วันจันทร์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2559

เดชคัมภีร์เทพฤทธิ์ ตอนที่ 359 มาตรฐานชายงาม

ตอนที่  359  มาตรฐานชายงาม 
ที่ยืนอยู่ต่อหน้าเย่ว์หยางคือกลุ่มคนที่งดงามและมนุษย์อสูร
มีทอเรนสองตน (มนุษย์หัววัว) คิวบัวร์สี่ตน (มนุษย์หัวหมูป่า) และเอลฟ์ทองอีกสาม ในกลุ่มนี้พวกที่งามก็นับว่างดงามมาก  ขณะที่พวกมนุษย์อสูรกลับอัปลักษณ์มากเช่นกัน
(ในเรื่องนี้ผู้แต่งเอาคาแรคเตอร์จากเกมวอร์คราฟท์มาใช้ค่อนข้างมาก)

คนที่ตะโกนเรียกเย่ว์หยางคือสาวชาวทอเรนสูงสามเมตร  เย่ว์หยางคิดว่าเมื่อก่อนที่โคเงาอาหมันจะวิวัฒนาการ  นางนับว่าอัปลักษณ์มากแล้ว ทว่าเมื่อนำมาเทียบกับสาวน้อยทอเรนนี้แล้ว อาหมันในตอนนั้นกลายเป็นสาวงามไปเลย  และคงจะดีถ้ามีเพียงแต่สาวน้อยทอเรนที่อัปลักษณ์  แต่สาวน้อยคิวบัวร์ที่มีเขี้ยวงอกยาวจากขากรรไกรล่างยังอัปลักษณ์น่ากลัวยิ่งกว่า  ร่างของพวกนางอ้วนเตี้ย แต่เต็มไปด้วยมัดกล้าม
แต่เดิมที เมื่อพวกเขายืนด้วยกัน ก็เป็นภาพที่น่าตกใจอยู่แล้ว
ตอนนี้พวกที่ยืนอยู่ข้างๆ พวกเขาก็คือเอลฟ์ทองสามคนซึ่งรูปลักษณ์ที่งดงามมาก  ความต่างกันระหว่างความอัปลักษณ์กับความงดงามเป็นภาพที่ตัดกันรุนแรง
เย่ว์หยางคิดว่าเขาค่อนข้างมีพลังใจที่เข้มแข็งแล้ว  แต่เมื่อเขาหันมามอง เขารู้สึกว่ายากจะทำใจรับได้
เป็นภาพที่ขัดแย้งกันจนน่าตระหนก
ในเอลฟ์ทองทั้งสามคนที่อายุน้อยที่สุดดูเหมือนเพิ่งจะรู้เดียงสา  พูดตรงๆ นางก็คือสาววัยรุ่นอกแบนนั่นเอง  ผมของนางสีเขียวดูมีชีวิตชีวา สวมชุดเอลฟท์สีเขียวขับเน้นทรงให้เห็นเอวอ้อนแอ้นและขาเรียวงาม  นางสร้างความประทับใจแรกพบให้เย่ว์หยางเหมือนกับดูกวางน้อยในป่า, อ่อนช้อยทว่าสง่างาม ใบหน้างามสง่าไร้สิ่งที่จะเป็นข้อตำหนิ  คิ้วโก่งเรียวยาวทำให้นางดูเหมือนคนเจ้าปัญญาและประกายแววตาสีเขียวของนางมองดูเหมือนมรกตคู่หนึ่ง  ริมฝีปากอ่อนนุ่มของนางปรากฏรอยยิ้มซุกซนอยู่ตลอดเวลา  เท่าที่มองสามารถบอกได้อย่างหนึ่งว่านางฉลาด แต่ชอบหาเรื่องยุ่งใส่ตัว เป็นตัวก่อกวนน้อยที่ไม่ธรรมดาเลย
อีกคนหนึ่งดูเหมือนจะเป็นพี่ชายของนาง  ร่างของเขาสูงสง่า ผมสีม่วงยาวประบ่า  ลักษณะที่หล่อเหลาของเขาดูไม่ด้อยไปกว่าองค์ชายเทียนหลัวเลย
เมื่อเทียบกับเขาแล้ว  ความสง่างามของเย่ว์หยางด้อยกว่าเขาเพียงเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม  เขาเป็นฝ่ายชนะแน่นอน ถ้าเปรียบเทียบในแง่ของความเป็นชายชาติทหาร
แน่นอนว่า พอเทียบลักษณะกับเผ่าเอลฟ์ทอง เผ่าที่มีบุรุษหล่อเหลาและสตรีงดงาม  เผ่าพันธุ์มนุษย์ย่อมด้อยกว่าแน่นอน
เอลฟ์ทองเป็นเผ่าพันธุ์ชั้นสูง เป็นเผ่าพันธุ์ที่งดงามและมีชื่อเสียงมากที่สุดในเผ่าพันธุ์เอลฟ์ต่างๆ  ถ้ามนุษย์อย่างเย่ว์หยาง, เสวี่ยทันหลาง, เหยียนพั่วจวิน, องค์ชายเทียนหลัวและบุรุษสุดหล่อในทวีปมังกรทะยานถูกนำไปเปรียบเทียบความหล่อกับพวกเขา   อย่างมากก็มีความงดงามเหมือนเอลฟ์ทั่วๆ ไปเท่านั้น
ที่ยืนอยู่ข้างๆ เอลฟ์ทองหนุ่มเป็นเอลฟ์สาวที่ดูเป็นผู้ใหญ่กว่าสาวเอลฟ์คนแรกมาก  ความงามของนางได้มาตรฐานสาวทรงเสน่ห์อย่างแน่นอน อาจถึงระดับงามล่มเมืองด้วยซ้ำ เย่ว์หยางเคยเห็นหญิงงามมามาก อย่างเช่นเสวี่ยอู๋เสีย, องค์หญิงเชี่ยนเชี่ยน, เจ้าเมืองโล่วฮัว, หญิงงามอู๋เหินและอื่นๆ ที่มีความงามเป็นแบบฉบับของตนเอง  พวกนางงดงามมากเมื่อเทียบกับสาวงามโดยทั่วไป  แต่เมื่อเทียบกับสาวเอลฟ์ทองเหล่านี้แล้ว พวกนางไม่อาจเปรียบกันได้เลยจริงๆ  เย่ว์หยางข่มความคิดที่ว่าดีแต่ไม่มีอะไรไว้  มาตรฐานความงามของหญิงเอลฟ์ทองเหล่านี้ค่อนข้างจะผอมไปเล็กน้อย  ถ้าอกของพวกนางถ้ามีรูปมีทรงมากกว่านี้ พวกนางอาจจะสวยมากก็ได้
แน่นอนว่า ความต้องการจะเห็นอกสาวเอลฟ์ให้ได้นั้นไม่ใช่เป็นแค่ฝันธรรมดา  แต่เป็นการละเมอเพ้อฝันยามกลางวันแสกๆ
พลังความแข็งแกร่งของเอลฟ์โดยทั่วไปนั้นน่าทึ่ง ทั้งที่ดูงดงาม เอวบาง ขาเรียวยาวผิวงามไร้ที่ติอย่างนั้น
อกใหญ่แล้วไงเล่า? แค่สาวๆ คิวบัวร์ที่อยู่ข้างเอลฟ์ทองสาวก็มีกันแล้ว  พวกนางอกใหญ่ตั้งแต่เกิดอยู่แล้ว
หนึ่งในสี่สาวคิวบัวร์เดินออกมา
อกที่งดงามแข็งแรงของพวกนางสามารถทำให้บุรุษตัวโตหายใจไม่ออกเสียมากกว่า
สาวเอลฟ์ทองผู้ดูเป็นผู้ใหญ่สวมชุดยาวสีม่วงอ่อนขลิบด้วยด้ายทอง  ในมือนางถือไม้เท้าสีเขียวมีอัญญมณีสีน้ำเงินที่มีค่าประดับอยู่ยอดบนไม้เท้า เย่ว์หยางไม่ได้สังเกตนางอย่างใส่ใจมากนัก  เขามีภรรยาอยู่ที่บ้าน นางมีความสามารถที่โดดเด่นไม่ด้อยไปกว่าสาวเอลฟ์ทองเลย  อีกประการหนึ่ง สาวเอลฟ์ทองที่ดูเป็นผู้ใหญ่นี้ ดูเหมือนจะเป็นคนรักของหนุ่มเอลฟ์ผู้หล่อเหลานั้น  นางมีเจ้าของแล้ว
 “ภารกิจต้องการคนสิบคน  เรายังขาดคนอีกหนึ่ง   ถ้าท่านมาร่วมด้วย เราจะให้พลอยแดงล้ำค่าเป็นรางวัลตอบแทน  ถ้าท่านต้องการแลกเป็นทอง เราก็สามารถทำเช่นนั้นได้”  เมื่อเอลฟ์หนุ่มผู้หล่อเหลาเห็นว่าเย่ว์หยางกำลังสังเกตดูพวกเขาทั้งสามคนและดวงตาเปลี่ยนไปมา  เขารู้สึกว่ามนุษย์ผู้นี้มีความประพฤติที่ดี  ถ้าเป็นบุรุษอื่นมองดูน้องสาวและภรรยาของเขาอย่างนี้แล้ว บางทีพวกเขาก็น้ำลายไหลไม่อาจควบคุมตนเองได้  หลังจากคิดเช่นนี้แล้ว  เขาตัดสินใจอธิบายให้เย่ว์หยางฟังอย่างสุภาพและเสนอรางวัลอีกด้วย
 “ทำไมพวกท่านถึงเลือกข้าเล่า?”  เย่ว์หยางรู้สึกประหลาดใจ  ลานแห่งนั้นเต็มไปด้วยผู้คน  ทำไมพวกเขาถึงเลือกผู้มาใหม่อย่างเขา?
 “เราไม่ยอมให้คนที่มีแรงจูงใจแฝงเร้นเข้าร่วมกับเราอย่างแน่นอน เจ้าสามารถเข้าร่วมช่วงระยะหนึ่งก็ได้ เราจะไม่รบกวนเวลาของเจ้ามากนัก  เมื่อเราเสร็จภารกิจ  เจ้าก็สามารถแยกทางจากไปได้” สาวทอเรนตบไหล่เย่ว์หยางแรง จนร่างของเขาเกือบทรุดกับพื้น
 “นี่พวกท่านจะไปทลายคุกที่ไหนกันนี่? ข้าเป็นช่างหุ่นกลระดับผู้น้อยเอง  ข้าจะไปด้วยได้หรือ?”  เย่ว์หยางรู้สึกว่าถามข้อมูลให้ชัดเจนจะดีกว่า
 “คุกอะไรของเจ้า?”  ทุกคนมองหน้าเขาด้วยสีหน้าฉงน
 “ก็อย่างเช่นที่ๆ พวกท่านจะไปไงเล่า ป่าหยกเขียวใช่ไหม? หัวหน้าสัตว์ประหลาดที่นั่นเป็นแบบไหน?  ข้าหมายถึง ที่นั่นมีสัตว์ประหลาดตัวใหญ่ๆ แบบไหน?  เช่นเดียวกับอสูรเฝ้าสมบัติหรือสัตว์ประหลาดที่แข็งแกร่งหรือเปล่า?”  เมื่อเย่ว์หยางถามเช่นนี้  เขาพบว่าพวกเขากำลังมองมาที่เขาเหมือนมนุษย์เห็นมนุษย์ต่างดาว
 “หยุดพล่ามเรื่องเทพนิยายบ้าๆ ของเจ้าได้แล้ว เรื่องไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิด”  สาวทอเรนตบหลังของเย่ว์หยางอีกป้าบ  โชคดีที่เย่ว์หยางหลบได้ทัน
 “พวกเจ้าหมายความว่า  ไม่ได้ไปล่าสัตว์ประหลาด?  พวกเจ้าไม่ได้ฝึกฝนเพื่อยกระดับพลัง?  พวกเจ้าไม่ได้ตามหาสมบัติ?”  เย่ว์หยางรู้สึกว่าบริษัทเกมอีกโลกหนึ่งนี้เขี้ยวลากดินจริงๆ   พวกเขาจะเล่นเกมที่ไม่ได้สมบัติตอบแทนเลยได้อย่างไร?
 “เรากำลังจะไปเก็บสมุนไพร!  เส้นเลือดดำเส้นใหญ่เริ่มปรากฏอยู่บนหน้าผากสาวทอเรน
 “เจ้าผู้นี้ดูเหมือนคนปัญญาอ่อน นำเขาไปด้วยจะไม่มีปัญหาหรือ?” หนึ่งในสาวคิวบัวร์พูดกับสาวคิวบัวร์อีกคนหนึ่ง
 “ยิ่งโง่ก็ยิ่งดี  คนฉลาดมักจะอันตราย  อย่างไรก็ตาม  ในเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่เจ้าเล่ห์  คนโง่อย่างเขาหาได้ยากจริงๆ”  บทสนทนาของสาวคิวบัวร์กระทบกระเทือนความภูมิใจเย่ว์หยางจริงๆ
ตั้งแต่เขามาถึงโลกนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินมีคนบอกว่าเขาโง่
ยิ่งกว่านั้น นี่ยังเป็นครั้งแรกที่มีบางคนพูดว่าลักษณะของเขาไม่น่าดู  สวรรค์โปรด ชั้นหกหอทงเทียนนี้เป็นที่ไม่น่าพิศมัยเอาเสียเลย
เย่ว์หยางคิดว่าเขาอาจจะมาผิดที่ก็ได้  เขายังไม่ได้เริ่มต้นการเดินทางอย่างสบายๆ ก็ถูกเยาะเย้ยถากถางเสียแล้ว  แบบนั้นก็ดีเหมือนกัน  ยังดีที่พวกเขายังไม่รู้ความจริง  มิฉะนั้นอาจจะไม่น่าสนใจก็ได้  ทันใดนั้นเย่ว์หยางแกล้งทำเป็นเหมือนว่าข้านี่โง่ แต่รวย อาจถูกรังแกได้ง่ายๆ  เย่ว์หยางจะแกล้งทำเป็นเหมือนเศรษฐีบ้านนอกรายใหม่
มีทอเรนชายคนหนึ่งที่ไม่ได้พูดเลยตั้งแต่แรก ดูเหมือนเขาจะเป็นหัวหน้ากลุ่ม
ทันใดนั้นเขาก็แสดงท่าทีผู้นำและโบกมืออย่างกล้าหาญ “พวกเจ้าจะพูดมากกันไปใย?  ไปกันได้แล้ว!
ด้วยเหตุฉะนี้เอง คนที่รวยแต่โง่อย่างเย่ว์หยางจึงถูกลากไปกลับกลุ่มคนงามและชาวอสูร ไม่มีผู้ใดใส่ใจกับเงื่อนไขของคนใหม่ผู้นี้
การดำรงคงอยู่ของเขาก็แค่สักว่าสมาชิกคนที่สิบของกลุ่มคนงามและชาวอสูร  เพราะความต้องการพื้นฐานที่ได้รับอนุญาตให้เข้าป่าหยกเขียวได้นั้น จะต้องรวมกลุ่มให้ได้สิบคนเสียก่อน  ทีมที่รับภารกิจ ถ้ามีเพียงคนเดียว ต่อให้เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิด  เขาก็ไม่มีทางได้รับภารกิจนี้
สาวคิวบัวร์ทั้งสี่สวมชุดเกราะหนักและในมือแต่ละคนถือกระบองเขี้ยวสุนัขป่า  พวกนางยังคงแบกโล่เหล็กกลมไว้ที่หลังอีกด้วย
ดูเหมือนพวกนางจะเป็นคนขนสัมภาระในกลุ่มนี้
ชาวทอเรนอีกสองคน หนึ่งหญิง หนึ่งชายแบกขวานยักษ์ไว้บนหลัง  พวกเขาน่าจะรับหน้าที่เป็นผู้จู่โจมหลัก
สาวเอลฟ์ที่อายุน้อยเป็นขมังธนู  นางสะพายคันธนูที่สร้างจากไม้เลื้อยไว้บนหลัง  พี่ชายนางเป็นจอมเวทหรือนักสู้ที่ใช้เวท เป็นสมาชิกที่ใช้พลังจิตคนสำคัญของทีม  เอลฟ์สาวที่ดูเป็นผู้ใหญ่และงดงามเกินบรรยายไม่จำเป็นต้องพูด นางคงเป็นพี่เลี้ยงของกลุ่มและเป็นผู้วิเศษหญิงอย่างมิต้องสงสัย
เย่ว์หยางยังคงเดินไปฝันกลางวันไป
ถ้าอย่างนั้น เขาจะเล่นบทอะไรในกลุ่มนี้ดี?  ผู้อัญเชิญหุ่นกล? แต่ว่าเขาเป็นตัวปลอมไม่ใช่หรือ? ถ้าเย่ว์หยางเป็นนักอัญเชิญหุ่นกลจริง  อย่างนั้นภูตอัจฉริยะเย่ว์กงล่ะ เป็นอะไร?
นักดาบ?
ไม่ นั่นไม่ถูกต้อง แม้ว่าเขาจะมีเพลิงอมฤต  แต่เขาก็ไม่สามารถชุบชีวิตได้
ผู้สันโดษ? แม้ว่าเขามีต้นดอกหนาม, ฮุยไท่หลางและอสูรอื่นๆ เขาก็ไม่ใช่ผู้สันโดษ, สำหรับอัศวินก็ลืมไปได้เลย ไม่มีเหตุผลที่จะเป็นเช่นนั้น
หรือว่าเขาจะเป็นขโมยดี?
เย่ว์หยางคิดเป็นเวลานาน  ในที่สุดเขาได้ข้อสรุปที่น่าตกใจ   ตามปกติเขาก็ใช้วิธีและทัศนคติที่หน้าด้านและเจ้าเล่ห์อยู่แล้ว บทสรุปที่ลงตัวที่สุดก็คือ..โจรน้อย อย่าว่าแต่เป็นโจรก็ยังนับว่าดี เขาสามารถโจมตีอย่างคาดไม่ถึงได้ เย่ว์หยางยังคงฝันกลางวัน ขณะที่สาวทอเรนตบหลังเขาจนหัวใจแทบกระดอนออกจากปาก
 “เจ้ากำลังพึมพำเรื่องอะไร?  เจ้าไม่พอใจจริงๆ หรือเปล่า?”  สาวชาวทอเรนจ้องหน้าเขาจริงจัง
 “ม่ายหรอก, ข้ามิกล้า!  เย่ว์หยางโบกมือเป็นพัลวัน แสดงว่าเขาเป็นคนอ่อนน้อมและยอมแพ้  เขาเป็นเหมือนประชาชนที่อ่อนน้อมของกษัตริย์ทรราช ไม่ว่าจะโดนรังแกแค่ไหนก็ไม่ด่าและโต้ตอบ
 “ถ้าเจ้ากังวลเรื่องอันตราย  หลังจากรับภารกิจครั้งต่อไป จะแยกตัวจากกลุ่มที่ป่าหยกเขียวและเทเลพอร์ตกลับมาก็ได้  เรายินดีจะให้ม้วนเทเลพอร์ตเจ้าเป็นการตอบแทน”  เอลฟ์สาวใจดีคิดว่าเย่ว์หยางกลัว  ดังนั้นนางใช้เสียงอ่อนโยนปลอบโยนเขา  นางทำตัวเป็นเหมือนพี่สาวปลอบโยนน้องชาย  ทำให้เย่ว์หยางรู้สึกหดหู่
 “เฮ้, ขี้ขลาดจัง, เจ้ารู้ไหมว่าข้ากล้าพอจะเริ่มรับภารกิจในหอทงเทียนชั้นหกมาตั้งแต่สองปีที่แล้ว? ไม่เหมือนกับเจ้า เจ้าก็ดูเป็นผู้ใหญ่มากแล้ว ยังตัวสั่นด้วยความกลัวอยู่เลย”  สาวเอลฟ์ผู้ซุกซนหันหน้ามาทางเย่ว์หยาง
 “เจ้าเริ่มรับภารกิจตั้งแต่สองปีที่แล้วหรือ? สหายน้อย ปีนี้เจ้าอายุเท่าใด?”  เย่ว์หยางมึนงง  สองปีที่แล้วแม่เด็กแก่แดดนี่มิเรียนอยู่ชั้นประถมสามหรือ?
 “ฟังให้ดีนะ ข้ามิใช่สหายน้อย  อีกห้าปีแปดเดือน ข้าจะมีอายุร้อยหกสิบปี  ข้าโตแล้ว เจ้าเข้าใจไหม?”  คำพูดของสาวน้อยเอลฟ์แทบจะทำให้เย่ว์หยางหัวทิ่มกับพื้น เฮ้อ.. ว่ากันถึงเรื่องอายุของเอลฟ์ทองที่มีอายุสามพันปีไปก็คงไม่มีความหมาย
 “เจ้ามาจากไหน?” เอลฟ์หนุ่มรูปงามส่งยิ้มให้เย่ว์หยาง  เห็นได้ชัดว่าเอลฟ์พี่ชายของนางเริ่มรู้สึกไม่ดี ดังนั้นเขาจึงพยายามเปลี่ยนหัวข้อคุย
 “ทวีปมังกรทะยาน”  เย่ว์หยางรู้ว่าในสายตาของคนเหล่านี้  ทวีปมังกรทะยานก็คือดินแดนต่างด้าวที่เล็กมาก
 “ข้ารู้ว่าจื่อจุน หนึ่งในโลกหล้าก็มาจากทวีปมังกรทะยาน” เมื่อสาวเอลฟ์อายุเยาว์พูดถึงจื่อจุน น้ำเสียงของนางให้ความเทิดทูน
เย่ว์หยางสังเกตได้บางอย่าง  ไม่แต่เพียงนางเท่านั้น ทุกคนในกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นพวกทอเรน, คิวบัวร์หรือเอลฟ์ทอง  ดูเหมือนสีหน้าพวกเขาจะให้ความเคารพนับถือยามเมื่อเอ่ยถึงจื่อจุน ดูเหมือนทุกคนในหอทงเทียนชั้นหกจะมีความเคารพนับถือจริงๆ  จื่อจุนมีผู้เคารพนับถือจากทุกเผ่าพันธุ์
จากนั้นสาวเอลฟ์ซุกซนพูดต่อ “ข้าก็ต้องการเป็นจื่อจุนให้ได้เมื่อข้าเติบโตขึ้น!
เอลฟ์ชายผู้งามสง่าต้องรีบปรามนางทันที “อย่าดูหมิ่นจื่อจุนนะ ในโลกนี้มีจื่อจุนเพียงคนเดียวเท่านั้น”
เอลฟ์สาวซุกซนตกใจสะดุ้งจนเผลอแลบลิ้นออกมา ซึ่งนางรู้ตัวดีว่าเผลอพูดผิดไป  จากนั้นนางเอียงศีรษะมองมาทางเย่ว์หยาง “ท่านรู้จักจื่อจุนไหม?”
เย่ว์หยางรีบส่ายหน้า
สาวคิวบัวร์ทั้งสี่หัวเราะลั่น หนึ่งในนั้นหัวเราะจนชั้นไขมันที่คอกระเพื่อม “แน่นอนว่าเขารู้จักจื่อจุน  แต่ปัญหาใหญ่ก็คือจื่อจุนรู้จักเขาไหม? มนุษย์อ่อนแออย่างเขา  ข้าสงสัยจริงๆ ว่าเขาเคยได้ยินเรื่องราวของจื่อจุนมาบ้างหรือไม่”
 “แน่นอนว่า ข้าได้ยินเรื่องราวของจื่อจุนมาก่อน”  เย่ว์หยางตอบราบเรียบ
 “ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าคงต้องการให้ข้าขำจนตายหรือ?”  ถึงคราวนี้สาวทอเรนรวมทั้งสาวเอลฟ์ไม่สามารถกลั้นหัวเราะได้
 “เด็กน้อย คอยอยู่ข้างๆ ข้าไว้นะ ข้าจะคุ้มกันให้เจ้า ป่าหยกเขียวอาจเป็นที่อันตรายสำหรับเจ้าก็ได้  แต่ข้าไปที่นั่นมาสามครั้งแล้ว  ดังนั้นข้าคุ้นเคยที่นั่นมากกว่าใครๆ ตราบใดที่เจ้ายังคอยตามข้าต่อไป  รับรองได้ว่าเจ้าจะปลอดภัย” สาวทอเรนตบไหล่เย่ว์หยาง การกระทำของนางทำให้เย่ว์หยางพูดไม่ออก  โชคดีที่เขารู้ว่ามาตรฐานความงามของเผ่าทอเรนแตกต่างจากมนุษย์  มิฉะนั้นเขาคงสงสัยจริงๆ ว่าสาวทอเรนนี้คงจะชอบเขาเข้าแล้ว
ชาวทอเรนก็เหมือนมนุษย์มีเขา  ยิ่งกว่านั้นร่างของเขาอดทนและมีขนปกคลุม
หางยาวหนาเป็นสิ่งสำคัญที่สุด  ในบรรดาเผ่าทอเรน บุรุษที่ไม่สามารถใช้หางหวดได้เหมือนแส้ถือว่าไม่ใช่ชายงามแม้แต่น้อย
สุดท้าย ถ้าบุรุษชาวทอเรนที่มีความหล่อมาก จะต้องเจาะจมูกหรือหูด้วย
สำหรับแผลเป็น ยิ่งมากก็ยิ่งดีแน่นอน
ว่ากันตามลักษณะของเย่ว์หยาง ในสายตาชาวทอเรนแล้ว เขาอัปลักษณ์แน่นอน ตามมาตรฐานชาวคิวบัวร์  หากบุรุษไม่มีเขี้ยวหน้าที่โง้งใหญ่ แผงขนคอที่ใหญ่ย่อมไม่เป็นที่นิยมแน่นอน
ดังนั้น โดยสรุป ตามมาตรฐานชายงามของพวกเขา ในสายตาของสาวชาวทอเรนและสาวคิวบัวร์ทั้งสี่ เจ้าอ้วนไห่น่าจะไดมาตรฐานชายงามมากกว่าเย่ว์หยาง


13 ความคิดเห็น:

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณมากคับ

ปารมี กล่าวว่า...

เจ้าอ้วนไห่เป็นชายงามเหรอ นึกไม่ออกเลย ขอบคุณครับ

นายหนอนไหมปีนป่ายต้นรัก กล่าวว่า...

เหอๆ

Art กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

Wtf. ฟโลลิ100ปี

Renmaster กล่าวว่า...

เหอๆ มาตรฐานความหล่อมันต่างกันสินะ .. ขอบคุณนะครับที่แปลมาให้อ่าน

Unknown กล่าวว่า...

สงสัยเด๋วได้สาวเอลฟ์มาเข้าฮาเลมอีกคน

ohmmanee กล่าวว่า...

รอชมต่อไป

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณค่ะ

Lunoiiz กล่าวว่า...

มาตรฐานนี้นี่มัน... เหอๆ
ขอบคุณค่ะ

Nopanser Kung กล่าวว่า...

5555+ แหม่ เย่ว์หยางเอ๊ย ใช้ชีวิตแบบปกติๆ นี่ไม่ใช่แนวสินะ มันต้องก่อเรื่องและสร้างปัญหา!

ป.ล. สวรรค์ของเจ้าอ้วนไห่เลยสินะที่นี่....ถ้ามาที่นี่อาจตั้งฮาเร็มได้เลยมั้งเนี่ย

8lek8 กล่าวว่า...

ขอบคุณมากค่ะ

แสดงความคิดเห็น