วันจันทร์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2563

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 1395 ชนะหรือพ่ายแพ้ถูกกำหนดไว้แล้ว

 

ตอนที่  1395  ชนะหรือพ่ายแพ้ถูกกำหนดไว้แล้ว

“ข้าต้องสู้ ไม่ว่าจะกี่พันกี่หมื่นปีก็ตาม ข้าจะสู้ไม่มีวันยอมแพ้ และผู้ชนะคนสุดท้ายต้องเป็นข้า!” ความเชื่อมั่นของเทียนอี้ถึงระดับที่ไม่มีทางเปลี่ยนได้

 

“ก็ดูกันต่อไป” ประมงเฒ่าสังเกตการณ์อย่างเงียบๆ เขาส่ายหน้าและถอนหายใจไม่มองอีกต่อไปและนั่งกัดกินผลไม้ในมือ

เทียนอี้ระดมพลังโจมตีมารดาผู้ลึกลับ แม้เขาจะรู้ว่าเป็นการโจมตีที่ไม่ถูกต้อง แต่เขายังยืนกรานโจมตี

ไม่ว่าจะปล่อยหมัดออกไปกี่ครั้ง

ไม่ว่าจะถูกเป้าหมายหรือไม่

เขายังคงโจมตีต่อไป

เพราะเขาเชื่อว่าในที่สุดแล้วด้วยพลังโจมตีต่อเนื่องนี้ ศัตรูจะต้องพังทลายเพราะเจตจำนงและพลังของเขา

“เจ้าไม่รู้จักแม้กระทั่งพลังของโลกและแหล่งของพลัง  ก็ไม่ต่างอะไรกับโคถึก ทำอย่างนั้นไม่มีความหมายเลย  แต่เนื่องจากนี่เป็นทางเลือกของเจ้า  ในฐานะคู่ต่อสู้ข้าไม่สนใจ”  มารดาผู้ลึกลับรั้งมือกลับ นางใช้พลังชีวิตเปลี่ยนพื้นที่โลกแกนสมดุลกลายเป็นทะเลดอกไม้สีชมพูคลุมรอบตัวเทียนอี้  กฎพื้นฐานในที่ทะเลดอกไม้คือการสร้างชีวิตตรงข้ามกับการทำลายล้าง ก่อนที่เทียนอี้จะเจาะลึกเข้าใจความลึกลับของแหล่งที่มาแห่งชีวิต  เขาจะไม่สามารถออกจากโลกดอกไม้ที่ดูเหมือนเปราะบางนี้ได้อย่างราบรื่น

“ทำลาย” เทียนอี้เชื่อมั่นว่าพลังที่เขาเชี่ยวชาญจะทำลายทุกอย่างได้

พลังเทพของเขาทำลายทะเลดอกไม้

แต่ดอกไม้กลับมีเพิ่มมากขึ้น

ในการทำลายชีวิตใหม่

เทียนอี้เหมือนกับยักษ์ใหญ่ที่ไม่เคยรู้วิธีเหวี่ยงหมัด ได้แต่เหวี่ยงหมัดไปมาในทะเลดอกไม้

จื้อไจ้เทียนหลั่งน้ำตาและเขารู้ว่าเจ้านายตนเองตกอยู่ในความหลงงมงายและมองว่าทุกอย่างเป็นเพียงภาพลวงตา ไม่เชื่อใครนอกจากตัวเขาเอง อย่างไรก็ตามเขาไม่สามารถช่วยเจ้านาย ไม่สามารถทนดูได้  ในสภาพที่หวาดระแวง  อะไรก็ตามการต่อต้านเจตจำนงของเจ้านาย จะถือเป็นข้อผิดพลาดไม่สามารถแก้ไขได้เลย

สายตาของเขามองผ่านเย่ว์ไตตันข้างหน้าและมองดูสหายของเขา จิวจื้อเทียนกำลังต่อสู้กับนางพญาเฟ่ยเหวินหลีอย่างเจ็บปวด

บางทีจิวจื้อเทียนต้องการตายตอนนี้

แต่

นั่นเป็นแค่ความคาดหวัง

การยั่วยุและการต่อต้านนางพญาผู้พิชิตทั้งหมด จะทำให้ผลลัพธ์ออกมาน่าสมเพช และจิวจื้อเทียนไม่มีความคาดหวัง

“ขอบคุณเจ้า” จื้อไจ้เทียนพยักหน้าให้เย่ว์หยาง “ขอบคุณที่เจ้ายังพยายามให้เกียรติข้า แม้ว่าเราไม่ใช่สหายที่ดีต่อกัน แต่อาจกล่าวได้ว่าเป็นศัตรูที่ดี”

“พักผ่อนอย่างสงบเถอะ ยุคสมัยของท่านจบแล้ว” เย่ว์หยางถอนหายใจ

“ลาก่อน” จื้อไจ้เทียนหันกลับไปมองเทียนอี้อีกครั้ง

เขาหันกลับมาน้ำตานองหน้า โดยไม่มีการต่อต้าน

วิญญาณของเขา

หดตัวลงในภายใต้พลังของเทพชะตาของเย่ว์หยางจนเหลือขนาดเท่าจุดแสงเล็ก  เย่ว์หยางใช้มือจับวิญญาณจื้อไจ้เทียน ร่างของจื้อไจ้เทียนค่อยๆ ถูกทำลายภายใต้กฎสวรรค์กลืนกินของโลกแกนสมดุล ศัตรูผู้ภักดีต่อเจ้านายถูกผนึกอยู่ในกำแพงปราณ

จิวจื้อเทียนยังคงต่อสู้กับความเจ็บปวด

หากปราศจากการให้อภัยจากเฟ่ยเหวินหลี เขาจะต้องรับการลงโทษต่อไป.... แม้ว่าจะถูกตัดสินให้หลับใหลอย่างยาวนาน  แต่ก่อนหน้านั้นเขาต้องทนทรมานอย่างไร้ขอบเขตเพื่อไถ่บาปจากการเข่นฆ่าที่ก่อไว้ในอดีต

“น่าขนลุก  เจ้าใส่หมวกใบใหญ่ขนาดนั้น หัวโตขนาดนั้น เจ้าไปฆ่าคนอื่นมาจากไหน?” มังกรปีศาจรู้สึกชิงชัง

มีค้อนอยู่ในตัวของเขา

แม้แต่กระดูกก็ถูกทุบ อย่างนี้จะไม่ให้ร้องได้หรือ? นี่แหละคน!

ในเวลานี้ฉงฉีมองไปที่พี่ใหญ่มังกรปีศาจด้วยใจชื่นชมและกระตือรือร้น ต่อให้มังกรปีศาจพังพาบอยู่บนพื้นเหมือนกับดินเหลว เขาก็ยังดูหล่อเสมอ

ทั่วทั้งโลกแกนสมดุล ยังคงมีกฎสวรรค์จากตำหนักกลางนับพันอยู่  แต่แสงเทพที่มีรัศมีเป็นหมื่นภายใต้เจตจำนงของจักรพรรดิหัวซิ่วรี่ (เย่เมิ่ง) และจักรพรรดินีราตรีค่อยๆ สลายจางลง  องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนมีดาบเทพพยัคฆราชและดาบเทพชะตา จากนั้นสุ่ยอู๋เหินกับหมิงเยี่ยกวงช่วยรับมือโดยใช้โล่เทพชะตาสร้างผลกระทบต่อกฎสวรรค์ของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ตลอดเวลา  จุ้ยมาวอี้ถือง้าวชะตาเข้าร่วม ขณะที่ควงค้อนชะตาไม่หยุด อาหงใช้แส้ชะตาจากท้องฟ้า 

เย่ว์หวี่อยู่ข้างหลังเล็กน้อยถือไม้เท้าเทพชะตา

โล่วฮัวยืนอยู่ด้านข้างนาง

นิ้วเรียวยาวดุจหยก

สวมแหวนเทพชะตาแทนเสวี่ยอู๋เสีย

เสวี่ยอู๋เสียเป็นผู้กำหนดแผนการต่อสู้ทั้งหมด นางถือมุกเทพชะตาขยายสนามพลังด้วยสำนึกเทพและเริ่มผนึกวิหารด้วยพลังปัญญาที่ไร้เทียมทาน... จื้อจุนรออยู่นานและพบว่าไม่มีความคืบหน้า นางแค่นเสียง  “พิรี้พิไรมากความจริงๆ  หลีกไปก่อน”

นางถือผนึกเทพชะตาลอยขึ้นไปในท้องฟ้าร่วมกับเจ้าแม่จันทราเปลี่ยนโลกแกนสมดุลเป็นสีขาวกับดำ

กฎของจื้อจุนครอบงำทุกอย่าง

ปัง!

เส้นทางเชื่อมวิหารแรกกับวิหารที่สองถูกจื้อจุนทำลายทันที

ใจกลางฝ่ามือของเสวี่ยอู๋เสียส่องแสงสว่างฉายไปที่ตำหนักกลางข้างหน้าโดยอัตโนมัติ

ประตูกลางเปิดออกทันที

เมื่อสูญเสียเจตจำนงสนับสนุนของเทียนอี้ ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะต้านทานสาวๆ ได้เป็นเวลานาน วิหารที่หนึ่งประกาศว่าถูกทำลาย  องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนรีบวิ่งนำหน้าเข้าไป  นางพบว่านักรบสามเผ่าพันธุ์ใหญ่ของหอทงเทียนกำลังดิ้นรนต่อสู้อย่างหนัก นางตวาดพร้อมกับชูดาบเทพพยัคฆราชเรียกสายฟ้านับพันสายโจมตีไปที่นักรบประจำตำหนักกลางทั้งหมด กลิ่นเนื้อไหม้โชยคุกรุ่น

“เฮ้.....” นักรบหอทงเทียนเมื่อเห็นฉากภาพนี้ ต่างดีใจแทบคลุ้มคลั่ง

ราชันย์ปีศาจใต้และหมิงเยี่ยกวง

รวมทั้งเย่ว์ปิง อี้หนานและหลิวเย่ต่างติดตามเข้ามา พวกนางพยายามจะขึ้นหน้าเป็นที่หนึ่งให้ได้ อาหงรวดเร็วที่สุด พอเข้าวิหารที่หนึ่งก็รีบผ่านไปวิหารที่สอง

ที่ด้านนอกสุ่ยอู๋เหินเข้าไปสมทบกับแม่สี่  พวกนางยืนอยู่นอกสนามรบรอคอยอย่างเงียบงัน ในใจพวกนางคิดว่าแค่มีเย่ว์หยางกับมารดายังสาวก็เพียงพอรับมือแล้ว

กฎสวรรค์ได้รับการยอมรับแต่แม่สี่ไม่ได้ยกเลิกการทำสัญญา คัมภีร์เทพยังลอยอยู่ข้างๆ นาง

เมื่อเห็นว่ากระบวนการดำเนินไปอย่างราบรื่นเสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนผนึกกำลังบุกฝ่าวิหารที่หนึ่งทันที

ใบหน้าของพวกนางมีรอยยิ้มที่พอใจ

พวกนางยิ้มหวาน

เมื่อผ่านวิหารแรกได้ วิหารที่สองก็ง่ายดายขึ้น

เนื่องจากจักรพรรดิหัวซิ่วรี่และจักรพรรดินีราตรีใช้พลังสะกดข่มไว้  จื้อจุนและเจ้าแม่จันทราโจมตีใส่ตำหนักวิหารกลางที่ไม่มีพลังช่วยเหลือ แต่ละวิหารจึงค่อยๆ ถูกทำลาย  ในช่วงแรกๆ ต้องเปลืองมือเปลืองเท้า พอมีคนที่ได้รับการช่วยเหลือเพิ่ม นักรบสามเผ่าพันธุ์ใหญ่จากหอทงเทียนภายใต้การนำของมารสัมฤทธิ์ฟ้าและจักรพรรดิมังกรเหมือนกับกระแสน้ำหลากเข้าโจมตีแต่ละวิหารในตำหนักกลาง

“ฆ่ามัน ฆ่ามัน”  ฉงฉีผู้บ้าเลือดก่อนหน้านี้ไม่สามารถบุกเข้าวิหารในตำหนักกลางได้ ทำได้แต่สู้กับถานไถถูเมี่ย ในที่สุดตอนนี้เขาได้เข่นฆ่าเต็มที่

“เจ้าพวกนี้เป็นของข้า  ข้าร่วมด้วยช่วยอีกคน”  มังกรสองหัวกู่อั๋งต้องสู้เพื่อชีวิต ถ้าเขาไม่พยายามให้หนักในตอนนี้จะให้ทำเมื่อไหร่?

“ข้ามาแล้ว!  สาวน้อยกิเลนปิงหยินผู้น่ารักวิ่งตะลุยเข้าใส่พร้อมกับปล่อยหมัดน้อยๆ นำหน้า

มีประตูวิหารมากมายที่ยังไม่เปิดถูกนางขวิดกระแทก

ต้องบอกว่า

เรื่องการใช้หัวทำลายประตูวิหาร นางทำได้ดีกว่าองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนใช้ดาบเทพเสียอีก

“ยอมแพ้ เรายอมแพ้แล้ว!” เทพสังหารถูซื่อและน้องชายถูว่านกลัวจนหน้าซีด

“เร็วเกินไปหรือเปล่าที่มาจำนนเอาในเวลานี้?” จักรพรรดิทองและจักรพรรดิอสูรผู้ยิ่งใหญ่จากแดนสวรรค์บนมองหน้าและยิ้ม สถานการณ์พัฒนามาถึงจุดนี้ได้ พวกเจ้าแค่บอกว่าขอยอมแพ้  แน่ใจนะว่าพวกเจ้าไม่ได้ล้อเล่น?

“.....” ถูซื่อและถูว่านมีสีหน้าลำบากใจ

ก็เมื่อครู่นี้

ชีวิตผู้น้อยยังตกอยู่ในเงื้อมมือของเทียนอี้

อย่าว่าแต่ยอมแพ้เลย แค่มีความคิดเล็กน้อยอาจตายอย่างไม่มีที่กลบฝัง

รอจนเทียนอี้ติดอยู่ในทะเลดอกไม้ วิหารในตำหนักกลางแตก พวกเจ้าถึงค่อยกล้าพูดยอมแพ้อย่างนั้นหรือ?

ตาย!  ฉงฉีคำรามอย่างดุร้ายพลางกระโดดลงมาที่พื้น บัดซบ เขาอุตส่าห์ถอนสถานะอสูรอมตะเหมือนกับถอดกางเกงทิ้ง พวกเจ้ายังกล้าพูดอย่างนี้หรือ?

“สวะจริงๆ”  ประมงเฒ่าปวดหัวเมื่อเห็นเรื่องตลกนี้

โชคดีที่มีคนคอยควบคุม

มีเด็กหนุ่มตระกูลเย่ว์คอยจัดการเรื่องยุ่งๆ นี้ได้ไม่ว่าจะดีหรือชั่วก็ตาม

ในทะเลดอกไม้ เทียนอี้ยังคงระดมยิงโจมตีโดยรอบตัวอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย พลังของเขาสามารถทำลายทะเลดอกไม้ได้ในทันที แต่ในพริบตาทะเลดอกไม้ก็เกิดใหม่อีกครั้ง

“การประลองชะตาควรจบลงแค่นี้ สู้ต่อไปก็ไม่มีความหมาย”  มารดาผู้ลึกลับเห็นว่าวิหารสุดท้ายถูกเสวี่ยอู๋เสียและองค์หญิงเชี่ยนเชี่ยนทำลาย นักรบประจำวิหารคนสุดท้ายถูกกลุ่มเจ้าอ้วนไห่ถล่ม นางส่ายหน้าและโบกมือส่งสัญญาณให้เทียนอี้ที่บ้าคลั่งหยุดการต่อสู้   “เจ้าไปเสียเถอะ เจ้าสามารถมีชีวิตอยู่ได้ในฐานะศัตรูที่เป็นพยานในการเลื่อนระดับเป็นเทพจอมราชันย์ของข้า  หวังว่าคำแนะนำของข้าจะทำให้เจ้าเริ่มต้นชีวิตใหม่ได้  ในฐานะผู้เข้าต่อสู้ที่ได้ฝึกปรือมา เทียนอี้ เจ้าไม่ได้ด้อยความสามารถ เจ้ามีดีพอ เพียงแต่ถือทิฏฐิมากเกินไป...”

“อย่ามาใช้คำพูดหลอกลวงข้าเลย” แม้ว่าวิหารในตำหนักกลางจะพังทลายไปหมดแล้ว แต่สีหน้าของเทียนอี้ยังคงแสดงความมั่นใจไม่เปลี่ยนแปลง

“ผลแพ้ชนะถูกกำหนดไว้แล้ว” มารดาผู้ลึกลับไม่อยากพูดต่อ

“ไม่ ข้าจะไม่มีทางยอมรับ” เทียนอี้ยืนกราน

“นั่นก็ดีแล้ว ตอนนี้ให้ข้าสอนเจ้า ผู้ที่เรียกว่านักสู้อันดับหนึ่งในแดนสวรรค์”  นางพญาเฟ่ยเหวินหลีผู้เหนื่อยล้าจากการต่อสู้หลายครั้งลากดาบของนางและเข้าไปในทะเลดอกไม้

“อาศัยเจ้าน่ะหรือ?” เทียนอี้ดูแคลนนาง หากนางไม่ได้รับบาดเจ็บ นางพญาผู้พิชิตนี้ก็คงน่าเกรงขาม  แต่ตอนนี้แม้แต่เด็กน้อยก็สามารถโค่นล้มนางได้ด้วยหมัดเดียว  อย่างไรก็ตามแม้ว่าเขาจะรู้ว่านางพญาเฟ่ยเหวินหลีไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา เทียนอี้ไม่คิดจะฆ่าศัตรูเพิ่มอีกคนหนึ่ง  ในสายตาของเขามีเพียงศัตรูที่ตายแล้วเท่านั้นที่เป็นศัตรูที่ดีที่สุด

“ถูกแล้ว อาศัยข้านี่แหละ!  เฟ่ยเหวินหลีเงื้อดาบอย่างยากลำบาก

และฟันลงทันที

เทียนอี้ไม่เคลื่อนไหวปัดป้อง

เขาเหยียดนิ้วตามปกติแสงเทพพุ่งขึ้นราวกับจรวดเข้าที่ร่างของเฟ่ยเหวินหลี

เฟ่ยเหวินหลีไม่หลบ บางทีพลังที่จะหลบนางใช้ไปกับการเหวี่ยงดาบในมือ ราวกับจะห้ำหั่นศัตรูให้ได้

แสงเทพนั้นเร็วกว่าดาบศึกเป็นพันเท่า

แต่เรื่องที่น่าแปลกก็คือ

ขณะที่ดาบฟันลงไปที่ไหล่ของเทียนอี้ แต่แสงยังมาไม่ถึงใบหน้าของเฟ่ยเหวินหลี

“เป็นไปไม่ได้!  เทียนอี้มองดูไหล่ที่มีหลั่งเลือดเทพสีทองด้วยความเหลือเชื่อ  เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาสวมเกราะเทพ แต่ไม่อาจปกป้องต้านทานดาบของศัตรูได้  เขายิ่งไม่อยากเชื่อเลยว่าแสงเทพของเขาพลาดท่ายิงศัตรูไม่ถูก  เมื่อเขามองอย่างพิจารณา เขาพบว่าแสงเทพของเขาค่อยๆ เคลื่อนเข้าไปในทะเลดอกไม้ มันทำลายทุกอย่างในระหว่างทาง แต่ปล่อยให้ทะเลดอกไม้บานใหม่ที่ขวางทางชะลอให้ความเร็วช้าลง และสุดท้ายเหลือความเร็วที่ไม่ต่างจากทากคลาน

บึ้ม บึ้ม บึ้ม แสงเทพทำลายที่ไร้เทียมทานยังมาไม่ถึงเฟ่ยเหวินหลี

ก็หายไป

หายไปไม่เหลือร่องรอย

นางพญาเฟ่ยเหวินหลียิ้มให้เขาอย่างเย็นชา  “พลังทำลายล้างของเจ้านั้นยิ่งใหญ่กว่าสิ่งที่เจ้าสร้าง และพลังนิรันดร์  เจ้าตำหนักสูงสุดอย่างเจ้าไม่รู้ว่าพลังนิรันดร์ที่แท้จริงคืออะไร ช่างน่าสมเพชนัก!

นางพูดจบก็หันหลังและทิ้งดาบศึกในมือนาง  “ปรากฏว่านักสู้อันดับหนึ่งของแดนสวรรค์ก็แค่หนอนที่น่าสมเพช ข้าไม่สมควรสู้ด้วยเลย!

เทียนอี้รู้สึกอับอายที่สุดในชีวิต

ไม่มีอะไรน่าอายมากไปกว่านี้แล้ว

ศัตรูหยุดสู้เพราะดูถูกตัวเขา และรู้สึกว่าพวกเขาไม่อยากลดตัวลงมาสู้ด้วย

“น่ารังเกียจนัก เจ้ามีพลังไม่ถึงครึ่งหนึ่งของข้า มีสิทธิ์ใดมาทำให้ข้าต้องอับอาย”  เทียนอี้ไม่สามารถห้ามความโกรธได้ แม้ว่าเขาจะพยายามควบคุมอย่างเต็มที่  แต่ความโกรธก็ยังพลุ่งออกมาจากใจของเราราวกับภูเขาไฟระเบิด

“เจ้าเป็นหนอนที่น่าสมเพชแน่นอน” เย่ว์หยางปรากฏตัวที่ด้านหลังของเขาและพยักหน้าเห็นด้วย  “หนอนที่น่าสมเพชที่มีพลังมหาศาล”

“เจ้าว่าอะไรนะ?”  เทียนอี้โมโห

“เมื่อข้าทุบเจ้าจนจำแม่ไม่ได้ แล้วข้าจะบอกเจ้า!  เย่ว์หยางมือจับคอเทียนอี้พร้อมกับยิ้ม  ศัตรูที่ทรงพลังอย่างยิ่งที่เคยทุบตัวเขาลงไปนอนก่อนหน้านี้อย่างรุนแรงเหมือนกับยักษ์ที่บดขยี้คนแคระน้อย เขายกเทียนอี้จนสุดมือและทุ่มกับพื้นผิวทะเลดอกไม้

ระดมหมัดต่อยเหมือนสายฝน

ทั้งหมัดและเท้า

เสี่ยวเหวินหลีออกมาร่วมสนุกด้วย

ทั้งสองร่วมมือกันเอาทุบตีเอาชนะเทียนอี้ซึ่งมีพลังเทพมากมาย

เป็นไปไม่ได้ นี่เป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน เห็นได้ชัดว่ากำลังของฝ่ายตรงข้ามไม่ถึงหนึ่งในสิบของเขา ศัตรูอ่อนแอและข้าแข็งแกร่ง ทำไมเขาถึงถูกข่มได้?  นี่คือความฝัน?  องค์หญิงเย่เมิ่ง (หัวซิ่วรี่) เล่นกลเขาหรือเปล่า?  หรือเป็นภาพลวงตาของมารดาเย่ว์ไตตัน?

“ก่อนหน้านี้เจ้าทุบตีข้าไว้ใช่ไหม?  ตอนนี้ข้าคุณชายขอคืนให้เจ้าทั้งหมด!  เย่ว์หยางคว้าตัวเทียนอี้อย่างไม่ใส่ใจและตบหน้าเทียนอี้ “นี่แค่ดอกเบี้ย!

“ฝันไปแน่ๆ! เทียนอี้ไม่ยอมรับความจริงเรื่องนี้

“ฮะฮะ เจ้านึกว่านี่คือความฝันหรือ!  นี่เป็นความฝันแบบเดียวกับการฝึกฝนในแดนฝึกฝนด่านที่สิบ พลังเทพขนาดมหึมานั้นมีอยู่จริง เจ้าตำหนักสูงสุดเทียนอี้ เจ้าค้นพบหรือยัง?  เจ้าไม่ได้เป็นอะไรเลยนอกจากหนอนที่น่าสมเพช!  เจ้ามีแต่พลังทำลายล้าง แต่เจ้าไม่มีพลังสร้าง ไม่ต้องพูดถึงพลังนิรันดรที่แท้จริง!  เจ้าไม่มีพลังนิรันดร์ที่เป็นของเจ้าเลย เจ้าเหมือนเป็นแค่คนง่อยที่ไม่มีมือ มีเท้าเดินอย่างเดียวและหลงผิดคิดท้าชิงตำแหน่งเทพจอมราชันย์  เจ้ากำลังฝันไป!  เย่ว์หยางด่าทอเทียนอี้อย่างไม่เกรงใจ

“พอเถอะ ไม่จำเป็นต้องทำให้อีกฝ่ายต้องอับอาย ไม่ว่าเขาจะทำอะไรก็ตามอย่าหัวเราะเยาะความพยายามของคนอื่น ไม่เพียงแต่เขาเท่านั้น แต่ยังมีอีกหลายคนที่พากเพียรอย่างหนักเพื่อสิ่งนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เราควรจะเผชิญหน้าตรงๆ”  มารดาผู้ลึกลับบอกว่าเทียนอี้แค่พยายามผิดทิศทาง นางไม่ได้ดูถูกอีกฝ่าย   ไม่มีการเยาะเย้ยฝ่ายตรงข้าม นางให้เกียรติต่อความพยายามทั้งหมดของพวกเขาจากก้นบึ้งหัวใจ ไม่ว่าเขาจะถูกหรือผิด

“......” เทียนอี้ยืนขึ้น

เขาพบว่าอาการบาดเจ็บของเขาหายเป็นปกติเหมือนเดิมทันทีและเขากลับคืนความมั่นใจอีกครั้ง  “นี่เป็นความฝัน เจ้าไม่มีทางทำให้ข้าใจหวั่นไหวได้

เย่ว์หยางยักไหล่ผายมือ  “สำหรับเจ้า นี่เป็นความฝัน และเป็นฝันร้ายที่เจ้าไม่กล้าตื่นขึ้นมา หากปราศจากการสร้างเจ้าจะไม่สามารถเข้าใจความหมายที่แท้จริงของชีวิต เจ้าจะไม่มีความนิรันดร์ไม่ว่าเจ้าจะมีพลังเทพมากมายขนาดไหนก็ตาม แต่ก็เป็นเพียงพลังที่คนอื่นมอบให้เจ้าเท่านั้น  ปราสาททรายที่ซับซ้อนกันแบบนี้มีพลังเพียงผิวเผิน ไม่สามารถทำให้เป็นสิ่งก่อสร้างที่สง่างามได้  จงฝันต่อไปเถอะเทียนอี้ เราหายกันแล้ว ข้าไม่โกรธเจ้าอีกต่อไปแล้ว...”

ศัตรูที่เย่ว์หยางมีความเกลียดชังที่สุดในชีวิต จู่ๆ เขาก็พบว่าศัตรูของเขาตกอยู่ในสถานการณ์น่าสมเพชมาก

เขาจะไม่ทะเลาะโจมตี

แต่จะปล่อยไป

เพราะการรุกรานมากเกินไปจะปลุกความหวาดระแวงของศัตรู

แม้ว่าความเป็นไปได้จะมีน้อยมาก แต่เขาไม่เต็มใจจะเสี่ยง

“หยุดนะ” เทียนอี้เห็นเย่ว์หยางเก็บพลังเทพชะตาและหันกายเดินจากไปเหมือนกับเฟ่ยเหวินหลี  ความอัปยศอดสูในใจของเขายิ่งมากกว่า  เขายอมถูกศัตรูทุบลงไปนอนกับพื้นดีกว่าจะเห็นศัตรูละเลยไม่สนใจเขา

“ลาก่อนเทียนอี้!  ในชีวิตของข้า เจ้าเป็นแค่คนผ่านทางเท่านั้น”  เย่ว์หยางรู้สึกว่าเจ้าผู้นี้ค่อนข้างแข็งแกร่ง แต่ก็น่าสมเพชเกินไป  เขาไม่รู้ว่าเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่ เขากักตัวไว้คนเดียวจนกระทั่งไม่นานมานี้ก็ตกหลุมพรางของตงฟางอย่างเต็มที่  ถ้าเป็นคนอ่อนแอก็ไม่เป็นไร  แต่เป็นผู้แข็งแกร่งระดับเทพที่มีพลังเทพและมีสติปัญญาอันยอดเยี่ยมอย่างไม่มีใครเปรียบได้... คนอื่นจะพูดอะไรได้?

หัวเราะเยาะ หรือสงสารเห็นอกเห็นใจ?

ใช่แล้ว ช่างมัน ลืมมันไปเสียเถอะ

ไม่ต้องไปสนใจเขา

เพื่อไม่ให้เป็นการทำร้ายจิตใจน้อยๆ ที่บอบบางของผู้แข็งแกร่งอันดับหนึ่งของตำหนักกลางศักดิ์สิทธิ์ เขาถือว่าเป็นเรื่องบังเอิญที่ผ่านมาเจอ!

อีกด้านหนึ่ง เจตจำนงของเทพบรรพตมีอาการผันผวนเช่นเดียวกับทะเลมรณะ  แม้แต่ประตูเทพก็สั่นไหวเล็กน้อย และเพิ่มขึ้น มารดาผู้ลึกลับปล่อยตนเองให้อยู่ในร่างเทพที่ขยายตัวอย่างไม่จำกัดในแสงเทพ

นี่คือการยอมรับอย่างเป็นทางการของกฎสวรรค์โบราณ

การประลองชะตาจบลงแล้ว

ชัยชนะ

ตกเป็นของนางนับแต่วินาทีนี้ นางจะเป็นเทพราชันย์แห่งโลกแกนสมดุลคนใหม่!

**** *** ****

4 ความคิดเห็น:

BJ กล่าวว่า...

ใกล้จบแล้ว

Badly กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับ

Pcha กล่าวว่า...

ขอบคุนคับ

CHANTANA กล่าวว่า...

สฺดจัด

แสดงความคิดเห็น