วันจันทร์ที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2561

Panlong เล่ม 12 เชื้อสายเทพ – ตอนที่ 22 มุ่งมั่นกลายเป็นเทพ


เล่ม 12 เชื้อสายเทพ – ตอนที่  22 มุ่งมั่นกลายเป็นเทพ
หลังจากฆ่าเทพ เยลจะได้รับการช่วยเหลืออย่างนั้นหรือ?
เมื่อได้ยินคำพูดซาสเลอร์ ลินลี่ย์รู้สึกกดดัน

 “เยลในตอนนี้...”  เมื่อลินลี่ย์คิดเรื่องที่เยลถูกครอบงำด้วยเมล็ดวิญญาณ และจะเชื่อฟังคำสั่งเทพลึกลับผู้นั้น เขารู้สึกโกรธและรู้สึกถึงอยุติธรรมในใจเขา  “ไม่ว่าเทพผู้นั้นจะเป็นใคร  ข้าจะต้องฆ่าเขาให้ได้!
เพื่อให้เยลกลับคืนเป็นเยลคนเดิมอีกครั้ง
เพื่อให้เยลคืนสติเป็นของตัวเอง  เขาต้องทำเช่นนี้!
 “ลอร์ดลินลี่ย์?  ข้าอยากถาม”  ซาสเลอร์ชะงักเล็กน้อย จากนั้นถามต่อ  “ลอร์ดลินลี่ย์ หลังจากท่านกับท่านเฟนฆ่าบุรุษชุดเงินทั้งสองพร้อมกัน ท่านได้รับอะไรจากศพของบุรุษชุดเงินทั้งสองบ้างไหม?  อย่างเช่น...แหวนมิติเก็บของ..”
 “มีแหวนมิติเก็บของ”  ลินลี่ย์พยักหน้าขณะมองดูซาสเลอร์  “แต่ข้าให้วอร์ตันไปแล้ว  วอร์ตันจะมอบให้ใครก็ได้ที่เขาพอใจ  มีอะไรหรือ?”
บางทีสำหรับพระราชาแห่งราชอาณาจักร  แหวนมิติเก็บของเป็นสมบัติมีค่ามาก
แต่สำหรับเซียนธรรมดาคนหนึ่ง  ของพวกนั้นเป็นวัตถุธรรมดาทั่วไป  สำหรับยอดฝีมืออย่างลินลี่ย์, เป็นเรื่องง่ายมากกับการหาแหวนมิติเก็บของได้สักวง  ดังนั้นเขาจึงไม่สนใจแหวนมิติเก็บของที่เขาพบจากศพของบุรุษชุดเงินมากนัก  แหวนมิติเก็บของสองวงจากบุรุษชุดเงิน เฟนได้ไปวงหนึ่ง และลินลี่ย์เก็บมาวงหนึ่ง
 “ลอร์ดลินลี่ย์, ดีที่สุดถ้าท่านจะตรวจสอบสิ่งของที่อยู่ภายในแหวนมิติเก็บของนั้น” ซาสเลอร์พูดจริงจัง
 “ก็ได้”
ลินลี่ย์ฟังคำแนะนำของซาสเลอร์และส่งคนไปเชิญวอร์ตันมาทันที
วอร์ตันรีบมาถึงสวนดอกไม้หลังปราสาท  ระหว่างทางนั้นเขารู้สึกค่อนข้างกังวลใจ  “พี่ใหญ่เป็นผู้ที่ที่ให้ความสำคัญกับความรักที่เขามีต่อพี่น้องเป็นอย่างสูง  แต่ว่าเยล เขา.. พี่ใหญ่ต้องรู้สึกแย่ในตอนนี้”  วอร์ตันกำลังห่วงใยลินลี่ย์  แต่เมื่อเขาเห็นลินลี่ย์  เขาพบว่า....
ตอนนี้ลินลี่ย์ดูไม่เหมือนคนใจสลาย  เขากลับขมวดคิ้วเล็กน้อย สายตาจ้องเขม็งราวกับว่าเขากำลังกังวลเรื่องบางอย่าง
 “พี่ใหญ่, ท่านเรียกข้าทำไม?”  วอร์ตันถามทันที
 “ข้าให้แหวนมิติเก็บของกับเจ้าวงหนึ่งไปใช่ไหม?  เจ้าให้ใครอื่นไปหรือยัง?”  ลินลี่ย์ถามอย่างรีบร้อน
วอร์ตันหัวเราะและกล่าว  “ยังไม่ได้ให้เลย  ข้าตั้งใจจะให้นีน่าในอีกไม่กี่วันนี้  นีน่ากับข้าแต่งงานกันมานานแล้ว  แต่ข้าไม่เคยให้อะไรที่มีค่าแก่นางเลย”
 “งั้นให้นีน่ารีบมาเร็วๆ และให้นางผูกสัญญาด้วยเลือด  เราจะดูกันว่ามีอะไรอยู่ในแหวนมิติเก็บของ”  ลินลี่ย์กล่าวเร่งรัด
วอร์ตันประหลาดใจมาก  ทำไมพี่ชายเขาถึงได้เร่งรัดขนาดนี้?
ในไม่ช้านีน่าก็มาถึง หลังจากรู้สิ่งที่ลินลี่ย์ต้องการ นีน่ารีบผูกสัญญาโลหิตกับแหวนมิติเก็บของในทันทีทันใด  และจากนั้นดึงของที่เก็บอยู่ภายในแหวนออกมา
มีเสื้อผ้าบางส่วน, แร่บางอย่าง, และโดยเฉพาะแก้วผลึกกลมก็ยื่นออกมา
 “นั่นไง” ตาของซาสเลอร์เป็นประกายเมื่อเขาเห็นแก้วผลึก
ลินลี่ย์ วอร์ตัน และนีน่าต่างมึนงงกันหมด  เท่าที่พวกเขากังวลลูกแก้วผนึกมีรัศมีแปลกประหลาด ใช่แล้ว แต่ลินลี่ย์และอีกสองคนไม่คิดว่าแก้วผลึกจะมีผลอะไร  แต่ซาสเลอร์รู้ว่ามันคืออะไร ทันทีที่เขาเห็น
ซาสเลอร์เอื้อมมือไปหยิบแก้วผลึก วัสดุภายในแก้วผลึกดูเหมือนจะแตกต่างออกไปเมื่อเทียบกับวัสดุด้านนอก  เมื่อพระอาทิตย์ฉายเข้าไปในแก้วผลึก มันดูบิดเบี้ยวหักเหและจากนั้นก็แข็งตัวจากภายในใจกลางแก้วผลึก
ซาสเลอร์ควบคุมพลังจิตของเขาส่งผ่านเข้าไปในลูกแก้วผลึกตรวจสอบสภาพภายในอย่างระมัดระวัง
 “ลูกแก้วผลึกนี้ได้รับการปรับแต่งแล้ว”  ซาสเลอร์พูดหลังจากชะงักและพยายามหาวิธีอธิบายสิ่งที่เขาต้องการพูด  “ปัจจุบันนี้มันมีวัตถุประสงค์ในการใช้คือดูดวิญญาณโดยรอบที่ไม่มีการปกป้องในพื้นที่ราวๆ สิบตารางเมตร
 “รวบรวมวิญญาณ?”  หัวใจของลินลี่ย์สะท้าน
ตอนนี้เขาเข้าใจแล้ว
เหตุการณ์ เมืองมรณะ เห็นได้ชัดว่าเป็นเพราะบุรุษชุดเงินเป็นผู้ฆ่าคนด้วยมือข้างหนึ่งขณะที่ถือแก้วผลึกด้วยมืออีกข้างหนึ่ง แต่ละคนที่ถูกฆ่าวิญญาณพวกเขาจะถูกสูบเข้ามาไว้ในแก้วผลึก  หลังจากกวาดล้างเมืองบลูเลียน วิญญาณเกือบแสนดวงก็ถูกสูบเก็บไว้
 “พวกเขารวบรวมวิญญาณไปทำอะไร?”  วอร์ตันพูดด้วยความประหลาดใจ  วอร์ตันกับนีน่ารู้สึกตกใจหนักทั้งคู่
ซาสเลอร์อธิบาย  “การรวบรวมดวงวิญญาณมากมาย..ที่สำคัญเลย เพราะพ่อมดมาจากจอมเทพมรณะ กล่าวโดยทั่วไปก็คือพวกที่ฝึกในเวทพ่อมดสามารถกลายเป็นเทพได้  พวกฝึกในแนวกฎมรณะ และกฎมรณะจะแฝงไว้ด้วยเรื่องการใช้ประโยชน์ของดวงวิญญาณ”
 “ด้วยการสะสมดวงวิญญาณมากมาย เขาจะสามารถสร้างพลังโจมตีพิเศษบางอย่างได้” ซาสเลอร์อธิบาย
 “กะ..กฎพิเศษมรณะ ความจริงก็คือ...”  แม้แต่ลินลี่ย์ก็ค่อนข้างไม่สบายใจ
เขารู้จักกฎธาตุทั้งเจ็ดคือ ดิน ไฟ น้ำ ลม สายฟ้า ความสว่าง ความมืด  เขายังรู้จักกฎแห่งความตาย, ทำลายล้าง, ชีวิตและชะตา สี่กฎพิเศษและกฎธาตุธรรมชาติเป็นสองแนวคิดที่แตกต่างกัน  กฎพิเศษเป็นกฎซึ่งครอบคลุมไปทั้งจักรวาล
สำหรับกฎมรณะ การฝึกต้องเพ่งสมาธิที่ความตาย
 “วัตถุประสงค์ที่ใหญ่ที่สุดของการใช้วิญญาณมากมายมหาศาลก็เพื่อเอามาใช้เพิ่มพูนพลังของผู้ใช้นั่นเอง”  คำพูดของซาสเลอร์ไม่ทำให้หยุดทึ่งได้เลย
 “เสริมพลังวิญญาณของผู้ใช้เวทหรือ?”  ลินลี่ย์ตะลึงอย่างแท้จริง
ในอดีตไดลินได้บอกเล่าลินลี่ย์ว่ามีเงื่อนไขในการเป็นเทพสองอย่าง  เงื่อนไขที่สองก็คือสร้างร่างร่างแยกเทพรอบประกายศักดิ์สิทธิ์ซึ่งจะเป็นตัวแทนของผู้นั้น  วิญญาณจะถูกแบ่งครึ่ง วิญญาณเป็นธาตุพื้นฐานที่สุดของสิ่งมีชีวิตทุกอย่าง!  เมื่อกลายเป็นเทพ  ร่างของเทพเมื่อถูกทำลาย ก็สามารถสร้างขึ้นใหม่จากพลังงานทันที
แต่ถ้าวิญญาณถูกทำลาย  อย่างนั้นเจ้าของวิญญาณก็จะตายแน่นอน
ขณะที่เขาฝึกและมีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้น  วิญญาณของผู้ฝึกฝนจะค่อยๆ เพิ่มความแข็งแกร่งเช่นกัน
 “กลั่นวิญญาณจำนวนมหาศาล จากนั้นดูดกลืนวิญญาณเหล่านั้นมาเสริมพลังวิญญาณของตน?”  ลินลี่ย์รู้สึกไม่อยากจะเชื่อ
 “ใช่แล้วเพียงแต่การกลั่นวิญญาณนั้นทำได้ยากมาก”  ซาสเลอร์ถอนหายใจ  “จำเป็นต้องมีความเข้าใจเรื่องวิญญาณอย่างถ่องแท้  แม้แต่ข้าก็ยังไม่สามารถทำเรื่องอย่างนั้นได้  ข้าคาดว่าเทพที่ฝึกฝนมาทางวิถีมรณะจึงจะมีความสามารถทำเรื่องเช่นนี้ได้  แต่มีแนวโน้มว่าเทพอื่นผู้ฝึกฝนในกฎที่แตกต่างออกไปก็คงพบว่ามันยากมากที่จะทำเช่นนี้ได้”
ลินลี่ย์พยักหน้ากับตัวเอง
ปรับแต่งวิญญาณคนอื่นมาเสริมพลังวิญญาณของตน  ความสามารถเช่นนี้ยิ่งใหญ่มากเหลือเกิน
ถ้าเทพเบื้องต้นธรรมดาสามารถทำเช่นนี้ได้ นั่นคงน่าขันเกินไป เท่าที่ฟังดี แม้ว่าพวกเทพจะสามารถทำเรื่องเช่นนี้ได้ก็ยังเป็นเรื่องที่ยากมาก
 “ข้าคิดว่าข้ารู้ดีแล้วว่าตอนนี้เทพตนนี้อยู่ที่ตำแหน่งใด”  ซาสเลอร์กล่าว
ตาของลินลี่ย์เป็นประกาย
ซาสเลอร์พูดอย่างสงบ  “เมื่อปะติดปะต่อเรื่องราวเข้าด้วยกัน อย่างเรื่องที่เยลขอซื้อเชลยศึกมากมาย  หรือบุรุษชุดเงินทำลายเมืองและรวบรวมวิญญาณ... เห็นได้ชัดเลยว่า เทพตนนี้ต้องการวิญญาณอย่างเต็มที่  สำหรับตำแหน่งเทพตนนี้  ข้าคาดว่าเขาน่าจะอยู่ในที่ซึ่งเชลยศึกเหล่านั้นถูกส่งไป”
ลินลี่ย์เห็นด้วยกับจุดนี้เช่นกัน
 “เรายังคงรู้ว่าข้ออ้างของหอการค้าดอว์สันที่ให้เราไว้ เหตุผลที่พวกเขาซื้อทาสมากมายเป็นเพราะพวกเขาขุดเหมืองลับขนาดใหญ่ คงต้องอยู่ในแนวเขาไปทางใต้ของจักรวรรดิบาลุคของเรา  ภายในเทือกเขา มีหุบเขาใหญ่แห่งหนึ่งซึ่งเป็นที่ตั้งสาขาของหอการค้าดอว์สัน  ข้าคิดว่า... บางทีเทพตนนั้นคงจะอยู่ที่นั่น”  ซาสเลอร์คาดเดา
ริมฝีปากของซาสเลอร์มีรอยยิ้มชั่วร้าย  “ไม่แต่เพียงแค่นั้น  สำหรับเหตุที่เยลสามารถมาถึงได้รวดเร็ว.. ลอร์ดลินลี่ย์, ท่านฆ่าบุรุษชุดเงินนั้นเมื่อคืนก่อน  แต่เยลมาถึงในวันนี้  ข้าคาดว่าเมื่อคืนนี้ เยลคงได้รับคำสั่งจากเทพตนนั้นให้มาจัดการกับท่าน
ลินลี่ย์พยักหน้าเล็กน้อย
 “เยลไม่ใช่เซียน  เขาต้องขับขี่อสูรบิน  ประการแรกเลยเขาต้องไปรับพิษไหมวิญญาณจากเทพตนนั้นก่อน  และจากนั้นก็ต้องรีบด่วนมายังปราสาทเลือดมังกร  เขาใช้เวลาเพียงราวๆ สิบชั่วโมง... แล้วอสูรบินจะบินได้เร็วมากแค่ไหน?  ดังนั้น เทพนั้นจะต้องอยู่ในรัศมีไม่กี่พันกิโลเมตรห่างจากเรา  มิฉะนั้น ไม่มีทางที่เยลจะรีบเร่งมายังปราสาทเลือดมังกรได้รวดเร็วขนาดนั้นเป็นแน่”
 “มีสาขาใหญ่ของหอการค้าดอว์สันภายในรัศมีสองสามพันกิโลเมตรจากเราก็คือ หุบเขานั้น”
ซาสเลอร์มั่นใจมาก
 “ถูกต้อง” ลินลี่ย์พยักหน้าเล็กน้อย  “วอร์ตัน ซาสเลอร์ นีน่า.. พวกเจ้าทุกคนไปพักกันได้ ข้าจะไปเริ่มฝึกเดี๋ยวนี้”
 “พี่ใหญ่, ท่านรีบร้อนมากขนาดนั้นหรือ?”  วอร์ตันค่อนข้างประหลาดใจ  ที่สำคัญ, ลินลี่ย์บอกพวกเขาว่าจะร่วมทานอาหารค่ำด้วยกัน แล้วค่อยกลับไปฝึกต่อหลังอาหารมื้อค่ำ
 “เจ้ายังนึกว่าข้ามีอารมณ์เช่นนั้นอยู่อีกหรือ?  พอเถอะ, พวกเจ้าทุกคนไปจัดการกิจการของตนได้”  ลินลี่ย์หันไปมองทางทิศตะวันตกเฉียงใต้  “รวบรวมวิญญาณ?  เข่นฆ่าชีวิตคน?  ครอบงำเยล...”  ลินลี่ย์เต็มไปด้วยรังสีฆ่าฟันต่อเทพผู้ลึกลับและไม่เห็นตัวนี้
ลินลี่ย์ออกจากสวนดอกไม้หลังปราสาททันที และเข้าไปในห้องฝึกลับลึกลงไปในปราสาทเลือดมังกร
ทันทีที่ลินลี่ย์ก้าวเข้ามาในห้องมิติ เดเลียที่ยังนั่งอยู่ในท่าขัดสมาธิบนเตียงศิลาก็ลืมตาทันที
 “ลินลี่ย์, เกิดอะไรขึ้น?”  เดเลียค่อนข้างประหลาดใจ
เมื่อเห็นเดเลีย ลินลี่ย์ตัดสินใจ  เขาไม่ต้องการให้เดเลียกังวลใจ  เขาฝืนยิ้มและกล่าว “ไม่มีอะไร ฝึกต่อไปเถอะ”  ลินลี่ย์นั่งลงขัดสมาธิบนพื้นทันที ด้านนอกห้องมิติเป็นกระแสอวกาศหลากสีสันที่ปั่นป่วน
 “เมื่อถึงระดับเทพ เทพคนแรกที่ข้าจะต้องฆ่าให้ได้ ก็คือเจ้าบัดซบนั่น”  หัวใจของลินลี่ย์เต็มไปด้วยแรงกระตุ้นอำมหิต
ลินลี่ย์สูดหายใจลึกสามครั้งก่อนที่เขาจะสามารถสงบลงได้  จากนั้นเขาเริ่มซึมซาบเข้ากับกฎธรรมชาติธาตุลมทดลองอย่างต่อเนื่องและใช้สัจจธรรมแห่งความเร็วที่สมบูรณ์...
ขณะที่เขาซึมซาบเข้ากับกฎธรรมชาติที่กว้างไกลไร้ขอบเขต  ภาพกระบี่ในใจทั้งสามซึ่งเป็นตัวแทนด้านเร็ว ด้านช้าและสัจจธรรมแห่งความเร็วทั้งหมดเริ่มฉายภาพการโจมตีในใจเขา  กระบี่ทั้งสองเปลี่ยนแปลงไปนับครั้งไม่ถ้วน  และในชั่วขณะหนึ่งลินลี่ย์สามารถตั้งสมมติฐานแตกต่างกันถึงสิบล้านวิธี
พอตั้งสมมติฐานและจากนั้นใช้กระบี่ด้านเร็วและด้านช้า จากนั้นเขาค่อยๆ ได้รับความรู้แจ้งใหม่อีกครั้ง
เพียงแต่การทดลองครั้งแล้วครั้งเล่าจะทำให้เขาเข้าใจถึงเส้นทางที่ถูกต้อง
ยิ่งได้รู้แจ้งมากขึ้น  ลินลี่ย์ก็รู้สึกได้ชัดว่าด้านเร็วและด้านช้าไม่ได้ตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง  ทั้งสองด้านมีความเป็นธรรมดา  โชคดีที่ลินลี่ย์รู้แจ้งในด้านเร็วและด้านช้าระดับต่ำ จึงทำให้สัจธรรมแห่งความเร็วของเขายังมีความก้าวหน้าได้
ถ้าเขาได้เข้าถึงด้านเร็วและด้านช้าในระดับสูงก่อนหน้านี้ อาจทำให้เป็นเรื่องยากสำหรับเขาในการหลอมรวมสองด้านนี้เข้าด้วยกัน
เวลาไหลไปเหมือนสายน้ำไม่มีหยุดนิ่ง
ผู้วิเศษยังคงรู้ว่าพิษไหมวิญญาณที่เยลใช้ล้มเหลวในการฆ่าลินลี่ย์  นี่เป็นเหตุให้ผู้วิเศษนี้ไตร่ตรองด้วยความประหลาดใจ  พิษไหมวิญญาณมีความเป็นกรดมาก และไม่เคยมีเซียนแม้แต่คนเดียวที่สามารถหลบเลี่ยงผลของมันแล้วรอดชีวิตได้
ลินลี่ย์เป็นคนแรกที่รอดจากวิชาของผู้วิเศษนี้
 “ข้าว่าข้าจะปล่อยเจ้าเซียนเด็กน้อยนี้ให้รอดชีวิตอีกระยะหนึ่ง”  ผู้วิเศษไม่สนใจเรื่องเซียนอยู่แล้ว  ถ้าฝ่ายตรงข้ามเป็นเทพเขาอาจจะกังวลอยู่บ้าง
แต่ก็แค่เซียนคนหนึ่ง?
เหตุผลเดียวที่เขาต้องการฆ่าลินลี่ย์เป็นเพราะลินลี่ย์ฆ่าองครักษ์ชุดเงินของเขา ทำให้เขาค่อนข้างโกรธ
 “อย่างนั้นเขาก็ไม่ฆ่าเยลจริงๆ  เขาใจอ่อนจริงๆ  คนอย่างเขาอาจถูกทรยศและคงฆ่าในพิภพจองจำเกบาโดสไปนานแล้ว  โอวก็ดีเหมือนกัน  เพราะเขาทำอย่างนี้ช่วยให้ข้าประหยัดพลังไม่ต้องยุ่งยากควบคุมสมาชิกหอการค้าดอว์สันคนอื่น”
เรื่องนี้หายไปจากใจของผู้วิเศษนี้อย่างรวดเร็ว  ตอนนี้ผู้วิเศษนี้ให้ความสนใจกับการหล่อหลอมวิญญาณที่อยู่ต่อหน้าเขา
ในพริบตาผ่านไปมากกว่าครึ่งปี
ลึกลงไปในปราสาทเลือดมังกร  ห้องมิติ ภายในใจของลินลี่ย์ผู้ที่ยังอยู่ในท่านั่งขัดสมาธิจมอยู่กับการฝึก  กระบี่ทั้งสามยังคงแสดงวิธีใช้ให้เขาดูครั้งซ้ำแล้วซ้ำเล่า และยังเป็นการแสดงสัจธรรมแห่งความเร็วที่ลึกลับ
 “เอาเลย”
จิตและวิญญาณของลินลี่ย์เริ่มรู้สึกได้ชัดเจนอย่างเป็นธรรมชาติ..ว่าเขาเพิ่มก้าวข้ามพ้นเขตแดน  เขตแดนระหว่างเซียนกับเทพ
ลินลี่ย์ลืมตาและเงยหน้าขึ้น!
 “ครืนนน...”
พลังงานรุนแรงสั่นสะท้านวิญญาณขยายลามคลุมตัวลินลี่ย์ไว้ภายในทันที  พื้นที่รอบตัวลินลี่ย์บิดเบี้ยว เหมือนกับจะแยกลินลี่ย์ออกจากมิติรอบๆ  ทั้งตัวของลินลี่ย์ลอยขึ้นไปในอากาศ
ร่างของเขาไม่อยู่ภายใต้การควบคุมของเขาขณะที่เขาลอยขึ้นไป
 “ช่างน่ากลัว...”  ลินลี่ย์สามารถรู้สึกได้ถึงพลังงานมหาศาล เก่าแก่ เฉพาะแบบ  เป็นการเจาะจงมากยิ่งขึ้น พลังที่แสดงออกเหมือนกับบางอย่างคล้ายกฎธาตุธรรมชาติ หรือกฎธรรมพิเศษ อยู่ต่อหน้าพลังนี้  ลินลี่ย์รู้สึกว่าเขาไม่มีอะไรมากไปกว่ามด
 “นี่.. น่าจะเป็นฎีกาธรรมชาติซึ่งจะตัดสินว่านักสู้จะได้กลายเป็นเทพหรือไม่”  หัวใจของลินลี่ย์สั่นสะเทือนเต็มที่

6 ความคิดเห็น:

ท้องฟ้าจะมีความหมาย ถ้ามีคนแหงนมอง กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ ก้าวสู่ความเป็นเทพสักทีนะ

Boybravo กล่าวว่า...

ขอบคุณครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณค่ะ

tho กล่าวว่า...

ขอบคุณมากครับ

Unknown กล่าวว่า...

ขอบคุณมาก ตอนหน้าไล่ตบเทพพ่อมดแน่

มีตน กล่าวว่า...

ขอบคุณ​ครับ​

แสดงความคิดเห็น