วันเสาร์ที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2561

ยอดยุทธไร้เทียมทาน ตอนที่ 531 เพลิงกลืนวิญญาณ

ตอนที่  531  เพลิงกลืนวิญญาณ
แม้ว่าพวกเขาจะมีเวลาสั้นมากในการโยนให้เข้าเป้า  แต่ทุกคนคือเซียน เมื่อพวกเขาปล่อยมือ ก็ไม่มีอะไรแตกต่างกันมาก ลูกกลมบรอนซ์ทุกลูกเข้าเป้าที่มุมสามเหลี่ยมพร้อมกัน
เผียะ เผียะ เผียะ!

เหมือนกับฝนตกกระทบใบตอง  ลูกกลมบรอนซ์แตกส่งเสียงออกมา
การระเบิดที่คาดว่าน่าจะเกิดกลับไม่เกิด ไม่มีแม้แต่แสงวาบให้เห็นทำให้ทุกคนสะดุ้ง
ความรู้สึกของพวกเซียนนั้นรุนแรง  พวกเขาสามารถรู้สึกได้ถึงพลังงานอันตรายที่แฝงอยู่ภายในลูกกลมบรอนซ์  นึไม่ถึงเลยว่าจะไม่มีอะไรที่ระเบิดออกมา  หรือว่าพวกเขารู้สึกคลาดเคลื่อนไปเอง?
มอนตาหรี่ตาและตะโกน  “ดู, เปลวไฟเล็กๆ!”
ทุกคนตื่นตัว  พวกเขาตั้งใจมองทุกๆ ที่ซึ่งลูกกลมบรอนซ์แตกและมีเปลวเพลิงเป็นเส้นบาง  แต่จากนั้นทุกคนก็มีทีท่าผิดอย่างรวดเร็ว  เพลิงทั้งหมดโปร่งใสและสลัวมาก  ทุกๆ เปลวมีขนาดเท่าเทียน เป็นเปลวเทียนเล็กๆ ไม่น่าสงสัย ไม่น่าเป็นที่สังเกต
จะใช้เปลวเพลิงริบหรี่แบบนั้นไปเผาป้อมสมบัติขนาดใหญ่ วันนั้นยังมีมาถึงด้วยหรือ?
ทุกคนคิดเหมือนกัน ดูเหมือนการทำลูกกลมบรอนซ์คงมีบางอย่างที่ผิดเพี้ยนไป แต่พวกเขาไม่กล้าเอะอะออกไป   เจ้ากลุ่มดาวเพิ่งเข้าสู่ระดับเซียนในระยะเวลาสั้นๆ คงมีการสะดุดบ้างเล็กน้อยเป็นเรื่องปกติ
ทันใดนั้นทุกคนสังเกตว่าเจิ้งหวี่มีท่าทีสีหน้าที่แปลกไป  ดูเหมือนกับว่าจะมีทั้งตื่นเต้นและ  ร่างของเขากำลังสั่นและบางคนถาม  “เฒ่าเจิ้ง  เจ้าเป็นอะไรไป?”
 “เพลิง... เพลิงเหล่านั้นน่ากลัวจริงๆ!
เสียงของเจิ้งหวี่สั่น  เขาฝึกวิชาจิตวิญญาณประเภทใช้ตาและตั้งแต่เริ่มต้นเมื่อเปลวเพลิงน้อยปรากฏ เขาประหลาดใจ จากนั้นใช้วิชาจิตวิญญาณทางตาของเขาเพ่งดู เขาถึงกับตะลึง
ในสายตาของเขา เปลวเพลิงน้อย เหมือนตัวหนอนที่หิวกระหายและน่ากลัว พวกมันกำลังกลืนกินฐาน
ทรงพลังมากนักหรือ?
ทุกคนสะดุ้งและหันไปมองดูป้อมอีกครั้งหนึ่ง
วูบบบ
เปลวเพลิงที่ร้ายกาจลามเลียและลุกลามขึ้นและจากนั้นเกิดมีสีที่แตกต่างกันดูงดงามเหมือนสีรุ้ง เป้าหมายของมันคือมุมสามเหลี่ยมซึ่งค่อยๆหายไปอย่างเงียบๆ
เสี่ยวเอ้อที่กางร่มอยู่มีนัยน์ตาที่เปี่ยมไปด้วยความสุข  เขาจำประโยคที่กุ่ยอู๋พูดไว้จากเศษเสี้ยวความทรงจำ
บนป้อมสมบัติดวงดาว มีหลุมขนาดใหญ่อยู่บนซีกเบื้องหน้าของป้อมซึ่งดูแล้วสะดุดตามากและน่าเกลียดน่ากลัว
เซียนที่อยู่ในอากาศถึงกับตกตะลึง
ม่านพลังงานที่หนาแน่นของป้อมเกินคาดหมายพวกเขาไปมาก  พวกเขาเตรียมกับการต่อสู้ยืดเยื้อ  และคาดว่าจะมีพลังระเบิดที่กลัวสามารถทำให้ม่านพลังงานที่หนาแน่นพังทลาย
พวกเขาไม่รู้สึกถึงความผันผวนพลังงานแม้แต่น้อย
เปลวเพลิงนั่น... สิ่งที่ขยายออกมาก็คือ..
บางคนที่เป็นคนฉลาดอย่างมอนตาคิดออกแล้ว  ถ้าเปลวเพลิงเหล่านั้นติดเชื้อสมบัติวิญญาณ
ความคิดเช่นนั้นทำให้พวกเขาสั่นด้วยความกลัว
ในป้อมตกอยู่ในความยุ่งเหยิงสิ้นเชิง
เมื่อเห็นช่องโหว่ยังขยายออกไป  เย่โส่วซินดูเหมือนกับว่าเขาสูญเสียวิญญาณ  หน้าของเขาว่างเปล่าปราศจากสีเลือด นายทหารผู้ช่วยตะโกนอย่างตื่นเต้น  “ดับไฟนั้น!  รีบดับไฟนั้น!
การโจมตีลักษณะต่างๆ อย่างบ้าคลั่งทำให้เปลวเพลิงจางลง
หัวใจทุกคนเต็มไปด้วยความกลัว  ที่มั่นที่กำลังถูกทำลายกำลังละลายไปเหมือนกับหิมะ  เพลิงสีแปลกประหลาดกำลังไหม้อย่างต่อเนื่อง  เหมือนกับอสูรร้ายกำลังกลืนกินฐานที่มั่น
ไม่ต้องคำนึงถึงคุณสมบัติโจมตีเช่นใดก็ตาม  เมื่อใดก็ตามที่สมบัติถูกเปลวเพลิงสี จะเหมือนกับวัวที่ตกลงไปในมหาสมุทรสูญหายไปโดยไม่เหลือร่องรอย
แต่ความกลัวอย่างรุนแรงทำให้ทุกคนไม่สามารถควบคุมตนเองได้  พวกเขารู้แต่วิธีโจมตีอย่างสุดกำลัง  จนกระทั่งพลังปราณแท้ในร่างของพวกเขาหมดไป และพวกเขาเริ่มล้มลงกับพื้น
นักสู้จากสมาพันธ์ชาวยุทธคนหนึ่งก็พังทลายในที่สุด  เขาร้องโหยหวนและบินหนีออกไป ออกไปจากหลุมนรก
ในวินาทีที่เขาเตรียมจะบินหนีออกไปจากช่องว่าง วูบบ วินาทีต่อมาเปลวเพลิงที่มีสีสันและร้ายกาจก็ขยายเปลวออกมาและกลืนกินนักสู้ผู้นั้นในคำเดียว  ในพริบตาก็ไม่มีเสียงร้องออกมา  เขาสูญสลายหายไปไม่เหลือร่องรอย
นักสู้ของสมาพันธ์ชาวยุทธที่อยู่ในที่มั่นพากันตะลึงหมดทุกคน
หน้าของทุกคนซีดขาว  พวกเขาเหม่อมองเพลิงสีต่างๆ ที่อยูเหนือเขา  มันคืออสูรที่กินทุกอย่างไม่เลือก
เซียนที่อยู่ในอากาศยังคงตกใจกลัวกับภาพที่เห็น
แม้ว่าพวกเขาจะได้ฆ่าคนมาก่อน แม้ว่าพวกเขาจะเคยเห็นเลือดมาก่อน  แต่ฉากภาพที่อยู่ต่อหน้าพวกเขาทำให้ฝ่ามือของพวกเขามีเหงื่อเยือกเย็นซึมออกมา
นักสู้ของกองพลดาบแสงเหมือนกับสัตว์ที่ติดอยู่ในกับดัก  พวกเขาทุกคนหนีออกจากตำแหน่งที่ตนเองป้องกัน
 “เราจะทำยังไงกันดี?”  นายทหารผู้ช่วยถามเย่โส่วซินปากคอสั่น
ป้อมฐานกำลังถูกกลืนกินด้วยระดับความเร็วน่าประหลาด  ทั่วทั้งกองพลดาบแสงกำลังปั่นป่วนเหมือนแกะที่รอถูกเชือด  ใบหน้าของทุกคนปกคลุมไปด้วยความกลัวและสิ้นหวัง  เพราะพวกเขารู้ว่าเมื่อฐานถูกกลืนกินจนหมด ก็จะถึงคราวพวกเขา  เพลิงสีรุ้งจะกลืนกินพวกเขาทุกส่วน
 “ยอมแพ้!  แม้ว่าหน้าของเย่โส่วซินจะซีดขาว  แต่เขาก็ยังสงบและมั่นคงที่สุด
 “ยอมแพ้?”  นายทหารผู้ช่วยสะดุ้งและโกรธทันที  “เราจะยอมแพ้ได้ยัไง?  เราคือคนของสมาพันธ์ชาวยุทธ..”
เย่โส่วซินมองดูเขาเงียบๆ  แต่ไม่พูดอะไรสักคำ
ผู้ช่วยนายทหารตอนแรกตะโกนเหมือนฟ้าร้อง ก็ค่อยๆ เสียงอ่อนลงทุกที และในที่สุดเขาก็เงียบ  สีหน้าของเขาพ่ายแพ้  ทหารรอบตัวเขามองดูสิ้นหวัง ไม่มีใครมีใจคิดสู้ รวมทั้งตัวเขาเองด้วย
และเขายังไม่มีความคิดอื่น
 “ให้ข้าตัดสินใจเรื่องนี้เอง  ข้าจะยอมรับทัณฑ์แสงเอง”  เย่โส่วซินพูดอย่างเฉยชา
สำหรับกองพลคุณภาพสูงอย่างพวกเขา  พวกเขาได้ทำการสาบานไว้กับสมาพันธ์ชาวยุทธไว้แล้ว เป็นสิ่งที่คล้ายกับสัญญาจิตวิญญาณยุทธ  ถ้าพวกเขาผิดสัญญา พวกเขาจะถูกลงโทษด้วยทัณฑ์แสง
 “ไม่, ไม่มีเหตุผลที่ท่านจะต้องมารับการลงทัณฑ์ตามลำพัง”  นายทหารผู้ช่วยพยายามยืนขึ้น หน้าของเขาเต็มไปได้ความโกรธ  “เราพ่ายศึกนี้ด้วยกัน เราไม่มีทางต้านทานใดๆ ได้เลย  แม้ว่าข้าจะไม่ใช่ผู้นำทหาร  แต่ข้าก็ยังมีความรู้สึกละอาย  ถ้าแม้แต่ทหารยังไม่มีความกล้าสู้เพื่อโอกาสยอมแพ้ของตน  ข้าคงยกโทษให้ตัวเองอีกไม่ได้”
เย่โส่วซินมองดูผู้ช่วยนายทหารของเขา  คนที่เด็ดเดี่ยวจากสาขาทองที่สาม  ความจริงเขาไม่ชอบนายทหารผู้ช่วยคนนี้  เพราะเขารู้ว่า นายทหารผู้ช่วยของเขาคือผู้คุมกองทัพที่แท้จริง และเขาเองเป็นผู้ออกคำสั่งในนาม และเมื่อว่าตามตรงเขาก็แค่ผู้จัดการที่ได้รับเงินเดือนสูง  ก็แค่ในช่วงเวลาปกติ เขาจะเป็นคนที่ถ่อมตน ไม่ชอบการรบ ดังนั้นเขาจึงรู้สึกเคารพนายทหารผู้ช่วยในเรื่องนั้น
แต่ในช่วงเวลานั้น เขายกย่องนายทหารผู้ช่วยของเขา
เพื่อชีวิตผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาเอง  เขายินดีจะแบกรับความอับอายและถูกลงโทษ  ความกล้าหาญและความเข้มแข็งนี้ใช่ว่าจะมีกันทุกคน
เย่โส่วซินพยักหน้า  จากนั้นตะโกนออกไป
 “ข้า, เย่โส่วซิน ผู้บัญชาการกองพลดาบแสง  ขอเป็นตัวแทนประกาศว่ากองพลดาบแสงขอยอมแพ้!
ผู้ช่วยของเขายังคงตะโกน “ข้าเมอร์เรย์ ผู้ช่วยผู้บัญชาการกองพลดาบแสงขอประกาศว่ากองพลดาบแสงขอยอมแพ้”
ปัง!
แสงสีขาวแผ่กระจายออกมาจากภายในร่างของพวกเขา กักคนทั้งสองไว้ นั่นคือแสงลงทัณฑ์จากสมาพันธ์ชาวยุทธ ไม่ว่าเมื่อใดก็ตามที่นักสู้ผิดคำสาบานแสงลงทัณฑ์จะปรากฏ  ทั้งสองคนมีท่าทางเจ็บปวด  สีหน้าของเขาบิดเบี้ยว จิตวิญญาณยุทธของพวกเขาที่อยู่ภายในรังสีแสง เริ่มเผาไหม้อย่างรวดเร็ว
 “ท่านแม่ทัพ!
 “ท่านผู้ช่วยแม่ทัพ!
ทหารทุกคนตกใจกับเหตุรบกวนกระทันหัน
เซียนที่อยู่ในอากาศรู้สึกสะดุ้ง  ทุกคนมองมาทางถังเทียน
 “ยอมแพ้?”
ถังเทียนก็สะดุ้งเช่นกัน  เขาไม่เคยคิดว่ากองทัพของสมาพันธ์ชาวยุทธจะยอมแพ้  ในสายตาของเขา สมาพันธ์ชาวยุทธมักจะเป็นตัวหงุดหงิดน่ารำคาญอยู่เสมอ และจะต้องสู้แลกชีวิตกัน
เขาไม่เคยคาดว่าพวกเขาจะยอมแพ้...
เมื่อแสงลงฑัณฑ์ลุกโพลงจากร่างของทั้งสอง  ถังเทียนจึงเข้าใจทันที  พวกเขายอมแพ้จริงๆ และยอมรับการลงทัณฑ์ทรมาน  ถังเทียนสามารถรู้สึกได้ถึงสัญญาจิตวิญญาณยุทธจากรังสีขาว
 “เสี่ยวเอ้อ!
ถังเทียนตะโกน
เสี่ยวเอ้อรู้สึกขัดใจมาก เดิมทีเขาไม่คาดเลยว่ากำลังของเพลิงจิตวิญญาณจะมีขนาดใหญ่โตมากมาย  และเมื่อเพลิงจิตวิญญาณเปลี่ยนสภาพเป็นเพลิงหลากสี  เขาคิดเรื่องสมบัติวิญญาณอีกรูปแบบหนึ่งที่บันทึกไว้โดยกุ่ยอู๋
การกลืนกินป้อมสมบัติดวงดาว กับสมบัติดวงดาวสองพันชิ้นจะทำให้มันวิวัฒนาการ
เพลิงสีมีชื่อว่า เพลิงกลืนวิญญาณ
นี่คือสมบัติวิญญาณนอกสารบบแบบหนึ่ง และมีเพียงเซียนพลังสายเลือดจึงสามารถสร้างสมบัติวิญญาณที่แปลกและร้ายกาจได้  หยินและหยางให้กำเนิดเพลิงวิญญาณและเมื่อเพลิงวิญญาณยังพัฒนาต่อไปก็จะกลายเป็นเพลิงกลืนวิญญาณ  สิ่งที่สำคัญที่สุดในการขัดเกลาเพลิงกลืนวิญญาณก็คือจำเป็นต้องได้สมบัติดวงดาวที่หายากและปล่อยให้มันเติบโต
หลังจากกินสมบัติเกินสองพันชิ้น ค่าพลังของเพลิงกลืนวิญญาณยังคงพุ่งขึ้นสูงจนกระทั่งระดับปัจจุบันเกินกว่า 180 จุด อีกก้าวเดียวก็จะไปถึง 200 จุด
ถ้าค่าพลังวิญญาณผ่าน 200 จุด เพลิงกลืนวิญญาณจะวิวัฒนาการอีกครั้งหนึ่ง
เพลิงกลืนวิญญาณสามารถกลืนกินจิตวิญญาณยุทธของนักสู้และทำให้มันเติบโต  ถ้ามันกลืนกินทหารทั้งกองพล  มันจะวิวัฒนาการได้อีกครั้ง
แต่น่าเสียดาย  พวกเขายอมแพ้จริงๆ...
เสี่ยวเอ้อรู้สึกเศร้าใจ  ลูกปัดข่มพลังลอยออกมาจากร่างของเขาและหมุนวนเวียนช้าๆ  เขาเพิ่งใช้ลูกปัดข่มพลังควบคุมเพลิงกลืนวิญญาณและกลืนกินทหารที่เตรียมจะหลบหนี
เพลิงกลืนวิญญาณอ่อนลงทันที ขณะนั้นมันมอดลงอย่างรวดเร็วและสีรุ้งกลายเป็นสีทึบ
ทหารของกองพลดาบแสงที่กำลังตื่นตกใจปรากฏอยู่ต่อหน้าทุกคน และเย่โส่วซินกับเมอร์เรย์ซึ่งกักอยู่ในกรงแสง  แสงลงทัณฑ์ไม่ได้เอาชีวิตพวกเขา  แต่ส่วนที่น่ากลัวที่สุดก็คือจะทำให้ผู้ทรยศหักหลังมีชีวิตอยู่แย่ยิ่งกว่าตาย
เสี่ยวเอ้อไม่พอใจอย่างมาก เมื่อเห็นแสงลงทัณฑ์ เขาไม่พอใจ เสี่ยวเอ้อไม่ยินดียอมรับความพ่ายแพ้ของพวกเขา  แต่เขาไม่สามารถทรยศต่อคำสั่งถังเทียนได้
โธ่เว้ย!
แสงลงฑัณฑ์ทั้งสองเจิดจ้าแพรวพราวมากขึ้นทำให้เสี่ยวเอ้อเศร้าใจมากขึ้น  เขาคำรามในใจและลูกปัดข่มพลังที่อยู่ต่อหน้าเขาหมุนอย่างนุ่มนวล
ทันใดนั้นเพลิงกลืนวิญญาณพุ่งไปหาคนทั้งสองกลืนคนทั้งสองจนกลุ่มผู้คนอุทานเสียงดัง  เพลิงกลืนวิญญาณผละออกจากพวกเขาและปล่อยทั้งสองคนให้หมดสติ
เพลิงกลืนวิญญาณเปลี่ยนเป็นเปลวเพลิงอ่อนบินเข้าไปในลูกปัดข่มพลัง  แสงลงทัณฑ์ถูกมันกลืนกิน
แต่สีหน้าของเสี่ยวเอ้อแปลกประหลาดมาก  เขามองดูหงุดหงิดและไม่สบายใจมาก  และเขากับลูกปัดข่มพลังหายวับไป
แสงลงทัณฑ์ของสมาพันธ์ชาวยุทธมีอะไรแปลกประหลาดอยู่ในนี้!

4 ความคิดเห็น:

Unknown กล่าวว่า...

เอาไปวิจัยต่อยอด

ท้องฟ้าจะมีความหมาย ถ้ามีคนแหงนมอง กล่าวว่า...

กินรวบสามเด้งล่ะทีนี้ กำไรสามต่อ

donnthai กล่าวว่า...

THank You

มีตน กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

แสดงความคิดเห็น