วันศุกร์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2565

บทที่ 8 เคล็ดโคจรพลังระดับผู้เชี่ยวชาญ

 

 

บทที่ 8 เคล็ดโคจรพลังระดับผู้เชี่ยวชาญ

“เคล็ดการนวดแผนโบราณ!”

นี่คือตำราวิชาที่ซุนม่อเพิ่งได้รับ เมื่อได้เห็นชื่อนี้ ไม่ว่าใครก็คงรู้สึกคลุมเครือ

 

“เมื่อก่อนเจ้าคงมีชื่อว่าระบบผู้เชี่ยวชาญการนวด จนกระทั่งเจ้าโดนธนูปักเข่าก็เลยกลายเป็นระบบมหาคุรุใช่หรือเปล่า?”

ซุนม่อล้อเลียน

ระบบยังคงเงียบ

“เจ้าตั้งใจจะเลี้ยงข้าให้เป็นสาวคอยนวดเท้าลูกค้าในร้านทำผมใช่ไหม?”

ซุนม่อเริ่มสงสัย

“แต่เจ้าเป็นผู้ชาย”

ในที่สุดระบบก็พูดขึ้น “และข้าก็พบว่าเจ้าช่างปากเสียเหลือเกิน”

“เห็นได้ชัดว่าตำราที่เจ้าให้มามีปัญหา นี่จะไม่ยอมให้ข้าพูดเรื่องนี้เลยใช่ไหม?”

ซุนม่อขมวดคิ้ว “ในฐานะครู ข้าจะแช่งชักผู้คนได้ยังไง?  ให้ข้าบอกเจ้าก็แล้วกัน  ถ้าข้าเริ่มแช่งชักหักกระดูก ข้าจะเหมือนกับหมาป่าที่ถูกปลดปล่อย แม้แต่ข้ายังกลัวตัวเองด้วยซ้ำ”

“ตำรานวดแผนโบราณเป็นเคล็ดการนวดที่ทรงประสิทธิภาพมากในยุคโบราณ  ด้วยมือของเจ้า เจ้าสามารถสัมผัสและเข้าใจทุกส่วนของร่างกายเป้าหมายของเจ้า  ทั้งยังบรรลุการควบคุมที่สมบูรณ์แบบ และช่วยให้เจ้าวางแผนแนวทางการฝึกปรือตามวิถีของเป้าหมายได้”

ระบบอธิบาย

ซุนม่อมีเพื่อนร่วมงานที่มีสามีเป็นนักกีฬาประจำจังหวัด  ดังนั้นเขาจึงรู้ว่าการนวดตัวเป็นส่วนหนึ่งของการฝึก  การรักษาสภาพร่างกายและการฟื้นตัวมีความสำคัญสูงสุด ยิ่งบำรุงรักษาได้ดีเท่าไร พวกเขาก็ยิ่งสามารถแข่งขันในอาชีพของตนได้นานขึ้นเท่านั้น

“อย่างไรก็ตาม เคล็ดวิชานวดแผนโบราณดูไม่เข้ากับสไตล์หรือเปล่า? เจ้าเปลี่ยนชื่อเป็นอะไรสักอย่างที่ฟังดูน่าประทับใจกว่านี้ได้ไหม อย่างเช่นหัตถ์มังกรโบราณประมาณนี้?”

ข้อเรียกร้องของซุนม่อถูกระบบเมินเฉย

“จะเรียนหรือไม่เรียน?”

“แน่นอน ย่อมต้องเรียน!”

ซุนม่อตอบรวบรัดชัดเจน

เปรี๊ยะ!

ตำราเคล็ดวิชาแตกเป็นเสี่ยงๆ กลายเป็นลูกกลมแสงสีทองพุ่งเข้ามาที่กึ่งกลางคิ้วของซุนม่อ  ความรู้แปลกๆ บางอย่างปรากฏขึ้นในใจของเขา

“ขอแสดงความยินดี เจ้าได้รับเคล็ดโคจรพลังระดับผู้เชี่ยวชาญ  เคล็ดนี้เป็นหนึ่งในสี่ของ ‘เคล็ดนวดแผนโบราณ’ โดยมุ่งเป้าไปที่เส้นโคจรพลังเป็นหลัก เมื่อเส้นโคจรพลังถูกชำระ ปราณจิตจะสามารถโคจรผ่านได้โดยไม่มีอุปสรรคขวาง”

ซุนม่อปากสั่นและเขาเกือบสบถแช่งมารดาของระบบฯ หลังจากเสียเวลาไปครึ่งค่อนวัน นี่เป็นวิชาบางส่วน? น้อยนิดเสียเหลือเกิน

หลังอาหารมื้อเช้า ซุนม่อหาโกดังเงียบๆ แห่งหนึ่ง หลังจากล็อคประตูแล้ว เขาก็เริ่มฝึกวิชาเซียนมหาจักรวาลไร้ลักษณ์ เนื่องจากการปรากฏของปราณจิต, เขาพบว่าร่างของเขาแข็งแรงขึ้นมาก เพียงกระโดดแบบสบายๆ ก็สูงถึง 5-6 เมตร

“ถ้าข้าไปแข่งมาราธอนและล้มเหลวในการสร้างแรงกดดันต่อคู่แข่งอันดับสอง ข้าคงทำให้ร่างนี้ผิดหวังเป็นแน่”

ซุนม่อเพ้อฝัน ทุกคนอยากจะมีร่างกายแข็งแรงกันทั้งนั้น  ในอดีตเขาสายตาสั้นและมีปัญหากับกระเพาะอาหารและกระดูกสันหลังต้นคอ  ตอนนี้มันได้รับการแก้ไขให้สมบูรณ์แล้ว

“ทุกอย่างเกี่ยวกับการฝึกปรือนั้นเป็นเรื่องดีทั้งนั้น เว้นเสียแต่ว่ามันเหนื่อยเกินไป”

แม้ว่าเขาจะบ่นรำคาญ แต่ซุนม่อก็ใกล้เข้าสู่ประตูระดับแรกของวิชาเซียนมหาจักรวาลไร้ลักษณ์

ระดับแรกจะช่วยให้เขาปลดปล่อยศักยภาพและควบคุมร่างกายตนเอง ทำให้เขาระเบิดพลังได้ทุกเมื่อ ควบคุมพลังความแข็งแกร่งได้อย่างสมบูรณ์

แก่นสำคัญของระดับแรกคือการควบคุมร่างกายพวกเขา ขุดศักยภาพออกมาใช้ให้มากขึ้น

ช่วงเวลาการฝึกปรือนี้กินเวลาหนึ่งวัน ในช่วงเวลานี้ซุนม่อเห็นหลี่กงตามหาเขาไปทั่ว แต่เนื่องจากเขาซ่อนตัวไว้ หลี่กงจึงหาเขาไม่พบ

ไม่ใช่ว่ากลัวเขา แต่ตอนนี้เขาไม่มีอารมณ์จะสนใจหลี่กงแล้ว เหมือนกับได้เกมใหม่แล้วติดใจ ไม่ต้องพูดถึงการไปโรงเรียน แม้แต่คนรักก็ยังไม่มีเวลาไปหา

ซุนม่อไม่ชอบกลุ่มผู้คน เขาจะรอจนหมดเวลาที่คนคับคั่งก่อนจะมุ่งหน้าไปที่โรงอาหาร

เขาสั่งก๋วยเตี๋ยวน้ำใสที่เส้นเหนียวหนึบน่าพอใจ สั่งเนื้อเปื่อยสองสามชิ้นที่ต้มทั้งคืน มันอร่อยมากจนเขาแทบกลืนลิ้นตัวเอง

ครูฝึกสอนจะมีเงินอุดหนุน ดังนั้นซุนม่อใช้เงินเพียง 5 เหรียญเท่านั้น  ถ้าเขาได้รับการจ้างงานอย่างเป็นทางการ เงินอุดหนุนก็จะสูงมากขึ้น

หลังจากออกจากโรงอาหาร ซุนม่อมุ่งหน้าไปยังทะเลสาบม่อเปย เขาอยากเดินเล่นหลังอาหารมื้อค่ำ

ชีเซิ่งเจี่ยเดินตามหลังเขามาห่างๆ 20 เมตร  หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความลังเล  ก่อนหน้านี้เขาตามหาซุนม่อไม่เจอ  จากนั้นหวังฮ่าวก็มีความคิดและบอกให้เขาไปรอที่ทางเข้าโรงอาหาร ท้ายที่สุดทุกคนก็ต้องกิน

“ซุน... อาจารย์ซุน!”

ชีเซิ่งเจี่ยเร่งฝีเท้าไล่ตามซุนม่อ ทำให้เขาต้องเกร็งกล้ามเนื้อเพิ่ม มันทำให้เจ็บปวดมากจนเหงื่อท่วมหัว

“ขาของเจ้าเสียเหรอ?”

ซุนม่อหยุดและขมวดคิ้ว

“มือขวาของข้าด้วย”

ชีเซิ่งเจี่ยยิ้มเศร้าสร้อย เขามองใบหน้าที่สงบของซุนม่อและกัดฟันก่อนจะคุกเข่าลงกับพื้น เขาใช้แรงมากจนเข่าของเขากระทบพื้นหินดังตุ้บ

“อาจารย์ซุน, โปรดชี้แนะข้าด้วย!”

ชีเซิ่งเจี่ยกล่าวพลางหมอบกราบ  นี่คือความหวังสุดท้ายของเขา

“ลุกขึ้น!”

ซุนม่อดุ “ลูกผู้ชายมีทองอยู่ใต้เข่า  เจ้าควรคุกเข่าต่อฟ้าดินและพ่อแม่ของเจ้าเท่านั้น!”

ซุนม่อเกลียดคนที่ไม่รักตัวเองที่สุด ดังนั้นหลังจากพูดแบบนี้  อารมณ์ของเขาพลุกพล่านถึงกับเปล่งรัศมีมหาคุรุ

วิ้งงง

รัศมีทองจากซุนม่อพุ่งออกมากระทบร่างชีเซิ่งเจี่ยราวกับฝนพร่างพรม

ภายใต้ผลกระทบของรัศมี ‘คำแนะนำล้ำค่า’ ประโยคที่ว่าลูกชายมีทองใต้หัวเข่าเป็นเหมือนระฆังยักษ์สั่นสะท้านจิตใจของชีเซิ่งเจี่ย เขาลุกขึ้นยืนโดยไม่รู้ตัว

“ข้าผิดไปแล้ว!”

ชีเซิ่งเจี่ยกล่าวขออภัย เขาก้มหน้าขณะที่ความลังเลก่อนหน้านั้นทั้งหมดจางหายไปอย่างสิ้นเชิง กลับเป็นอารมณ์เคารพอย่างสุดซึ้งเข้ามาแทนที่

เขาไม่ควรดูแคลนอาจารย์ซุน ผลของคำแนะนำล้ำค่าทรงพลังอย่างแท้จริง เขารู้สึกมีความหวังในหัวใจขึ้นมาอีกครั้ง

ติง!

คะแนนความประทับใจจากชีเซิ่งเจี่ย +3

 ความเชื่อมสัมพันธ์อันทรงเกียรติกับชีเซิ่งเจี่ยปลดล็อค  สถานะปัจจุบัน : เป็นกลาง (3/100)

“ข้าได้รับคะแนนประทับใจแบบนี้ก็ได้ด้วยเหรอ?”

ซุนม่อใช้เนตรทิพย์ตรวจสอบชีเซิ่งเจี่ย กล้ามเนื้อแขนขวาและขาซ้ายได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเส้นโคจรพลังยุ่งเหยิงมาก

“อาจารย์! โปรดชี้แนะข้า”

ชีเซิ่งเจี่ยอ้อนวอนอีกครั้ง

“เจ้าต้องการให้ข้ารักษาแขนขาของเจ้าใช่ไหม? ต้องขอโทษด้วย ข้าคงทำไม่ได้”

“อาจารย์ซุน! ท่านคือความหวังสุดท้ายของข้า”

ชีเซิ่งเจี่ยกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล

“เจ้าตกอยู่ในสภาพนี้เพราะโหมฝึกหนักมากเกินไป การฝึกมากเกินไปทำให้กล้ามเนื้อและเส้นโคจรพลังของเจ้าเสียหาย  ตราบใดที่เจ้าหยุดฝึก อาการของเจ้าจะค่อยๆ ฟื้นตัว”

ซุนม่อมั่นใจมากเพราะนี่คือผลของการใช้เนตรทิพย์ ซึ่งมีความแม่นยำมาก

“นานแค่ไหน.... ข้าต้องหยุดฝึกนานแค่ไหน?”

ชีเซิ่งเจี่ยมีสีหน้าเต็มไปด้วยความหวัง

“อย่างน้อยก็หนึ่งปี”

เมื่อได้ยินคำตอบนี้ชีเซิ่งเจี่ยหน้าซีดทันที  “ไม่! มันนานเกินไป ข้าจะต้องมีคุณสมบัติเข้าทดสอบประเมินในห้องโถงประลองนี้ ถ้าไม่อย่างนั้น ข้าคงได้แต่ออกจากสถาบัน”

คำว่า ‘ออกจากโรงเรียน’ ทำให้ซุนม่อขมวดคิ้ว เขาขมวดคิ้วจนอาจหนีบปูจนตายได้ ในฐานะครู นี่คือคำที่เขาไม่อยากได้ยินที่สุด

“อาจารย์ซุน, ท่านต้องมีทางแก้ไขแน่นอน  ท่านแนะนำข้าได้ไหมว่าควรทำอย่างไร?”

ชีเซิ่งเจี่ยงอเข่า  เขาอยากคุกเข่าอีกครั้ง แต่ก็ต้องฝืนกับแรงกระตุ้น

ซุนม่อเงียบ

ชีเซิ่งเจี่ยไม่กล้าพูดได้แต่ยืนสงบเสงี่ยมอยู่ด้านข้างรอการตัดสินใจของซุนม่อ

“เคล็ดโคจรพลังน่าจะช่วยเยียวยาเส้นโคจรปราณที่ได้รับความเสียหาย แต่ข้าไม่มีวิธีแก้ปัญหาที่กล้ามเนื้อของเขา แต่ปัญหาหลักของเขาก็ยังคงเป็นเส้นโคจรพลัง อย่างน้อยที่สุดก็ยังช่วยให้แขนและขาของเขาแข็งแรงขึ้นมาได้”

เมื่อมองดูข้อมูลของชีเซิ่งเจี่ย ซุนม่อไตร่ตรองและบอกความจริงกับเขา

“ข้าสามารถรักษาแขนขาของเจ้าได้  แต่ยังไม่มั่นใจเต็มร้อย อุบัติเหตุที่ไม่คาดคิดอาจทำให้อาการของเจ้าหนักขึ้นหรือทำให้เจ้าพิการไปเลยจริงๆ   เจ้ายังต้องการรักษาต่อไหม?”

นี่เป็นครั้งแรกที่ซุนม่อใช้เคล็ดกรุยเส้นโคจรพลัง  ใครจะรู้ว่าจะมีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้น

ชีเซิ่งเจี่ยตะลึง

ซุนม่อไม่รีบร้อนและรออย่างเงียบงัน ผ่านไปห้านาที เขาหันหลังและเดินจากไป

“อาจารย์ซุน”

ชีเซิ่งเจี่ยคำนับ  “ทุกอย่างขึ้นกับท่าน”

ทั้งสองกลับไปที่โกดังและจัดเรียงกระดานที่สะอาด ซุนม่อให้ชีเซิ่งเจี่ยถอดชุดและนอนบนกระดาน

ระดับผู้เชี่ยวชาญ ก็ตามชื่อบอกไว้ หมายความว่าเขามีความเชี่ยวชาญในเรื่องนี้ และความเชี่ยวชาญของเขายังมีมากกว่าระดับ ‘ดี’  แม้จะไม่ได้อยู่ในระดับ ‘ปรมาจารย์’ แต่อย่างน้อยก็ยังเป็นระดับหัวกะทิที่หายากเช่นกัน

เคล็ดโคจรพลังระดับผู้เชี่ยวชาญที่ซุนม่อเข้าใจทำให้เขารู้วิธีจัดการกับอาการของชีเซิ่งเจี่ย ในขณะที่เขาสัมผัสแขนขวาและลูบเล็กน้อย

อ๊า..

ความเจ็บปวดรุนแรงที่รู้สึกได้จากแขนของเขาทำให้ชีเซิ่งเจี่ยร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด จากนั้นเขารีบหุบปากกลัวจะรบกวนสมาธิของอาจารย์ซุน

ซุนม่อเพ่งสมาธิ เขารวบรวมพลังปราณในนิ้วมือแล้วนวดชีเซิ่งเจี่ย

ความรู้สึกเหมือนถูกเข็มแทงสามารถรู้สึกได้จากจุดที่ซุนม่อสัมผัส  ราวสองนาทีต่อมาความเจ็บเปลี่ยนเป็นอาการคัน จากนั้นก็เปลี่ยนไปเป็นกระแสพลังอุ่นไหลเวียนอยู่รอบแขนของเขา

ซีเซิ่งเจี่ยหลับตาด้วยความรู้สึกสบาย  เขารู้สึกเหมือนกับว่ากำลังล่องลอยอยู่บนปุยเมฆและกลับไปสู่อ้อมกอดของมารดา

แสงแรกของดวงอาทิตย์ยามเช้าฉายทะลุผ่านหน้าต่างตกลงที่ใบหน้าของชีเซิ่งเจี่ย เมื่อเขาตื่นขึ้นก็เป็นเวลาเช้าแล้ว

“เอ้านี่! กินอะไรสักหน่อยเถอะ”

ซุนม่อไปโรงอาหารซื้อข้าวต้มมาให้ชีเซิ่งเจี่ย

“ข้ามิกล้า  ข้ามิกล้า”

ชีเซิ่งเจี่ยลุกขึ้นพรวดพราดโบกมือปฏิเสธพัลวัล  หลังจากนั้น เขาเริ่มพบว่าอาการชาที่เเขนขวาและขาซ้าย  ตลอดจนส่วนอื่นๆ ของร่างกายจางหายไปหมดแล้ว

“อาจารย์ซุน!”

ชีเซิ่งเจี่ยเอียงคอ เขาหลั่งน้ำตาขณะมองไปที่ซุนม่อ  สภาพร่างกายของเขาในปัจจุบันนี้เป็นสิ่งที่เขาไม่ได้รู้สึกมานานแล้ว

“กินกันเถอะ”

ซุนม่อส่งชามให้ชีเซิ่งเจี่ย เมื่อคืนหลังจากเจ้าผู้นี้หลับไปแล้วซุนม่อตัดสินใช้การนวดกรุยเส้นชีพจรรักษาเส้นโคจรพลังในร่างของชีเซิ่งเจี่ยทั้งหมด

หลังจากใช้เนตรทิพย์ตรวจสอบซุนม่อยืนยันได้ว่าอาการบาดเจ็บในเส้นโคจรพลังของชีเซิ่งเจี่ยลดลงเป็นอย่างมาก  ถ้าเขานวดกรุยเส้นพลังอีกสองสามครั้ง  เขาน่าจะฟื้นฟูสภาพได้เต็มที่

ว่ากันตามจริงแล้ว ซุนม่ออยากกู่ก้องตะโกนว่า ‘ระบบมหาคุรุ มันยอดเยี่ยมจริงๆ’   เคล็ดนวดแผนโบราณที่เขาได้รับมาจากหีบสมบัติ มีประโยชน์อย่างแท้จริง  หากเขามีคะแนนความประทับใจเพียงพอ  เขาต้องการซื้อส่วนอื่นๆ ของเคล็ดวิชานี้้ด้วย

ชีเซิ่งเจี่ยวางชามข้าวลงมีสีหน้าเคร่งขรึมขณะที่คุกเข่าลง  เขาโขกศีรษะคำนับสามครั้ง ทำให้มีเสียงกระทบพื้นดังสามครั้ง แม้แต่ฝุ่นบนพื้นยังฟุ้งขึ้นจากแรงกระแทก

“อาจารย์ซุน ข้าไม่รู้จะขอบคุณท่านยังไงดี”

ขณะที่ชีเซิ่งเจี่ยกราบแสดงความขอบคุณ เสียงแจ้งเตือนของระบบดังขึ้นในหูของซุนม่อ

ติง!

คะแนนความประทับใจจากชีเซิ่งเจี่ย +15

ความเชื่อมสัมพันธ์กับชีเซิ่งเจี่ย  สถานะปัจจุบัน: เป็นกลาง (18/100)

นอกจาก 4 คะแนนของหลี่จื่อชี และ 1 คะแนนของหลี่กงแล้ว ตอนนี้เขามีคะแนนความชื่นชม +23 และในร้านค้าของระบบ ราคาของผลดาราจันทร์ก็คือ 1000 คะแนน

เนื่องจากเขาสามารถเพิ่มขอบเขตพลังของเขาได้หลังจากกินผลดาราจันทร์ ถ้าเขาซื้อพวงผลของมันมากิน เขาก็มิต้องฝึกฝนเลยใช่ไหม?

ชีเซิ่งเจี่ยยังคงกระวนกระวายใจมาก  เขาตามหาซุนม่อเพราะสิ้นหวังไม่มีหนทาง  อย่างไรก็ตามผลที่ได้รับ ดีกว่าที่เขาคาดไว้มาก

“ครูฝึกสอนที่ทรงพลังมากขนาดนี้ถูกยัดเข้าแผนกขนส่งพัสดุ  ผู้บริหารสถาบันตาบอดหรือเปล่า?”

ชีเซิ่งเจี่ยรู้สึกว่าเป็นเรื่องอยุติธรรมต่อซุนม่อ

“เอาเถอะน่า กินก่อน”

เมื่อซุนม่อกินข้าวต้มไปได้หนึ่งคำ เขาชะงักตัวแข็ง เสียงของระบบยังไม่หยุด

“ติง! ภารกิจใหม่ปลดล็อคแล้ว  ช่วยให้ชีเซิ่งเจี่ยผ่านการทดสอบหอโถงประลอง  รางวัล : หีบสมบัติทองคำ!”

ปัง

หลังจากระบบพูดจบ ซุนม่อกวาดชามข้าวลงพื้นทันที

2 ความคิดเห็น:

neng2006 กล่าวว่า...

สนุกดี คล้ายๆจางเสวียนเลย

eak_sj กล่าวว่า...

เกมสินะ

แสดงความคิดเห็น