ตอนที่ 1394 กลับบ้าน!
“อย่าจับหัวข้าได้ไหม ข้าไม่ใช่เด็กอีกต่อไปแล้ว อาซี! ชีวิตของข้าขึ้นอยู่กับตัวข้า โปรดอย่าใช้เจตจำนงของเจ้าแทรกแซงการตัดสินใจของข้าได้ไหม? ไม่ว่าจะถูกหรือผิด นั่นคือทางเลือกของข้า” เทพพิทักษ์ทะเลมรณะเงยหน้าขึ้นมองพี่ชายของเขาด้วยสีหน้าจริงจังเป็นพิเศษ “ตั้งแต่วันที่เราแยกกัน ข้าตัดสินใจแล้วว่าจะไม่หวนกลับไปอีก แดนสวรรค์ไม่จำเป็นต้องมีสองชีวิตที่เหมือนกัน ข้าต้องการมีชีวิตของข้า มีเป้าหมายปลายทางของตนเอง
“อาจาง! เราทั้งสองเหมือนกัน แต่ไม่ใช่คนเดียวกัน เจ้ามีอิสระของเจ้าไม่มีใครปฏิเสธได้ นอกจากนี้ไม่มีอะไรผิดปกติเกี่ยวกับการถือกำเนิดของเรา ไม่รู้ว่ามีกี่ชีวิตที่ต้องอิจฉาเรา ความเป็นอยู่ที่ยอดเยี่ยมและลักษณะที่เหมือนกัน อาจางน้องรัก ข้าไม่เคยก้าวก่ายเจตจำนงของเจ้าและข้าไม่เต็มใจจะทำอย่างนั้นแม้แต่น้อย สำหรับเจ้าอาจาง ข้าชอบความรู้สึกจากก้นบึ้งของใจ ไม่ว่าเจ้าจะทำอะไร ข้าให้เกียรติ เจ้าเองก็รู้” ร่างเทพที่มีความสูงแปดหมื่นเมตร ‘อาซี’ พยายามพูดโน้มน้าวใจอย่างอ่อนโยน “เจ้าจากบ้านมานานเกินไปแล้ว กลับกันเถอะ ตราบใดที่เจ้ายอมถอยออกมาและเลิกดื้อรั้นถือทิฏฐิ เจ้าก็สามารถกลับไปยังที่อยู่ของเราได้”
“ถ้าย้อนกลับไปได้ ข้าคงย้อนกลับไปนานแล้ว” เทพพิทักษ์ทะเลมรณะส่ายศีรษะปฏิเสธ “ข้าไม่อยากกลับไปแล้ว อาซี! ข้าไม่ใช่เงาของเจ้า ข้าเป็นตัวของตัวเอง”
“อาจาง! เจ้าไม่ใช่เงาของข้า และไม่เคยเป็น” ความไม่สบายใจปรากฏบนใบหน้าของอาซี “นี่เป็นอคติผิดๆ ของคนนอก”
“ไม่ว่ายังไงนั่นก็เป็นเรื่องจริง” เทพพิทักษ์ทะเลมรณะยิ้มอย่างเฉยเมย “ไม่เป็นไร ข้าไม่ดีเท่าเจ้า และเจ้าไม่จำเป็นต้องเข้าใจ หลายปีผ่านไปข้าทำตัวสบายๆ และไม่สนใจสายตาของคนนอกอีกต่อไป อย่างไรก็ตามข้าจะไม่กลับไปกับเจ้า สถานที่นี้เป็นของข้าไม่ใช่สถานที่ที่เรียกว่าแดนสวรรค์บน ที่นี่คือบ้านของข้า”
“ทำไม?” มีร่องรอยของความสับสนบนใบหน้าของอาซี “ทำไมเจ้าถึงทำตัวสุดโต่งและถือทิฏฐิอยู่เสมอ?”
“เพราะเจ้าไม่ใช่ข้า” เทพพิทักษ์ทะเลมรณะดันอาซีออกห่าง จากนั้นเขาหันหลังให้อาซี “ลาก่อน อาซีพี่ข้า เจ้าเป็นพี่ชายที่ดี แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ข้าต้องการมากที่สุด ในฐานะน้องชายของเจ้า สิ่งที่ข้าต้องการคืออิสระและความเป็นอิสระในการใช้ชีวิต ไม่ใช่เป็นเงาของคนอื่น”
“อาจาง, กลับมาเถอะ ตอนนี้ยังมีเวลาพอ” ดวงตาเทพหลั่งน้ำตาสีทอง
“ข้าไม่เคยเสียใจในทางเลือกของตนเอง!” ร่างของเทพพิทักษ์ทะเลมรณะค่อยๆ จมลงในทะเลมรณะ เพลิงเทพที่ลุกโชนอยู่บนบัลลังก์เทพค่อยๆ มอดลง “ขอบคุณที่ตามข้าในเส้นทางชีวิตที่แปลกประหลาดเช่นนี้ พี่ชายที่แข็งแกร่งที่ข้านับถือที่สุด ข้าขอลาก่อน!”
“ลาก่อน” อาซีหลับตาอย่างเศร้าสร้อย
เทพพิทักษ์ทะเลมรณะยอมทอดทิ้งทุกสิ่ง
พลังเทพสลายไป
ในที่สุดเขาปิดผนึกชีวิตและจิตวิญญาณของเขาไว้ในก้นบึ้งทะเลมรณะเข้าสู่การหลับใหลชั่วนิรันดร์กลายเป็นศิลาที่โดดเดี่ยวนิรันดร
ด้วยขนาดร่างกายแปดหมื่นเมตรของอาซี น้ำตาสีทองเหมือนสายฝนหลั่งรดทะเลมรณะ
ถ้าเขาต้องการ
หยุดยั้งห้ามปราม
น้องชายของเขาจะไม่มีจุดจบเช่นนี้
แต่เขาเคารพทางเลือกของน้องชาย แม้ว่าน้องชายของเขาเลือกจะจากไปตามลำพัง ในฐานะพี่ชาย เขาได้แต่ทำใจ
เขาส่ายหน้าถอนหายใจและยกมือมาทางมารดาผู้ลึกลับและเย่ว์หยาง “ข้าไม่ได้ตั้งใจเข้ามาแทรกแซงการประลองระหว่างพวกเจ้า ตรงกันข้ามข้าเคารพในผลการประลองชะตาเป็นอย่างมาก ไม่ว่าอย่างไรก็ตามเผ่าพันธุ์ทั้งหมดในแดนสวรรค์บนของเรายินดียอมรับ” คำพูดของเขาเพิ่งขาดคำ เย่ว์หยางที่ใจแทบหล่นถึงกับถอนหายใจโล่งอก เทพพิทักษ์ทะเลมรณะก็ต่อสู้ได้ยากพอแล้ว เพิ่มพี่ชายของเขาอีก นั่นยากจะบอกได้ นับว่าโชคดีจริงๆ....
อาซีนิ่งอยู่กับที่ จากนั้นเขาคำนับไปทางเส้นทางโบราณและโพล่งทักทายชาวประมงเฒ่าผู้ถือข้องปลาและเบ็ดในมือทักทายเขาอย่างใจดี “ผู้อาวุโส, เรื่องส่วนตัวของข้าเล่าซีจบแล้ว ข้าขอล่วงหน้าไปก่อน”
“ไปเถอะ!” ประมงเฒ่าโบกมืออย่างสบายๆ “เราผู้เฒ่ามาที่นี่เพื่อคุยเรื่องการตกปลากับเจ้าเด็กนั่น ไม่มีอะไรเกี่ยวกับเจ้า”
“ใครอยากจะคุยเรื่องตกปลากับเจ้าเล่า!” เย่ว์หยางเมื่อได้ยินถึงกับอารมณ์เสีย
ในฐานะผู้อาวุโส
ท่านไม่ช่วยข้าสู้!
พอเรื่องจบลงแล้วเจ้าถึงค่อยมาที่นี่เพื่อคุยเรื่องตกปลา เจ้ารู้หรือเปล่าว่าตอนนี้คับขันเพียงไหน?
ประมงเฒ่าไม่โกรธ “เจ้ายังไม่ว่างก็ไม่เป็นไร ข้ารอเจ้าได้ ข้าไม่รีบ... แม่หนู, เจ้าก็เหมือนกัน ไม่เป็นไร เจ้ากำลังยุ่ง ข้ามองหาเจ้าเด็กนี่เป็นหลัก ทุกคนไม่ต้องมากมารยาทก็ได้ ข้ารำคาญเรื่องแบบนี้”
อาซีกลายเป็นประกายแสงเทพแล้วจากไป
ประกายความหวังอยู่ในใจขอเทียนอี้หายไปทันที
ยอดนักสู้ระดับเทพหรือพี่ชายของเทพพิทักษ์ทะเลมรณะที่ทรงพลัง แต่เขาไม่ใช่ตัวช่วยเขาที่ไม่คาดคิด
ไม่เพียงแค่นั้น เย่ว์ไตตันที่อยู่ฝ่ายตรงข้ามยังได้ผู้อาวุโสมาช่วย แม้ว่าจะดูไม่แข็งแกร่งมากนัก แต่ก็ยังเป็นผู้อาวุโสอยู่ดีบางทีอาจมีความยุ่งยากเล็กน้อยในการต่อสู้ในภายหลัง
“สังเวยชีวิต” เมื่อการต่อสู้หยุดลง ถานไถถูเมี่ยคำรามลั่น
ดาบโลหิตนับพันแทงออกมาจากร่างของเขา
จากนั้น
ฟาดฟันอย่างบ้าคลั่ง
ในขณะก่อนที่กระดูกเขาจะหักแหลกละเอียด ถานไถถูเมี่ยตะโกนบอกเทียนอี้ “ท่านเจ้าตำหนักสูงสุด นี่เป็นสถานการณ์ที่ศัตรูกำหนดทุกอย่างไว้แล้ว มันไม่มีประโยชน์ที่จะอยู่ที่นี่ โปรดกำจัดกฎแห่งชะตาและหนีเอาชีวิตรอด!”
ด้วยเลือดและชีวิตของเขา ถานไถถูเมี่ยผู้จงรักภักดีได้ฉีกมิติในโลกแกนสมดุลอีกครั้ง
แม้ว่าจะน้อยกว่าที่เทพพิทักษ์เขากวงหมิงสร้างไว้ แต่นี่คือเส้นทางที่เขาสร้างขึ้นจากความเจ็บปวด
แต่รอยแยกมิตินี้แลกมาด้วยชีวิต
สามารถกำจัดกฎแห่งชะตาในโลกแกนสมดุลได้ในเวลาสั้นๆ
“หาที่ตาย!” การลงมือของถานไถถูเมี่ยทำให้นางพญาเฟ่ยเหวินหลีโกรธ นางฟันดาบศึกของนางและพลังทำลายล้างรุนแรงตัดผ่านท้องฟ้าและสามารถทำลายจิตวิญญาณของถานไถถูเมี่ย เทียนอี้ยิงพลังดรรชนีเป็นลำแสงเหมือนกระสุนป้องกันดาบศึกพลังเทพ มืออีกข้างหนึ่งกันพลังเทพครึ่งหนึ่งไว้เป็นโล่ป้องกันจิตวิญญาณของถานไถถูเมี่ย
“อ๊าค.....”
อย่างไรก็ตาม เทียนอี้ที่แข็งแกร่งกว่าไม่สามารถป้องกันวิญญาณถานไถถูเมี่ยให้ปลอดภัยได้
กฎสวรรค์โบราณของโลกแกนสมดุลสะท้อนพลังกลับทั้งหมด
ทำลายจิตวิญญาณอันเย่อหยิ่งลำพองที่ตั้งใจทำลายการประลองชะตาโดยตรง
ในท่ามกลางความโกลาหล พัศดีคุกโลหิตถานไถถูเมี่ยถูกสังหารทันที และพลังอันยิ่งใหญ่ที่เคยภาคภูมิใจของฝ่ายหนึ่งหายไปเพราะแรงสะท้อนของกฎสวรรค์ประจำโลกแกนสมดุล แน่นอนว่าสิ่งนี้อยู่ในความคาดหวังของเขาอยู่แล้ว แต่เพื่อให้เทียนอี้กำจัดสถานการณ์ที่เสียเปรียบต่อหน้า เพื่อให้เจ้านายของเขามีโอกาสกลับมาอีกครั้ง พัศดีคุกโลหิตถานไถถูเมี่ยยอมเอาชีวิตและจิตวิญญาณเข้าแลก
เขาทำได้สำเร็จ
แม้ว่าจิตวิญญาณจะถูกทำลายล้าง แต่รอยแยกมิติที่แลกมาด้วยชีวิตและวิญญาณยังคงปรากฏอยู่
จื้อไจ้เทียนและฮัวเล่อเทียนหลั่งน้ำตา
จิวจื้อเทียนตะโกนอย่างบ้าคลั่ง
อย่างไรก็ตาม
ทั้งหมดไม่สามารถปฏิเสธความจริงที่มีอยู่ข้างหน้าได้
ไม่ต้องพูดถึงว่าถานไถถูเมี่ยบริวารคนสำคัญผู้ซื่อสัตย์นี้เคยต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กันมานับพันปี เป็นเทพพิทักษ์ภูเขากวงหมิง ปรมาจารย์ฉีหังที่ทรงพลังมากกว่า เมื่อเผชิญกับเจตจำนงกฎแห่งโลกแกนสมดุลโบราณ กฎเหล่านี้ไม่ปฏิบัติอย่างเท่าเทียมกันหรือ?
“หนีไปเถอะ เราจะรั้งอยู่ที่นี่เพื่อให้นายท่านได้หนีไป นายท่าน โปรดฉวยโอกาสนี้หนีเถอะ” จื้อไจ้เทีนคำนับเทียนอี้ด้วยความเคารพ
“โปรดจากไปเถอะ” ฮัวเล่อเทียนคำนับและขอให้เทียนอี้จากไป
“พวกเราคืออสูรพิทักษ์ และเราจะไม่มีวันตาย ดังนั้นโปรดอย่ากังวลกับพวกเรา” จิวจื้อเทียนร่ำร้อง “การประลองครั้งนี้เป็นการประลองที่ไม่มีความเป็นธรรม เราไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตามข้อจำกัดของกฎสวรรค์โบราณ โปรดออกไปเร็วๆ เราเชื่อว่าท่านมีสติปัญญาสูงสุด มีพลังสูงสุด แม้ว่าท่าจะไม่ได้รับการเลื่อนเป็นเทพจอมราชันย์ในวันนี้ แต่ท่านจะไปถึงสถานะนั้นได้ในอนาคต นายท่านโปรดอย่ารานความเสียสละของพวกเรา ได้โปรดจากไปโดยเร็ว!”
“......” เทียนอี้มือสั่น
เขารู้ดีว่าสถานการณ์ตอนนี้เลวร้ายแค่ไหน?
อย่างไรก็ตามเขาติดอยู่ในตัวเลือกที่ยากที่สุด อีกด้านหนึ่งคือการเสียสละอย่างไม่เห็นแก่ตัวของเทพพิทักษ์เขาหมิงกวงและเทพปรมาจารย์ฉีหัง พวกท่านพยายามเตือนเขาให้รักษาความมั่นใจในตนเองอยู่เสมอ ในทางกลับกันถานไถถูเมี่ยและไจ้จื้อเทียนพวกเขาสละชวิตเพื่อเตือนตัวเขาเรียกร้องให้เขาหนีไปทันทีรักษาพลังความแข็งแกร่งไว้เพื่อรอโอกาสที่ดีกว่า
ตอนนี้ตัวของเขา
ไม่ว่าพลังหรือสติปัญญา
ทั้งหมดนั้นใกล้ความสมบูรณ์แบบ เป็นรองเพียงเทพจอมราชันย์เท่านั้น
ควรยอมแพ้หรือยืนกรานสู้ต่อไป? เลือกที่จะหลบหนีจากโลกแกนสมดุลผ่านรอยแยกมิติที่ได้มาจากการแลกชีวิตและวิญญาณ หรือจะสู้ต่อไปและยื้อจนถึงที่สุดเพื่อบรรลุเทพจอมราชันย์?
“ตอนนี้ข้างหน้าข้ามีทางเลือกสองทาง” เทียนอี้หลับตาและสูดหายใจลึก แสงเทพในดวงตาของเขาทำให้เขามั่นใจ เขายื่นมือไปหาจื้อไจ้เทียนละพวกราวกับจะแตะที่ศีรษะของพวกเขาและเสียงของเขาอ่อนโยนมาก “ข้ารู้ความตั้งใจดีของพวกเจ้าและถานไถถูเมี่ยที่เสียสละทุกอย่างเพื่อข้า ข้าหวังเช่นกันว่าการเสียสละของเขาจะมีค่ามากขึ้น แต่ข้าทำอย่างนั้นไม่ได้ เพราะถ้าข้าละทิ้งความมั่นใจในตัวเอง ละทิ้งโอกาสที่อยู่ตรงหน้าและกลายเป็นคนขี้ขลาดที่หนีไป ข้าจะไม่มีวันได้รับสิ่งที่ข้าเป็นอยู่ในทุกวันนี้ คุณสมบัติสำหรับการประลองชะตา นั่นจะเป็นความล้มเหลวที่แท้จริง และจะทำให้การเสียสละของทุกคนไร้ค่า”
“แต่ แต่ว่า....” ไจ้จื้อเทียนตัวสั่น
“เพื่อทุกคนที่เสียสละสนับสนุนเรามาจนถึงทุกวันนี้ เราจะต้องอยู่ต่อไป” เทียนอี้ตัดสินใจขั้นสุดท้าย
“ความจริง ต่อให้เจ้าต้องการจากไป เจ้าก็คงทำไม่ได้” เฒ่าประมงหยิบผลไม้ออกมาจากในแขนเสื้อและกัดกิน “ประตูเทพเจ้าถูกปิดลงแล้วและการต่อสู้ขั้นแตกหักจะเริ่มขึ้น ใครก็ตามที่เข้าร่วมไม่มีทางจะหนีออกไปได้ ประสาอะไรกับเจ้าที่เป็นตัวสำคัญในการประลอง”
“อย่างนั้นถานไถถูเมี่ยมิตายเปล่าหรอกหรือ?” เจ้าอ้วนไห่เมื่อได้ยินก็หัวเราะและยิ้มอย่างสบายใจ
“โอว, น่าสงสาร” เย่คงเสแสร้งถอนหายใจ
“ไอ้พวกบ้า” คนเดียวที่ไม่พอใจจริงๆ ก็คือฉงฉี เขาตัดบทไม่เกรงใจ เดิมทีถานไถถูเมี่ยเป็นคู่ต่อสู้ที่ดี แต่ตอนนี้เพื่อช่วยให้เทียนอี้หนี เขาสังเวยชีวิตอย่างไร้ค่า
“นี่คือกรรมสนองผู้สมรู้ร่วมคิด” นางพญาเฟ่ยเหวินหลีกวาดตาไปทางจื้อไจ้เทียนละนักรบของตำหนักกลาง
“ฆ่า!” สามเผ่าพันธุ์ของหอทงเทียนนำโดยมารสัมฤทธิ์ฟ้ามีจิตวิญญาณนักสู้ปะทุขึ้นหลายพันเท่า
ที่อยู่แถวหน้าก็มีฮุยไท่หลาง เจ้าสุนัขเถื่อน
เทียนอี้โกรธ
เขาเงื้อมือ
และพบว่าจื้อจุนยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม สายตานางเหมือนดาบ “เจ้าอย่าเคลื่อนไหวดีกว่า มิฉะนั้นแขนของเจ้าขาดแน่
เทียนอี้ไม่เคยถูกใครคุกคามมาก่อนในชีวิต ความโกรธของเขาปะทุขึ้น ดวงตาของเปล่งพลังเทพ และพลังเทพเปลี่ยนเป็นอาวุธเทพนับล้านโจมตีจื้อจุนและศัตรูทุกคนในโลกแกนสมดุล
“ทำลาย” มารดาผู้ลึกลับโบกมือและอาวุธเทพทั้งหมดหายไป
นางโบกมืออีกครั้ง “สร้าง”
พลังเทพทำลายล้างถูกสร้างขึ้นใหม่จากกฎสวรรค์โบราณของโลกแกนสมดุลและเปลี่ยนไปเป็นกลีบดอกไม้ตามความประสงค์ของมารดาผู้ลึกลับ
โปรยปรายอยู่ในอากาศลงยังพื้นดิน
กระจายอยู่ในทุกที่
โรยตัวลงทีละชิ้นๆ
อีกด้านหนึ่งจื้อจุนหายตัวไปอยู่ที่ด้านหลังเย่ว์หยาง และใช้พลังเหมือนดาบแทงเข้าไปในเสื้อเกราะเขา
ดาบแห่งชีวิตพุ่งออกมาจากหัวใจของเย่ว์หยางด้วยเจตจำนงสังหารและเลือดของเย่ว์หยางเสริมด้วยพลังเทพชะตาที่มิอาจต้านทานได้ แทงฝ่าอากาศมาอย่างไม่หยุดยั้ง ฮั่วเล่อเทียนกระแทกฝ่ามือใส่จื้อไจ้เทียนละจิ่วจื้อเทียนหลบไป จื้อไจ้เทียนและจิวจื้อเทียนกู่ร้องเศร้าสร้อย ดาบแห่งชีวิตแทงใส่หน้าผากของฮั่วเล่อเทียน...
ใบหน้าของฮั่วเล่อเทียนไม่มีความเศร้าโศกอยู่แล้ว ประสาอะไรกับการตื่นเต้นกับความตาย
เขายิ้ม
อย่างสงบ
เขาหันหน้าไปมองทางเทียนอี้อย่างลึกซึ้ง และหันกลับมาโบกมือให้สหายไจ้จื้อเทียนและจิวจื้อเทียนช้าๆ “นี่คือผลที่ข้าหวังเป็นที่สุด ตั้งแต่เกิดข้ารู้ชะตากรรมตนเอง อย่างไรก็ตามข้าซึ่งต้องเผชิญกับจุดจบที่น่าเศร้าในอนาคตไม่คิดจะตายอย่างไร้ค่า ดังนั้นข้าจึงสามารถช่วยพวกเจ้าได้ แม้ว่าจะเป็นเพียงชั่วเวลาหนึ่งก็ตาม แต่ข้ารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง”
“ฮั่วเล่อเทียน อย่ายอมแพ้ เราเป็นอสูรศึกพิทักษ์ เราจะไม่มีทางตายอย่างแท้จริง” จิวจื้อเทียนพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะปลอบโยนสหาย แต่เขาหลั่งน้ำตาไม่หยุด
“อสูรพิทักษ์จะไม่ตายอย่างแน่นอน แต่เมื่อฟื้นขึ้นอีก ข้าจะไม่ใช่คนเดิมอีกแล้ว” ฮั่วเล่อเทียนยิ้มเล็กน้อย
“ลาก่อน, ฮั่วเล่อเทียนพี่น้องข้า” ไจ้จื้อเทียนโบกมือให้ฮั่วเล่อเทียน
“ลาก่อน” เสียงของฮั่วเล่อเทียนแผ่วเบาลง
“ข้ามีความสุขที่ได้ร่วมงานกับเจ้าเป็นเวลายาวนาน ฮั่วเล่อเทียนพี่น้องข้า เชิญเจ้าล่วงหน้าไปก่อนก้าวหนึ่ง” ไจ้จื้อเทียนคำนับเทียนอี้ด้วยความเคารพ “นายท่าน! ศัตรูยิ่งใหญ่เหลือเกิน เราต้องขออำลา พลังของเราอ่อนแอเกินกว่าจะช่วยให้ท่านสมหวัง ข้าละอายใจจริงๆ แม้ว่าเราจะไม่ได้อยู่ด้วยกันหลายวัน แต่พวกเราทุกคนเคารพนายท่านอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ท่านคือเกียรติยศยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของเรา! ขอให้นายท่านโชคดี!”
“ขอให้โชคดี” จิวจื้อเทียนไม่เคยสุภาพขนาดนี้มาก่อน เพราะเขารู้ว่าวาระสุดท้ายมาถึงแล้ว
ผนึกในดาบแห่งชีวิตทำให้แสงเทพของฮั่วเล่อเทียนค่อยๆ หมองลง
เปลวชีวิตโบกสะบัดเล็กน้อย
เป็นการกล่าวคำอำลาครั้งสุดท้าย
เทียนอี้หลับตาอีกครั้ง
เขาไม่อาจทนดูสหายและบริวารของเขาต้องเสียสละและแยกจากตัวเขาไป แต่เขาเลือกเส้นทางเทพจอมราชันย์ ไม่มีทางเลือกที่สองอีก
รอยฉีกมิติที่ถานไถถูเมี่ยใช้ชีวิตและวิญญาณเปิดหายไปแล้ว และแสงประกายเทพของฮั่วเล่อเทียนดับไปแล้ว เขาถูกดาบแห่งชีวิตของจื้อจุนและด้วยพลังเทพชะตาของเย่ว์หยางผนึกไว้ในใจกลางอักขระรูน ถ้าจื้อจุนและเย่ว์หยางไม่ตาย อย่างนั้นฮั่วเล่อเทียนจะไม่ได้ออกมา
“อ๊าคคค... ข้าจะต้องฆ่าเจ้าให้ได้ เย่ว์ไตตัน ข้าจะทำให้เจ้าทุกข์ทรมานอย่างเดียวกัน” เจ้าตำหนักเทียนอี้ตัดสินทำให้เย่ว์หยางต้องเดียวดาย
“คู่ต่อสู้ของเจ้าคือข้า” มารดาผู้ลึกลับเตือนเขา “ถ้าตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าเข่นฆ่าสิ่งมีชีวิตอื่นมาเป็นจำนวนนับร้อยนับพันล้าน และเจ้ามีความรู้สึกอย่างวันนี้ก็คงไม่เกิดการเข่นฆ่ามากมาย เป็นเพราะบาปกรรมที่เจ้าทำไว้ก่อนนั้น ตอนนี้เจ้าถึงต้องชดใช้ด้วยเลือดชีวิต ผลกรรมที่เจ้าพบเจอในวันนี้ต้องโทษตัวเจ้าเอง อย่าได้โทษคนอื่น”
“ใช่แล้ว เมื่อเจ้าเข่นฆ่าชาวบันไดสวรรค์ ก็ควรคิดถึงวันนี้ด้วย” ตาของจื้อจุนมองเป้าหมายถัดไป นั่นคือจื้อไจ้เทียนและจิวจื้อเทียน
“หยาดน้ำตาของพวกเขาไม่เคยได้รับการเห็นใจสงสาร วันนี้เจ้าอย่าหวังว่าจะได้รับการอภัย” จักรพรรดินีราตรีมุ่งมั่น
“นั่นเป็นการรบ ความเป็นความตายถูกตัดสินแล้ว” เทียนอี้คำราม
ผู้แข็งแกร่งย่อมได้รับการยอมรับนับถือ
พลังของใครแข็งแกร่งกว่า
อย่างนั้นเขาก็คือผู้ชนะ และเขาจะมีทุกอย่างโดยไม่มีการโต้แย้ง...
เทียนอี้ชูกำปั้น เขามีพลัง มีเจตจำนงราชันย์ที่ไม่หวั่นไหว แม้ว่าจะเผชิญหน้ากับศัตรูที่ยากจะเอาชนะ เขาก็ยังมีความมั่นใจและยืนยันต่อสู้ให้ถึงที่สุด “มา มา มาสู้กัน มาดูกันว่าใครจะเอาชนะข้าเทียนอี้ได้? เจ้าจะประลองชะตาด้วยไหม? นางพญาผู้พิชิตเฟ่ยเหวินหลีหรือ? หรือจะเป็นเย่ว์ไตตันที่อ้างตัวว่าเป็นเทพจอมราชันย์? เข้ามาพร้อมกันเลย ข้าเทียนอี้จะบอกพวกเจ้าเองว่าพลังคืออะไร ความไร้เทียมทานคืออะไร!”
**** *** ****
2 ความคิดเห็น:
พอเสียเปรียบบอกเป็นการสู้ที่ไม่เป็นธรรม สมกับเป็นตัวร้ายนิยายจีนจริงๆ
ขอบคุณมากครับ
แสดงความคิดเห็น