ตอนที่ 1393 เจ้าไม่เดียวดาย
ในที่สุดแสงเทพห้าสีก็รวมกันเป็นหนึ่งเดียว
ภายใต้เจตจำนงของเย่ว์หยางเจ้านายคนใหม่
มันทะยานขึ้นไปในท้องฟ้า
เปลี่ยนเป็นสายรุ้งที่ไม่เหมือนใคร
ด้วยความช่วยเหลือของเพลิงอมฤตคู่และปราณกระบี่ไร้ลักษณ์ภายใต้ภาพลักษณ์ของดวงจันทร์ชะตา สิ่งนี้กลายเป็นนิรันดร
ปรมาจารย์ฉีหังและเทพพิทักษ์ทะเลมรณะมองหน้ากันเอง แสงเทพห้าสีที่แข็งแกร่งที่สุดไม่สามารถทำอะไรได้และถูกศัตรูยึดไป ศึกนี้ต้องการเขาจริงๆ หรือ?
“ไม่ ข้าจะไม่มีทางยอมรับความพ่ายแพ้” การต่อสู้ทางด้านนั้นจบลงแล้ว และมารดาผู้ลึกลับปล่อยเทียนอี้ออกมาจากสวน เทียนอี้ออกมาจากสวนได้ยังมีความมั่นใจอยู่ เจตจำนงของเขาผันผวนไปแค่วินาทีเดียว จากนั้นกลับคืนสู่สภาพเดิม เขายังมีพลังเทพที่ไม่มีใครเทียบ อยู่ในสวนเขายังไม่พ่ายแพ้คู่ต่อสู้ ไม่มีอาการบาดเจ็บใดๆ เขาแน่ใจว่าเป็นเพียงความฝันอันพร่าเลือนซึ่งไม่มีผลต่อตัวของเขา
“.....” เทพพิทักษ์ทะเลมรณะซึ่งสูญเสียพลังไปทั้งหมดได้แต่เงียบ
โชคชะตาก็เป็นอย่างนี้
กำลังคนจะสามารถพลิกได้หรือ?
นอกจากนี้ เย่ว์ไตตันที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามคือเทพจอมราชันย์ในอนาคต และนี่เป็นความจริงที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้ ไม่ว่าจะยอมรับหรือปฏิเสธก็ตาม ด้วยกำลังของเขาเอง ด้วยพลังของเขาเองในปัจจุบัน แม้เทียนอี้จะมีพลังมาก แต่เขาจะฆ่าเทพจอมราชันย์ได้อย่างไร... ไม่ เป็นไปไม่ได้! อย่าว่าแต่ฆ่าเลย ต่อให้เอาชนะก็ยังเป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้ที่จะข้ามฟ้าได้
ชะตาของเย่ว์ไตตันถูกลิขิตมานานแล้ว และอยู่ในมือของเขาอย่างสิ้นเชิง
และชะตากรรมของตัวเขาและเทียนอี้
ยังไม่รู้
มีเพียงอย่างเดียวคือล้มเหลวสิ้นเชิง
“เวลาตายของเจ้าใกล้เข้ามาแล้ว” นางพญาเฟ่ยเหวินหลีถือดาบศึกเปื้อนเลือดชี้ไปที่ศัตรูและออกคำสั่งตัดสินอย่างเย็นชา ที่อยู่ต่อหน้านางคือปรมาจารย์ฉีหังที่นอนอยู่กับได้รับบาดเจ็บสาหัสเจียนตายเหลือแต่ลมหายใจรวยริน
ปรมาจารย์ฉีหังพยายามอย่างดีที่สุด แต่เขาไม่สามารถสู้ดาบศึกของนางพญาผู้พิชิตได้
เขาดิ้นรนและค่อยๆ ลุกขึ้นมาจากกองเลือดและใช้พลังอึดสุดท้ายมองดูเทียนอี้ “อย่ายอมแพ้ เทียนอี้ เจ้าต้องรักษาความมั่นใจของเจ้าไว้ตลอดไป เจ้ายังเป็นหนึ่งในผู้มีคุณสมบัติประลองชะตา ดังนั้นเจ้าต้องเชื่อมั่นในตัวเจ้าเอง เจ้าจงทำให้ดีที่สุด ข้าเป็นอาจารย์ของเจ้า ข้าจะเสียสละเพื่อเจ้า”
หลังจากนั้นเขาไม่สนใจร่างกาย ทอดทิ้งชีวิตและขับพลังเทพรวมกับจิตวิญญาณทุ่มพลังเพื่อผู้อื่น
สร้างแสงสว่างที่เต็มไปด้วยภูมิปัญญา
ลอยเข้าหาเทียนอี้
หน้าของปรมาจารย์ฉีหังมีรอยยิ้มก่อนจะหายไปอย่างสมบูรณ์
ไม่เหลือแม้แต่เศษธุลีราวว่าไม่เคยมีคนอย่างเทพปรมาจารย์ฉีหังอยู่ในโลกเขาหายไปไม่เหลือร่องรอย
เทียนอี้หลับตาด้วยความเจ็บปวด คนแรกคือเทพพิทักษ์แห่งเขากวงหมิง มาตอนนี้เป็นเทพปรมาจารย์ฉีหัง คนแล้วคนเล่าที่ต้องเสียสละไป และในที่สุดก็ปล่อยให้เขาอยู่ตามลำพัง นี่คือราคาที่ต้องทุ่มไปกับการเลื่อนเป็นเทพจอมราชันย์อย่างนั้นหรือ? นี่คือกระบวนการเลื่อนเป็นเทพจอมราชันย์หรือ? หลังจากทุ่มเทไปมากมายขนาดนั้นแล้ว ทำไมยังไม่สามารถเอาชนะศัตรูไปให้ถึงเป้าหมายฝันได้เล่า?
เขายื่นมือรับกลุ่มแสงปัญญามาถือไว้ในมืออย่างแผ่วเบา
และค่อยๆ
ซึมซับแสงนั้นช้าๆ
เมื่อแสงปัญญาและพลังเทพหายไปอย่างสมบูรณ์ หมายความว่าอาจารย์ของเขาได้ช่วยให้เขาไต่ระดับขึ้นไปอีกและชีวิตของท่านจะหายไปตลอดกาล
“อ๊าคคคค...” เทียนอี้กู่ร้องก้องฟ้าขณะดูดซับพลังเทพ และได้รับสติปัญญาใหม่
ไม่ว่าพลังเทพหรือพลังปัญญาล้วนมีความก้าวหน้าใหญ่อีกก้าวหนึ่ง
ตอนนี้เป็นจุดสูงสุดของชีวิต
เทียนอี้รู้สึกว่าตำแหน่งเทพจอมราชันย์เหลืออีกเพียงก้าวสั้นๆ เท่านั้น
“ผู้ชนะคนสุดท้ายจะต้องเป็นข้าเทียนอี้ หากต้องเลื่อนระดับไปเป็นเทพจอมราชันย์ มีแต่ข้าเทียนอี้ที่มีคุณสมบัติและมีแต่เพียงข้าเท่านั้นที่ถูกกำหนดให้เป็นเทพจอมราชันย์” ตอนนี้เทียนอี้ไม่มีความลังเลสงสัยเลยว่าจะเอาชนะศัตรูได้ นี่ไม่ใช่ความมั่นใจที่เกิดจากพลังความแข็งแกร่งเท่านั้นแต่เป็นการยืนยันจากการกลั่นตัวของปัญญาด้วย เขามีความรู้สึกว่าตนเองทุ่มเทคุณค่าลงทุนมากเกินไปกับตำแหน่งเทพจอมราชันย์ตอนนี้ถึงเวลาเก็บเกี่ยวทุกอย่าง นั่นเป็นกระบวนการที่ชอบธรรมอยู่แล้ว
ใช่แล้ว ตอนนี้เขามีความมั่นใจอีกครั้ง
ไม่ว่าเย่ว์ไตตันจะเป็นใคร
ไม่ว่าฝ่ายตรงข้ามจะเป็นอะไร
ตอนนี้เขามีความมั่นใจที่ทรงพลังไม่สั่นคลอน
เย่ว์ไตตันสามารถเป็นตัวแทนมารดาเขาได้หรือ? ไม่ นี่เป็นการประลองชะตาระหว่างเขากับนาง ไม่มีใครสามารถแทรกแซงได้!
“มาสู้กันอีกครั้ง ตอนนี้ข้ามีระดับสติปัญญาที่สูงขึ้นกว่าเดิม มีระดับพลังที่แข็งแกร่งมากกว่าเดิม ครั้งนี้พลังสร้างของเจ้าจะไม่มีทางทำอะไรได้!” เทียนอี้กวักมือเรียกมารดาเย่ว์หยาง
“สงครามครั้งนี้ไร้ความหมายอย่างสิ้นเชิง แต่ในเมื่อเจ้ายืนกราน ข้าจะให้โอกาสเจ้า” มารดายังสาวถอนหายใจ ราวกับว่ากำลังดูคนดิ้นรนและจมน้ำถลำลึก แต่ไม่อาจช่วยตัวเองได้ นางโบกมือส่งสัญญาณให้เย่ว์หยาง จื้อจุนและเฟ่ยเหวินหลีให้ถอยกลับออกไป และตัดสินใจสู้ตามลำพังเพื่อให้เทียนอี้ที่มีความมั่นใจเพิ่มขึ้นพ่ายแพ้อย่างยินยอมพร้อมใจ
เทียนอี้ระเบิดพลังเทพทั้งหมด
พลังเทพที่เป็นเหมือนตาข่ายฟ้า
แผ่ไปทั่วพื้นโลกแกนสมดุล แม้แต่หยดน้ำก็ยังตกอยู่ภายใต้เจตจำนงของเขา
พลังกฎประจำตำหนักกลางที่มีเป็นล้านพุ่งออกมาทันที แต่ละกฎมีความเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครช่วยเพิ่มพลังเทพให้กับเทียนอี้อย่างมาก
ปัง
เทียนอี้ปล่อยหมัด
หมัดที่เต็มไปด้วยความเชื่อมั่นแฝงไปด้วยพลังเทพพุ่งเป็นลำแสงตรงดิ่งไปที่มารดาผู้ลึกลับฝ่ายตรงข้าม
โลกแกนสมดุลส่วนใหญ่ถูกทำลายจากพลังทะลุทะลวงทำลายทุกอย่าง
ยังดีที่เทพพิทักษ์ทะเลมรณะอยู่ห่างไกลจากศูนย์กลางทำลายล้าง
เย่ว์หยางและเจ้าแม่จันทราใช้พลังดวงจันทร์อมตะด้วยกัน
สามารถป้องกันสาวๆ ทุกคนไว้ได้
“......” ฝ่าบาท (เย่เมิ่ง) และจักรพรรดินีราตรีมองดูสนามรบด้วยความกังวล ภายใต้พลังโจมตีทำลายที่ไร้เทียมทาน จะเกิดอะไรขึ้นกับมารดาผู้ลึกลับ? จื้นจุนและนางพญาเฟ่ยเหวินหลีมองหน้ากันเอง พวกนางเองก็หาจุดสรุปในใจไม่ได้ พลังหมัดของเทียนอี้ครั้งนี้เกินคาดการณ์ของพวกนางไปมากมาย เทียนอี้ที่ได้พลังปัญญามาจากปรมาจารย์ฉีหังมีพลังก้าวหน้าเพิ่มขึ้นในระดับที่น่ากลัวน่าขนลุก
หมอกควันจางลง
พื้นที่ถูกทำลายเริ่มฟื้นฟูอย่างช้าๆ ตามกฎสมดุล มีเงาร่างหนึ่งลอยตัวอยู่ในอากาศ
ทุกสิ่งทุกอย่างยังคงเป็นปกติไม่หายไป
การพบเห็นที่คาดไม่ถึงนี้
แม้แต่เย่ว์หยางก็ยังไม่อยากจะเชื่อ
“เป็นไปได้อย่างไร?” เทียนอี้ถลึงตามอง
“แม้ว่าพลังของเจ้าจะแข็งแกร่งกว่า แต่ตราบใดที่เจ้าเลือกเป้าหมายผิดและเหวี่ยงกำปั้นขึ้นไปในท้องฟ้า เจ้าจะไม่สามารถทำอะไรดวงดาวบนท้องฟ้าได้แม้มันจะมีอยู่ทั่วจักรวาลก็ตาม เจ้ากับข้าไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันเลย เจ้ายืนอยู่บนพื้น เจ้าสามารถเปลี่ยนแม่น้ำให้กลายเป็นทะเล แต่เจ้าไม่รู้ตัวว่าเจ้าไม่สามารถยกเท้าขึ้นจากพื้นได้” มารดายังสาวส่ายหน้าและถอนหายใจ “ข้าไม่เพียงแต่บินอยู่ในท้องฟ้าได้ ข้ายังสามารถท่องไปในท้องฟ้าที่เต็มไปด้วยดวงดาว จากโลกหนึ่งไปยังอีกโลกหนึ่งได้ หมัดของเจ้าจะไม่มีทางโจมตีถูกข้า การประลองชะตานี้เป็นการประชันภูมิปัญญาและขอบเขตจิตวิญญาณ แต่ถ้าเจ้ากลับยอมทิ้งสิ่งนี้เลือกเอาแต่พลังที่แข็งแกร่งก็เท่ากับเจ้าทิ้งหยกและทองคำเลือกถือเอาแต่ก้อนกรวด ดังนั้นเริ่มตั้งแต่ที่เจ้าเลือกเส้นทางนั้น ผลชะตาจึงถูกตัดสินออกมาแล้ว”
“ไม่, เลิกคิดโยกคลอนจิตใจข้าได้แล้ว” เทียนอี้คิดว่านี่อาจเป็นวิธีที่ศัตรูทำให้เขาสับสน แม้ว่านางจะซ่อนตัวหลบหมัดนี้ได้ แต่นางไม่มีทางหลบหมัดต่อไปได้แน่
“ข้าคิดว่า เจ้าอาจจะถูกพลังบางอย่างบังคับให้เข้าใจผิดตั้งแต่แรกเริ่มจนถึงตอนนี้ เจ้าถูกกระทำให้เข้าใจผิดมาโดยตลอดรวมทั้งตงฟางและอาจารย์ของเจ้า แต่ละคนล้วนมีส่วนทั้งนั้นไม่ว่าจะโดยตั้งใจหรือไม่มีเจตนาก็ตาม” มารดาผู้ลึกลับคาดการณ์เช่นนี้
“เจ้าพูดอะไรไปก็ไร้ประโยชน์ มีแต่พลังเท่านั้นที่เป็นความนิรันดร์ของข้า” เทียนอี้ไม่เคยเชื่อคำพูดของศัตรู
“เจ้าผู้นี้วิกลจริตไปแล้ว” ในตอนนี้เย่ว์หยางเข้าใจจนได้
เทียนอี้ผู้นี้ถูกสวมเขาเข้าให้แล้ว
ไม่ว่าคนมีสติปัญญาใดเตือน เขาจะไม่เชื่อ
หรือว่าเทียนอี้อาจมีความสงสัยในใจ แต่พลังของเขาแข็งแกร่งเกินไป และเขาเลือกจะเชื่อมั่นในพลังอย่างสิ้นหวัง ดังนั้นหากเขาหมกมุ่นไม่ถอนตัวออกมา เขาจะเข้าสู่ทางตัน
เทพพิทักษ์ทะเลมรณะถอนหายใจ “การต่อสู้นี้จบแล้ว มันจบแล้ว”
เทียนอี้ตัดบทด้วยความโมโห “ยัง ยังไม่จบ เรายังมีอำนาจ เรายังมีพลังที่จะสู้ต่อไป ตราบเท่าที่เรายังเพียรพยายามและอดทนสู้ต่อ ชัยชนะจะตกเป็นของเราแน่นอน เจ้าคือเทพชั้นผู้นำ ไม่ควรปล่อยให้ศัตรูรบกวนจิตใจ เรายังมีเปรียบทำไมถึงต้องยอมแพ้? ไม่ เราควรพยายามสู้ต่อและจะไม่มีทางยอมแพ้”
“ข้าเหนื่อยแล้ว” เทพพิทักษ์ทะเลมรณะมีรัศมีหมองลง “ข้า ข้าเหนื่อยจริงๆ....”
“ไม่, อย่าทำอย่างนี้” เทียนอี้ตะโกน
“บางทีการหลับยาวก็เป็นความคิดที่ไม่เลว ข้าเริ่มเข้าใจเหตุผลที่รุ่นอาวุโสเลือกจะปล่อยวางและเข้าสู่ห้วงนิทรานิรันดร์ เพราะพวกเขาเคยผ่านขั้นตอนนี้มาก่อน พวกเขาจึงตัดสินใจเลือกเช่นนั้น เราแค่เดินตามเส้นทางที่บรรพบุรุษของเราเคยเดินซ้ำแล้วซ้ำเล่า นั่นคือเส้นทางที่พวกท่านเคยผ่านมาก่อนในชีวิต” เทพพิทักษ์ทะเลมรณะมองเห็นแก่นแท้ของชีวิต
“ข้าไม่ยอมพังพินาศ ไม่ ท่านจะจากไปอย่างนี้ไม่ได้ ข้าไม่ยอม” เทียนอี้คำรามด้วยความโกรธ
หมัดของเขา
ระดมต่อยราวกับเม็ดฝน
เสียงระเบิดบึ้มขณะที่เทพพิทักษ์ทะเลมรณะกำลังก้าวลงทะเลมรณะ
เทียนอี้ที่ผิดหวังในตอนนี้ระดมหมัดใส่สหายศึกของเขาอย่างบ้าคลั่ง
ร่างของเทพพิทักษ์ทะเลมรณะสั่นสะเทือน และร่างมหึมาก็พังทลายเพราะพลังโจมตีทำร้ายของเทียนอี้ กล่าวให้ถูกก็คือเดิมทีเทียนอี้ก็มีพลังแข็งแกร่งมากอยู่แล้ว หลังจากที่เทพพิทักษ์แห่งเขากวงหมิงและเทพปรมาจารย์ฉีหังอุทิศพลังให้เทียนอี้ทำให้เขามีพลังเหนือกว่าแข็งแกร่งกว่าร่างเทพสูงหกหมื่นเมตรของเทพพิทักษ์ทะเลมรณะ
ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง ปัง........
ร่างเทพแตกทำลาย
แต่เทพพิทักษ์ทะเลมรณะไม่หลบ ไม่ทำการต่อต้าน เขาทนรับพลังโจมตีที่เกรี้ยวกราดของเทียนอี้เต็มที่
เปลวไฟของบัลลังก์เทพที่ด้านหลังค่อยๆ มอดดับลง ไม่ใช่เพราะพลังโจมตีของเทียนอี้ แต่เป็นเพราะความตั้งใจของเทพพิทักษ์ทะเลมรณะ เขายอมตายในเงื้อมมือสหายมากกว่าจะออกมาต่อสู้อีกครั้ง
“อ๊า... ทำไม? ทำไมกัน?” เทียนอี้ไม่เข้าใจอย่างสิ้นเชิง
“ข้าเหนื่อยแล้ว” เทพพิทักษ์แห่งทะเลมรณะเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า
“แต่เรายังคงมีพลัง มีความแข็งแกร่ง” เทียนอี้คำราม
“ใช่แล้ว, แต่ความแข็งแกร่งอย่างเดียวช่วยให้เจ้าอธิบายอะไรได้บ้าง? จักรพรรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อมีพลังที่ไม่ด้อยกว่าข้า เขาไม่ได้ต่อสู้กับข้า แต่เลือกจะแบกเทพบรรพตเพื่อเอาไปถมทะเลมรณะและตายอยู่ต่อหน้าข้า” เทพพิทักษ์ทะเลมรณะมองกลับไปที่เทพบรรพต “ตอนนั้นข้าก็เหมือนกับเจ้า ไม่เข้าใจ แต่ตอนนี้ข้าต้องการเข้าใจ พลังไม่ได้หมายถึงทุกอย่าง มีเพียงสติปัญญาเท่านั้นที่เป็นนิรันดร์ เขาไม่ได้สู้กับข้าให้เด็ดขาด เพราะเขาเข้าใจเรื่องนี้ เขาจึงเลือกสู้ทางอื่น... เขาเอาชนะข้ามานานแล้วโดยใช้สติปัญญาของเขา เพียงแต่ข้าไม่เข้าใจจนกระทั่งถึงตอนนี้!”
“การหลับยาวก็เป็นทางเลือกที่ดีเช่นกัน” เย่ว์หยางรู้สึกว่าต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการเอาชนะเทพพิทักษ์ทะเลมรณะ ตอนนี้อีกฝ่ายต้องการจะหลับใหลระยะยาว เย่ว์หยางก็ยินดีจะหยุดต่อสู้เช่นกัน
“ข้าอิจฉาจิ๋วซื่อจริงๆ!” เทพพิทักษ์ทะเลมรณะมองไปที่เทพบรรพต
เขายื่นมือออกไป
มองดูเหมือนเป็นการท้ารบศัตรู
แต่ในมุมมองของเย่ว์หยาง นั่นคือการให้เกียรติมากกว่า
“ในชีวิตของเขา มันช่างงดงามวิเศษเหลือเกิน ไม่ว่าเวลาใดก็มีคนห่วงใยและคิดถึงเขา แม้จะตายก็ยังรู้สึกพึ่งพากันได้ ไม่เหมือนข้าที่ต้องตายอย่างเดียวดาย” เทพพิทักษ์ทะเลมรณะอิจฉาความรักของจักรพรรดิไร้เทียมทานจิ๋วซื่อและเทพธิดาบุปผาเป็นอย่างมาก เขาเงยหน้าถอนหายใจ “อย่างน้อยเจ้าก็เคยมีความรักมาก่อน แต่ข้าไม่มีอะไร...”
“อาจาง! เจ้าไม่ได้เดียวดายเลย”
ทันใดนั้นมีรัศมีสว่างเจิดจ้า ไม่คำนึงถึงขอบเขตพลังเทพที่เหนือกว่าของเทพพิทักษ์ทะเลมรณะฉายออกมาจากทะเลมรณะ
ร่างเทพของเขาใหญ่โตสูงถึงแปดหมื่นเมตร เทพพิทักษ์ทะเลมรณะแต่เดิมมีความสูงถึงหกหมื่นเมตรก็ไม่มีใครเทียบได้อยู่แล้ว แต่ตอนนี้ร่างเทพของเขาเขายังเล็กกว่าร่างเทพที่เพิ่งมาถึง
ร่างเทพที่มีความสูงแปดหมื่นเมตรดูเหมือนกับร่างเทพของเทพพิทักษ์ทะเลมรณะ
พี่น้องฝาแฝดในโลกนี้
ลักษณะของพวกเขา
เหมือนกันทุกประการ
“กลับไปกับพี่เถอะ, อาจางน้องข้า เจ้าไม่ได้เดียวดาย เจ้าไม่เคยเดียวดาย” ร่างเทพแปดหมื่นเมตรยื่นมือลูบศีรษะเทพพิทักษ์ทะเลมรณะ ใบหน้าของเขาเปล่งประกายใจดี
**** *** ****
3 ความคิดเห็น:
อืม...
ยังดีกลับตัวกลับใจตอนท้ายได้
พี่น้อง?
แสดงความคิดเห็น