอยู่รอดได้ไม่ถึงหนึ่งนาที เทียนอี้มองดูเงียบๆ และไม่แทรกแซงขัดขวางเย่ว์หยาง แต่สีหน้าของเขาแปลกประหลาดเล็กน้อย เหมือนกับว่าเขาคงจะเสียใจไปตลอดชีวิตถ้าไม่บีบบังคับให้เย่ว์หยางถึงจุดจบของชีวิต

“เจ้ามีไม้ตายสำคัญอยู่ในมือแท้ๆ แต่ทำไมไม่เอาออกมาใช้?” เทียนอี้เชื่อในสัญชาตญาณของเขา

“ไม่ต้องห่วง ข้าจะใช้เมื่อถึงเวลา” เย่ว์หยางบอกว่านี่ยังไม่ถึงเวลาใช้

“ถ้าอย่างนั้นก็มาสู้กันต่อ” เทียนอี้ตัดสินใจเพิ่มแรงกดดัน

เขาสงสัยว่ายังจะมีผู้พิทักษ์อยู่เบื้องหลังเจ้าเด็กนี่หรือไม่ หรือว่าจนถึงช่วงวิกฤตสุดท้ายผู้พิทักษ์นั้นจะออกมาขัดขวาง

บางทีผู้พิทักษ์นี้อาจไม่ใช่สิ่งที่เจ้าเด็กนี่สามารถควบคุมได้ หรืออาจแค่ปกป้องชีวิตของเขาแต่ไม่ยุ่งเกี่ยวการดำเนินชีวิตของเขา มีความเป็นไปได้อื่นแน่นอน แม้ว่าเขาจะมีผู้พิทักษ์คุ้มครอง แต่ไม่สามารถขัดขวางการประลองชะตาได้ ถ้าเป็นอย่างหลัง อย่างเทียนอี้รู้สึกว่าเขาคงสามารถสนุกกับการประลองก่อนเลื่อนไปเป็นเทพจอมราชันย์

ไม่ นี่ไม่ใช่การประลองเลย

มันคือการเข่นฆ่า

เย่ว์ไตตันที่อยู่ต่อหน้าเขา แม้ว่าเขาจะได้รับเลือกให้ประลองชะตาอันศักดิ์สิทธิ์ในครั้งนี้ แต่ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาเลยแม้แต่น้อย  เทียบไม่ได้แม้แต่นิ้วเดียวของเขา....

“ผู้คนดิ้นรนอย่างลำบาก  มอบของขวัญให้เจ้า!  เทียนอี้เงื้อมือสูง  รังสีเทพของเขาดูยิ่งใหญ่มาก  แสงเทพนับล้านเสมือนดอกไม้ไฟส่องแสงสีเงินสาดไปทั่วโลกแกนสมดุล  กฎสวรรค์พิเศษที่ยอดเยี่ยมเช่นเดียวกับตาข่าย แผ่ขยายไปทั่วโลกแกนสมดุล ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ใดล้วนตกอยู่ในตาข่ายฟ้านี้

เหมือนกับอวน

ถึงตอนนี้เสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนที่เพิ่งเข้ามาในทะเลมรณะพร้อมกับทางเดินแก้วผลึกที่สร้างโดยกำแพงปราณ ถูกกฎสวรรค์ตาข่ายฟ้าจับได้ทันที

บนเส้นทางที่เย่คง เจ้าอ้วนไห่ เสวี่ยทันหลางและนักรบหอทงเทียนถูกคร่ากุมไป

วิหารของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ที่มาอยู่ในโลกแกนสมดุลมีอสูรแมงมุมออกมามากมาย

พวกมันบ้าคลั่ง

กระโจนเข้าหาศัตรูที่ถูกจำกัดโดยกฎตาข่ายฟ้า

“แมงมุมมากมายนัก!” หน้าของเสวี่ยอู๋เสียแสดงความรังเกียจ นางกวาดมือที่งดงามเหมือนหยก ด้วยพลังปัญญาอันสูงส่ง หิมะน้ำแข็งที่กำเนิดมาแต่ยุคโบราณตกทอดจากรุ่นสู่รุ่นกวาดแผ่ขยายไปทั่วโลกแกนสมดุล  ในพริบตาอสูรที่โผล่ออกมาจากตำหนักวิหารต่างๆ กลายเป็นซากถูกแช่แข็งทั้งหมด เทียนอี้มีสีหน้าตะลึงเล็กน้อย มือขวาของเสวี่ยอู๋เสียถือดวงแก้วเทพชะตาที่แสดงถึงภูมิปัญญาในการขจัดอุปสรรค และดูเหมือนเพียงหมัดเดียว ตาข่ายฟ้าที่จำกัดนางไว้ได้ก็หายไปทันที และกฏสวรรค์และโลกกลับฟื้นฟูเหมือนก่อนนั้น

“เราสู้ด้วยกัน” เจ้าแม่จันทราและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนเข้ามาช่วยตัดตาข่ายฟ้าและอี้หนานและเย่ว์ปิงอยู่ที่ใจกลาง

“แล้วเจ้าเล่า? จะไม่ทำอะไรเลยหรือ?”  เทียนอี้หันไปมองเย่ว์หยาง

ทันทีที่เขาพูดจบ ความเย็นในโลกแกนสมดุลหายไปอีกครั้งและมีอสูรแมงมุมนับไม่ถ้วนวิ่งออกมาจากในวิหารอย่างไม่รู้จักเหนื่อย หนุนเนื่องเข้ามาในหอทงเทียน

เย่ว์หยางไม่ทำอะไร เขามองดูข้างบนตำแหน่งประตูเทพโบราณ

เทียนอี้ประหลาดใจเล็กน้อย

คุณชายสามตระกูลเย่ว์กำลังรอกำลังเสริมหรือ?

แต่แม้ว่าจะมีกำลังเสริม ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะเข้ามาในประตูเทพโบราณนี้ได้ไม่ใช่หรือ?  ตอนนี้การประลองชะตาเริ่มขึ้นแล้ว ไม่มีใครสามารถผ่านเข้ามาจากประตูเทพได้

ขณะที่เทียนอี้สงสัย ประตูเทพโบราณก็ส่งเสียงดังขึ้น  ดูเหมือนว่าจะมีใครบางคนขยับศีรษะขึ้นและได้ยินเสียงฮึดฮัด  มีทัพหนุนเสริมจริงๆ หรือ?  ก่อนที่เขาจะทันสนองตอบมีเสียงบึ้มอีกครั้ง   ครั้งนี้เป็นเสียงปะทะกันดังขึ้น  ใครกันที่ทุบประตูเทพ?  เทียนอี้มองดูเย่ว์หยางด้วยความประหลาดใจ และเห็นว่าคุณชายสามตระกูลเย่ว์หลั่งเหงื่อพรั่งพรู

“เปิดผิดวิธีหรือเปล่า?”  มีเสียงน่ารักดังขึ้น

“บึ้ม!

“......” ครั้งนี้ แม้แต่เทียนอี้ที่เป็นศัตรูก็พูดไม่ออก

“ปู่ประตูเทพ เปิดให้ข้าเข้าไปหน่อยเถอะ ข้ากำลังรีบ”  เสียงน่ารักดังขึ้นอีกครั้งโดยไม่สนใจกาละและเทศะ

ประตูเทพโบราณ เปิดรับคนน่ารักหน่อยได้ไหม?

เย่ว์หยางอดทำน้ำลายยืดไม่ได้

อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกเหลือเชื่อก็คือ เทพประตูโบราณเปิดพื้นที่ให้ครึ่งหนึ่งจริงๆ ปล่อยให้สาวน้อยผู้น่ารักข้างนอกพุ่งวาบเป็นประกายสีเขียวเข้ามา  ทันทีที่เข้ามาได้นางไม่สนใจใคร โผเข้าอ้อมกอดสุ่ยอู๋เหินร้องไห้ฟูมฟายอย่างน่าสงสาร  “แง้....พี่อู๋เหิน! ผู้อื่นหัวน่วมปูดเป็นลูกซาลาเปาไปแล้ว  มันแข็งมากจริงๆ แง้.....”

อู๋เหินรีบกอดและปลอบโยนนาง  “โอ๋ๆๆ ไม่ร้องนะ ไม่ร้อง เจ้าทำได้ดีมากเลยทีเดียว ทุกคนรู้ว่าปิงหยินเจ้าทำงานอย่างหนัก อย่าร้องเลยนะ!

หน้าของเย่ว์หยางมีเหงื่อเกาะพราว

เทียนอี้เฝ้าดูอยู่เป็นเวลานานและพบว่าเป็นแค่อสูรอมตะเด็กรูปร่างอ่อนแอและพลังอ่อนแอจนพูดไม่ออก

เสียเวลาเปล่า

ศิลาก้อนมหึมาที่ลอยอยู่บนท้องฟ้าร่วงลงมาบนพื้นอย่างง่ายดาย

“นี่คือไพ่ในมือของเจ้าใช่ไหม?”  ตอนนี้เทียนอี้รู้สึกเศร้าใจแทนเย่ว์หยาง ไพ่ในมือแบบนี้ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นไม่ว่าจะแสดงออกมาหรือไม่ก็ตาม  จากมุมมองของเทียนอี้ เขาเห็นว่าคู่ต่อสู้ของเขาไม่มีความมั่นใจในไพ่ใบนี้  เทียนอี้ตรวจสอบสาวกิเลนปิงหยินครั้งแล้วครั้งเล่าในที่สุดก็ตัดสินใจได้และยืนยัน   หากคุณชายสามตระกูลเย่ว์ไม่มีความเคลื่อนไหวที่ยิ่งใหญ่อื่นใด  การประลองครั้งนี้เขาคือผู้ชนะคนสุดท้ายและเป็นคนเดียว

“เจ้ามาทำอะไรที่นี่?” เย่ว์หยางคิดอยู่เดียวว่า สิ่งที่สาวกิเลนหยินจะช่วยได้ คือช่วยให้เหตุการณ์วุ่นวายหนักขึ้นไปอีก

“ข้าก็มาช่วย” สาวกิเลนปิงหยินชูกำปั้นน้อย

“ก็ได้” เย่ว์หยางชี้ไปในจุดที่ไกลๆ ออกไป  “เมื่อเจ้าไปอยู่ตรงนั้น และอยู่เงียบๆ ไม่ต้องพูดอะไร จะช่วยข้าได้มาก”

“ฮึ! ตั้งใจทำดีแต่ไม่มีรางวัล” สาวกิเลนปิงหยินเชิดจมูกฮึดฮัด  นางเป็นคนใจกว้างไม่ถือสาตัวร้ายข้ามโลก มิฉะนั้นจะไม่ยกโทษให้กับบุรุษที่ไร้เหตุผลผู้นี้  นี่เป็นการดูหมิ่นนางอย่างเห็นได้ชัด  ดีแต่ทำให้ตัวเองดูดี แต่ไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ...  มีความคิดมากมายผุดขึ้นในใจปิงหยิน นางต้องการให้เย่ว์หยางดูดี จึงปล่อยวางเรื่องอื่นไว้ทีหลัง 

เสวี่ยอู๋เสียมองดูที่กำมือของนางและถามด้วยความสงสัย “เจ้าถืออะไรอยู่หรือ?”

ปิงหยินค่อยรู้สึกตัวร้องลั่น

และรีบปล่อยทันที

แสงริบหรี่หลากสีสันกลับสู่สภาพเป็นร่างของคนกลุ่มใหญ่เต็มที่ปรากฏต่อสายตาทุกคน เพราะถูกย่อส่วนอยู่ในที่แคบนานเกินไปพวกเขาอดครวญครางด้วยความเจ็บปวดมิได้

ฉงฉีเด็กหนุ่มดื้อรั้นฟื้นตัวเร็วที่สุดเป็นคนแรก เขารีบวิ่งไปหาลูกพี่มังกรปีศาจ “อ๊า..ลูกพี่ ท่านกลายเป็นแบบนี้ได้ยังไง?”

“ถ้าเจ้าโดนค้อนประกาศิตสวรรค์ เจ้าคงต้องนอนเป็นสุนัขตายเหมือนกับข้านี่แหละ” มังกรปีศาจกรอกตา, เจ้าเด็กนี่แกล้งกันใช่ไหม?

“ใครทำอย่างนี้?  ข้าจะช่วยล้างแค้นให้ท่าน!  ฉงฉีหันไปรอบๆ  จากจุดที่มังกรปีศาจอยู่ เขารีบวิ่งไปที่เท้าของเย่ว์หยางทันที

“อย่าเชียว... ข้าไม่ยอมให้เจ้าเกาะแข้งเกาะขาข้าแน่  ขาของข้ามีไว้ให้สาวสวยกอดเท่านั้น” เย่ว์หยางจริงจังมากกับเรื่องนี้

“ได้โปรด, ช่วยเนรเทศข้าเถอะ”  ฉงฉีมีเหตุผลที่ต้องเกาะแข้งเกาะขาเขา

เขารู้ว่าผู้ที่มีความสามารถอยู่ในกลุ่มนั้นมีเพียงคนเดียวคือเย่ว์หยาง

แม้ว่าจะดูเหมือนเป็นเรื่องตลก

อย่างไรก็ตาม เขาไม่ใช่คนปัญญาอ่อนแน่นอน

น้ำเสียงของเย่ว์หยางคล้ายกับสาวกิเลนปิงหยิน  “มันก็ดีอยู่หรอก แต่ข้าไม่คุ้นเคยกับเจ้า”

การเนรเทศอสูรอมตะ เรื่องนี้ฟังดูเหมือนดี แต่ภายใต้สถานการณ์ปกติ คนมีสติปัญญาปกติจะไม่ทำเช่นนั้น เหตุผลก็คือเบื้องหลังของอสูรอมตะทุกตัวล้วนมีชาติตระกูล  ถ้ามีใครทำก็อาจเป็นการละเมิดตระกูลใหญ่หรือคนสำคัญผู้ยิ่งใหญ่ก็ได้

ทำไมเจ้าเนรเทศลูกข้าไปยังดินแดนชั้นต่ำ?

ถ้าเขาสามารถเถียงกลับดังๆ ได้ ก็ลูกพวกเจ้าก่อเรื่องใหญ่และข้าก็ทำเพื่อเขา  บางทีเขาแทบไม่อาจแบกรับเอาไว้ได้... ถ้าเจ้าถูกเนรเทศโดยไม่มีปัญหาก็คงดี เย่ว์หยางปกติก็ไม่เคยทำร้ายใครอย่างนั้น

ฉงฉีทำแบบนี้เกินไปหรือไม่?

การเนรเทศฉงฉีเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แต่การปลดผนึกให้จักรพรรดิทองและจักรพรรดิอสูรสักเล็กน้อยเป็นความต้องการเร่งด่วน ไม่พูดถึงเลยว่าเย่ว์หยางต้องการกำลังเสริมอย่างจักรพรรดิทองและจักรพรรดิอสูร อย่างน้อยกระดาษชำระก็ไม่ใช่ของสูญเปล่า

“ข้าขอร้องเจ้า ถ้าเจ้าไม่เนรเทศข้า ก็ต้องผนึกข้าไว้!  ฉงฉีเสนอทางเลือกอื่นอีก

ในฐานะอสูรอมตะมีกฎจำกัดไว้ว่า “คนอื่นไม่ล่วงเกินเรา เราไม่รุกรานคนอื่น”

หากผู้อื่นไม่โจมตีด้วยเจตนาร้าย ก็ไม่มีทางหาเรื่องต่อสู้ได้

กฎนี้เป็นเรื่องที่ดีต่ออสูรอมตะอื่น

และเป็นความโชคร้ายขนานใหญ่ของฉงฉีที่รักการต่อสู้มาโดยตลอด ดังนั้นเขาจึงไม่อยากทำตามกฎที่อสูรอมตะส่วนใหญ่เห็นด้วย ไม่อย่างนั้นมังกรปีศาจจะกลายเป็นแบบอย่างที่เขาเทิดทูนได้อย่างไร?  ถ้าเย่ว์หยางไม่เนรเทศก็ต้องผนึกเอาไว้  เป็นการดีที่สุดที่ผนึกสถานะอสูรอมตะไว้สักหลายร้อยหรือหลายพันปี แล้วค่อยฟื้นฟูภายหลัง  ถ้าฟื้นฟูสถานะไม่ได้นั่นเป็นเรื่องดี!

ฉงฉีพิจารณาถึงวิธีนี้

“เจ้าทำให้ข้าปวดหัวมากยิ่งขึ้น” เย่ว์หยางพูดไม่ออก

เนื่องจากลูกของบ้านอื่นเต็มใจจะลงไปลุยเอง คงเป็นเรื่องที่ไม่มีเหตุผลนักถ้าไม่ทำอะไรเลย

ผนึกแบบนี้สามารถฟื้นฟูได้ ต่างจากเนรเทศ เมื่อปีศาจเฒ่ารายรอบตัวเขาร้องขอให้ชดเชย เขาสามารถเตะส่งเจ้าผู้นี้กลับคืนไปได้ แม้จะไม่เต็มใจนัก

“ข้าขอร้อง ข้าอยากสู้ ข้ามีความฝัน” ฉงฉีกระตือรือร้น การได้ต่อสู้คือความสุข

“บอกไว้ล่วงหน้าเลย นี่เป็นเจ้าขอร้องข้าเองนะ” เย่ว์หยางเหมือนถูกบังคับจนทำอะไรไม่ถูก

“ได้เลยๆ ถือว่าข้าขอร้องอย่างจริงจัง” ฉงฉีให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่

“ในอนาคตหากผู้ใหญ่บ้านเจ้ามาเคาะประตูบ้านข้าขอคิดบัญชีกับข้า  เจ้าต้องพูดให้ชัดเจนเลยว่าไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับข้า” เย่ว์หยางปัดความรับผิดชอบเรื่องนี้ไปก่อน เขาเอาเยี่ยงอย่างเหลยฟงผู้ทำความดีโดยไม่ทิ้งชื่อเอาไว้  แต่การทำสิ่งเลวร้ายก็ยิ่งทำให้เสียชื่อได้

“รับรองได้ ไม่มีใครมาตามคิดบัญชีแน่ ครอบครัวข้าไม่เคยให้ความสนใจข้าอยู่แล้ว”  พฤติกรรมของฉงฉีที่ทำอยู่บ่อยๆ อาจทำให้ตระกูลของเขาเสียใจก็ได้

“ในเมื่อเจ้าจริงจังขนาดนั้นและขอร้องอย่างจริงใจ...” เย่ว์หยางคิดว่าเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ต้องโยนให้เป็นปัญหาครอบครัวที่อบรมกุลบุตรลูกหลานและแก้ไขปัญหาครอบครัวพวกเขาเอง  นอกจากนี้การผนึกยังคงมีทางให้ฟื้นฟูได้ ต่างจากการเนรเทศ  เรื่องสนุกแบบนี้ถือเป็นการละเล่นของเด็ก ไม่สายเกินไปที่จะปล่อยเขาในภายหลัง  ปล่อยให้เขาได้มีคุณสมบัติของอันธพาลไปก่อน!

เทียนอี้ไม่แยแส

เขามองอย่างดูถูก เหมือนดูละครตลก

ไม่ว่าเย่ว์หยางจะทำอะไรก็ตาม ตราบเท่าที่เขามีพลังที่แข็งแกร่งที่สุด ไม่ว่าศัตรูจะทำอะไรก็ไม่คุ้มกับรอยยิ้ม

นอกจากนี้ การประลองชะตา ควรมีเรื่องตื่นเต้นขึ้นมาบ้างไม่ใช่หรือ?

ดิ้นรนต่อสู้เอาเป็นเอาตาย!

ข้ามองเจ้าในแง่ดีมากๆ คุณชายสามตระกูลเย่ว์!

“นายท่าน! ข้าพัศดีถานไถถูเมี่ยกลับมารายงานตัว หลังจากดำเนินการตามคำสั่งแล้ว”  พิธีผนึกของเย่ว์หยางไม่ทันนำออกมาใช้ ที่เส้นทางโบราณมีกำลังเสริมฝ่ายศัตรู และนั่นคือถานไถถูเมี่ยผู้มีความแข็งแกร่งสุดยอด  เทียนอี้ชำเลืองมองถานไถถูเมี่ยที่หมอบอยู่กับพื้น เขาไม่พูดอะไร แค่พยักหน้าเล็กน้อย

สายตาของเขามองไปที่ส่วนลึกของเส้นทางโบราณ

มาแล้ว

มีเงาร่างสายหนึ่ง

บินเคลื่อนที่เข้ามาด้วยความเร็วสูง

**** *** ****

16 ความคิดเห็น:

Hemm กล่าวว่า...

ถ้าโพสวันละ 2 ตอนอย่างนี้ นับไปอีก 5 วันก็เป็นอันจบบริบูรณ์
แปลใช้เวลา 4 ปี และคงขอพักก่อนครับ

Kokuryu กล่าวว่า...

ใครมาอีกนะ

6Ixšick6​ กล่าวว่า...

ขอบคุณ​มาก​ครับ​

หวังปี้เจ้า กล่าวว่า...

จะจบแล้วหรอคับ ขอบคุณค้าบ

CHANTANA กล่าวว่า...

ใครมาอีกละ

BJ กล่าวว่า...

ขอบคุณผู้แปลมากจริงๆที่อุตสาหะตลอด4ปี​ ขอบคุณมากจริงๆ

blakaros กล่าวว่า...

นึกก่อน ใครจะมาอีกฟะ

Pcha กล่าวว่า...

ขอบคุนผู้แปลมากคับ

000 กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Nasee กล่าวว่า...

ขอบคุณหลาย.หล้ายคับผม

Deils(of)darK กล่าวว่า...

ขอบคุณจากใจจริง

akeoaal กล่าวว่า...

ขอบคุณ ผู้แปลมากๆครับ

แอบอ่าน กล่าวว่า...

ขอบคุณ​มากๆครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณผู้แปลมากครับติดตามมานานมากพอจบรู้สึกใจหาย

krailasr กล่าวว่า...

ตอนที่ 1386 หายไปครับ

INNOVATOR กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับ

แสดงความคิดเห็น