วันพุธที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2561

ยอดยุทธไร้เทียมทาน ตอนที่ 810 ความคิดเล็กน้อยที่น่ากลัวของจงหลีไป๋


ตอนที่  810  ความคิดเล็กน้อยที่น่ากลัวของจงหลีไป๋
 “ถังห้าวกำลังสร้างกลยุทธบ้าอะไรอีก?”
อาโมรี่มองดูที่จุดดำเล็กๆ ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด  เขาพึมพำกับตนเองเนื่องจากคลื่นพลังที่กระจายออกมาจากระยะไกลนั้นรุนแรงมาก  ไม่มีใครใส่ใจเขา  เนื่องจากทุกคนกำลังตั้งสมาธิ ไม่ใช่ครั้งแรกของพวกเขาที่เห็นการฝึกของกองทัพเกราะเทพเจ้า  แต่ทุกครั้งที่พวกเขาเห็น พวกเขาสามารถได้รับประสบการณ์เพิ่มมากขึ้น

รังสีเจิดจ้าที่ปลดปล่อยออกมาทำให้เกิดความตื่นตะลึงกับชาวแดนบาป  แต่สำหรับคนจากสวรรค์วิถี ไม่มีอะไรมาก  ในสวรรค์วิถีความฉลาดรอบรู้จากวิทยายุทธมีความงดงามมากกว่า  แต่ในสายตาของทุกคน  นั่นยังไม่ใช่ความสามารถ พวกเขากำลังมองดู  แต่พลังที่ปลดปล่อยออกมาจากจุดดำก็ทำให้พวกเขาหนังศีรษะชาได้
สายตาของซือหม่าเซี่ยวไม่เคยคลาดไปจากพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ของถังเทียน  หัวใจของเขาถูกความตกใจครอบงำ
 ในช่วงเวลาสั้นๆ นี้คนผู้นี้ก้าวหน้าไปมากมายขนาดไหนกัน?’
ประสบการณ์ในแดนบาปเป็นเหมือนฝันร้ายสำหรับซือหม่าเซี่ยว  ความสามารถในการต่อสู้ของเขาลดลงเหลือศูนย์ และเขาสูญเสียการติดต่อกับสมบัติจ้าวแมงป่องไป  จ้าวแมงป่องได้รับการยกย่องอย่างดีในสวรรค์วิถี กลับอยู่ในสภาพตกต่ำ  แต่เขาเป็นคนที่เริ่มมาจากไม่มีอะไร และความเพียรของเขาเหนือกว่าคนธรรมดาสามารถทะเยอทะยานและเป็นผู้เหี้ยมหาญได้ ไหวพริบปฏิภาณของเขาโดดเด่นทำให้เขาเป็นอิสระได้ไว
สถานการณ์ของเขาดีกว่าคนอื่นหลายคนมาก  แต่เขายังไม่พอใจ  และเขาหมกมุ่นกับการฝึกฝน
 แต่เทียบกับเจ้านั่นแล้ว...’
ซือหม่าเซี่ยวรู้สึกถึงอารมณ์ทุกรูปแบบ  แม้ว่าเขาจะลงเรือลำเดียวกับถังเทียน  แต่สถานะของเขาอ่อนไหวมากกว่า  เขาไม่นับว่าเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มถังเทียน และในช่วงเวลาสั้นๆ พวกเขาอาจเป็นพันธมิตรกัน  แต่ในช่วงเวลายาวนาน ยังเป็นคู่แข่ง
เมื่อเห็นว่าคู่ต่อสู้ของเขาเติบโตอย่างมาก  ขณะที่ตัวเขาเองสะดุดทำให้เขารู้สึกเช่นนั้น  ตอนแรกเขาพอใจกับความก้าวหน้าของตนเอง  แต่เมื่อเห็นกระบวนการของถังเทียน เขาเข้าใจความรู้สึกถึงอารมณ์ของสมาพันธ์ชาวยุทธทันที
หินลับมีดของสมาพันธ์ชาวยุทธ นั่นคือฉายาที่สมาพันธ์ชาวยุทธเคยให้ถังเทียนมาก่อน  เนื่องจากพวกเขายังประเมินเขาต่ำไป  แต่พอเวลาผ่านไป หินลับมีดยังคงเดิม  แต่ไม่มีกระบี่อีกต่อไปแล้ว  ถ้าสมาพันธ์ชาวยุทธเผชิญกับฉายานี้อีก  พวกเขาต้องรู้สึกถึงอารมณ์ที่ซับซ้อนมากกว่าข้า
เมื่อคิดถึงเรื่องนั้นแล้ว ความรู้สึกทรมานใจของซือหม่าเซี่ยวลดลงมากมาย  แต่เมื่อเขาคิดถึงอีกว่า ถ้าพลังปัจจุบันของถังเทียนเป็นอย่างนี้ตอนกลับไปยังสวรรค์วิถี  ใครจะสามารถสู้กับเขาได้?  ลึกลงไปในดวงตาของเขามีประกายที่น่ากลัว
ขณะที่มองคู่แข่งของเขาอย่างจนใจ เขากำลังครองความเป็นใหญ่  ยิ่งทิ้งเขาไว้เบื้องหลังทุกที เขาไม่รู้สึกสบายใจเป็นธรรมดา  มีเป็นบางครั้งที่ความรู้สึกจนใจผุดขึ้นมาในใจของเขาเหมือนกัน
แต่นอกจากซือหม่าเซี่ยวแล้ว  ทุกคนตกใจแต่ก็เต็มไปด้วยความยินดี
เนื่องจากยิ่งถังเทียนแข็งแกร่งมากขึ้น  ก็หมายความว่าอนาคตของพวกเขาสว่างไสวขึ้น
กองพลเกราะเทพเจ้าของถังเทียนไม่เพียงแต่ทำให้ตู้เค่อ, ตู้ซินหวี่และซือหม่าเซี่ยวต้องกดดันเท่านั้น  แต่ยังทำให้เนี่ยชิวและจงหลีไป๋กดดันมากเหมือนกัน
กองพลเกราะเทพเจ้าปลุกรูปแบบวิธีการต่อสู้ใหม่  และเป็นกองทัพที่เพิ่งสร้างขึ้นมาใหม่
เนี่ยชิงและจงหลีไป๋เจอแรงกระทบที่ยิ่งใหญ่ที่สุด  นี่พังทลายทุกอย่างที่พวกเขาได้เรียนรู้  และยังทำให้พวกเขาต้องลงมือพร้อมกัน  ครั้งล่าสุดทั้งสองคนทำงานร่วมกันเมื่อตอนที่พวกเขากำลังคิดหลักสูตรในการฝึกหน่วยสุญญตา
ทั้งสองคนพูดคุยปรึกษากันถึงสองวันและมีการทะเลาะอย่างรุนแรง
 “เหตุผลเพราะเกราะเทพเจ้าเป็นเพราะการสะท้อนผิวกฎธรรมชาติ  เรามีอะไรที่ได้เปรียบบ้างเล่า?”
 “เว้นแต่เราหาคนอื่นมาตอบเรื่องนี้  เท่าที่ดูวิธีการของนายท่านไม่น่าจะมีการแพร่หลายออกไป
 “ถ้าไม่ใช่ผิวกฎธรรมชาติ  แล้วสายใยกฎล่ะเป็นยังไงบ้าง?  สามารถเอามาสะท้อนบ้างได้ไหม?”
 “ก็น่าจะถูกปล่อยออกมาได้  แต่พลังของมันจะอ่อนเกินไป และไม่มีค่าพอจะฝึกฝน”
 “แม่ทัพทหารของสวรรค์วิถีใช้การควบคุมรัศมีเพื่อควบคุมการสู้รบอีกที  เราสามารถใช้ความรู้ด้านนี้เพื่อหาทางบรรลุระดับใหม่ได้ไหม?”
 “ในทฤษฎี, เราสามารถทำได้  แต่ความต้องการของแม่ทัพจะสูงมาก  ในขณะที่เราไม่สามารถบรรลุเป้าหมายดังกล่าวได้”
….

หลังจากปรึกษาพูดคุยกันสองวัน  ทั้งสองคนเหนื่อยล้า  แต่พวกเขาทำพื้นที่คลุมเครือให้ชัดเจน
จงหลีไป๋มีเคราเขียวเป็นตอ แต่ใบหน้าของเขาแดงด้วยความตื่นเต้นดวงตาเป็นประกาย  “กองพลเกราะเทพเจ้าเป็นกองพลขนาดเล็กระดับสูงเหมือนกับกองกำลังแกะน้ำแข็งเงินในอดีตและยากที่จะทำซ้ำได้  ข้ารู้สึกว่าเราไม่จำเป็นต้องได้ผลกระทบจากพวกเขาเลย  เราควรจะมองภาพรวม สงครามในอนาคตของเราจะอยู่ที่ไหนเล่า?  ดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์และสวรรค์วิถี!  สถานที่เหล่านั้นว่ากันด้วยพลังงานทั้งนั้น  ไม่ว่ากฎธรรมชาติจะสามารถปรับใช้ที่นั่นได้หรือไม่  เราจะไม่มีทางรู้  แต่เราจำเป็นต้องคิดอะไรบางอย่าง  ข้ารู้สึกว่าเราสามรถเดินตามเส้นทางเรือรบ  นั่นคือกลยุทธการรบที่เหมาะกับเรา”
 “อาวุธจักรกลวิญญาณก็เป็นส่วนเพิ่มเติมที่ดีเช่นกัน”  เนี่ยชิวกล่าว
จงหลีคิดอยู่ชั่วขณะ  และประกายในดวงตาของเขาฉายมากขึ้น  “นั่นก็ถูก เจ้าจำอาวุธจักรกลวิญญาณที่น่าเกลียดนั้นได้ไหม? เจ้าตัวที่เราพบวันแรกที่มาถึงเมืองสามวิญญาณ!
 “จำได้สิ!  เนี่ยชิวหายใจเร็วขึ้น  เขาจะไม่มีทางลืมรัศมีที่แผ่ออกมาจากจักรกลที่ชื่อว่าสัตว์ประหลาดได้เลย
 “ถ้าเรามีอาวุธจักรกลวิญญาณเหล่านั้น ใครจะหยุดเราได้?”  เมื่อจงหลีไป๋พูดคำเหล่านี้  เขาอดสั่นไม่ได้  เขาถูกความคิดนั้นครอบงำ
เมื่อคิดถึงเจ้าหุ่นกลสัตว์ประหลาดที่น่าเกลียดน่ากลัวที่กวาดมองไปทั่วสนามฝึกอย่างหยิ่งยโส  เขารู้สึกเลือดลมพลุกพล่าน
ส่วนเรือรบ เขาโยนความคิดนี้ออกไปจากใจนานแล้ว  ใครจะสนใจเรื่องเรือรบเมื่อการโจมตีด้วยอาวุธจักรกลวิญญาณน่าสนุกมากกว่า?
 “ความคิดดี!  เนี่ยชิวตื่นเต้นกับคำเสนอแนะนั้น
อาวุธจักรกลวิญญาณที่น่าเกลียดที่คล้ายกับสัตว์ประหลาดดูเหมือนกับว่าทำมาเพื่อจงหลีไป๋โดยเฉพาะ  เขาสามารถวาดภาพว่าหลังจากหน่วยจงติดตั้งเครื่องจักรสังหารนั้น พวกเขาจะกลายเป็นผู้ทรงพลังมากเพียงไหน
ในแง่ความรับผิดชอบ จงหลีไป๋เป็นต้นแบบสำหรับแม่ทัพทหารของกลุ่มดาวราชสีห์  เขากล้าหาญ เด็ดขาด ด้วยการจู่โจมของเขาเหมือนค้อนที่หวดด้วยพลังรุนแรง
แต่การควบคุมอย่างพิถีพิถันของเขาเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
เนี่ยชิวไม่เก็บไว้ให้รกหัวเขา และพยายามประคองตนไว้  “ข้าต้องดูก่อนว่าเรือรบจะเหมาะกับหน่วยสุญญตาหรือไม่”
 “เรือรบเหมาะกับเจ้ามากกว่า”  จงหลีไป๋ยังคงผงกศีรษะขนาดของเรือรบจะใหญ่กว่าและมีอาวุธใช้งานมากกว่าเน้นในเรื่องการร่วมประสาน  สำหรับเนี่ยชิวผู้เป็นคนที่ดูภาพใหญ่ เป็นแม่ทัพที่พิถีพิถัน นั่นสมบูรณ์ที่สุดสำหรับเขา
เนี่ยชิวหัวเราะ  “เมื่อเรากลับไปยังดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ เราต้องยืนยัน”
จงหลีไป๋ตื่นเต้นกับแนวความคิดที่เขาพูดออกไป  “เมื่อเรารู้ทิศทางการเป็นผู้บัญชาการของเรา เราต้องเปลี่ยนรูปแบบการฝึก  กฎธรรมชาติจำเป็นต้องใช้เวลาฝึกมาก  และเราไม่มีเวลาให้พวกเขากระทำอย่างนั้น  เราเตรียมจะลุยผ่านประตูบาป  นายท่านจะไม่ยอมหยุดนานแน่  และเราจะต้องกลับไปยังดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์แน่นอน ไม่ว่าจะเป็นเรือรบหรือเจ้าสัตว์ประหลาดจักรกล  เราต้องเตรียมตัวเราให้พร้อม เราควรจะเน้นภารกิจกับการฝึกฝนดาบมารพิฆาตให้มาก”
การฝึกฝนดาบมารพิฆาตจะช่วยขัดเกลาร่างกายให้เตรียมพร้อม และนอกจากนี้ยังคงได้รับการเสริมพลังจากแก่นต้นกำเนิดชีวิตภายในกรวดเหล็กทอง
สำหรับการตะลุยผ่านประตูบาป  เขาไม่สามารถจินตนาการว่าใครจะหยุดกองพลเกราะเทพเจ้าของเจ้านายได้  ต่อให้พวกเขาสามารถหยุดกองพลเกราะเทพเจ้า อย่างนั้นหน่วยสุญญตาและหน่วยจง  จะไม่สามารถสู้กับพวกเขาได้ แม้ว่าพวกเขาจะสู้ด้วยก็ตาม
 “ถูกแล้ว กองทัพของเจ้าจำเป็นต้องฝึกเพิ่ม”  เนี่ยชิวเตือนเขาอย่างหวังดี
จงหลีไป๋หน้าดำเป็นก้นหม้อทันที  กำลังส่วนใหญ่ของหน่วยจงของเขาก่อตั้งขึ้นมาจากโจรป่า  และไม่ใช่กลุ่มที่น่าอายแน่นอน  โจรป่าเองไม่ได้มีความรู้ในเรื่องกลยุทธแต่อย่างใด  แม้ว่าจงหลีไป๋จะเข้าใจและควบคุมเวลาฝึกพวกเขา  แต่จะให้ได้มาตรฐานเหมือนหน่วยสุญญตาในปัจจุบัน  พวกเขายังมีระยะทางอีกยาว
สภาพเร่งด่วนของกลุ่มดาวหมีใหญ่เกี่ยวข้องโดยตรงกับกองทัพจักรกล  ปัจจุบันนี้กองทัพจักรกลไม่ใช่ผลผลิตที่ยากต่อไปในสวรรค์วิถีและสำหรับตระกูลต่างๆ ที่ยังไม่มีจักรกล  พวกเขาสามารถหามาได้เพื่อการค้นคว้าวิจัย
สิ่งที่สำคัญเกี่ยวกับการสร้างกองทัพจักรกลก็คือทหารจำเป็นต้องได้รับการฝึกฝนในเรื่องกลยุทธอย่างสูง  ในด้านนี้ทหารของกลุ่มดาวหมีใหญ่ขึ้นชื่อมาก
พวกเขามีร่างกายที่ดีด้วยการฝึกดาบมารพิฆาตและกรวดเหล็กทอง ผนวกกับร่างกายของชาวแดนบาปจะต้องทรงพลังเป็นแน่  นั่นไม่ใช่ปัญหาเลย
 โธ่เว้ย!’
 ข้าต้องมาฝึกเจ้าพวกบัดซบเหล่านี้แทบเป็นแทบตายอีกแล้ว!’
เมื่อคิดถึงเรื่องที่คลื่นอาวุธจักรกลสัตว์ประหลาดย่ำยีทุกที่ๆ พวกมันไป กวาดผ่านไปได้ทุกที่ ความตั้งใจสู้ในตัวจงหลีไป๋ท่วมทะลัก  เขาไม่ต้องการนั่งเฉยอีกต่อไป  เขาลุกขึ้นยืนทันที “ข้าจะดูแลการฝึกของพวกเขา”
เขาออกจากห้องของเนี่ยชิวเต็มไปด้วยรังสีฆ่าฟัน
ถังเทียนมีความสุขที่ตู้เค่อต้องการเข้าร่วมกับพวกเขา เขายอมรับด้วยความยินดี  เขาไม่เคยคิดอะไรมาก หรือคิดว่ามีอะไรผิดปกติ  แต่ฝูเจิ้งจือและจี๋เจ๋อตะลึง  ตู้เค่อเป็นพันธมิตรของถังเทียนแทบจะทำให้ตาพวกเขาถลน  แต่ตู้เค่อเข้าร่วมค่ายถังเทียน นี่.....
ไม่เพียงแต่พวกเขาไม่เข้าใจ  แต่คนอื่นๆ ก็เช่นกัน  ไม่ว่าจะเป็นอิทธิพลหรืออำนาจ สำหรับแดนบาป ถังเทียนและตู้เค่อระดับแตกต่างกันสิ้นเชิง  แต่การพัฒนาไปทางนั้นเป็นเรื่องเกินคาดของพวกเขา
คนของถังเทียนย่อมดีใจเป็นธรรมดา  แต่บริวารของตู้เค่อกลับตรงกันข้าม
จากนั้นตู้เค่อประชุมรวมพวกเขาทุกคนและบอกพวกเขาถึงเรื่องที่ตู้ซินหวี่พูด นั่นแหละจึงทำให้พวกเขาเงียบทันที  แม้ว่าพวกเขาจะรู้จักคำพูดที่ทรงพลัง  แต่เมื่อคิดว่าดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์คือต่างแดน  ทุกคนไม่มีความมั่นใจอีกต่อไป
พวกเขาไม่มีกระทั่งความรู้ว่าปัจจุบันเงาของพวกทวีปกวงหมิงดูเหมือนอะไร
พวกเขาเหมือนกับคนที่ถูกปิดประตูขังมานานเกินไป  จู่ๆ ก็ตระหนักว่ามีทางออก  พวกเขามีแต่ความไม่สบายใจและกลัว  นั่นเป็นเรื่องธรรมดา
แต่สิ่งที่ทำให้ทุกคนเชื่อมั่นแท้จริงเมื่อเนี่ยชิวมาเยี่ยมและให้การประเมินผลการฝึกฝนอย่างใจกว้างและเน้นไปที่ข้อสนับสนุนกองทัพของตู้ซินหวี่ ยอดฝีมือคนหนึ่งอาจจะเป็นที่รู้จักเมื่อแสดงฝีมือของเขา  และตู้ซินหวี่และยอดฝีมือในทำเนียบนักสู้แดนบาปที่ตอนแรกคิดว่าพวกเขาเข้าใจว่ากองทัพทำงานอย่างไร  ก็ตระหนักได้ว่าพวกเขาไร้เดียงสามากกว่าพวกที่เหลือ
แม่ทัพนายกองทหารของสวรรค์วิถีได้สร้างระบบที่ชาญฉลาดมาอย่างยาวนานซึ่งผ่านประวัติศาสตร์มายาวนานและมีรูปแบบต่างๆ
ข้อแนะนำของเนี่ยชิวดูเหมือนเป็นรายละเอียดเล็กน้อย  แต่เมื่อรายละเอียดที่ดูเหมือนธรรมดานี้ถูกเติมเข้ามาทำให้ตู้ซินหวี่ตระหนักว่าศักยภาพของกองทัพสามารถเพิ่มขึ้นได้อีกมากมาย
ความพยายามบุกเข้าประตูบาปและกลับไปยังดาราจักรเซียนศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่ข่าวใหม่อีกต่อไป ได้แพร่กระจายไปทั่วแดนบาป  และกลายเป็นหัวข้อพูดคุยที่ร้อนแรง
ทุกคนในแดนบาปมีความคิดซับซ้อน กลัว, ตื่นเต้น สูญเสีย และคาดหวังปนกันไป  แต่ทุกคนรู้ว่าไม่ว่าจะสำเร็จหรือล้มเหลว แดนบาปกำลังจะเปลี่ยนไป
แต่ถังเทียนผู้เป็นหัวใจของพายุกลับสงบมาก  เขาฝึกฝนอย่างอดทนและทดสอบสิ่งใหม่ๆ รอการสู้รบ

7 ความคิดเห็น:

ท้องฟ้าจะมีความหมาย ถ้ามีคนแหงนมอง กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ ไฟในใจถูกจุดแล้วโดยถังจอมลุยนี่เอง

BeHappy กล่าวว่า...

ขอบคุณ​มาก​ครับ​

Unknown กล่าวว่า...

รีบๆกลับเลยครับ อาเจ๊สร้างหุ่นรุ่นใหม่รอเพียบแล้วมั้งป่านนี้

neng2006 กล่าวว่า...

รอฉากตัดกลับไปที่ป้อมพิทักษ์สมุทร ลุ้นเหงื่อตกแล้วป่านนี้ครับ ฮ๋าๆ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุนครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Neoplasm24 กล่าวว่า...

เห็นเจ๊คุยในไลน์ว่า จะเหมากลุ่มดาวเอาไว้เก็บหุ่นนะครับ ฮ่าๆ (เยอะจัด)

แสดงความคิดเห็น