ตอนที่ 556 ทนเพื่ออนาคต
ทอเรนเลโออดทนอาการเจ็บปวดสุดขีดได้นานสามชั่วโมง
ในที่สุด เขาก็ยอมแพ้
ระหว่างกระบวนการปลุกพลังสายเลือด
เลือดของจ้าวอสูรจะโจมตีและครอบงำร่างกายอย่างต่อเนื่อง ในทางตรงกันข้าม
ร่างกายจะต่อต้านการรุกรานของเลือดตามธรรมชาติ
และเกิดการต่อสู้ระหว่างธาตุทั้งสองบังคับให้ร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงจากภายในสู่ผิว
จากกล้ามเนื้อเข้าไปถึงกระดูก
ทุกส่วนของร่างกายจะกลายเป็นสมรภูมิเลือด
แม้ว่าการปลุกสายเลือดนี้จะไว แต่ก็เป็นวิธีที่เจ็บปวดสุดขีด ถ้าคนผู้นั้นไม่มีพลังจิตพอต้านทานการรุกรานนี้ได้ พวกเขามีแนวโน้มว่าจะไม่สามารถทนได้และร่างกายอาจระเบิด....
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ สวรรค์หรือนรกอยู่ที่ความคิดชั่ววูบ
สามารถทนสิ่งที่คนธรรมดาไม่สามารถทนได้จะเป็นวิธีเข้าถึงขอบเขตที่คนธรรมดาไม่มีทางเข้าถึง
เย่ว์หยางช่วยเลโอที่ร่างกำลังจะระเบิดได้ทัน
จากนั้นทุกคนเข้ามาร่วมแสดงความยินดีกับผู้เฒ่าเผ่ามนุษย์วัวที่ร่างกายอ่อนล้าผู้นี้
“เลโอ, ข้าไม่เคยคิดเลยว่าท่านจะเอาชนะข้าได้เข้าถึงระดับปราณก่อกำเนิด” ลีนเอลฟ์ทองดีใจกับสหายของเขา
นี่เป็นเพราะปฏิภาณของโคเฒ่ามีจำกัด
แม้ว่าเขาจะกัดฟันฝึกฝนมานาน
แต่ความก้าวหน้าของเขาก็ยังช้ามาก
ทุกคนคิดว่าโคเฒ่าจะบรรลุขอบเขตปราณก่อกำเนิดได้ในที่สุด
“อย่าเพิ่งดีใจเกินไป ยังก่อน...”
เย่ว์หยางอดราดน้ำเย็นเตือนสติทุกคนไม่ได้
“มีอะไรผิดปกติหรือ?”
เย่คงมีสีหน้ามึนงง
“เจ้าบอกว่าขอเพียงทนได้หนึ่งชั่วโมงก็จะเข้าถึงปราณก่อกำเนิดระดับหนึ่งไม่ใช่เหรอ?” องค์ชายเทียนหลัวถามอย่างสับสน
ตามการคำนวณนี้ก็จะหมายความว่าผู้เฒ่าเผ่าโคที่อดทนมานานสามชั่วโมง
ก็กลายเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับสามแล้ว
แม้ว่ากระบวนการจะเจ็บปวด
แต่เพื่อให้ได้เข้าถึงชั้นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับสามได้ทันที
นั่นก็นับว่าคุ้มแล้ว
ตอนนี้ แม้แต่หัวใจของเป่าเอ๋อก็เต้นถี่แรง
นางวาดภาพว่า
ก็คงไม่ใช่เรื่องเลวร้ายถ้าจะลองปลุกพลังสายเลือดและแข็งแกร่งขึ้นบ้างเล็กน้อย
เมื่อเย่ว์หยางพูด
นางถึงกับหวาดหวั่นขวัญผวา “ใครบอกกันว่าทนหนึ่งชั่วโมงจะเท่ากับได้เป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับหนึ่ง?
ถ้าไอ้ของอย่างนั้นมีอยู่จริง
อย่างนั้นข้าจะไม่รอพวกเจ้าเลย ข้าคงอดทนเองสักสองวันสามคืน?
จากนั้นค่อยไปฆ่าสามผู้ยิ่งใหญ่แดนสวรรค์ไปแล้วไม่ใช่หรือ? แน่นอนว่าไม่มีเรื่องอย่างนั้นแน่ อย่าเพิ่งคิดว่าทันทีที่เลโอลุกขึ้นมาเขาจะกลายเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับสาม นั่นเข้าใจผิดแล้ว! ในที่สุด เลโอก็ยังจำเป็นต้องฝึก
แต่ความเร็วในการฝึกครั้งนี้จะก้าวหน้าได้เร็วกว่าปกติหลายเท่า
ที่สำคัญคือการปลุกพลังสายเลือดจะเปิดเผยศักยภาพของเจ้าทั้งหมด และทำให้เจ้าบรรลุขอบเขตใหม่ได้ง่ายๆ”
เมื่อทุกคนได้ยินเช่นนี้
พวกเขายังไม่สามารถเข้าใจอะไรได้
แน่นอน เย่ว์หยางจำเป็นต้องยกตัวอย่าง
“ยกตัวอย่าง ถ้าการฝึกฝนเป็นเหมือนการสร้างบ้าน ทุกคนต้องการสร้างปราสาท
ก็เปรียบเหมือนทุกคนต้องการกลายเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิด ตอนนี้ปัญหาของที่นี่ก็คือ
จะไปเอาวัสดุก่อสร้างปราสาทมาจากไหน?
จะสร้างได้อย่างไร? จะสร้างตรงไหน? จะสร้างเป็นรูปแบบไหน?
พวกเจ้าจำเป็นต้องใช้เวลาสร้างนานแค่ไหน?”
“.......”
ทุกคนมองหน้ากันเองทันที
เพราะทุกคนไม่สามารถตอบข้อสงสัยนี้ เพราะพวกเขาไม่ใช่นักสู้ปราณก่อกำเนิด
เย่ว์หยางคงอธิบายต่อไป
“การปลุกสายเลือดจะช่วยคลี่คลายปัญหาเหล่านี้ หรือในอีกความหมายหนึ่ง
มันช่วยพวกเจ้าเตรียมวัสดุก่อสร้าง,
หาทำเลที่ดีสำหรับสร้างและออกแบบการสร้างไว้ด้วย สิ่งที่พวกเจ้าจำเป็นต้องทำก็คือ
ยืนยัน”
“เราจะยืนยันยังไง?”
เป่าเอ๋อยังคงสับสน
“โธ่เอ๊ย, แน่นอนว่าก็ยืนยันว่าเจ้าต้องการวัสดุก่อสร้างมากแค่ไหน
ยืนยันตำแหน่งที่จะสร้าง ยืนยันแบบแปลนที่จะใช้”
เย่ว์หยางลูบศีรษะนางเบาๆ
เป่าเอ๋อแลบลิ้นอย่างน่ารัก นางมักรู้สึกว่านางเป็นผู้หญิงที่ฉลาด
แต่บางครั้งก็มึนงงเล็กน้อย
เมื่อเห็นท่าทางที่ซุกซนของนางทุกคนอดหัวเราะไม่ได้
“สิ่งที่คุณชายสามหมายถึงก็คือ นักสู้ปราณก่อกำเนิดระดับหนึ่ง สอง
สามก็คือวัสดุก่อสร้าง, ทำเลสร้างและแบบแปลนใช่ไหม?” เฟิงชิซาค่อยรู้ตัวได้ทันที
“การยืนยันของหัวหน้าเลโอก็คือช่วงเวลาทั้งหมดที่เขาตั้งใจและทนต่อกระบวนการปลุกสายเลือดได้นั่นเอง” หลิวเย่ก็เข้าใจเช่นกัน
“ถูกแล้ว” เย่ว์หยางพึมพำเบาๆ
“ข้าไม่รู้ว่าขีดจำกัดของทุกคนจะอยู่กันที่ระดับใดกันแน่
อาจจะสูงกว่าที่ข้าคิดหรืออาจต่ำกว่า
เพื่อยืนยันให้ถูกต้อง บรรพบุรุษของพวกเราจึงได้ค้นคว้าเคล็ดวิชาลับปลุกพลังสายเลือด
กระบวนการนี้จะต้องใช้กำลังใจของคนเพื่อกำหนดขีดจำกัดการเติบโตของพวกเขา แม้ว่าอาจไม่ถูกต้องเต็มร้อย แต่ก็ใกล้เคียงสถานการณ์จริง”
“อย่างนั้นขีดจำกัดของผู้เฒ่าเผ่าโคก็คือปราณก่อกำเนิดระดับสามใช่ไหม?” เย่คงใจสั่น
“ถูกต้อง ถ้าไม่มีอุบัติเหตุอะไร
ขีดจำกัดของเลโอจะอยู่ที่ปราณก่อกำเนิดระดับสาม
นี่เป็นเรื่องเกี่ยวข้องอานุภาพแห่งใจและความอดทนของเขา ต้องการเลื่อนไปในระดับสูงกว่านั้นเป็นเรื่องที่จะทำได้ยากมาก” เย่ว์หยางพยักหน้าและพูดชัดเจน
“ขีดจำกัดของพวกเจ้าขึ้นอยู่กับความอดทนและระยะเวลารวมที่พวกเจ้าสามารถทนต่อกระบวนการปลุกสายเลือด ตามทฤษฎี ยิ่งพวกเจ้าทนได้นาน
ขีดจำกัดของพวกเจ้าก็จะสูงตาม
การปลดปล่อยศักยภาพของพวกเจ้าก็จะง่ายขึ้น
ยิ่งเวลาสั้น ก็หมายความว่าความสำเร็จของพวกเจ้าจะน้อยลง
“ลูกพี่ผู้นี้จะไม่มีทางยอมแพ้ ต่อให้ตายก็ตาม...” เจ้าอ้วนไห่เตรียมจะยอมแพ้ แต่หลังจากได้ยินเช่นนี้
เขากลัวจนไม่คิดอะไรอีก”
เขาไม่พอใจอยู่แค่เพียงปราณก่อกำเนิดระดับสาม
ไม่ใช่ว่าเขาไม่เคยลำบากมาก่อน
เนื่องจากความลำบากทำให้เขาเติบใหญ่
ทำไมเขาต้องหยุดด้วย?
ก่อนหน้านั้นอาจารย์จิ้งจอกเฒ่าฝึกให้เขาจนกระทั่งฟ้ามืด
ในวังเบญจธาตุและในหอลงทัณฑ์ทะเลสาบเลือด
เขาถูกกดดันและได้รับบาดแผลน่ากลัวและบาดเจ็บทั่วร่าง ตอนนี้เขายังสามารถกัดฟันทนได้ตลอด ทุกๆ วินาทีที่เขาสามารถทนได้
ก็ยิ่งเพิ่มศักยภาพในการบรรลุขั้นสูงขึ้นไป
ดังนั้นเขาจึงต้องอดทนให้ได้
สิ่งที่น่าอนาถที่สุดก็คือทุกคนกำลังมองเขาอยู่ในตอนนี้
ถ้าเขาเพียงแต่ทนได้แค่สามชั่วโมง แต่เย่คงสามารถทนได้ห้าชั่วโมง
หรือสูงกว่านั้น อย่างนั้นเขาคงไม่สามารถเชิดหน้าโอ้อวดต่อเย่คงได้
สาวทอเรนฟ่านหลุนเถี่ยก็ยังคิดจะยอมแพ้
แต่เมื่อนางได้ยินเช่นนี้ นางจึงกัดฟันอดทนต่อไป
ผู้เฒ่าเผ่ามนุษย์วัวเลโอไม่เสียใจที่ตัดสินใจยอมแพ้
เขารู้ขีดจำกัดของตัวเขาเองและเข้าใจว่าร่างกายของเขาไม่สามารถทนได้อีกต่อไป
ขีดจำกัดของเขาคือปราณก่อกำเนิดระดับสาม
ในอนาคต ถ้าเขาเข้าถึงปราณก่อกำเนิดระดับสามกลายเป็นนักสู้คนหนึ่ง
นั่นก็นับว่าเพียงพอแล้ว
เขาวาดภาพว่าญาติพี่น้องจะมองเขายังไงเมื่อเขากลับไปยังเผ่าตนเอง
นักสู้ระดับเจ็ดธรรมดาอย่างเขากลายเป็นนักสู้ปราณก่อกำเนิดได้ นั่นไม่เคยปรากฏมาในเผ่าเลยนานหลายร้อยปีแล้ว
“พี่ฟ่านหลุนเถี่ย
ท่านต้องอดทนให้ได้นะ อย่ายอมแพ้เจ้าอ้วนนะ” เป่าเอ๋อรีบเชียร์ฟ่านหลุนเถี่ย
“เจ้าอ้วนดูเหมือนไม่มีประโยชน์อะไรเลย เขาเทียบเจ้าไม่ได้แน่!” สี่สาวเผ่ามนุษย์หมูป่าผงกศีรษะเห็นด้วย
“เฮ้ เฮ้,
พวกเจ้าพูดอย่างนั้นได้ไง?”
เจ้าอ้วนไห่เริ่มโมโห
เขาเชื่อว่านอกจากฮุยไท่หลางแล้ว เขาโดดเด่นที่สุด เขาดีที่สุดสามารถต่อสู้ได้เสมอกับเสวี่ยทันหลางและร่างอสูรของเขาก็แข็งแกร่งทรงพลังมาก ปกติ เขาไม่เอาตัวเองไปเทียบกับเย่ว์หยาง
ไม่มีใครเอาเขาไปเทียบกับเย่ว์หยาง เพราะเย่ว์หยางอยู่ในระดับที่ห่างไกลไปแล้ว
“อธิบายเรื่องปลุกสายเลือดเพิ่มอีกหน่อยเถอะ”
เสวี่ยทันหลางสงสัยอยู่เล็กน้อย
แม้ว่าเขาตัดสินใจไม่ร่วมในการปลุกพลังสายเลือด
เนื่องจากเขาอาศัยการฝึกฝนอย่างหนักเพื่อยกระดับ
“ข้าจะยกอีกตัวอย่างคล้ายๆ กัน
การปลุกพลังสายเลือดก็เพื่อยืนยันว่าเจ้าต้องการสร้างบ้านแบบไหน ถ้าเจ้าต้องการบ้านที่เป็นแบบปราณก่อกำเนิดระดับสาม อย่างนั้นเจ้าก็ควรอดทนให้ได้ระดับนี้ และข้า
(เปรียบเหมือนการปลุกสายเลือด) จะช่วยเจ้าสร้างรากฐาน เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้กระบวนการก่อสร้างบ้าน
ตราบใดที่พวกเจ้าทำตามคำแนะนำของข้าและฝึกไปตามนั้น
เหมือนกับคนงานทำไปตามแผนผังการก่อสร้าง ปราสาทของเจ้าก็จะค่อยๆ เป็นรูปเป็นร่าง เพราะปราสาทได้ถูกข้าวางผังเอาไว้แล้ว เจ้าไม่จำเป็นต้องเสียเวลาคิดเรื่องนั้น ถ้าเจ้าต้องการความก้าวหน้า
ข้าก็จะนำเจ้าไปยังจุดนั้น กระบวนจะง่ายและเร็วกว่าที่พวกเจ้าคลำหาทางไปช้าๆ” จากนั้นเย่ว์หยางชูสามนิ้ว “อย่างไรก็ตาม
ยังมีข้อเสียเปรียบอยู่สามข้อก็คือ ประการที่หนึ่ง เมื่อเจ้าถึงขีดจำกัดแล้ว
ก็ยากจะก้าวหน้าได้ต่อไป เหมือนเมื่อเจ้าสร้างปราสาทเสร็จแล้ว
ก็ยากจะขยับขยายต่อไปได้”
“ประการที่สอง เพราะเจ้าใช้การปลุกสายเลือด อาจมีบางอย่างที่เสียไป
เหมือนกับมีวัสดุก่อสร้างบางอย่างที่ต้องเสียไป
เจ้าจะไม่สามารถดึงความสามารถของพวกเจ้าออกมาได้ทั้งหมด เมื่อเทียบกับการทำหลายอย่างตามลำพังช้าๆ
ความเข้าใจหลายๆ อย่างจะช้า คนที่ใช้การปลุกพลังจะอ่อนแอกว่ายอดฝีมือในระดับเดียวกันบ้าง ตามปกติ
ข้อได้เปรียบของพวกเจ้าก็คือพวกเจ้าสามารถยืมประสบการณ์ของข้ามาใช้เพื่อความก้าวหน้าได้ เพื่อเป้าหมายนั้น เจ้าสามารถเข้าใจและเพิ่มพูนประสบการณ์มากขึ้น” จากนั้นเย่ว์หยางพูดต่อ “ประการที่สาม ถ้าขีดจำกัดของเจ้าคือสุดยอดนักสู้ปราณก่อกำเนิดหรือสูงขึ้นไปกว่านั้น
เจ้าจะไม่สามารถอยู่เหนือจ้าวอสูรเพชฌฆาตโบราณที่พวกเราใช้เลือดของมันดำเนินการ
เพราะเราใช้มันเป็นต้นแบบ
กล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ เจ้าสามารถสร้างปราสาทได้สูงสุดก็แค่ตามแบบเท่านั้น ถ้าเจ้าต้องการสร้างปราสาทหินขาว
ก็จะไม่มีทางสร้างได้เหนือปราสาทในเมืองฉางจินได้เลย...”
“ข้าสามารถตายอย่างมีความสุขได้แล้วถ้าถึงระดับสุดยอดนักสู้ปราณก่อกำเนิด
ข้าคงไม่หวังไปให้ถึงชั้นปราณฟ้าระดับห้าแน่” เจ้าอ้วนไห่พูดแทรกขึ้นมาขณะที่เขาทนเจ็บต่อไป
“ฮึ, เจ้าไม่มีศักยภาพมากขนาดนั้น”
เย่คงอดชูนิ้วกลางให้เจ้าอ้วนไห่ไม่ได้
เขายังคงฝันจะไปให้ถึงสุดยอดปราณก่อกำเนิดระดับห้าอีกหรือ?
เขาช่างประเมินตัวเองสูงเกินไปจริงๆ
เย่คงประเมินว่าเจ้าหมูอ้วนนี้คงมีขีดจำกัดที่ปราณก่อกำเนิดระดับหก
ไม่ใช่ว่าเจ้าอ้วนไห่ไม่มีความสามารถอดทนได้ แต่เขาไม่สามารถไปถึงระดับปราณฟ้าได้แน่นอน
สามารถถึงระดับปราณก่อกำเนิดระดับหกได้บางทีคงทำให้พ่อแม่เจ้าอ้วนตื่นเต้นจนเส้นเลือดในสมองแตกได้แล้ว
สิ่งที่คาดไม่ถึงก็คือ
เจ้าอ้วนไห่ที่ยังคนทนอยู่ได้และร้องเหมือนหมูถูกเชือดก็ยังมีทีท่าว่าทนได้ต่อไป
ตรงกันข้าม แม้ว่าสาวทอเรนฟ่านหลุนเถี่ยจะได้รับกำลังใจจากเป่าเอ๋อ แต่นางก็ไม่สามารถอดทนได้ต่อไปและยอมแพ้หลังจากผ่านไปได้หกชั่วโมง
คนที่สองที่ยอมแพ้
เย่คงและคนอื่นๆ งง
เป็นไปได้ยังไงที่เจ้าอ้วนไห่ยังทนอยู่ได้จนถึงขนาดนี้?
เจ้าอ้วนไห่ตอบขณะที่ยังหอบอยู่เหมือนหมูใกล้ตาย ลูกพี่คนนี้ยังทนอยู่ได้ ทันทีที่ข้าถึงระดับปราณฟ้า
ข้าจะเหยียบเจ้าลิงเย่คงให้แบนและขโมยผู้หญิงของเขามาให้หมดปล่อยให้เขาเป็นโสดตลอดไป
เย่คงได้ยินถึงกับโมโห ขณะเดียวกันเขาลอบตื่นตัว
ถ้าเขาทนไม่ได้นานเท่าเจ้าอ้วนไห่อย่างนั้นก็จะเป็นรอยมลทินในชีวิตของเขา
เพราะการปลุกพลังสายเลือดใช้เวลานานมาก
จึงยังไม่มีข้อมูลส่งกลับไป
อาจารย์จิ้งจอกเฒ่า, จุนอู๋โหย่วและคนอื่นๆ จึงไม่ทนอีกต่อไปถึงกับมาดูด้วยตาตัวเอง
สิ่งที่เหลือให้พวกเขาเห็นทำให้พวกเขาตะลึง
เจ้าอ้วนไห่ที่ปกติจะหน้าด้านไร้ยางอายกัดฟันทนมาถึงสิบชั่วโมงแล้ว
อีกแค่เพียงหนึ่งชั่วโมงศักยภาพของเขาจะถึงระดับปราณฟ้า เมื่อถึงจุดนั้น
เย่คงไม่ทะเลาะกับเจ้าอ้วนไห่อีกต่อไปแล้ว เขาทั้งตะโกน, ด่าทอ,
แนะนำและปลอบโยนเจ้าอ้วน และใช้ทุกวิธีหวังว่าเจ้าอ้วนจะสามารถทนได้ต่อไป
เสียงของเขาเริ่มแหบแห้งแล้ว
“เจ้าอ้วน, อย่าหลับเชียวนะ.. หัวหมูโว้ย, ตอนนี้เป็นช่วงเวลาสำคัญที่สุด เจ้าจะหลับไม่ได้เด็ดขาด
เจ้าเกือบมีศักยภาพเท่ากับปราณฟ้าแล้ว
เจ้ารู้ไหมว่ามีกี่คนเองที่จะมาถึงระดับนี้ได้? แม้แต่จักรพรรดิฟ้าและจักรพรรดิสมุทรในห้าจักรพรรดิหอทงเทียนก็ยังมาถึงระดับนี้ไม่ได้ แม้แต่จักรพรรดิใต้พิภพก็ยังไม่ถึงระดับนี้เช่นกัน เจ้าเกือบจะเหนือพวกเขาแล้ว
เจ้าเกือบจะอยู่เหนือนักสู้นับพันนับหมื่นแล้ว..
ทนให้ได้อีกนิดเจ้าอ้วน
เจ้าจำได้ไหมว่าเราพบกันได้ยังไง?
เจ้ายังเป็นแค่สวะนั่งอยู่บนหลังแรดหลังเหล็กของเจ้า แต่พลังของเจ้าก็เหมือนผายลม ตอนนี้เจ้ามีโอกาสเกิดใหม่แล้ว โอกาสเปลี่ยนแปลงชีวิตของเจ้า เจ้าจะอดทนต่ออีกนิดไม่ได้หรือไง?
แค่อีกชั่วโมงเดียวขีดจำกัดของเจ้าก็จะอยู่ในระดับปราณฟ้าแล้ว นึกถึงคำแนะนำของข้าให้ดี ช่วยให้ข้ามีไฟสักนิดก็ยังดี
ข้าจะได้มีโอกาสโม้ได้ว่าข้ามีสหายที่ถึงระดับปราณฟ้า ตื่นสิเว้ย..ตื่น..อย่าหลับ ทนอีกเพียงชั่วโมงเดียวไม่ได้หรือไง?”
“พอเถอะ, เขาถึงขีดจำกัดไปแล้ว”
เย่ว์หยางเดินเข้ามาช้าๆ

15 ความคิดเห็น:
ขอบคุณมากครับ
ขอบคุณมากครับ
มันไม่ได้ดั่งใจคิดกันซะทุกคนสินะ ไม่เหมือนเหล่าเมียพี่เย่ว์ โตได้โตดีกันทุกคน
ขอบคุณมากเลยนะคับ
ขอบคุณมากเลยนะคับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
มีเย่ว์หยางคอยช่วยเนี่ย เปรียบดั่งมีสูตรโกงอยู่ข้างกายจริงๆ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณ ครับ
ทำได้เยี่ยมมากเจ้าอ้วน
ขอบคุณครับ
ตอนจบซึ้งเลย เชียให้เจ้าอ้วนถึงปรานฟ้าแล้วมาแย่งเมีย 555
Thx
ขอบคุณครับ
แสดงความคิดเห็น