วันพฤหัสบดีที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2561

ยอดยุทธไร้เทียมทาน ตอนที่ 528 ซุ่มโจมตี

ตอนที่  528  ซุ่มโจมตี
ที่สมาพันธ์ชาวยุทธ บรรยากาศในสาขาทองที่สามหนักอึ้งมาก
กองพลดาบแสงก่อตั้งโดยใช้สาขาทองที่สามเป็นแกนหลัก และข่าวว่ากองพลใบไม้แดงถูกกวาดล้างแพร่กระจายไปแล้ว  นั่นทำให้สาขาทองที่สามกระวนกระวายมาก ไม่ต้องสงสัยกันแล้ว เป้าหมายต่อไปคงเป็นกองพลดาบแสงเป็นแน่

 “เราจะทำอย่างไรดี?”  ยูริถาม
เทียบกับสาขาทองที่สิบของฌอนแล้ว  สาขาทองที่สามแข็งแกร่งมากกว่า  สาขารับทองในปัจจุบันไม่เหมือนกับในอดีตแล้ว สาขาทองที่เก้าถูกทำลายไปแล้ว  สาขาทองที่เจ็ดได้รับความสูญเสียหนักหน่วง และอยู่ในสภาพเจียนตาย  แม้ว่าระดับสูงจะตัดสินใจให้สร้างสาขาทองที่เก้าอีกครั้งและให้การสนับสนุนสาขาทองที่เจ็ดมากขึ้นก็ตาม  แต่ขณะปัจจุบันพวกเขายังไม่มีพัฒนาการใดๆ
ไม่ใช่เพียงแค่นั้น จำนวนของนักสู้ระดับทองลดจำนวนลงอย่างน่าตกใจมาก  กำลังของแต่ละสาขามีระดับแตกต่างของการสูญเสีย การสร้างกองทัพเป็นทางเลือกเดียวของแต่ละสาขา
 “โส่วซินสร้างป้อมสมบัติดวงดาว”  เสียงของรองหัวหน้าสาขาถอนหายใจ  “เขาใช้สมบัติของเขาทั้งหมดสร้างป้อมสมบัติดวงดาว”
 “นั่นก็ดีแล้ว!  ยูริคลายใจและยิ้มออกได้  “การสร้างแนวป้องกันคือความพยายามของโส่วซิน  เนื่องจากโส่วซินตัดสินใจป้องกันจนตาย ก็คงไม่ง่ายที่คนอื่นจะทะลวงแนวรับของเขาได้”
 “ใช่แล้ว, ความสามารถของโส่วซินในการสร้างแนวป้องกันนั้นเหลือเชื่อไม่มีใครเทียบกับเขาได้”  รองหัวหน้าสาขาหัวเราะ  “นอกจากนี้ โส่วซินยังสร้างป้อมสมบัติดวงดาวอย่างที่ไม่เคยปรากฏมีมาก่อน!
 “โอว มันเป็นประวัติการณ์ยังไง?”  ยูริถามด้วยความสงสัย
รองหัวหน้าสาขาชูสองนิ้ว  น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยคำอธิบายอย่างชัดเจน  “สมบัติเกินกว่า 2000 ชิ้น!  โส่วซินยินดีเสียสละของที่เขาอดออมมาอย่างหนัก
 “สองพันชิ้น!  ยูริทึ่ง  จากนั้นเขาหัวเราะลั่น  “นั่นคือแนวป้องกันอย่างดี,  ข้าอยากเห็นสีหน้าของเซียนที่อยู่ที่นั่นจริงๆ  ฮืม.. ถังเทียนคิดว่าพอนำเซียนอิสระมาแล้ว เขาจะสามารถทำอะไรตามใจตัวเองได้  อ่อนหัดเกินไปแล้ว!  รอจนกว่าเซียนของเราเริ่มปรากฏตัวเถอะ  พวกมันจะได้รู้ว่าเซียนจริงๆ เป็นยังไง”
รองหัวหน้าสาขาก็มีความรู้สึกเช่นเดียวกัน  ในสายตาของพวกเขา พวกเซียนอิสระจนและมาตรฐานต่ำ  นอกจากสนามพลังวิญญาณของตัวพวกเขาเองแล้ว  พวกเขาไม่มีอะไร  เขายกย่อง  “แน่นอนว่า ถ้าพวกเซียนไม่เคยไปวิหารเซียนมาก่อน  แค่กลุ่มเซียนของเราก็พอกำจัดพวกมันออกไปจนหมดได้”
สาขาทองมีนักสู้ระดับทองอยู่เป็นจำนวนมาก  ดังนั้นพวกเขามักได้รับการเชิดชูให้เป็นเซียน  แต่ตามข้อบังคับของสมาพันธ์ชาวยุทธ  นักสู้ของสมาพันธ์ทุกคนที่ได้รับตำแหน่งเซียนจะต้องเข้าวิหารเซียน
วิหารเซียนคือเป้าหมายสุดท้ายของนักสู้สมาพันธ์ชาวยุทธทุกคน  ตราบใดที่พวกเขาสามารถเข้าวิหารเซียนได้  อย่างนั้นก็หมายความว่าพวกเขาแทบจะทำทุกอย่างตามฝันได้
วิหารเซียนเป็นสถานที่ลึกลับและยิ่งใหญ่  แม้แต่พวกเขาก็ยังไม่มีสิทธิ์เข้าไป  แม้ว่าจะมีสถานะเป็นผู้อาวุโสสูงส่งในสมาพันธ์ชาวยุทธ  ถ้าเขาไม่ก้าวเข้ามาอยู่ในสนามพลังวิญญาณ  เขาก็ไม่สามารถเข้าไปในวิหารเซียนได้  มีแต่เซียนจึงมีศักดิ์ศรีพอเข้าวิหารเซียนได้  วิหารเซียนแห่งนี้มีกฎเหล็กของวิหารคงอยู่ในที่นี้มาเกินกว่าพันปีแล้ว
 “เราจะมาดูกันว่าถังเทียนจะศีรษะระเบิดอยู่ในเงื้อมมือของโส่วซินได้ยังไง”  ยูริหัวเราะย่ามใจ  “ด้วยการต่อสู้อย่างนี้ ชื่อเสียงของโส่วซินจะต้องโด่งดังขึ้นอย่างแน่นอน”
ทั่วทั้งสาขาทองที่สามโห่ร้องสนุกสนานกันอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
สมาพันธ์ชาวยุทธในอดีตมีข้อจำกัดและวินัยที่เคร่งครัด  การเลื่อนระดับเป็นเรื่องที่ยาก  แต่หลังจากสงครามทวีความรุนแรงขึ้น บริการทางทหารที่โดดเด่นได้รับการให้ความสำคัญอยางไม่เคยมีมาก่อน  ด้วยความดีความชอบของกองพลดาบแสงเป็นหลัก สถานะของสาขาทองที่สามก็จะเพิ่มขึ้นมากมายอย่างแน่นอนเช่นกัน
 “ข้าได้ยินมาว่ากองพลแสงใบไม้ร่วงของสาขาทองที่สิบกำลังก้าวหน้าไปอย่างมาก”  รองหัวหน้าสาขาชี้แจง
ยูริพยักหน้า รับทราบข้อมูล  การทำลายล้างของกองพลใบไม้แดงกระทบกระเทือนสาขาทองที่สิบอย่างมาก  ถ้าเย่โส่วซินสามารถเอาชนะศึกนี้ได้  อย่างนั้นพวกเขาก็มีโอกาสรวบตำแหน่งของสาขาทองที่สิบด้วย  ถ้าเรื่องนั้นเกิดขึ้นกำลังของพวกเขาจะเพิ่มขึ้นอีกมากมาย
เย่โส่วซิน  เราต้องพึ่งพาอาศัยเจ้าเสียแล้ว!
ยูริพูดในใจอย่างเงียบงัน  เขารู้ความสำคัญของศึกใหญ่ที่จะมาถึง  ขณะนี้ผู้อาวุโสของสมาพันธ์ชาวยุทธจับตามองศึกที่กำลังจะมาถึง
กระดาษไม่อาจห่อไฟได้ และสมาพันธ์ชาวยุทธก็ไม่คิดจะปกปิดร่องรอยของพวกเขา  พวกเขาประกาศข่าวแรกทันทีซึ่งก่อให้เกิดโกลหลไปทั่วสวรรค์วิถี
ถังเทียนนำกำลังเซียนสี่สิบคนสังหารกองพลใบไม้แดง!
ด้วยข่าวที่เปิดเผยออกมานั้นแพร่กระจายไปทั่วสวรรค์วิถีราวกับสายลม  กลุ่มดาวขนาดใหญ่ทั้งหมดไม่มีคำอะไรจะพูด  สมาพันธ์ชาวยุทธวิพากษ์วิจารณ์การกระทำของถังเทียนอย่างรุนแรง เรื่องของฝูอิงและเซียนผู้ถูกฝูอิงบังคับล้วนสมคบกับเขาทุกคน  พวกเขาช่วยถังเทียนวางแผนทำร้ายฝูอิงและสมาพันธ์ชาวยุทธ
ดังนั้นสมาพันธ์ชาวยุทธขอประกาศว่าพวกเขาจะใช้วิธีการที่จำเป็นเพื่อลงโทษกลุ่มดาวหมีใหญ่
กลุ่มดาวราชสีห์ได้ประกาศยินดีต้อนรับกลุ่มดาวหมีใหญ่เป็นกลุ่มแรกทันทีและประกาศว่าพวกเขาจะสนับสนุนกลุ่มดาวหมีใหญ่  ประกาศฉบับนี้ทำให้สมาพันธ์ชาวยุทธถือเสมือนว่าพวกเขาเป็นศัตรู  เทียบกับกลุ่มดาวหมีใหญ่แล้ว  กลุ่มดาวราชสีห์เป็นศัตรูอีกระดับหนึ่ง
พอมาถึงจุดนี้ สวรรค์วิถีดูมีชีวิตชีวามากขึ้น กับพัฒนาการของเหตุการณ์ที่รุนแรงฉับพลัน
ทุกคนเทความสนใจไปที่ถังเทียนและ 42 เซียนซึ่งมีถังเทียนเป็นผู้นำโดยไม่รู้ตัว  ไม่มีใครเคยคิดว่าในดินแดนอีกแห่งหนึ่ง  สงครามอีกฉากหนึ่งกำลังจะเปิดม่าน  ขณะที่กองพลดาบแสงยังคงมองหากองทัพจักรกล  ปิงพากองทัพจักรกลกลับไปยังกลุ่มดาวหมีใหญ่โดยไม่มีใครรู้
****************

กองทัพจักรกลวิญญาณกำลังบินเลียดไปตามแนวเขาด้วยความเร็วสูง
 “ระวังไว้ให้ดี! อย่าได้พลัดจากกลุ่ม!
อาหลุนรวบรวมกำลังเพื่อสนับสนุนสหายของเขา  เขารู้สึกเหมือนกับว่าทั่วทั้งร่างเขาชา ปอดร้อนราวกับถูกไฟเผา เป็นเวลาสามวันสามคืนที่ไม่ได้ดื่มกินน้ำ  พวกเขาบังคับตนเองให้ต้องเดินทางโดยไม่ได้พักและเดินทางด้วยความเร็วสูง  แม้ว่าเขาจะพยายามอย่างหนัก แต่เขาก็รู้สึกว่าเขาใกล้จะถึงขีดจำกัดแล้ว
ทันใดนั้นมีร่างหนึ่งแวบผ่านสายตาของเขาไป  อาหลุนคล่องแคล่วว่องไว อาวุธจักรกลวิญญาณของเขาพุ่งลงมาคว้าชุดจักรกลวิญญาณที่สูญเสียการควบคุมไว้ได้
นักสู้ที่อยู่ภายในจักรกลวิญญาณหมดสติไปแล้ว อาหลุนไม่มีอะไรจะพูด แบกชุดจักรกลวิญญาณของอีกฝ่ายขึ้นบ่าตนเอง
เขาชำเลืองมองพยัคฆ์ฟ้าที่อยู่ข้างหน้าเขา  แต่ไม่ได้พูดอะไรสักคำ จำนวนนักสู้ในกลุ่มที่เป็นลมหมดสติเพิ่มขึ้นถึงหนึ่งในห้า
 “เรามาถึงกันแล้ว”
เสียงเหนื่อยล้าของปิงดังผ่านหูทุกคน เหมือนกับเป็นประกาศจากสวรรค์  ชุดอาวุธจักรกลทุกชุดล้มลงกับพื้นนอนแผ่หรากระจายไปทั่ว
 “พวกเจ้ามีเวลาพักหนึ่งคืน”
หลังจากปิงพูดจบ พยัคฆ์ฟ้าก็หยุดเคลื่อนไหวและเงียบลง  ทุกคนต่างถึงขีดจำกัดของตนเอง และก่อนที่เวลาจะผ่านไปหนึ่งนาที  ก็มีเสียงกรนดังออกมา
แสงอาทิตย์ยามอรุณกำลังใกล้เข้ามา  อาหลุนตื่นขึ้น  เขาลุกขึ้นยืนทันที เมื่อเห็นพยัคฆ์ฟ้าอยู่ที่ทางเข้าแนวเขาและสังเกตไปรอบๆ
 “เตรียมตัวทำศึก!
คำสั่งของปิงทำให้กองทัพทั้งหมดกระวนกระวาย ทุกคนเริ่มเตรียมรบ
ปิงมองดูกองพลแสงอรุณที่อยู่ในระยะไกล  กองพลแสงอรุณยังคงอยู่ห่างและทั้งกองทัพมองเห็นเป็นจุดเดียว
ในที่สุดก็ทันพวกเจ้า!
กองพลแสงอรุณกำลังรุดหน้าไปอย่างไม่มีสะดุด  ทำให้การเดินหน้าของพวกเขาทำได้อย่างรวดเร็ว
ปิงแค่นเสียง  อีกฝ่ายหนึ่งไม่ได้เอาจริงจังกับกลุ่มดาวหมีใหญ่อย่างเห็นได้ชัด  การเดินทางทั้งวันทั้งคืนโดยไม่ต้องส่งหน่วยสอดแนมไปล่วงหน้าโดยไม่มีความกลัว มุ่งตรงสู่ใจกลางเมืองหลวงของกลุ่มดาวหมีใหญ่ เมืองศีรษะพญาหมีอย่างเต็มกำลัง!
ปิงไม่พบว่าเป็นเรื่องแปลกที่ฝ่ายตรงข้ามทุกคนมีความมั่นใจ
ด้วยการมีนักสู้ระดับทองเป็นโครงสร้างของพวกเขา แม้แต่หัวหน้านายกองของพวกเขา ทั้งกองทัพเป็นนักสู้ระดับทองอย่างแท้จริง  แต่พวกเจาคิดว่ากองทัพสร้างขึ้นจากนักสู้ที่โดดเด่นแค่เอามารวมตัวกันกระนั้นหรือ?  พวกเจ้าดูถูกสิ่งที่เรียกว่ากองทัพและดูถูกสงครามเกินไปหน่อยแล้ว!
เมื่อปิงบินกลับมาที่ถ้ำ  ทุกคนตั้งกระบวนสำเร็จแล้ว
เมื่อเห็นกองทัพจักรกลข้างหน้าพวกเขา  ปิงพึงพอใจขึ้นบ้าง  สามวันสามคืนในการรีบเร่งเดินทาง  จะทำให้พวกเขาเอาชนะเอาได้เปรียบจากการชิงลงมือก่อนสำหรับการสู้รบที่กำลังจะมีมา  คู่ต่อสู้คาดไม่ถึงว่าพวกเขาจะอ้อมไปอยู่ต่อหน้าฝ่ายตรงข้ามแล้ว
ปิงไม่ได้บอกอะไรกับกองทัพในเรื่องนี้  เขามองดูทหารซึ่งเขาสร้างขึ้นมาด้วยมือของเขาเองและเขาค่อยๆ เอ่ยปากพูด
 “ข้าไม่อยากจะบอกว่าการศึกครั้งนี้สำคัญต่อกลุ่มดาวหมีใหญ่ของเราอย่างไร  ข้าแค่ต้องการบอกพวกเจ้าว่า  พวกเจ้าไม่มีทางถอยอีกแล้ว  ผืนแผ่นดินที่อยู่ใต้เท้าของพวกเจ้า คือดินแดนของพวกเจ้า!  นี่คือกลุ่มดาวหมีใหญ่  นี่คือบ้านของพวกเจ้า  อนาคตของคนที่พวกเจ้ารักล้วนผูกพันอยู่กับแผ่นดินนี้  พวกเจ้ายังจำกลุ่มดาวหมาป่าได้ไหม  ใครต้องการจะกลับไปบ้าง?  ใครต้องการจะกลับไปยังดินแดนแห้งแล้งและไร้ความอุดมสมบูรณ์อย่างกลุ่มดาวหมาป่าบ้าง?”
เสียงของปิงราบเรียบ แต่เขาทำให้อารมณ์ของทุกคนจริงจัง ลมหายใจของเขาหนักหน่วงเร่าร้อน  ตาทั้งสองเป็นสีแดง  ไม่มีใครลืมกลุ่มดาวหมาป่า ความสิ้นหวังในการใช้ชีวิตที่แร้นแค้น  ชีวิตน้อยๆและต่ำต้อยที่พวกเขาดำเนินไปวันๆ  ในวันนี้เผ่าพันธุ์ของพวกเขาเริ่มใช้ชีวิตตามฝัน และมีอนาคตที่สดใสได้
กลับไปน่ะหรือ?  จะให้เรากลับไปยังที่ๆ เราจากมา นั่นเป็นไปไม่ได้แน่!
ภายในชุดอาวุธจักรกลวิญญาณ  ร่างอาหลุนสั่นโดยไม่รู้ตัว  เขาคิดถึงชีวิตในอดีตของเขา ที่ชีวิตของเขาไม่เคยกินอาหารได้เต็มอิ่ม วันเวลาเหล่านั้นไม่เคยได้เห็นความหวัง มีแต่วันคืนที่มืดมิด
ตอนนี้เหมือนกับมีชีวิตอยู่บนสรวงสวรรค์
เขากำหมัดโดยไม่รู้ตัว เส้นเลือดปูดโปน  เขาสาบานในใจ อย่าแม้แต่จะฝันว่าจะพรากสิ่งเหล่านี้ไปจากข้าได้
 “เจ้ากลุ่มดาวของพวกเจ้าต่อสู้จนได้แผ่นดินที่อุดมสมบูรณ์และสวยงามนี้มาเพื่อพวกเจ้า  ดังนั้น ตอนนี้ถึงเวลาที่พวกเจ้าจะต้องปกป้องมันเอาไว้
 “พวกเจ้าทุกคนพร้อมหรือยัง?”
 “จงใช้เลือดเนื้อและชีวิตของพวกเจ้าปกป้องบ้านของพวกเจ้า คนที่เจ้ารักและความภาคภูมิใจของพวกเจ้าเอาไว้”
ปิงไม่ยิ้มหรือทำหน้าพอใจทั้งนั้น  สีหน้าของเขาจริงจังและขึงขังเหมือนกับแท่งน้ำแข็ง  ความคมชัดของชุดเกราะของเขาแสดงให้เห็นถึงความสามารถของเขา และสะท้อนลึกไปถึงอาวุธจักรกลวิญญาณที่อยู่ต่อหน้าของเขา
ไม่มีเสียงโห่ร้องสะท้านสะเทือนเหมือนคลื่นถล่ม  แต่มีเสียงหอบหายใจซึ่งดังเหมือนกลองศึกที่ค่อยๆดังขึ้นพร้อมกัน และเหมือนพายุที่เริ่มรวมตัวกัน  ทุกคนร่ำร้องอยู่ในหัวใจพวกเขา  เลือดลมของพวกเขาเดือดพล่านไปทั่วทุกตารางนิ้วของผิวหนัง
ไม่มีถอนถอย!
ปิงจ้องมองทหารหนุ่มอย่างเยือกเย็น  เทียบกับศัตรูผู้เป็นนักสู้ระดับทอง  พวกเขายังห่างไกล  อย่างไรก็ตาม เขายังเต็มไปด้วยความมั่นใจ  เพราะกลุ่มคนเหล่านี้เป็นผู้เยาว์ที่มีศรัทธากล้าหาญ  พวกเขามีความเชื่อมั่นในตนเองที่จะต่อสู้
ทันใดนั้นเขาคิดถึงอาซิ่น  คิดถึงลั่วซือคิดถึงพรรคพวกในอดีต  วิธีที่พวกเขามองดูทหารหนุ่มเหล่านี้
ก็แค่เพราะเหตุผลที่เห็นได้ชัดเหล่านี้  เพียงเพื่อศรัทธาที่น่าขันและโง่เขลา  ความเร่าร้อนคุกรุ่นอยู่ในใจพวกเขา  เพื่อจะปกป้องคนที่พวกเขามิอาจสูญเสียได้
ในความทรงจำสีเทา เมื่อเผชิญคลื่นสีบรอนซ์ที่น่ากลัว  ก็เหมือนกับเผชิญหน้ากับป่าบรอนซ์ด้วยกัน
พยัคฆ์ฟ้าชูแขนสีน้ำเงิน
 “เคลื่อนขบวน!”

7 ความคิดเห็น:

windwolf กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

JaOurPaLa กล่าวว่า...

หายไปอีกกองทัพ

ธงชัย กล่าวว่า...

ขอบคุณครับผม

Pingku กล่าวว่า...

ตอนหน้ามันแน่ๆ

มีตน กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Neoplasm24 กล่าวว่า...

แม่งลุงปิง เท่กว่าบักถังเยอะเลย

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุนคับ

แสดงความคิดเห็น